ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1977 กงล้อกาลเวลา
จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งสามดวงล้วนแล้วแต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ปราศจากผู้ใดเทียมในหล้า เรียกได้ว่าท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาทั้งสาย ยากจะหาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ล้ำเลิศปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ได้พร้อมกันทีเดียวถึงสามดวง
ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นความมืด หรือว่าความสว่าง และหรือการเสื่อมสลายของกาลเวลา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการต่อสู้ชี้ขาดของพลังจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร การต่อสู้ชี้ขาดลักษณะเช่นนี้ได้หลุดจากวงจรของสัจธรรมใดๆ ไปแล้ว ไม่นับรวมอยู่ในประเภทของพลังใดๆ ทั้งสิ้น
บางทีบนโลกนี้อาจมีผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า การบำเพ็ญเพียรที่สำคัญที่สุดของผู้บำเพ็ญตนนั้นไม่ใช่พรสวรรค์ และไม่ใช่เคล็ดวิชา แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่ง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่สั่นคลอนดั่งหินผาดวงหนึ่ง
เนื่องจากผู้บำเพ็ญตนในหล้าล้วนแล้วแต่ไม่สามารถก้าวถึงระดับเช่นนี้ได้ มีเพียงระดับจอมราชันเซียนหวังที่ยืนอยู่จุดสูงสุดนี้แล้วมองไปยังที่ไกลๆ แล้วจึงได้เข้าใจ จึงรู้ว่าแท้จริงแล้วในเวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่พรสวรรค์หรือเคล็ดวิชา แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งจริงๆ
เหมือนดั่งเช่นทะเลความมืดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอย่างนั้น ท่ามกลางความมืดที่เด็ดขาดเช่นนี้ ไม่มีเคล็ดวิชา หรือสัจธรรมใดๆ สามารถทำลายได้อีกแล้ว มีเพียงจิตที่ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ และมั่นคงไม่หวั่นไหวที่สุดดวงหนึ่งของนักปราชญ์จึงสามารถทำให้ความมืดบริสุทธิ์ได้ สามารถเผาผลาญความมืดนั้นเสีย
เฉกเช่นตัวหลี่ชิเย่ อาศัยกำลังและกายเนื้อของหลี่ชิเย่โดยลำพังตนเองย่อมไม่สามารถไล่ตามสายน้ำแห่งกาลเวลาขึ้นไปได้ ไม่สามารถก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาจนถึงยุคสมัยของไกลกันดาร แต่ว่า จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาทำได้ ต่อให้เป็นสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวไกลยิ่ง ด้วยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่มั่นคงไม่หวั่นไหวปราศจากสิ่งใดเทียมยังคงสามารถข้ามไปได้
อีกทั้งจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่มั่นคงไม่หวั่นไหวปราศจากสิ่งใดเทียมของหลี่ชิเย่ไม่กลัวถูกกลืนกินไปแม้จะอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลความมืด เนื่องจากความมืดไม่สามารถสั่นคลอนต่อจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาได้ ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ เนื่องจากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ของหลี่ชิเย่นี้เอง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาและจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ศักดิ์สิทธิ์ดวงนั้นของนักปราชญ์จึงสามารถประสานด้วยกัน ทำให้ประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ที่ทำการเผาผลาญความมืดขยายขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่ได้มองเห็นภาพนี้แล้วก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าจะมีความมั่นใจเช่นนี้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังระดับสูงเมื่อถามใจตัวเองว่า หากจะต้องเผชิญกับความมืดดั่งเช่นบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว ตนเองสามารถรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนให้มั่นคงได้หรือไม่?
ถ้าหากทุกคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดล้วนแล้วแต่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงแน่วแน่เช่นนี้ เช่นนั้นแล้วยุคสมัยของไกลกันดารก็คงไม่มีระดับผู้ยิ่งใหญ่มากมายเช่นนั้นที่สยบต่อความมืดแล้ว และยุคสมัยของไกลกันดารก็คงไม่ถูกครอบงำมายุคแล้วยุคเล่าแล้ว
“ตราบชั่วนิรันดร์จะมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรลักษณะเช่นนี้สักกี่ดวงกันเล่า” แม้แต่ในบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดาร ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเมื่อได้เห็นภาพนี้ และกล่าวว่า “การที่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งลอยล่องเป็นนิรันดร์นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามดวงเลย ทำไมพวกเราต้องมาเข่นฆ่ากันเอง ทำไมไม่ร่วมมือพลิกสวรรค์ขึ้นมาเสีย สู้รบจนถึงที่สุด บางทีอาจมีโอกาสชนะ”
เสียงตูม ตูม ตูมดังสนั่นหวั่นไหวเป็นระลอก แม้ว่าร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยจะรำพึงออกมาเช่นนี้ แต่เขาไม่ได้เพลาการโจมตีเลย ความมืดของเขาบดขยี้สยบไปทุกแห่ง ยังคงบดขยี้ต่อสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างหนัก แต่เขากลับไม่สามารถตีฝ่าเข้าไปในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้นมาด้วยความร่วมมือระหว่างหลี่ชิเย่ กับจอมราชันเซียนหวังอีกสิบแปดองค์ ภายใต้อานุภาพของชะตาฟ้าเป็นร้อยสาย สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ได้กลายเป็นแน่นหนาจนไม่สามารถตีแตกได้แล้ว
บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมโดยแท้จริง แต่ทว่าภายในระยะเวลาอันสั้นเขาก็ไม่สามารถตีแตกสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ เว้นแต่ว่าเขาจะมีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์มากกว่านี้
“น่าเสียดายอย่างหนึ่ง อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคถูกทำลาย หาไม่แล้ววันนี้มีอะไรที่ตีไม่แตกเล่า” ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยทอดถอนใจด้วยความหดหู่ยิ่ง แม้อยู่ภายใต้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้เขายังคงไม่ลนลาน จะอย่างไรเสียเขาก็มีประสบการณ์จากกาลเวลาที่ผ่านมานับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วเท่าไร
เวลานี้ ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้หยิบเอาสิ่งหนึ่งออกมา ท่าทางหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วคงได้แต่เสี่ยงกับมันเต็มที่สักครั้งแล้วหละ”
ในขณะนี้ อาวุธที่อยู่ในมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมีลักษณะคล้ายล้อแล้วก็คล้ายจาน สีของมันออกสีชมพูค่อนไปทางสีเหลือง แต่สีของมันดูหมองมาก เหมือนว่าไม่เคยได้ใช้มันผ่านกาลเวลาที่ยาวนานมากมาแล้ว
อาวุธชิ้นนี้เรียบง่ายมาก ไม่มีลวดลายอื่นใด อีกทั้งยังไม่มีอานุภาพที่สะเทือนฟ้า แต่ยามที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหยิบมันออกมากลับมีท่าทีที่ดูหนักแน่นจริงจัง
“สหาย จะชนะหรือพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับการโจมตีในครั้งนี้แล้ว” แม้ว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับหลี่ชิเย่ แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงมีมารยาทมาก ยังคงมีบุคลิกที่ดีมาก เขาเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “กงล้อกาลเวลาที่อยู่ในมือข้าชิ้นนี้ ไม่ทราบว่าเป็นข้าที่แบกรับพลังของกาลเวลาไม่ได้ หรือว่าเป็นพวกสหายที่แบกรับพลังกาลเวลาไม่ได้กันแน่เล่า”
“กาลเวลาไร้ความปราณี มีเพียงทนทรมานแล้วจึงจะรู้ว่าใครที่รับไม่ไหว” จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ทะลุผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา แต่เจ้าตัวยังคงอยู่ภายในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ยิ้มจางๆ กับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย
“ก็ถูก กาลเวลาไร้ความปราณี” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพยักหน้าและกล่าวว่า “สหายมาเพื่ออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค หากสหายเป็นฝ่ายชนะ สิ่งนี้ก็จะเป็นของสหายไป แม้ว่าของวิเศษชิ้นสองชิ้นที่อยู่บนตัวข้าเทียบไม่ได้กับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แตกสลายไปแล้วเมื่อครั้งก่อน แต่ก็ต่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอขอบคุณแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “การศึกในครั้งนี้นับว่ายังได้รับผลประโยชน์อยู่”
หลี่ชิเย่กับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยสองคนคุยกันเนิบๆ ทั้งสองต่างคุยกันสุภาพมาก ดูมีท่วงท่าที่สง่างามยิ่ง คนที่ไม่รู้ความยังเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองเป็นสหายกัน เมื่อได้ฟังจากการพูดคุยของพวกเขาสองคน
แม้จะกล่าวว่าหลี่ชิเย่และบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยต่างพูดคุยกันด้วยความสุภาพยิ่ง ทั้งสองต่างแสดงท่วงท่าที่สง่างามยิ่ง แต่ยามที่ทั้งสองคนลงมือกลับไม่คลุมเครือแม้แต่น้อย
เสียงตูม…ดังสนั่น ในเวลานี้กงล้อกาลเวลาที่อยู่ในมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ครอบลง มันไม่ได้มีพลังที่สะเทือนฟ้า แค่ครอบลงบนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ดั่งคริสตัลซึ่งส่งประกายหลากสีสันแวบวับนั่น เหมือนเอาตราประทับอันหนี่งมาประทับลงบนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างนั้น
ได้ยินเสียงดังจี๊ดขึ้นมา การประทับลงมาของกงล้อกาลเวลาก็เหมือนดั่งได้สลักรอยประทับที่ไม่สามารถลบเลือนได้อยู่บนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั่น
บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยใช้มือกดลงไปที่กงล้อกาลเวลา นาทีนี้ทั่วตัวของเขาปรากฏประกายที่ไหลริน มันไม่ใช่ประกายสีดำ แต่เป็นประกายที่เป็นของกาลเวลา โดยประกายกาลเวลานี้พลันถูกถ่ายทอดลงบนกงล้อกาลเวลา
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น หลังจากที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ถ่ายทอดประกายกาลเวลาลงไปในกงล้อกาลเวลาแล้ว ร่างกายของเขาได้แก่ชราขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้กลับกลายเป็นผู้มีผมเผ้าที่ขาวโพลน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แม้แต่กระดูกสันหลังก็โค้งงอ ยืนหลังค่อมอยู่ตรงนั้น
เพียงชั่วพริบตาเดียว ผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองยุคสมัยความมืดสูงสุดพลันกลายเป็นผู้เฒ่าที่เสมือนดั่งเศษเทียนไขที่อยู่ท่ามกลางพายุ คล้ายดั่งพร้อมที่จะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
สิ่งที่ถูกถ่ายทอดลงไปในกงล้อกาลเวลาก็คือกาลเวลาของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย และก็คืออายุขัยของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย
บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ทำการเก็บเกี่ยวมายุคแล้วยุคเล่า กลืนกินสรรพสิ่งมีชีวิตไปเป็นจำนวนมาก เขาไม่เพียงอาศัยวิธีนี้มาทำให้ตนเองนั้นแข็งแรง ขณะเดียวกันก็อาศัยวิธีการเช่นนี้มาสั่งสมอายุขัยอันยาวนานให้กับตนเอง เนื่องจากทุกๆ อายุขัยของสรรพสิ่งมีชีวิตที่กลืนกินเข้าไปก็จะไปสั่งสมอายุขัยให้กับตัวเขาได้นิดหนึ่ง
แม้ว่าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่สามารถทำได้ถึงขั้นไม่ตายไม่ดับ แต่เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานมาก เว้นเสียแต่เขาออกไปจากไกลกันดาร ซึ่งจะได้รับการชะล้างจากกาลเวลานับล้านล้านปี มิฉะนั้นแล้วเขาก็มีความใกล้เคียงกับไม่ตายไม่ดับ
ในเวลานี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้นำเอาอายุขัยของตนถ่ายทอดลงไปในกงล้อกาลเวลา เขาต้องการอาศัยพลังกาลเวลาเช่นนี้มาตีสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของหลี่ชิเย่ให้แตก
ในขณะนี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถตีสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ให้แตกได้ ได้แต่อาศัยของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างกงล้อกาลเวลาแล้ว
ถ้าหากอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคยังไม่แตกละเอียดไปคราวถูกทำลายพินาศย่อยยับ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังสามารถอาศัยอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมาทำลายสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ได้ เวลานี้เขาได้แต่อาศัยกงล้อกาลเวลาแล้วหละ
เสียงที่แผ่วเบาอ่อนแอดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา ในขณะนี้หลังจากที่บริเวณที่คล้ายดั่งคริสตัลหลากสีสันอย่างสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ถูกกงล้อกาลเวลาสลักทิ้งร่องรอยเอาไว้ถึงกับเริ่มเกิดปฏิกิริยาทำให้กลายเป็นเครื่องเคลือบดินเผา เหมือนหนึ่งถูกหลอมละลายอย่างนั้น
แย่แล้ว…ขณะที่กงล้อกาลเวลาเริ่มเกิดปฏิกิริยาทำให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นเครื่องเคลือบดินเผา จังหวะนั้นพวกของราชันเซียนฉานหลงที่อยู่ภายในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่พบว่าพลังชะตาฟ้าของพวกเขาถูกกั้นขวางเอาไว้แยกออกไปอย่างนั้น
สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ต้องอาศัยผลึกเซียนจากปีศาจระกา ทรัพยากรจำนวนมหาศาล และพลังชะตาฟ้าจากพวกของหลี่ชิเย่มาสนับสนุน แต่ทว่า ในเวลานี้พวกของราชันเซียนฉานหลงรับรู้ได้ว่า พลังชะตาฟ้าที่พวกเขาได้ถ่ายทอดเข้าไปยังสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั้น พลันกลายเป็นเชื่องช้ายิ่งนัก
ชั่วพริบตาเดียวนี่เอง ระหว่างพวกเขากับสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เสมือนหนึ่งถูกกั้นขวางด้วยกาลเวลาที่ยาวไกลเอาไว้ชั้นหนึ่ง พลันเหมือนว่าพวกเขากับสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ห่างกันเป็นพันล้านปีอย่างนั้น ทำให้พลังชะตาฟ้าที่พวกเขาถ่ายทอดเข้าไปยังสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่กลายเป็นห่างไกลมาก และเชื่องช้า
ขณะที่สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ไม่ได้รับการสนับสนุนด้านพลังจากพวกของหลี่ชิเย่ได้อย่างทันท่วงที พลันกลายเป็นอ่อนแอขึ้นในทันที นาทีนี้ กงล้อกาลเวลาของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเริ่มทำการแปรสภาพของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั่น
ท่ามกลางเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่แต่เดิมเหมือนคริสตัลหลากสีสันกลายเป็นเหมือนเครื่องเคลือบดินเผาที่มีสีขาว ถูกพลังของกาลเวลาทำให้สภาพเปลี่ยนไป
ขณะที่พลังของพวกหลี่ชิเย่ไม่สามารถถ่ายทอดเข้าไปในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ได้อย่างทันท่วงที ขั้นตอนระหว่างการถ่ายทอดพลังกลายเป็นเชื่องช้ามาก ทำให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้รับพลังใหม่หนุนเนื่องเข้ามา เริ่มไม่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของกาลเวลาได้อีกต่อไป
ตูม ตูม ตูม ในขณะนี้ หลี่ชิเย่และพวกของราชันเซียนฉานหลงได้ขับเคลื่อนพลังฟ้าของพวกเขาอย่างเต็มที่ แต่ว่าระหว่างพวกเขาถูกกั้นขวางด้วยกาลเวลาจากกงล้อกาลเวลาไปชั้นหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่มความเร็วในการส่งผ่านพลังชะตาฟ้าเข้าไป แต่ยังคงไม่สามารถป้อนพลังชะตาฟ้าให้กับสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ได้ทันกาล
จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงเปลี่ยนแปลงสภาพดังขึ้น ขืนยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่จะต้องพังทลายลง เมื่อไรที่สูญเสียสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ไปแล้ว จะไม่เป็นผลดีต่อพวกของหลี่ชิเย่อย่างยิ่ง
“สหาย ท่านยังคงด้อยไปขั้นหนึ่ง” เวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้พูดเฉยเมยขึ้นมาว่า “กาลเวลาใช่ว่าจะก้าวข้ามไปได้ง่ายดาย เว้นแต่สหายจะเรียกคืนจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งดวงนั้นกลับคืนมา มิฉะนั้นล่ะก็ สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของสหายจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
“ข้ารู้” หลี่ชิเย่ยิ้มและพูดขึ้นมาเรียบๆ ว่า “ท่านต้องการบีบบังคับให้ข้าเรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรกลับมาจริงๆ เพื่อช่วยเหลือร่างในปัจจุบันของท่าน แต่ทว่า เมื่อผลแพ้ชนะยังไม่ชี้ชัด ใครจะพูดได้ชัดเจนเล่า”
“เช่นนั้นแล้วก็ให้พวกเราได้ชี้ผลแพ้ชนะออกมาก็แล้วกัน” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก็ยิ้มกล่าวเช่นกัน
จี๊ด จี๊ด จี๊ด ในขณะนี้การแปรสภาพของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ดูจะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ถูกแปรสภาพไปแล้ว สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ดังกล่าวก็จะถูกโจมตีจนแหลกไปทันที
ราชันเซียนหมิ่นตู้ที่อยู่ในไกลกันดารถึงกับรู้สึกร้อนรนยิ่งนักเมื่อได้มองเห็นภาพนี้แล้ว แต่ว่าเขาไม่สามารถลงมือได้ง่ายดาย เนื่องจากสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่เวลานี้อยู่ในระดับที่สมดุลแล้ว หากเขาลงมือโดยพละการล่ะก็ ต้องทำให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เสียสมดุลไป เมื่อถึงตอนนั้นกลับจะทำให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่แตกสลายเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
ดังนั้น แม้ว่าในขณะนี้ราชันเซียนหมิ่นตู้จะร้อนรน แต่สุดที่จะให้ความช่วยเหลือต่อพวกของหลี่ชิเย่ได้อย่างสิ้นเชิง
แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ยืนชมศึกในครั้งนี้ที่มองเห็นภาพนี้แล้ว พวกเขาต่างกังวลใจแทนพวกของหลี่ชิเย่ขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ไม่มีวิธีก้าวข้ามกาลเวลาที่ดีกว่านี้ เว้นแต่หลี่ชิเย่จะเรียกเอาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงนั้นที่อยู่ในยุคสมัยไกลกันดารกลับมา มิฉะนั้นล่ะก็ คิดจะก้าวข้ามกาลเวลาคงไม่ง่ายดายนัก