ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2022 เข้าสวนชา
สวนชา ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ภาพที่เห็นคือภาพของภูเขาแต่ละลูกที่ปรากฏ มีภูเขาที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า เคียงคู่สุริยันจันทรา และมีภูเขาที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ขึ้นลงสลับต่อเนื่อง คล้ายดั่งเป็นทะเลภูเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันไป ยิ่งกว่านั้นยังมีพื้นที่ที่มีแม้น้ำไหลคดเคี้ยวไปมา เหมือนหนึ่งเป็นมังกรเทพที่เห็นหัวไม่เห็นหางอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
ณ ที่ตรงนี้ แทนที่จะบอกว่าเป็นสวนช้า มิสู้บอกว่าเป็นโลกอีกโลกหนึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากพื้นที่ของสวนชาช่างใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน กว้างใหญ่จนไร้ขอบเขตสิ้นสุด
ดังนั้น หลังจากที่นักศึกษาจำนวนมากได้เข้ามายังสวนชาแล้วล้วนแล้วแต่รู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก กระทั่งมีนักศึกษาที่อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ส่งเสียงคำรามเสียงยาวออกมาว่า “สุดยอดวาสนาในหล้า ข้ามาแล้ว ข้าจะต้องได้รับของวิเศษกลับไป!” กล่าวพลางกระโดดโลดเต้นดั่งมังกรเหินอสรพิษกระโจน วิ่งเข้าไปท่ามกลางที่ตั้งกลุ่มภูเขาทันที
ในเวลานี้ บรรดานักศึกษาต่างสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ทยอยกันลุยเข้าไปยังพื้นที่แห่งนี้ทำการค้นหาเป็นการใหญ่ พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องการได้รับของล้ำค่าพิสดารกันทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่ต้องการได้รับวาสนาจากสวนชานี้กันทั้งสิ้น
“สวนชานี้ใหญ่มากจริงๆ” หลังจากเข้าไปภายในสวนชาแล้ว แขนเหล็กห่วงทองคำถึงกับทอดถอนใจออกมาว่า “ข้ายังเข้าใจว่าสวนชาเป็นเพียงสวนขนาดย่อมนะเนี่ย ไม่นึกเลยว่าที่ตรงนี้จะกว้างขวางราวกับฟ้าดิน นี่มันเหมือนเป็นโลกๆ หนึ่งชัดๆ”
“เดิมทีสวนชาก็คือโลกเล็กๆ โลกหนึ่งอยู่แล้ว” หลิวจินเซิ่นกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ความกว้างใหญ่ของมันไม่เห็นจะเล็กไปกว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าสักเท่าไร สวนชาเป็นเพียงชื่อเรียกของมันเท่านั้นเอง”
“เป็นโลกเล็กๆ โลกหนึ่งจริงหรือ?” แขนเหล็กห่วงทองคำถึงกับตะลึง และกล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าถือว่ากินพื้นที่อาณาบริเวณกว้างใหญ่พอแล้ว เกรงว่าในทวีปเจียวเหิงโจวคงมีสำนักอยู่เพียงไม่กี่แห่งที่สามารถเทียบเคียงได้ ยังได้ครอบครองพื้นที่ที่เป็นโลกขนาดเล็กโลกหนึ่งเอาไว้ นั่นมิใช่ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นผู้ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในทวีปเจียวเหิงโจวแล้วรึ?”
“ความยิ่งใหญ่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไหนเลยที่เจ้าจะสามารถจินตนาการได้” หลิวจินเซิ่นกล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัด สามารถรองรับเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินได้ สิ่งที่มันมีอยู่นั้น หาใช่รุ่นอย่างพวกเราสามารถศึกษาให้ละเอียดได้ เล่าลือกันว่า สวนชาที่เป็นโลกใบเล็กนี้ไม่ได้เป็นของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เพียงแต่ว่าภายหลังราชันเซียนเฟยได้เคลื่อนย้ายมาไว้ที่ตรงนี้เท่านั้น”
“ยากนัก กับการที่เจ้าจะพูดแทนสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้” ครั้นหลิวจินเซิ่นพูดจบแล้ว หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวขึ้นมา
เมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดขัดเช่นนี้ หลิวจินเซิ่นหัวเราะเจื่อนๆ ท่าทีดูจะผะอืดผะอมอยู่บ้าง ยิ้มกล่าวว่า “อายุมากแล้ว ความสามารถด้านอื่นๆ ไม่ได้เพิ่มขึ้นสักเท่าไร เพียงแต่สายตากว้างไกลขึ้นนิดหนึ่ง แนวความคิดก็แตกต่างกันแล้ว นับว่าไม่ได้แก่แล้วแก่เลย”
หลี่ชิเย่ไม่ได้พูดอะไรมากความกับคำพูดเช่นนี้ของหลิวจินเซิ่น เพียงแค่ยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้น
“แหะ ทุกคนล้วนแล้วแต่บอกว่า งานมหกรรมชิมชาเป็นวันที่กอบโกยมากที่สุด หากโชคดีหละก็ สามารถได้รับของล้ำค่าจากสถานที่ตรงนี้ มีผู้กล่าวว่า กระทั่งเคยมีราชันเซียนนำเอาของที่สุดยอดที่สุดมาฝังเอาไว้ที่สวนชาแห่งนี้” เมื่อแขนเหล็กห่วงทองคำเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาส่งเป็นประกายออกมา น้ำลายไหลยืด เหมือนหนึ่งว่าภูเขาทองภูเขาเงินได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วอย่างนั้น
“เป็นคำพูดของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มและกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมาว่า “งานมหกรรมชิมชา ย่อมเป็นสถานที่ที่สำหรับชิมชาสิ”
“หรือว่าอาจารย์มาเพื่อชิมชาอย่างนั้นรึ?” เมื่อแขนเหล็กห่วงทองคำได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร
หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ชาของที่นี่ใช่ว่าใครก็สามารถดื่มกันได้ จะดื่มชาก็ต้องอยู่ที่ความสามารถ”
เอือก…เมื่อแขนเหล็กห่วงทองคำได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะพูดต่อได้อย่างไร
“แต่ว่า ต่อให้มีชาดีๆ เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ดื่มแล้วหละ” ขณะที่แขนเหล็กห่วงทองคำไม่รู้ว่าจะต่อคำอย่างไรดีอยู่นั้น พวกของหลี่ชิเย่ได้ก้าวข้ามเขาแต่ละลูกไป ในขณะนี้ เบื้องหน้าเป็นแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลคดเคี้ยวไปมา เหนือแม่น้ำปรากฏเป็นไอหมอกที่หนาแน่นปกคลุมอยู่ ปรากฏไอเย็นสายหนึ่งลอยมาปะทะใบหน้า
“เหอะ เหอะ อาจารย์ก็ได้พูดแล้วว่า ฝีมือเล็กน้อยของข้าเกรงว่าคงไม่สามารถดื่มน้ำชาของที่นี่ได้” แขนเหล็กห่วงทองคำกล่าวพร้อมกับเกาศีรษะทีหนึ่ง
“ไม่ ข้าพูดว่า ที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่ไม่ได้ให้เจ้าดื่มชาดีๆ แต่ต้องการให้เจ้ามาได้รับความทุกข์” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา
แขนเหล็กห่วงทองคำยืดและตบอกของตนดังปังปังขึ้นมาทันที และกล่าวว่า “ร่างกายข้าแข็งแรง ได้รับความทุกข์บ้างนับเป็นอะไร อาจารย์มีเรื่องอะไรสั่งการมาได้เลย”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา ขาดคำยื่นมือออกไปคว้าตัวแขนเหล็กห่วงทองคำอย่างชำนาญ
ภายใต้มือที่ยื่นออกไปอย่างชำนาญของหลี่ชิเย่ แขนเหล็กห่วงทองคำไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อต้าน พลันถูกหลี่ชิเย่จับตัวเอาไว้และถูกยกให้ลอยตัวขึ้นมาแล้วโยนออกไป ได้ยินเสียงดังตูมสะเก็ดน้ำกระเซ็นซ่าน ร่างของแขนเหล็กห่วงทองคำถูกจับโยนลงในแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้า
จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่ร่างของแขนเหล็กห่วงทองคำถูกโยนลงไปในแม่น้ำ พลันรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกถึงทรวง ปรากฏเป็นน้ำแข็งเกาะบนตัวของเขา ทำเอาแขนเหล็กห่วงทองคำตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
“อาจารย์ นี่ นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ในขณะนี้แขนเหล็กห่วงทองคำจึงพบว่าตัวเองกระดิกตัวไม่ได้ อีกทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งไปทั่วร่าง และน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตัวเขาเกือบจะกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งแล้ว
“ไม่มีอะไร เนื้อหนังตัวเจ้ามันหยาบเหลือเกิน จำเป็นต้องเจียระไนสักหน่อย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวมองดูแขนเหล็กห่วงทองคำที่ไหลไปตามน้ำ
“แต่ แต่ว่าข้ากระดิกตัวไม่ได้นะอาจารย์” ในเวลานี้กระทั่งคอของแขนเหล็กห่วงทองคำก็กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว เขาตกใจไม่เบาเลย รีบเร่งร้องกล่าวว่า “เป็น เป็นเช่นนี้ต่อไปข้าจะตายไหมเนี่ย”
“ต้องดูว่าเจ้าจะทนไหวหรือไม่ หากทนไม่ไหวก็ต้องตายแน่นอนอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้กล่าวว่า “จริงสิ ลืมบอกเจ้าไปว่า ในครั้งนั้นบรรพบุรุษของเจ้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดหนาวตายอยู่ตรงนี้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะทนได้ดีกว่าบรรพบุรุษของเจ้าหรือไม่แล้ว”
“อา อาจารย์…คราวนี้ทำเอาแขนเหล็กห่วงทองคำตระหนกตกใจไม่เบาเลย” แต่ เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ได้ยินเสียงดังจี๊ดทีหนึ่ง ร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งจนมิด กลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่ไหลลงไปตามน้ำ
ในขณะนี้ แขนเหล็กห่วงทองคำที่ถูกหุ้มด้วยน้ำแข็งอ้าปากแต่พูดออกมาไม่ได้ ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้าง อ้าปากกว้างด้วยท่าทีเหมือนต้องการร้องขอความช่วยเหลืออย่างนั้น
เถาถิงซึ่งมีจิตใจที่เมตตาปราณีอดเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อมองเห็นแขนเหล็กห่วงทองคำที่กลายเป็นก้อนน้ำแข็งล่องลอยไปตามน้ำ เอ่ยขึ้นว่า “เขาจะแข็งตายไหม?”
“เรื่องนี้คงพูดยากสักหน่อยแล้วหละ” ในเวลานี้ หลิวจินเซิ่นที่มีท่าทีดีใจเมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความทุกข์ กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “แม่น้ำเย็นยะเยือกของสวนชาคือแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดสายหนึ่ง ยิ่งไหลลงไปยังปลายน้ำมากเท่าไร ก็จะมีความหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าน้ำของแม่น้ำเย็นยะเยือกไหลไปที่ใด มีผู้กล่าวเอาไว้ว่ามันไหลลึกลงไปยังใต้พื้นดิน หากไม่ทันระวังหละก็ ไม่เพียงแต่ต้องหนาวตายเท่านั้น ต่อให้ไม่ถึงกับหนาวตายก็ต้องจมดิ่งลงสู่นรกอเวจี ไม่สามารถกลับมาได้ตลอดกาลแล้ว”ไอรีนโนเวล
“จริงหรือ?” เถาถิงรู้สึกตกใจยิ่งนัก เมื่อได้ยินหลิวจินเซิ่นพูดออกมาเช่นนี้
“อย่าไปฟังเขาพูดพล่าม” หลี่ชิเย่ยิ้มและส่ายหน้า กล่าวว่า “แม่น้ำเย็นยะเยือกอันตรายอยู่ก็จริง แต่ลูกหลานของตระกูลหวังไม่ตายง่ายๆ อย่างนั้น ร่างกายของเขาจำเป็นต้องอาศัยสถานที่ที่เช่นแม่น้ำเย็นยะเยือกมาเจียระไน หากสามารถทนได้ ชาตินี้เขาจะได้รับประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว”
“ถ้าหากทนไม่ไหวหละ?” เถาถิงเอ่ยถามขึ้นมา
“ทนไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแค่นอนติดเตียงสักครึ่งปี หรือปีหนึ่งก็เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและเอ่ยขึ้น
เมื่อเถาถิงได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับเหม่อลอย แต่ว่า เมื่อนางได้สติกลับมาก็รู้แล้วว่าหลี่ชิเย่กำลังส่งเสริมแขนเหล็กห่วงทองคำอยู่
ขณะที่หลี่ชิเย่พาพวกของเถาถิงเดินอยู่ท่ามกลางสวนชาอยู่นั้น ในเวลานี้นักศึกษาทั้งหมดล้วนแล้วแต่วิ่งลุยขึ้นไปบนยอดเขาแต่ละลูก เพียงแต่สถานที่แห่งนี้เป็นเขตอิทธิพลของสถาบันศึกษาเทพเจ้า นักศึกษาเหล่านี้จึงไม่กล้าทำกำเริบเสิบสานมากเกินไป ถ้าหากเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น เกรงว่าบรรดานักศึกษาทั้งหมดคงขุดพื้นที่จนพรุนไปหมดแล้ว จะอย่างไรเสียนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก
บรรดาภูเขาทั้งหมดที่อยู่ในสวนชาล้วนแล้วแต่อยู่ท่ามกลางการปกคลุมของเมฆหมอกทั้งสิ้น บนยอดเขาที่สูงชันมีต้นไม้ดึกดำบรรพ์ มีต้นไผ่ยักษ์ขึ้นอยู่ อีกทั้งยอดเขาจำนวนไม่น้อยมีต้นชาดึกดำบรรพ์ขึ้นอยู่ ความจริงแล้ว ภูเขาภายในสวนชาส่วนใหญ่ก็จะมีต้นชาขึ้นอยู่ เพียงแต่นักศึกษาบางส่วนไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง
แน่นอน ก็มีนักศึกษาที่รู้จัก มีนักศึกษาจากหอศักดิ์สิทธิ์เมื่อมองเห็นต้นชาที่มีลักษณะเป็นต้นม่วงใบจางแล้ว ก็จะเด็ดเก็บเอาใบอ่อนแต่ละใบมาเก็บไว้ในถุงทั้งหมด
“รุ่นพี่จาง ท่านเก็บใบชาชนิดนี้เอาไว้จนหมดเพื่ออะไรรึ?” มีนักศึกษาที่ไม่เข้าใจ และกล่าวว่า “ทุกคนต่างวุ่นอยู่กับการค้นหาของวิเศษอยู่ พวกรุ่นน้องเซี่ยได้ปีนขึ้นไปบนยอดเขาสูงลูกหนึ่ง สามารถขุดพบหน่อไม้ผลึกมาได้ รุ่นพี่จะไปด้วยกันหรือไม่?”
“ไม่หละ ข้าแค่ต้องการมาเก็บใบชาเท่านั้นเอง” รุ่นพี่ผู้นี้ได้ยัดใบชาลงตะกร้าไม้ไผ่จนเต็ม กล่าวด้วยท่าทียิ้มๆ
“รุ่นพี่ ใบชานี้มีความอัศจรรย์อะไรรึ?” มีนักศึกษาที่ไม่รู้ถึงความลึกล้ำพิสดารที่ซ่อนอยู่ภายใน จึงได้เอ่ยถามขึ้นมา
รุ่นพี่ผู้นี้อมยิ้มแต่ไม่ตอบ ก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ไปค้นหาต้นชาต้นอื่นๆ ต่อไป
เรื่องดังกล่าวได้เข้าหูของเทพบุตรซือจงที่กำลังคนหาของวิเศษอยู่ มีนักศึกษาเอ่ยถามเรื่องนี้กับเขา เทพบุตรซือจงได้ตอบไปตามอารมณ์ว่า “ชาคิ้วดำ สามารช่วยให้จิตสงบ ช่วยในการฝึกบำเพ็ญเพียร”
“ในสวนชามีต้นชาชนิดนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว รุ่นพี่ พวกเราจะไปเก็บเอามาสักหน่อยดีไหม?” รุ่นน้องรีบเอ่ยถามขึ้น
“ชาคิ้วดำไม่จัดอยู่ในระดับเซียน พรรคซือเสินของข้ามีปลูกอยู่หลายพันไร่ วันหลังข้าจะไห้ทุกคนสักขวดไปทดลองชิมดู” เทพบุตรซือจงกล่าวไปตามอารมณ์ และมือเติบยิ่งนัก
“รุ่นพี่ดีกับพวกเราเหลือเกิน คราวนี้พวกเราที่ติดตามรุ่นพี่เรียกได้ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ เมื่อครู่ขณะอยู่ที่ถ้ำลึกแห่งนั้นก็ได้บุปผาศักดิ์สิทธิ์มาเต็มตะกร้าแล้ว” มีนักศึกษาที่ตื่นเต้นดีใจพูดประจบเทพบุตรซือจงขึ้นมา
แน่นอนที่สุด นักศึกษาจำนวนมากต่างยินดีติดตามเทพบุตรซือจง เนื่องจากติดตามเทพบุตรซือจงแล้วสามารถได้รับผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ อีกทั้งเทพบุตรซือจงก็มือเติบมาก มักมีของดีกำนัลให้กับทุกคนอยู่เสมอๆ
ไม่เพียงแต่เทพบุตรซือจงที่เป็นเช่นนี้ ความจริงแล้ว นักศึกษาจากศตาคารก็ชื่นชอบติดตามยุวกษัตริย์หกกระบี่ มาคราวนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้นำพานักศึกษาของศตาคารกลุ่มหนึ่งบุกยึดภูเขาได้ลูกหนึ่ง และสามารถเก็บน้ำผึ้งสือคุนได้จากหน้าผามาเต็มขวดๆ หนึ่ง เรียกว่าได้รับผลประโยชย์อย่างมากทีเดียว
กล่าวได้ว่า บรรดานักศึกษาที่บุกเขามาสวนชาล้วนแล้วแต่ต้องการขุดหาของวิเศษและสมุนไพรทั่งสิ้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นดีใจเป็นอันมาก
“สถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา” ขณะที่พวกชองหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปเรื่อยๆ อยู่นั้น เหมยซู่เหยาที่ไม่ได้พูด
อะไรตลอดทาง ได้กล่าวว่า “ที่นี่คือแหล่งสัจธรรม สามารถบงการหมื่นทิศ สามารถเข้าถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร สามารถเข้าใจความลึกซึ้งพิสดาร”
จะอย่างไรเสีย เหมยซู่เหยาคือสุดยอดอัจฉริยะบุคคลในหล้า มีพรสวรรค์ที่ยากจะหาใดเทียม ดังนั้น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากค้นหาสมบัติ นางค่อยๆ รับรู้ถึงผืนแผ่นดินผืนนี้อย่างละเอียด
“นี่แหละคือสวนชา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “มีแต่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้นที่วุ่นอยู่กับการแย่งชิงสมบัติล้ำค่า ในเมื่อมาที่สวนชาแล้ว ก็ต้องพยายามลิ้มลองชาให้เต็มที่”