ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2026 ท้าทาย
อาจารย์จอมโหด…นายน้อยทะยานฟ้าส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวว่า “การจะเป็นอาจารย์ แต่ใช้กำลังไหนเลยมีคุณสมบัติเป็นอาจารย์ได้”
“จุ๊จุ๊ พี่ทะยานฟ้า ระวังคำพูดนะ จะอย่างไรเสียเขาก็คืออาจารย์ของสถาบันนะ” เทพบุตรซือจงรีบกล่าวเตือนสติขึ้นมา
ดวงตาทั้งสองของนายน้อยทะยานฟ้าปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้า แววตาทั้งสองดั่งกระบี่ ท่าทีข่มแหงผู้คนและเป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คน กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เป็นอาจารย์แล้วอย่างไร ต่อให้เป็นอาจารย์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจในสถาบัน ฮึ หากจำเป็นหละก็ข้าจะต้องฎีกาต่ออาจารย์ฉวี่หังและบรรดาเหล่าอาจารย์ของสถาบัน ในสถาบันไหนเลยปล่อยให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาทำลายบรรายากาศได้อย่างไรกันเล่า”
“วิธีการของพี่ทะยานฟ้าดีมาก” เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ยินคำพูดนี้แล้วถึงกับกล่าวชมขึ้นมา
ทุกคนต่างก็รู้ว่า นายน้อยทะยานฟ้าได้รับการให้ความสำคัญจากเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หัง ในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังเป็นผู้สนับสนุน เรียกได้ว่านายน้อยทะยานฟ้ามีความได้เปรียบที่นักศึกษาผู้อื่นไม่มี
เฉกเช่นเทพบุตรซือจงเองก็เคยยืนฎีกาหลี่ชิเย่เช่นกัน แต่หากจะกล่าวถึงเรื่องของผลกระทบ ลำพังอาศัยระดับบรรพบุรุษของพรรคซือเสินคงไม่ได้ อาศัยระดับบรรพบุรุษของพรรคซือเสินจะไปกล่าวโทษต่ออาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อย่างไรกัน ถ้าหากคิดจะกล่าวโทษอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้ได้เกรงว่าต้องอาศัยเซียนหวังของพวกเขาออกหน้า แต่ทว่า ต่อให้ตัวเขาที่เป็นผู้สืบทอดของพรรคก็ไม่แน่ว่าจะของร้องให้เซียนหวังพวกเขาช่วยออกหน้าแทนได้
เวลานี้จากคำพูดลักษณะเช่นนี้ของนายน้อยทะยานฟ้า พลันทำให้เทพบุตรซือจงมองเห็นทางสายใหม่ขึ้นมา ถ้าหากอาศัยภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเองเป็นผู้ยื่นฎีกาหลี่ชิเย่หละก็ ไม่แน่นักอาจทำให้หลี่ชิเย่ต้องยุ่งยากเป็นแน่แท้ จะอย่างไรเสียฐานะของเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังในสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ธรรมดาเลย
“ฮึ เจ้าคนแซ่หลี่ช่างยโสเหลือเกิน แค่คำพูดผิดหูก็จัดการซัดองค์หญิงเย่จนบาดเจ็บสาหัส ต้องให้เขาได้เห็นดีให้ได้” ในเวลานี้เทพบุตรซือจงก็กล่าวยุยงต่อนายน้อยทะยานฟ้า ขอเพียงพวกเขาสามเทพบุตรสถาบันศึกษาเทพเจ้ายืนอยู่ในแนวเดียวกัน ย่อมสามารถสร้างพลังกดดันขึ้นในสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้มากพอ
“ข้ากลับอยากจะเจอะเจอกับเขาสักหน่อย” ดวงตาทั้งสองของนายน้อยทะยานฟ้าปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้า กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
“รู้สึกเหมือนมีใครพูดถึงข้า” เวลานี้ปรากฏเสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ฟังดูเหมือนจะเหนื่อยหน่ายอยู่ในที
ทุกคนมองไปตามเสียง มองเห็นหลี่ชิเย่กำลังเดินมาช้าๆ ข้างกายของเขายังมีเหมยซู่เหยาและหลิวจินเซิ่นติดตามมาด้วย เวลานี้หลี่ชิเย่เดินได้เชื่องช้ามาก แต่ดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ทุกย่างก้าวล้วนแล้วแต่มีจังหวะจะโคนที่บอกไม่ถูก
“อาจารย์มา…” มีนักศึกษาที่ร้องเสียงดังออกมาเมื่อมองเห็นการมาของหลี่ชิเย่ ทุกคนต่างรู้ดีว่าฉายาของหลี่ชิเย่คือ “อาจารย์จอมโหด” โดยเฉพาะที่ทำให้นักศึกษาจำนวนมากต้องขนลุกซู่ในใจเมื่อรู้ว่าเย่เมี่ยวเสวี่ยถูกเล่นงานจนพิการนอนติดเตียงอยู่ ต่างก็ไม่กล้าไปหาเรื่องกับอาจารย์ผู้นี้
ทั้งเทพบุตรซือจงและยุวกษัตริย์หกกระบี่ต่างมีสีหน้าที่บึ้งตึงเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ เป็นความจริงที่พวกเขาไม่สามารถไปหาเรื่องกับหลี่ชิเย่ได้เมื่อมีฐานะเป็นถึงอาจารย์ แต่ภายในใจของพวกเขายังคงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอเพียงมีโอกาส พวกเขาต้องแก้แค้นหลี่ชิเย่อย่างแน่นอน!
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้มาถึงแล้ว หันมองดูนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์โดยรอบ กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้านะเนี่ย เมื่อครู่ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินมีใครพูดหรือนี่? พวกเจ้ากำลังตกลงว่าจะสั่งสอนข้าอย่างไรให้หนักรึ? ช่วงนี้ข้าก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้าง หากใครคิดอยากจะอัดข้าหละก็ ข้าเองยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง”
คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องอึ้ง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจออาจารย์ที่แย่แบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะทำร้ายเย่เมี่ยวเสวี่ยจนพิการ เวลานี้ก็ท้าสู้กับนักศึกษาขึ้นมาอีก อาจารย์เช่นนี้นับเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากของสถาบัน
ยุวกษัตริย์หกกระบี่กับเทพบุตรซือจงไม่พอใจในตัวขอวหลี่ชิเย่ก็จริง แต่ก็จนด้วยเกล้า ใครใช้ให้เขามีฐานะเป็นอาจารย์คนหนึ่งกันเล่า ได้แต่ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา
“หากไม่พอใจอะไรในตัวข้า สามารถพูดออกมาได้ทุกเมื่อไม่จำเป็นต้องไปพูดกันลับหลัง คนอย่างข้ายอมรับความคิดเห็นได้ดีเหมือนน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำอยู่แล้ว ยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกคนอยู่แล้ว” สำหรับท่าทีของยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงนั้น หลี่ชิเย่ก็ไม่ไปถือสาให้มากความเพียงยิ้มกล่าวออกมาเท่านั้น
บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการไปหาเรื่องกับเขา ในเวลานี้นักศึกษาจำนวนมากต่างจ้องมองไปที่นายน้อยทะยานฟ้า หากจะกล่าวว่าในบรรดาพวกเขาใครที่สามารถหาเรื่องกับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ ก็คงมีเพียงนายน้อยทะยานฟ้าเท่านั้นแล้ว
ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก นายน้อยทะยานฟ้าไม่อาจไม่เสนอตัวออกมา จะอย่างไรเสียก่อนหน้านั้นเขายังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอยู่เลย
“พวกเราให้ความเคารพอาจารย์ของสถาบันที่พวกเขาได้เสียสละอย่างเหนื่อยยาก รู้สึกเคารพเลื่อมใสอย่างสุดซึ้งจากใจ” ในขณะนี้นายน้อยทะยานฟ้าได้พูดน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “แต่ว่า มีอาจารย์บางคนประพฤติตัวไม่สมกับเป็นอาจารย์ ไม่คู่ควรให้พวกเขาไปเคารพนับถือ บุคคลเช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติเป็นอาจารย์ของพวกเรา!”
นายน้อยทะยานฟ้าพูดได้ดีมาก ตีวัวกระทบคราด
“อ๋อ ข้าก็คืออาจารย์ที่ประพฤติตัวไม่สมกับเป็นอาจารย์คนนั้น” สำหรับคำพูดที่ตีวัวกระทบคราดของนายน้อยทะยานฟ้านั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงความโกรธออกมากลับยอมรับโดยดุษฎี ยิ้มกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่รู้สึกเป็นเรื่องแปลกกับการได้รับความเคารพนับถือจากเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเองก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นนักศึกษาของข้า”
เจ้า…นายน้อยทะยานฟ้าพลันถูกยั่วโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ เขาแค่ตีวัวกระทบคราดเท่านั้นเอง อาจารย์โดยทั่วไปอาจจะไม่สบอารมณ์นัก และหรือทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ หลี่ชิเย่ไม่เพียงยอมรับโดยดุษฎีเท่านั้น อีกทั้งยังด่าว่าเขาโดยตรง ไม่ได้มีคราบของอาจารย์อย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน คำพูดที่เจ็บแสบปราศจากความโอบอ้อมอารีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ เท่ากับเป็นการตบหน้าเขาอย่างแรงเข้าไปฉาดใหญ่
“เจ้าก็คือนายน้อยทะยานฟ้าคนนั้นสิ” หลี่ชิเย่มองดูนายน้อยทะยานฟ้ายิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “คิดจะท้าสู้กับข้า ก้าวออกมาเลย พูดกันตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม ลูกผู้ชายคิดจะสู้ก็สู้เลย มัวแต่เล่นตุกติก อาศัยวิธีการต่างๆ มันก็แค่วิธีการนอกรีตเท่านั้นเอง มีเพียงจัดการกับศัตรูจนหมอบกับพื้นโดยตรง นั่นแหละคือธรรมที่ใช้ในการปกครองประเทศของราชา”
นายน้อยทะยานฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ชักสีหน้าและกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “อาจารย์อย่าได้เอาเหตุผลมาสั่งสอนข้า หากอาจารย์คิดจะสั่งสอนข้า ทำตัวเป็นตัวอย่างของความเป็นอาจารย์ที่ดีเสียก่อน”
“ที่พูดมาก็ถูก” หลี่ชิเย่หัวเราะและไม่แสดงอาการโกรธ พยักหน้าและกล่าวท่าทีจริงจังว่า “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ เจ้านับว่าไม่คู่ควรที่ข้าจะต้องไปสั่งสอนจริงๆ”
เมื่อนายน้อยทะยานฟ้าได้ยินคำพูดเช่นนี้ ดวงตาทั้งสองพลันดูน่าเกรงขาม แววตาส่งประกายความโกรธออกมา และพูดด้วยท่าทีเย็นชาว่า “อาจารย์ ข้าเป็นผู้ที่ให้ความนับถืออาจารย์และรักในความเป็นธรรมเสมอมา หากอาจารย์จะมีปัญหากับข้าให้ได้ ก็ดี ข้าหวังเสวียนจี๋น้อมรับก็แล้วกัน”
นายน้อยทะยานฟ้าในเวลานี้ก็เปี่ยมด้วยความพาล ส่งคำท้าออกไปให้กับหลี่ชิเย่ทันที บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่หวั่นเกรงต่อผู้เป็นอาจารย์อยู่สามส่วน แต่ว่านายน้อยทะยานฟ้าไม่กลัวหลี่ชิเย่หรอกนะ เบื้องหลังมี่ผู้ให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งมากในสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“ได้ เจ้าคิดว่าจะรับมือข้าสักกี่กระบวนท่าหละ?” หลี่ชิเย่เองก็ตามอารมณ์ยิ่งนัก ยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมา
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้นายน้อยทะยานฟ้าถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง เขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่ถึงกับตอบตกลงตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ เขายังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่จะบ่ายเบี่ยงนิดหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะได้อาศัยคำพูดมาแหนบแนมหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง เวลานี้หลี่ชิเย่ กลับตอบตกลงทันที
นับเป็นครั้งแรกที่นายน้อยทะยานฟ้าได้เจอะเจอกับอาจารย์ที่มีลักษณะเช่นนี้ โดยปรกติแล้วอาจารย์ทั่วๆ ไปก็จะมีกริยาท่าทางที่งดงามของผู้เป็นอาจารย์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องมีความเป็นคนใจกว้างไม่ธรรมดา จะไม่ถือสาหาความอะไรกับนักศึกษา เวลานี้หลี่ชิเย่กลับมีท่าทีที่ไม่เป็นไปตามหลักการ ทำให้นายน้อยทะยานฟ้ารู้สึกตั้งรับไม่ทันอยู่บ้าง
“วิธีการประลองมีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเสมอ” เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่กล่าวเตือนสตินายน้อยทะยานฟ้าเบาๆ
จะอย่างไรเสีย หลี่ชิเย่ก็คืออาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แน่นอนที่สุด การที่สามารถเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ฝีมือย่อมไม่ด้อย หากประลองโดยอาศัยกำลังหละก็ นายน้อยทะยานฟ้าที่มีดวงตราสัญลักษณ์ดวงเดียวไม่แน่ว่าจะได้เปรียบ
“จะประลองกันด้วยกำลังหรือปัญญาก็ได้ทั้งนั้น” นายน้อยทะยานฟ้าเองก็ทุ่มสุดตัว ท่าทีเย็นชาและมีความมั่นใจสูงมาก จะอย่างไรเสียเขาคือผู้สืบทอดของพรรคทะยานฟ้า ต่อให้มีดวงตราสัญลักษณ์เพียงดวงเดียวเขาก็มีความมั่นใจที่จะไปท้าสู้กับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองถึงสามดวง จะอย่างไรเสีย เขามีอาวุธที่ทรงพลังยิ่งอยู่ในมือและได้ฝึกเคล็ดวิชาที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้ามาแล้ว ซึ่งคือความมั่นใจของเขานั่นเอง
“ข้าว่ามิสู้ประลองปัญญาดีกว่า” ในขณะนี้ เทพบุตรซือจงกรอกลูกตาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “การฝึกบำเพ็ญเพียรสำคัญที่พรสวรรค์ ต้นชาสัจธรรมอยู่ตรงหน้านี้เอง ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเก็บใบชาสัจธรรมคือการทดสอบพรสวรรค์ ข้าว่าประลองพรสวรรค์กันดีไหม?”
“ใช่ ใช่ ประลองเรื่องพรสวรรค์กัน” ยุวกษัตริย์หกกระบี่พลันมีความคิดในใจขึ้นมาทันที และกล่าวว่า “อาจารย์คืออาจารย์ที่โดดเด่นที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเรา พูดถึงเรื่องของพรสวรรค์แล้วเกรงว่าในโลกนี้คงไม่มีใครสู้อาจารย์ได้อีกแล้ว ข้าเชื่อว่าอาศัยพรสวรรค์ของอาจารย์ การจะเก็บใบชาสัจธรรมนั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก”
“นั่นสิ นั่นสิ” ดวงตาทั้งสองของเทพบุตรซือจงพลันเป็นประกาย พวกเขาไม่เสียทีที่เป็นเพื่อนสนิท รับรู้ถึงความคิดของยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ทันที หัวเราะและกล่าวว่า “ด้วยอายุเพียงน้อยนิดก็สามารถเป็นถึงอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเรา เกรงว่าความสูงส่งด้านพรสวรรค์แม้แต่เหรินเซิ่น และเส้าเหนียนหวังก็ละอายใจที่เทียบไม่ได้ อาจารย์คงสามารถเอาชนะพี่ทะยานฟ้าได้อย่างง่ายดายกับการแข่งเก็บใบชาสัจธรรมในครั้งนี้”
ในเวลานี้ ต่อหน้าดูเหมือนยุวกษัตริย์หกกระบี่กับเทพบุตรซือจงเป็นการยกย่องหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ พยายามยกยอเข้าไว้ ความจริงแล้วคือล่อให้หลี่ชิเย่ติดกับ
นายน้อยทะยานฟ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจง พลันที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงเขาก็เข้าใจได้ทันที ก่อนหน้านั้นตนเองหยิ่งยโสเกินไปต้องการชนกับหลี่ชิเย่จังๆ ความจริงแล้ว คิดจะกำจัดหลี่ชิเย่มีวิธีอยู่มากมาย ไหนเลยจำเป็นต้องปะทะซึ่งหน้ากับหลี่ชิเย่กันเล่า
“เป็นข้าที่หยาบคายไปแล้ว” เวลานี้นายน้อยทะยานฟ้ายิ้มกล่าวว่า “ภายในบริเวณสถาบันแค่ศึกษาซึ่งกันและกันก็พอ ไหนเลยต้องอาศัยดาบหรือกระบี่ อาจารย์ พวกเรามาแข่งกันเก็บใบชาสัจธรรมดีไหม? พรสวรรค์ของอาจารย์นั้นสุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียม หนึ่งไม่มีสองในหล้า ศิษย์โง่เขลา เมื่อครู่เก็บใบชาสัจธรรมชนิดแปดสายมาได้ไม่กี่ใบ ข้าคิดว่า อาศัยพรสวรรค์ และศักยภาพของอาจารย์ เก็บใบชาสัจธรรมชนิดกฎเกณฑ์สิบสายสักสามสิบห้าสิบใบคงไม่ใช่ปัญหา…”
“…ขอเพียงอาจารย์สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดกฎเกณฑ์สิบสายได้สามสิบถึงห้าสิบใบ ศิษย์จะยอมศิโรราบทันทีว่าเทียบไม่ได้” ในเวลานี้นายน้อยทะยานฟ้าดูจะเกรงใจมากเป็นพิเศษ โค้งคำนับให้กับหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าอาจารย์จะต้องทำให้ศิษย์เลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้งได้แน่นอน อาศัยพรสวรรค์และศักยภาพของอาจารย์ แค่ใบชาสัจธรรมชนิดกฎเกณฑ์สิบสายได้สามสิบถึงห้าสิบใบนับเป็นอะไรได้ วันนี้เหล่านักศึกษาทั้งหลายต่างมีวาสนา สามารถชื่นชมฝีมืออันล้ำเลิศของอาจารย์”
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ เทพบุตรซือจง และนายน้อยทะยานฟ้าทั้งสามไม่เสียทีที่เป็นเพื่อนสนิท ก่อนหน้านั้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงยกยอหลี่ชิเย่เป็นการใหญ่ และวางกับดักให้หลี่ชิเย่ สุดท้ายให้นายน้อยทะยานฟ้าเป็นผู้ขุดหลุม ตั้งใจฝังหลี่ชิเย่ทั้งเป็น ณ สถานที่แห่งนี้
เดิมใบชาสัจธรรมชนิดกฎเกณฑ์สิบสายก็เก็บได้ยากยิ่งแล้ว การที่จะเก็บใบชาสัจธรรมชนิดกฎเกณฑ์สิบสายให้ได้สามสิบถึงห้าสิบใบ เรียกได้ว่ายากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์ร้อยเท่าพันเท่า