ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2035 กู่ฉวี่หัง
ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่จึงได้ดึงตัวยุวกษัตริย์หกกระบี่ขึ้นมาจากทะเลชั่วร้าย ตัวของยุวกษัตริย์หกกระบี่ในเวลานี้ดูเหี่ยวแห้งไปทั้งตัว เสมือนหนึ่งเป็นคนแก่ที่มีอายุราวเก้าสิบปี ผมเผ้ากลายเป็นสีขาว ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ไหนเลยจะมีท่วงท่าที่สง่างามเมื่อครู่นั้น
ภายในระยะเวลาอันสั้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่เหมือนว่าได้สูญเสียพลังลมปราณไปทั้งหมดอย่างนั้น นี่แหละคืออำนาจของพลังชั่วร้าย มันได้ทำการกัดกร่อนพลังลมปราณของยุวกษัตริย์หกกระบี่ พร้อมๆ กับร่างกายของยุวกษัตริย์หกกระบี่ด้วย
นี่ยังอยู่ในสภาพภายใต้การยั้งมือของหลี่ชิเย่ ที่ยังคงรักษาชีวิตของยุวกษัตริย์หกกระบี่เอาไว้ หาไม่แล้วภายใต้พลังชั่วร้ายที่น่ากลัวเช่นนี้แล้ว เกรงว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่คงไม่เหลือแม้แต่ซากไปแล้ว
เวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่ถูกหลี่ชิเย่ดึงตัวขึ้นมาอยู่ในสภาพหายใจรวยริน ไม่หลงเหลือความหยิ่งยโสที่อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้คนอีกต่อไป เวลานี้เขาสามารถหายใจได้สักคำก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว
หลี่ชิเย่มองดูยุวกษัตริย์หกกระบี่แวบหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า “เห็นแก่เจ้าที่ยังคงเป็นนักศึกษา ใว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง จะไม่มีครั้งต่อไปอีก!” กล่าวพลางโยนร่างของยุวกษัตริย์หกกระบี่ออกไป
นักศึกษาบางคนของศตาคารรีบเร่งหามร่างของยุวกษัตริย์หกกระบี่ขึ้นมาทันทีเมื่อถูกโยนออกมา เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ไม่กล้าพูดคำพูดที่เป็นอันธพาลออกมาสักคำ อยู่ในสภาพนอนนิ่งกระทั่งกระดิกนิ้วยังทำได้ยาก
สภาพเช่นนี้ของยุวกษัตริย์หกกระบี่นับว่าดีมากแล้ว แค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นเสียชีวิต แค่พักฟื้นรักษาตัวบนเตียงก็สามารถหายเป็นปรกติได้
“การท้าสู้กับอาจารย์ สถาบันศึกษาเทพเจ้ายินดีต้อนรับเสมอ ข้าเองก็ยินดีต้อนรับ” หลี่ชิเย่มองดูบรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “ถูกต้อง สถาบันศึกษาเทพเจ้าให้กำเนิดนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีทั้งจอมเทพและเซียนหวัง เรียกได้ว่ามีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มีผลงานในภายหลังยอดเยี่ยมยิ่งกว่าผู้เป็นอาจารย์เสียอีก”
“แต่ทว่า ลูกผู้ชายอยู่บนโลกนี้อย่าทำตัวเหมือนเป็นผู้หญิงที่เป็นได้เพียงนินทาลับหลัง เมื่อไม่พอใจในตัวอาจารย์ก็ให้ก้าวเดินออกมา คิดจะท้าสู้กับอาจารย์ก็ออกมาสู้ให้เต็มที่! เพียงเท่านี้ก็ยังทำไม่ได้ก็จงหุบปากเสีย!” หลี่ชิเย่จ้องมองบรรดานักศึกษาเหล่านี้ด้วยท่าทีน่าเกรงขาม พูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าไม่ใช่ตาสีตาสาบนท้องถนน และไม่ใช่นายหมูนายหมา! พวกเจ้าคือนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า คือหัวกะทิของร้อยชาติพันธุ์! อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงที่พูดให้ขัดแย้งกันลับหลัง ทำขายหน้าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจนสิ้น!”
“สถาบันศึกษาเทพเจ้าให้กำเนิดจอมเทพ ให้กำเนิดเซียนหวัง ให้กำเนิดทรราช แต่ไม่ใช่ผู้อ่อนแอ!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เปี่ยมด้วยอำนาจ จ้องเขม็งไปยังนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์
บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เมื่อถูกหลี่ชิเย่ดุว่าเป็นชุด โดยเฉพาะพวกที่ว่าร้ายหลี่ชิเย่เพื่อประจบยุวกษัตริย์หกกระบี่เหล่านั้น ยิ่งถูกทำให้ตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง และไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น
“ไสหัวไป” เวลานี้ หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาขณะจ้องมองบรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างน่าเกรงขาม
บรรดานักศึกษาเหมือนหนึ่งได้รับการอภัยโทษจึงแยกย้ายกันไปทันที นักศึกษาของศตาคารก็หามร่างของยุวกษัตริย์หกกระบี่วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ารั้งอยู่นาน
“รุ่นใหม่เทียบรุ่นก่อนไม่ได้จริงๆ” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ จบคำสายตาตกไปอยู่ที่เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น กางมือขนาดใหญ่ออกคว้าไปที่เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น
เสียงปังดังสนั่น เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นถูกหลี่ชิเย่จับถอนรากถอนโคนขึ้นมาดื้อๆ ปัง ปัง ปังเสียงสะเทือนหวั่นไหวดังขึ้นเป็นระลอก เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นสั่นสะเทือนอยู่ในมือของหลี่ชิเย่หวังจะดิ้นหลุดให้ได้ แต่ทว่า ภายใต้มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ การดิ้นรนของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นเป็นการเสียแรงเปล่า
สุดท้าย เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ มันเป็นเพียงเจดีย์หินขนาดเล็กๆ เท่านั้นเอง เวลานี้มือของหลี่ชิเย่ถือเจดีย์ขนาดเล็กบนฝ่ามือ ตวาดเสียงดังออกไปว่าเรียกคืน…
ขาดคำ เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นเสมือนดั่งปลาวาฬที่กลืนกินเหยื่ออย่างนั้น ได้กลืนกินพลังชั่วร้ายที่อยู่ในทะเลชั่วร้ายเข้าไปทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายภายในระยะเวลาอันสั้น เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นก็จัดการดูดกลืนพลังชั่วร้ายจนหมดสิ้น
เวลานี้ พลังชั่วร้ายหายไปไร้ร่องรอย ภูเขาปรากฏต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา พื้นที่แห่งนี้ได้กลับมามีพลังชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หลี่ชิเย่มองดูเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นที่อยู่ในมือ จากนั้นถือโอกาสโยนไปให้หลิวจินเซิ่นตามอารมณ์ กล่าวเรียบๆ ว่า “เจดีย์โทรมๆ เช่นนี้วางเอาไว้ตรงนี้เกะกะ มอบให้เจ้าไปก็แล้วกัน”
หลิวจินเซิ่นถึงกับนิ่งเงียบหลังจากได้รับเจดีย์ที่หลี่ชิเย่โยนมาให้
หลี่ชิเย่มองดูหลิวจินเซิ่นที่นิ่งเงียบ กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “คนเราอยู่บนโลกนี้ ในเมื่อได้ตัดสินใจเลือกทางเดินแล้วก็ต้องก้าวเดินไป ทำให้ถึงที่สุด จะเป็นคนดีก็ดี จะเป็นคนชั่วก็ช่าง ในเมื่อเลือกแล้วก็พยายามทำต่อไปไม่ต้องลังเล”
“หนทางยาวไกล เรื่องบางเรื่องบอกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด ยามที่เจ้าอยู่ในช่วงจังหวะชีวิตที่แตกต่างกันก็จะมีมุมมองที่ต่างกัน วันนี้เจ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง บางทีพรุ่งนี้เจ้าอาจจะเห็นว่ามันผิด ถูกหรือผิดเป็นเพียงไม้บรรทัดที่อยู่ในใจเท่านั้นเอง ในเมื่อตนเองได้ทำการวัดออกมาแล้ว…”
“…ก็ไม่มีอะไรที่จะยอมรับมันไม่ได้ สำหรับเรื่องของศักดิ์ศรีที่ยอมไม่ได้ มันก็แค่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีที่คอยหลอกหลอนอยู่เท่านั้นเอง พวกเราที่เป็นตาเฒ่าทั้งหลายมีคนไหนบ้างที่ไม่ได้มีชีวิตอยู่มาเป็นพันเป็นหมื่นปีกันมาแล้ว บางครั้งเรื่องของบุญคุณความแค้นหายไปท่ามกลางลมฝนกับการหัวเราะเพียงครั้งเท่านั้น” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วมองดูหลิวจินเซิ่นแวบหนึ่ง
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ร่างของหลิวจินเซิ่นสั่นไปทั้งตัว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เก็บเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นขึ้นและโค้งคำนับอย่างงามต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ขอบคุณอาจารย์ที่สอนสั่ง คำพูดของอาจารย์ทำให้ศิษย์นึกอะไรออกได้อย่างฉับพลัน ศิษย์กำลังคิดว่าจะไปพบสหายเก่าเดี๋ยวนี้ ศิษย์ขออำลาก่อน”
“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ต่อหลิวจินเซิ่น
หลิวจินเซิ่นแสดงความคารวะต่อหลี่ชิเย่ จากนั้นล่องลอยจากไปแบบไปมาไร้ร่องรอย นับตั้งแต่หลิวจินเซิ่นสมัครเข้ามาอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ได้ปิดบังศักยภาพของตนเอง ทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญตนแก่ๆ ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง
อย่าว่าแต่พวกเย่ซินเสวี่ยที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เลย แม้แต่บรรดาอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าส่วนหนึ่งก็ดูไม่ออกถึงศักยภาพของหลิวจินเซิ่น มีเพียงอาจารย์ที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรเหล่านั้นจึงสามารถมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของหลิวจินเซิ่นได้
หลังจากที่หลิวจินเซิ่นล่องลอยจากไปแล้ว หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ และเดินทอดน่องไปในสวนชาตามอารมณ์ การมาสวนชาของเขาเพียงต้องการถือโอกาสทำเรื่องบางเรื่องเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่เริ่มต้นด้วยการทำร้ายเย่เมี่ยวเสวี่ยอย่างโหดร้าย เล่นงานจนเย่เมี่ยวเสวี่ยพิการ เวลานี้ก็จัดการแช่ยุวกษัตริย์หกกระบี่จนกลายเป็นเหมือนมนุษย์ตากแห้ง หลังจากที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป พลันทำให้บรรดานักศึกษาของจอมราชันเซียนหวังตื่นตระหนกยิ่งนัก
อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีอยู่เป็นจำนวนมาก อาจารย์ประเภทที่เข้มงวดและโหดร้ายก็มีอยู่ แต่ทว่า อาจารย์เฉกเช่นหลี่ชิเย่นี้ต้องบอกว่ายังไม่เคยมี ภายในระยะเวลาเพียงแค่วันเดียวก็จัดการกับนักศึกษาสองคนที่มีความโดดเด่นมากที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจนพิการ อาจารย์ลักษณะเช่นนี้ออกจะโหดเกินไปเสียแล้ว และออกจะอันธพาลมากเกินไป และใช้ความรุนแรงเกินไปแล้ว
ดังนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้น ฉายา ‘อาจารย์จอมโหด’ ของหลี่ชิเย่ดังก้องไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้าถ้าหากทุกคนพูดถึงหลี่ชิเย่บางทีอาจมีนักศึกษาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ถ้าเอ่ยถึง ‘อาจารย์จอมโหด’ หละก็ ทุกคนจะรู้เลยว่าคือใคร
นายน้อยทะยานฟ้ากับเทพบุตรซือจงต่างมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป สีหน้าของพวกเขาดูไม่จืดยิ่งนักเมื่อได้ยินว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกหลี่ชิเย่จับแช่จนกลายเป็นมนุษย์ตากแห้งไปแล้ว แต่ทว่าในเวลานี้พวกเขาก็ทำอะไรหลี่ชิเย่ไม่ค่อยจะได้ เวลานี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาคิด เป็นการยากมากที่พวกเขาจะสั่นคลอนหลี่ชิเย่ได้
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่ชื่อจอมโหดของหลี่ชิเย่ดังก้องไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่นั้น ทันใดนั้นบนยอดเขาแห่งหนึ่งภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎลำแสงสายหนึ่ง
ติดตามมาด้วยเสียงตูมที่ดั่งสนั่น ปรากฏเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มองเห็นเปลวเพลิงที่ดั่งคลื่นยักษ์พลันปกคลุมไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ส่องประกายสว่างไสวไปทั่วพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระรอก อานุภาพศักดิ์สิทธิ์พลันพวยพุ่งขึ้นมา อาละวาดไปทั่ว ทำให้นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่รับรู้ถึงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้แล้วต้องขนลุกซู่ในใจ!
ภายในระยะเวลาอันสั้น เรื่องที่ร้อนแรงได้แพร่สะพัดไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้าว่า “อาจารย์ฉวี่หังสำเร็จดวงตราสัญลักษณ์ดวงที่เจ็ดแล้ว!”
“สำเร็จดวงตราสัญลักษณ์ดวงที่เจ็ดแล้ว?” ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าเดือดพล่านกับการได้ยินข่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหรือว่าอาจารย์ ต่างรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวเมื่อได้ยินข่าวนี้
เส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังคืออาจารย์ประจำสถาบันศึกษาเทพเจ้าในขณะนี้ เป็นหนึ่งในนักศึกษาที่มีพรสวรรค์ดีทีสุดคนหนึ่งของรุ่นที่แล้ว เคยเคียงคู่กับเหรินเซิ่นมาก่อน!
เดิมชาติกำเนิดของกู่ฉวี่หังมาจากตระกูลขุนนางโบราณ ต่อมาจากการที่เขามีความโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ จึงได้รับการเชื้อเชิญให้อยู่เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า แน่นอน การรับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนในลักษณะเช่นนี้หาใช่ตลอดชีวิต ถ้าหากวันใดกู่ฉวี่หังต้องการไปจาก สามารถไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ทุกเมื่อ
กู่ฉวี่หังไม่เพียงมีชื่อเสียงในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเท่านั้น เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปเจียวเหิงโจว เขาไม่เพียงเป็นจอมเทพที่มีอายุน้อยที่สุดในยุคนี้เท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่มีโอกาสได้เป็นเทพโบราณมากที่สุดของยุคนี้อีกด้วย
“ยอดเยี่ยมมาก ถ้าหากมีดวงตราสัญลักษณ์เจ็ดดวงในครอบครองตั้งแต่อายุน้อยเช่นนี้ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจารย์ฉวี่หังช้าเร็วก็ต้องได้เป็นเทพโบราณอยู่แล้ว” นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนรุ้สึกเลื่อมใสศรัทธาเมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว
กล่าวได้ว่า กู่ฉวี่หังมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขามีผู้ให้การเลื่อมใสศรัทธาในสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน นักศึกษาจำนวนมากต่างให้การนับถือเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
“อาจารย์ฉวี่หังออกจากการกักตนแล้ว” นายน้อยทะยานฟ้ารู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินข่าวนี้ จึงนำพาเทพบุตรซือจงไปเยี่ยมคารวะต่ออาจารย์ฉวี่หังทันที
แน่นอนที่สุด ใช่ว่านักศึกษาคนใดก็สามารถเข้าไปเยี่ยมคารวะต่อกู่ฉวี่หังได้ แต่นายน้อยทะยานฟ้าได้รับการให้ความสำคัญมากจากกู่ฉวี่หัง กระทั่งเคยบรรยายแทนกู่ฉวี่หังมาก่อน ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยทะยานฟ้ากับกู่ฉวี่หังจึงอยู่ในขั้นดีมาก
“เป็นอะไรไป พวกเจ้าสามเทพบุตรสถาบันมิใช่ไปไหนมาไหนด้วยกันรึ? ทำไมหกกระบี่จึงไม่ได้อยู่ด้วยกับพวกเจ้า?” หลังจากที่กู่ฉวี่หังรับการคารวะจากพวกของนายน้อยทะยานฟ้าแล้ว ได้มองดูนายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงแล้วยิ้มกล่าวออกมา
“ยุวกษัตริย์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถมาคารวะด้วยตนเอง ขออาจารย์ได้โปรดอภัย” นายน้อยทะยานฟ้ากล่าวพร้อมกับทอดถอนใจออกมา
“อ๋อ…” กู่ฉวี่หังยิ้มและกล่าวว่า “ชะตาของหกกระบี่ไม่เลวนัก แม้ว่าจะอยู่ที่ศตาคาร แต่บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ผู้ที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ก็คงมีเพียงพวกเจ้าไม่กี่คนนี้กระมัง”
“อาจารย์ พวกเราไหนเลยกล้าทำร้ายยุวกษัตริย์จนบาดเจ็บสาหัส” เทพบุตรซือจงรีบกล่าวว่า “เป็นอาจารย์ท่านหนึ่งที่ทำร้ายยุวกษัตริย์จนบาดเจ็บสาหัส เวลานี้เขาย่ำแย่มาก กลายเป็นมนุษย์ตากแห้งไปแล้ว เกรงว่าภายในระยะเวลาอันสั้นคงไม่สามารถฟื้นคืนได้”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง” กู่ฉวี่หังรู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง และกล่าวว่า “ดูท่ายุวกษัตริย์คงทำผิดไม่เบาเลยนะ มิฉะนั้นแล้วอาจารย์ก็คงไม่สั่งสอนนักศึกษาง่ายดายเช่นนี้”
“ยุวกษัตริย์ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร อาจารย์ ใช่ว่าอาจารย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทีมีจิตใจเบิกบาน และจิตใจกว้างขวางเหมือนท่าน” นายน้อยทะยานฟ้ากล่าวทอดถอนใจออกมา