ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2107 ความน่ากลัวที่แท้จริง
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2107 ความน่ากลัวที่แท้จริง
“เจ้าตามหาโลกลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงแค่ต้องการรู้เท่านั้นกระมัง” สุดท้ายนังหนูน้อยกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าต้องอยากขึ้นไปแน่นอน นับแต่ออดีตกาลเป็นต้นมา ขอเพียงคนผู้นั้นที่รู้เรื่องนี้ ไม่เพียงเจ้าเท่านั้นที่อยากขึ้นไป! เพียงแต่บางคนแม้อยากขึ้นไปแต่ทำไม่ได้ ต่อให้เขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้!”
“ถูกต้อง เป็นความจริงที่ข้าอยากขึ้นไป” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเรียบๆ ว่า “ถ้าหากเป็นเพียงคำเล่าลือเท่านั้น มันก็ไม่คุ้มกับที่ข้าไปไล่ย้อนกลับไป ไม่คุ้มกับที่ข้าต้องไปขุดค้น”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าขึ้นไปเพื่ออะไร? ของวิเศษ? หนีเอาชีวิตรอด? และหรือมีจุดประสงค์อื่น!” นังหนูน้อยจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “แต่ว่า เจ้าไม่เหมือนคนที่ต้องการหนีเอาชีวิตรอด ถ้าหากเจ้าเพียงต้องการอยู่รอดต้องไม่รอจนถึงวันนี้อย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าไปสถานที่แห่งนั้นไม่ใช่เพื่อหนีเอาชีวิตรอด เช่นนั้นแล้วก็ต้องมีจุดประสงค์อื่น!”
“ถ้าเช่นนั้น บิดาของเจ้าทำเพื่ออะไร?” หลี่ชิเย่มองดูนังหนูน้อยแล้วหัวเราะและกล่าวว่า “พ่อของเจ้าก็ไม่ได้เพื่อหนีเอาชีวิตรอด ในเมื่อไม่ได้เป็นเพราะต้องการหนีเอาชีวิตรอด แล้วทำไมจะต้องขึ้นไปยังโลกเช่นนี้กันเล่า สมควรทราบว่า การไปยังโลกลักษณะเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง ต่อให้แข็งแกร่งดั่งเช่นบิดาของเจ้า เกรงว่าคงต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่แสนสาหัสมาก นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ผู้ที่สามารถไปสถานที่แห่งนั้นได้เรียกว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น! เฉกเช่นยุคสมัยของพวกเรา ต่อให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดก็ทำไม่ได้”
นั่นคือโลกที่ไม่ได้ดำรงคงอยู่ ในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังโลกใบนั้นได้!
นังหนูน้องนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท่ายได้เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “แม้ว่าข้าไม่รู้ถึงความคิดในใจของท่านพ่อชัดเจนนัก แต่ว่า ที่เขายินดีกลับมานั้นเกรงว่าเพื่อสรรพชีวิตนับล้านล้าน มิฉะนั้นหละก็ท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลับมาอีก”
“นับว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “หากเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีความเห็นแก่ตัว ในเมื่อขึ้นไปได้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลับมา การกลับมามีเพียงตายสถานเดียว”
“หากจะกล่าวว่า เจ้าขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือยุคสมัยของเจ้าหละก็ เกรงว่าจะทำให้เจ้าต้องผิดหวัง ที่ตรงนั้นไม่ได้มีสิ่งที่เจ้าได้จินตนาการเอาไว้อย่างนั้น เกรงว่าที่นั่นก็ไม่มีสิ่งที่เจ้าอยากได้!” สุดท้าย นังหนูน้อยได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากมีหละก็ ท่านพ่อก็คงไม่กลับมามือเปล่า โลกของข้าก็คงไม่หายสาบสูญไป!”
“นั่นมันพ่อของเจ้าไม่ใช่ข้า พ่อของเจ้าคือพ่อของเจ้า ข้าก็คือข้า” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “อีกอย่าง ใครบอกว่าที่ข้าขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือโลกของข้า? ใครบอกว่าที่ข้าขึ้นไปก็เพื่อสรรพชีวิตนับล้านล้านกันหละ?”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร?” นังหนูน้อยจ้องมองหลี่ชิเย่ทันที นางไม่เชื่อว่าหลี่ชิเย่ต้องการหนีเอาชีวิตรอด ถ้าหากหลี่ชิเย่ต้องการหนีเอาชีวิตรอดจริง เกรงว่าคงไม่ทำเพียงเท่านี้ เขาต้องมีวิธีการอีกมากมาย
“เพื่อตัวข้าเอง” หลี่ชิเย่มองไปที่ที่ห่างไกลมาก กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีปณิธานยิ่งใหญ่อะไร เพียงทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ข้าเพียงต้องการสู้เพื่อตัวเอง เพราะข้าก็คือข้า ไม่ใช่มารร้าย และไม่ใช่พระเจ้าช่วยโลก ข้าเพียงต้องการสู้เพื่อตัวเองตลอดไป! ค้นหาคำตอบที่อยู่ในใจของข้า”
“คำตอบที่เจ้าต้องการคืออะไร?” นังหนูน้อยจ้องมองหลี่ชิเย่ และเอ่ยถามขึ้นมาช้าๆ
หลี่ชิเย่ อมยิ้มโดยไม่ตอบคำถามของนาง เพียงแต่จ้องมองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป
“ถ้าหากเจ้าคิดจะมีชีวิตเป็นอมตะอะไรทำนองนั้นหละก็ ฮึ ข้าขอเตือนเจ้าจงเลิกล้มความตั้งใจนี้เสีย” นังหนูน้อยก็จับทางหลี่ชิเย่ไม่ถูก ได้แต่คาดเดาไปกว้างๆ
“ชีวิตอมตะ?” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าหัวเราะและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าไม่ใช่ผู้ที่กล้าหาญที่สุดในโลก แต่ว่า ความตายไม่ได้มีอะไรน่ากลัว บนโลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาทอดถอนใจออกมาเบาๆ สุดท้ายได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คงมีสักวันที่ข้าจะทำลายสวรรค์นี้เสีย ข้าจะสู้รบจนถึงที่สุดไม่จำต้องหันหลังกลับ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น!”
“เกรงว่าสุดปลายทางของโลกน่ากลัวกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้” นังหนูน้อยกล่าวน้ำเสียงเย็นชา นางรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย เนื่องจากบิดาของนางเป็นผู้อยู่ในจุดสูงสุดของยุคสมัยหนึ่ง
“ข้าผ่านเหตุการณ์ที่น่ากลัวบนโลกมามากมายเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “หากจะน่ากลัวอีกสักครั้งก็ไม่เห็นจะมีอะไร”
“ถ้าเช่นนั้นที่เจ้ารู้สึกว่ามันน่ากลัวคืออะไร? การต่อสู้ครั้งสุดท้ายรึ? หรือจะเป็นอเวจี?”
“คำพูดของเจ้ามีเหตุผล” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ในยุคสมัยของเจ้าไม่เห็นจะมีอเวจี แต่เจ้ากลับรู้จักอเวจี ช่างน่าสนใจเหลือเกิน อีกทั้งเจ้ายังเจาะจงที่จะถามเช่นนี้ช่างมีความหมายเหลือเกิน”
“อย่าลืมสิ ข้ารู้ประวัติความเป็นมาของอเวจี” นังหนูน้อยพูดน้ำเสียงเย็นชาออกมา
“ไม่แน่เสมอไปว่าเจ้าเคยพบอเวจี อย่างน้อยในยุคสมัยของเจ้าไม่แน่ว่าจะได้เห็นอเวจี ภายหลังเจ้าถูกขังเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองก็พูดยากแล้วหละ” หลี่ชิเย่พูดเฉยเมยออกมา
“เจ้าพูดถูก แต่ว่า ต่อให้ในยุคสมัยของข้าข้าจะไม่เคยเห็น แต่ข้าก็ยังคงรู้ประวัติความเป็นมาของอเวจี” นังหนูน้อยกล่าวขึ้นมาช้าๆ “เรื่องเหล่านี้ก็หาใช่อเวจีบอกกล่าวต่อข้า”
“พ่อของเจ้ารึ?” หลี่ชิเย่มองดูนังหนูน้อย และกล่าวเรียบๆ ว่า “บางทีอาจเป็นคนใดคนหนึ่งที่สวามิภักดิ์ต่ออำนาจมืดบอกเจ้า จะอย่างไรเสียต้องมีคนที่รู้เรื่องราวบางอย่างอยู่แล้ว”
นังหนูน้อยนิ่งเงียบไม่พูดต่อ นางไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเช่นนี้
“ดูท่าข้างในนี้สลับซับซ้อนมาก” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ดูท่าไม่เพียงมีคนทรยศเจ้าหรือพ่อของเจ้า เขายังหว่านล้อมเจ้าให้เจ้าเข้าร่วมกับอำนาจมืดพร้อมกัน เขายังบอกเล่าเรื่องบางเรื่องที่น่ากลัวมากกว่านี้ให้เจ้าฟัง หรือบางทีเขาอาจบอกเจ้าว่า พ่อของเจ้าปิดบังเรื่องบางเรื่อง เป็นเบื้องหลังที่สะเทือนฟ้าโดยไม่บอกเจ้าให้รู้ โดยเขาคิดจะอาศัยคำพูดเช่นนี้มาสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของเจ้า แต่ เจ้ากลับไม่ได้ถูกสั่นคลอน”
ต่อให้นังหนูน้อยไม่ต้องการพูดถึง แต่หลี่ชิเย่ก็คาดเดาได้แปดเก้าส่วน
“ถ้าหากเจ้าคิดว่าอเวจีน่ากลัวมากหละก็ เช่นนั้นเจ้าก็ผิดมหันต์ อเวจีเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความน่ากลัวเท่านั้นเอง” นังหนูน้อยกล่าวน่าเกรงขามว่า “อเวจีก็ดี อำนาจมืดก็ช่าง หรือต่อให้เป็นสวรรค์ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด เบื้องหลังของเรื่องบางเรื่องมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า!”
“ข้ารู้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าได้จัดระเบียบทุกๆ อย่างที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดเอาไว้แล้ว แม้ว่าต้องอาศัยเวลาอยู่บ้าง แต่ว่า จะอย่างไรเสียข้าก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ข้ายิ่งต้องการไปที่โลกนั้นสักครั้งหนึ่ง ข้าต้องการนำมาศึกษาและปฏิบัติตามเท่านั้นเอง”
“แล้วอย่างไรหละ?” นังหนู่น้อยกล่าวท่าทีเย็นชาว่า “ต่อให้เจ้าสามารถสู้รบจนถึงที่สุด ต่อให้เจ้าเป็นฝ่ายชนะเมื่อถึงที่สุดแล้ว เจ้าก็ไม่เห็นจะสมดั่งความตั้งใน ยามที่เจ้าสามารถปกครองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ความสยองขวัญเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เฉกเช่นอเวจีอย่างนั้น มันเป็นเพียงมุมเล็กๆ มุมหนึ่งท่ามกลางเมฆหมอกที่ลึกเข้าไปในนั้นเท่านั้นเอง ช่างเล็กจิ้วไม่คู่ควรจะกล่าวขวัญถึง” Aileen-novel
“เจ้าเองก็แค่ฟังเขาเล่ามาเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่าความสยองขวัญที่แท้จริงคืออะไร? อย่างมาเจ้าก็ได้แต่อาศัยการคาดเดา เป็นเค้าโครง เป็นแนวความคิดเท่านั้นเอง”
“แล้วมันอย่างไรหละ?” นังหนูน้อยกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านพ่อของข้ามองไกลยิ่งกว่า เพียงแต่เขาไม่ต้องการเอ่ยถึงเรื่องนี้กับผู้คนเท่านั้น”
นับว่าหลี่ชิเย่ทายถูกในข้อนี้ นังหนูน้อยไม่รู้จริงๆ ถึงเบื้องหลังความน่ากลัวที่แท้จริง แต่นางกลับคาดเดาบางอย่างได้ เนื่องจากเขาเคยไปซักถามกับบิดาของนางหลังจากถูกคนเขาเกลี้ยกล่อมมา
“ดังนั้น เจ้าจึงไม่รู้ว่าความน่ากลัวที่แท้จริงนั้นคืออะไร” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า ความน่ากลัวที่แท้จริงไม่ใช่อเวจี และไม่ใช่สวรรค์โจมตีอะไรนั้น ยิ่งไม่ใช่เบื้องหลังของความน่ากลัวอะไรที่ว่านั่น เหมือนดั่งความน่ากลัวที่เจ้าได้จินตนาการเอาไว้นั่นแหละ ความน่ากลัวที่แท้จริงคือจิตใจของมนุษย์! ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวยิ่งไปกว่าจิตใจมนุษย์อีกแล้ว ถ้าหากแม้จิตใจมนุษย์ยังไม่น่ากลัว โลกนี้ก็ไม่มีความน่ากลัวอีก! นี่แหละคือสามเหตุที่ทำให้เกิดทุกสิ่งทุกอย่าง และนี่ก็คือต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาจิตใจของนังหนูน้อยหวั่นไหว บางทีบนโลกมีความน่ากลัวเช่นว่าจริงๆ แต่เมื่อเปรียบกับจิตใจมนุษย์แล้ว ความน่ากลัวจริงๆ ที่ว่านั้นไม่นับเป็นอะไร! ประสบการณ์ของนางก็คืออำอรรถาอธิบายที่ดีที่สุด!
“ต่อให้มีความน่ากลัวที่ยิ่งใหญ่มากไปกว่านี้ มันก็มีต้นกำเนิดมาจากจิตใจของมนุษย์” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ไม่ว่าศึกนั้นจะมีจุดจบหรือไม่ ข้าก็ต้องสู้รบจนถึงที่สุด ก้าวไปข้างหน้าอย่างทระนง ไม่ว่ารบไปถึงไหนข้าก็จะยืนหยัดสู้รบต่อไป ต่อให้สุดปลายทางของโลกไม่มีแล้ว เช่นนั้นก็จะรบให้ถึงสุดปลายทางยิ่งกว่านั้น!” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาดูเข้มขึ้นมา!
“แต่ว่า เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถชนะได้หรือ?” นังหนูน้อยกล่าวขึ้นช้าๆ หลังจากที่นิ่งเงียบเป็นเวลานานมาก
“ความน่ากลัวกำเนิดจากจิตของมนุษย์ ความกล้าก็กำเนิดจากจิตของมนุษย์เช่นกัน ขอเพียงจิตของข้ายังคงอยู่ ข้าก็จะหัวเราะถึงสุดท้ายแน่นอน” หลี่ชิเย่ให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่นังหนูน้อย
“บางทีเจ้าอาจพูดถูก” นังหนูน้อยทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า ท่านพ่อเคยบอกว่า ต่อให้ไม่มีการตัดสินของสวรรค์ ก็ต้องมีการตัดสินจากสิ่งอื่นๆ คำตัดสินของสวรรค์ไม่ได้น่ากลัว ยังมีที่น่ากลัวยิ่งกว่าอีก”
“ดังนั้น ในใจพ่อของเจ้าจึงเกิดการสั่นคลอน” หลี่ชิเย่พูดเรียบเฉยขึ้นมา
“ท่านพ่อของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!” นังหนูน้อยตวาดเสียงดังทันที ท่าทีดูเหมือนจะเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง
“นังหนู เจ้าเข้าใจความหมายข้าผิดแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าพ่อของเจ้าเกิดสั่นคลอนในศรัทธาของตนเอง แต่เป็นการสั่นคลอนในตัวของเขาเอง ต่อให้เขาคิดว่าตัวเองสามารถสู้รบจนถึงที่สุดได้ เขาก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองสามารถรักษาโลกของตนเอาไว้ เหมือนดั่งที่เจ้าพูดว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ยังมีที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้! และเนื่องเพราะเหตุนี้ พ่อของเจ้าจึงไม่ได้บอกความลับที่แท้จริงให้กับเจ้า”
เมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ ทำให้นังหนูน้อยต้องนิ่งเงียบขึ้น สุดท้ายนางทอดถอนใจเบาๆ ออกมา และเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าพูดได้ถูกต้อง ดังนั้น ท่านพ่อจึงให้ข้าหนีไป โดยคิดจะส่งตัวข้าขึ้นไป!”
“นั่นไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย
“อย่างน้อยก็ยังมีความหวังนิดหนึ่ง” นังหนูน้อยกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อรู้ว่า เรื่องบางเรื่องหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้”
“ดังนั้น ท้ายที่สุดเขาละทิ้งแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “เนื่องจากเขารู้ดีว่า ต่อให้เขาสามารถสู้รบต่อไปได้จริง ก็ไม่เห็นจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้ เหมือนดั่งที่เจ้าบอก หรือบางทีคำพูดนี้เข้าเป็นคนพูด ยังมีเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก! และสิ่งนี้ก็คือเหตุผลว่าเพราะอะไรผู้ที่เจ้าสนิทสนมมากที่สุดถึงได้ไปเข้ากับอำนาจมืด!”
คำพูดเช่นนี้ทำให้นังหนูน้อยตกอยู่ท่ามกลางความนิ่งเงียบ
…………………………