ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2133 เปิดศักราชใหม่
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จูซือจิ้งได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมา มองเห็นหลี่ชิเย่นั่งมองนางเงียบๆ อยู่ตรงข้ามนางเท่านั้น
“ท่านบรรพบุรุษ ศิษย์แสดงได้ไม่ดีนัก” หลังจากจูซือจิ้งลุกขึ้นยืนแล้ว ท่าทางดูใจฝ่ออยู่บ้าง ก้มหน้าลง
หลี่ชิเย่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้วยท่าทีสงบ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พื้นฐานถือว่าแน่น ที่ยังขาดคือความเข้าใจเกี่ยวกับพลังภายในดูผิดเพี้ยนไปบ้าง และพลังภายในก็ไม่ครบถ้วนเพียงพอ เป็นเพียงปลายหางเท่านั้น หากต้องการก้าวไปให้ไกลกว่านี้ ต้องอัดกระทุ้งให้มันแน่นขึ้น”
ที่หลี่ชิเย่พูดมาหาใช่พูดส่งเดช ครั้งนั้นเขาเคยสนทนาธรรมกับผู้เฒ่ากำแหงมาก่อน ร่วมกับศึกษาเกี่ยวกับวิธีการฝึกของแดนสามเซียนมาก่อน ถกถึงเรื่องข้อดีข้อเสีย เพียงแต่ความทรงจำเหล่านี้ได้ถูกลบเลือนไปในภายหลัง เวลานี้ความทรงจำเหล่านี้ได้กลับคืนมาอีกครั้ง เรียกได้ว่าในเรื่องของการฝึกวิชาในแดนสามเซียนกล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่มีความยากเลยแม้แต่น้อย สามารถได้รับการยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้
“ศิษย์โง่เขลา ไม่สามารถใกล้ชิดระบบถ่ายทอดทางความคิด ไม่สามารถควบคุมหลักกฎเกณฑ์พื้นฐานเอาไว้ได้” จูซือจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และท่าทีใจฝ่อยิ่งนัก
ความจริงแล้วจะโทษจูซือจิ้งก็ไม่ถูก สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาตกต่ำอยู่แล้ว เคล็ดวิชาที่มีอยู่นั้นเรียกว่ามีน้อยถึงน้อยที่สุด ที่พวกเขามีอยู่ในครอบครองเป็นเพียงส่วนที่เป็นปลายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงเท่านั้นเอง แล้วจูซือจิ้งสามารถไปได้ดีรึ?
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่บุกเบิกโดยผู้เฒ่ากำแหง ซึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้นมีพื้นที่กว้างขวางนับสิบล้านลี้ พื้นที่ทั้งหมดของลานกำแหงล้วนแล้วแต่เป็นเอกเทศของตนเอง
ข้อนี้เป็นจุดที่แตกต่างมากที่สุดระหว่างแดนสามเซียนกับเก้าแดนและสิบสามทวีป สำนักต่างๆ ของเก้าแดน และหรือสิบสามทวีป แม้แต่สายสำนักราชันเซียนก็จะตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินที่เป็นของตนเองบนเก้าแดน หรือสิบสามทวีป
ขณะที่ในแดนสามเซียนจะแตกต่าง ในแดนสามเซียนมีเพียงราชันแท้จิรงเท่านั้นที่สามารถบุกเบิกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ อีกทั้งระดับราชันแท้จริงผู้นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถเปิดแหล่งกำเนิดสัจธรรมได้แล้ว จึงจะมีสิทธิ์เปิดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เป็นถึงระดับราชันแท้จริงหากยังไม่ถึงขั้นนี้ก็ไม่สามารถสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนได้
หลังจากที่ราชันแท้จริงแข็งแกร่งจนถึงขั้นนั้นแล้ว ทำการกลืนกินและจุตะวันจันทราและดวงดาวบนจักรวาล และบุกเบิกพื้นที่ที่เป็นที่รกร้างขึ้นมา เปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม หลอมกลั่นผืนแผ่นดิน สุดท้าย ทำให้ผืนแผ่นดินผืนดังกล่าวกลายเป็นพื้นดินสัจธรรมไปทุกแห่งหน ทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วแต่เรียบง่าย จนกลายเป็นรูปแบบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ
เฉกเช่นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง มันเกิดจากผู้เฒ่ากำแหงนำเอาผืนแผ่นดินรกร้างที่กว้างใหญ่ไพศาลมาหลอมกลั่นจนกลายเป็นแผ่นดินสัจธรรม บุกเบิกพื้นที่แห่งนี้ สุดท้ายเปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม อาศัย ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นพื้นฐาน สร้างเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นมา
หรือจะกล่าวว่า ท่ามกลางผืนแผ่นดินที่เป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง พื้นฐานการฝึกพลังภายในทั้งหมดล้วนแล้วแต่กำเนิดมาจาก ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นเค้าโครงการฝึก แน่นอนที่สุด ‘คัมภีร์กำแหง’ในฐานะที่เป็นคัมภีร์พื้นฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่ง มันมีความยอดเยี่ยมมาก เพราะมาจากจิตใจของผู้ที่มีฐานะอยู่ในระดับสูงสุดยอด
ภายใต้ผืนแผ่นดินที่เป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง หากบุคคลผู้นั้นฝึกพลังภายในใดๆ โดยอาศัยโครงสร้างของ ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำให้บุคคลผู้นั้นสามารถใกล้ชิดกับผืนแผ่นดินสัจธรรมทุกตารางนิ้วที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าบุคคลผู้นั้น เมื่อแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่ง กระทั่งสามารถใกล้ชิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม ก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นกลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อทำการฝึกวิชาก็จะลงแรงน้อยแต่ได้ผลตอบแทนสูง
แต่หากว่าทำการฝึกพลังภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นบนผืนแผ่นดินสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจะต้องถูกสยบอย่างแน่นอน ทำให้ความก้าวหน้าในการฝึกเชื่องช้าลง ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผืนแผ่นดินสัจธรรม ไม่มีแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมที่จะพึ่งพาอาศัยได้
เหตุที่การฝึกของจูซือจิ้งยากจะเข้าใกล้ผืนแผ่นดินสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงนั้น เป็นเพราะพลังภายในที่นางฝึกนั้นเป็นเพียงส่วนปลายแถวของ ‘คัมภีร์กำแหง’ เท่านั้น ไม่สามารถนับเป็นส่วนผิวเผินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ
พูดอีกอย่างให้เข้าใจง่ายก็คือ พลังภายในของสำนักกระบี่ยักษ์แย่เกินไป เป็นพลังภายในที่ไม่เข้าขั้นอย่างสิ้นเชิง ถือเป็นสายแยกที่อยู่ปลายแถวที่เล็กมากๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่มองดูจูซือจิ้งที่ใจฝ่อทีหนึ่ง กล่าวเฉยเมยขึ้นว่า “พลังภายในที่เจ้าฝึกอยู่นั้น นับเป็นสายสัจธรรมหนักในโครงสร้างของ ‘คัมภีร์กำแหง’ พลังภายในที่เจ้าฝึกอยู่นั้น เทียบไม่ได้แม้คำว่าผิวเผินของสายนี้ด้วยซ้ำ ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เจ้าหลายประโยค สามารถจดจำได้หรือไม่ สามารถทำความบรรลุได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า”
เมื่อจูซือจิ้งได้ยินคำพูดเช่นนี้แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง นี่มันเท่ากับฟ้าประทานโอกาสให้แล้ว โอกาสเช่นนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนจำนวนเท่าไร ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามาวันนี้โอกาสดั่งฟ้าประทานมาจะตกใส่หัวของตนเอง
“ขอบคุณท่านบรรพบุรุษ…” จูซือจิ้งร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ก้มกราบลงกับพื้น รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“ฟังให้ดีล่ะ ข้าจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ เป็นคัมภีร์สูตรออกมา ไอลีนโนเวล
จูซือจิ้งรีบรวบรวมจิตให้มั่น รวบรวมสมาธิฟังและจดจำทุกๆ คำพูดของหลี่ชิเย่เอาไว้ในใจอย่างมั่นคง ต่อให้เวลานี้นางไม่สามารถบรรลุได้ ก็จะสลักทุกคำพูดไว้มั่นภายในใจ ค่อยมาทำความบรรลุภายหลัง
เวลานี้ อย่าว่าแต่เป็น ‘คัมภีร์กำแหง’ ขั้นพื้นฐานที่สุดของลานกำแหงเลย ต่อให้เป็นเคล็ดวิชาหรือศิลปะกลวิธีที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของลานกำแหง กระทั่งสุดยอดเคล็ดวิชาลับและศิลปะกลวิธีที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุด หลี่ชิเย่ก็รู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง เพราะเขามีความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างของเฒ่ากำแหง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ถ่ายทอดคัมภีร์สูตรหลายประโยคให้กับจูซือจิ้งแล้ว ก็โบกมือและกล่าวว่า “ออกไปเถอะ”
“ค่ะ ท่านบรรพบุรุษ” จูซือจิ้งมีความนอบน้อมยิ่งนัก รีบแสดงคารวะ กล่าวสำหรับนางแล้ว หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าคือบรรพบุรุษที่แท้จริงของลานกำแหงพวกเขา
“ทีหลังอย่าเรียกข้าว่าเป็นบรรพบุรุษ เรียกข้าเสียแก่เชียว เรียกข้าว่าคุณชายก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่สั่งการไปตามอารมณ์
“ค่ะ คุณชาย” จูซือจิ้งไหนเลยจะกล้าพูดอะไรสักคำ รีบเร่งตอบรับในทันที แล้วจึงล่อถอยกลับออกไปด้วยความเคารพนอบน้อม
หลังจากที่จูซือจิ้งล่าถอยกลับออกไปแล้ว หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิบนพื้น หลับตาลงสองข้าง รวบรวมจิตใจและพลังภายในในลักษณะเข้าฌาน เสมือนหนึ่งกลายเป็นรูปแกะสลักหินไปแล้วอย่างนั้น
ภายในลัคนาของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ปรากฏผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์แปลงหนึ่ง เป็นผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต มีความกว้างขวางยิ่งนัก ท่ามกลางผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์มีประกายที่แวบวับ ลมปราณตลบอบอวล พลังสัจธรรมฟ้าดินล้วนแล้วแต่บ่มฟักและซ่อนอยู่ในนั้น ด้านในนั้นไม่เพียงมีแค่สัจธรรม ลมปราณ และสรรพสิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่มาจากการฝึกฝนอย่างหนักของหลี่ชิเย่
ผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์นี้คือสิ่งที่แปลงมาจากสัจธรรมของหลี่ชิเย่นั่นเอง สัจธรรมที่ผ่านการฝึกฝนมาจากเก้าแดนและสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่ถูกทำลายไปสิ้น แต่สิ่งนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วใช่จะเป็นเรื่องเลวร้าย
เนื่องจากหลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ฝึกฝนมาถูกทำลายไปแล้วนั้น มันก็กลับกลายเป็นผืนแผ่นดินทีอุดมสมบูรณ์ ฐานเต๋าทั้งหมด ลมปราณทั้งหมด การฝึกฝนอย่างหนักที่ผ่านมา และหลักกฎเกณฑ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่กลายเป็นผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ไป
เวลานี้ ท้องฟ้าเบื้องบนของผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์นี้ปรากฎประกายแวบวับ มันคือเมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่งที่ลอยล่องอยู่ตรงนั้น เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมหนึ่งเดียวในหล้า มันครอบครองการฝึกฝนอย่างหนักที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหมื่นยุคที่ผ่านมา
เมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ถูกหลอมกลั่นจนสำเร็จในขณะที่หลี่ชิเย่อยู่ในทะเลสวรรค์ลงทัณฑ์ แม้ว่าเขาจะอยู่ระหว่างหลับไหลก็ตาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาได้ทำการหลอมกลั่นทุกสิ่ง
เมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ได้หลอมรวมทุกสิ่งทุกอย่างของหลี่ชิเย่เอาไว้ ชะตาแท้ของหลี่ชิเย่ ลัคนาจตุลักษณ์ เรือทั้งสามลำเป็นต้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกบ่มฟักเข้าไปอยู่ภายในเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ อีกทั้ง เมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ได้ผ่านการขัดเกลามานับไม่ถ้วนจากสวรรค์ลงทัณฑ์ ในขณะที่อยู่ในทะเลสวรรค์ลงทัณฑ์ ได้ครอบครองพลังชีวิตที่เป็นธรรมชาติและเรียบง่ายที่สุดเอาไว้
ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองเมล็ดพันธุ์นี้ได้ตกลงสู่แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ และถูกปลูกลงไปยังส่วนที่ลึกลงไปในผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ คล้ายดั่งเมล็ดพันธุ์ที่มีชีวิตถูกโปรยหว่านลงไปอย่างนั้น
นาทีนี้ สิบสามลัคนาของหลี่ชิเย่มีการหมุนและวิวัฒนาการ และน้ำแห่งชีวิตที่โปรยปรายลงมาดั่งน้ำทิพย์ เวลานี้เหตุการณ์ประหลาดทยอยกันปรากฏ…
นี่คือเส้นทางที่หลี่ชิเย่ต้องการก้าวเดินไป และคือจุดประสงค์ในการมาแดนสามเซียนของหลี่ชิเย่ในครั้งนี้
เวลานี้ที่หลี่ชิเย่ทำการฝึกนั้นหาใช่ระบบการฝึกในเก้าแดนหรือสิบสามทวีป และก็ไม่ใช่ระบบการฝึกของแดนสามเซียน! แต่เป็นระบบการฝึกที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หรือจะกล่าวว่า หลี่ชิเย่กำลังจะสร้างสรรระบบการฝึกขึ้นมาใหม่ทั้งระบบ และจะกลายเป็นวิธีการฝึกสำหรับศักราชใหม่
หลี่ชิเย่จะได้ทำการบุกเบิกเส้นทางสายใหม่ที่มีเพียงหนึ่งเดียวขึ้นมา แน่นอนที่สุด เส้นทางสายนี้ยังไม่เคยมีใครก้าวเดินมาก่อน เขาก็ได้แต่ค่อยๆ คลำทางไปเรื่อยๆ เพียงแต่หลี่ชิเย่ยังคงเปี่ยมด้วยความมั่นใจกับเส้นทางการฝึกในอนาคต
สำหรับเส้นทางการฝึกที่เป็นเส้นทางสายใหม่ทั้งหมดสายนี้ หลี่ชิเย่สามารถสรุปขั้นตอนคร่าวๆ เป็นหว่านเมล็ดพันธุ์เต๋า ต้นไม้เต๋าเจริญเติบโต ออกผลเต๋า
เส้นทางสายใหม่ทั้งสายของหลี่ชิเย่สายนี้ ได้นำเอาชะตาแท้ และสัจธรรมหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้มีพลังความแข็งแกร่งที่เด็ดขาดยิ่งกว่า อีกทั้งพลังทั้งหมดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กำเนิดจากตัวของเขาเอง ตัวเขาก็คือสัจธรรม สัจธรรมก็คือชะตาแท้ ไม่ใช่ชะตาแท้ควบคุมสัจธรรม หรือสัจธรรมอาศัยชะตาแท้อีกต่อไป! ยิ่งไม่ต้องพึ่งพาฟ้าดิน
สิ่งนี้บ่งบอกว่า หลี่ชิเย่ไม่เพียงหลุดพ้นจากฟ้าดิน ทั้งยังหลอมกลั่นทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของชะตาแท้ นี่แหละคือเส้นทางที่หลี่ชิเย่ต้องการก้าวเดิน
สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงต้องมาที่แดนสามเซียน เนื่องจากในแดนสามเซียนสามารถหลุดพ้นจากฟ้าดิน ที่ตรงนี้ไม่มีชะตาฟ้า ไม่มีการควบคุม ดังนั้นที่ตรงนี้จึงหลุดพ้นทุกสิ่งทุกอย่าง การที่หลี่ชิเย่จะสร้างสัจธรรมของตนเองบนโลกที่มีลักษณะเช่นนี้จะไม่ถูกยับยั้ง ในอนาคตจึงสามารถแข็งแกร่งและมีพลังมากที่สุด เมื่อมีการพลิกเปิดหน้าศักราชที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมา
หลังจากที่เมล็ดพันธุ์เต๋าเมล็ดนี้ถูกปลูกลงดินไปแล้ว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เหมือนมีอะไรบางอย่างที่แทงทะลุดินโผล่ขึ้นมา นั่นคือเมล็ดพันธุ์เต๋าได้แทงรากออกมาแล้ว มองเห็นใบอ่อนสีเหลืองใบหนึ่งโผลขึ้นมาจากพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์นั่น มันคือต้นอ่อนที่เล็กมากกำลังเจริญเติบโตในผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายนัก
แน่นอนที่สุด เพราะมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ผืนนี้ จึงทำให้ต้นอ่อนสามารถเจริญเติบโตได้ ซึ่งเป็นความพยายามของหลี่ชิเย่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้ทำการกระทุ้งให้รากฐานของตนแน่นหนาทั้งในเก้าแดนและสิบสามทวีป เนื่องจากมีเพียงการทำให้พื้นฐานแน่นหนาเท่านั้น จึงสามารถทำให้มีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้ในอนาคต เมื่อมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์จึงสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์เต๋าเจริญงอกงาม
เนื่องเพราะมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์นี่เอง จึงสามารถสร้างหลักประกันที่แข็งแกร่งและทรงพลังให้กับการพลิกเปิดหน้าศักราชทที่ใหม่ทั้งหมดของหลี่ชิเย่ในอนาคต มิฉะนั้นล่ะก็ ทุกอย่างก็เป็นเพียงสิ่งเลื่อนลอย
สิ่งนี้เปรียบเสมือนดั่งเป็นตึกระฟ้าตึกหนึ่ง คิดจะโผล่ขึ้นจากพื้นดินพุ่งทะลุเมฆาไปได้ จำเป็นต้องมีพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง มิฉะนั้นล่ะก็คงเสียงเวลาเปล่า ต่อให้ตึกดังกล่าวสร้างจนสำเร็จก็ต้องล้มครืนลงได้
การที่หลี่ชิเย่คิดจะพลิกศักราชขึ้นมาใหม่ สร้างเส้นทางที่เป็นสายใหม่หมดทั้งเส้น เขาต้องการผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์แบบนี้แหละ นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรในอดีตขณะอยู่เก้าแดน และสิบสามทวีปนั้น เขาจึงได้ทำการกระทุ้งฐานเต๋าให้มันแน่นหนาทีละก้าวๆ
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่สั่งสมในอดีตล้วนแล้วแต่เพื่อต้อนรับเส้นทางใหม่สายนี้ การแตกรากและเจริญเติบโตท่ามกลางระบบเก่า เพื่อสร้างเส้นทางสายใหม่ที่ใหม่ทั้งหมดสายหนึ่งขึ้นมา เปิดหน้าศักราชที่ใหม่ทั้งหมด นี่แหละจึงเป็นสิ่งที่หลี่ชิเย่ต้องพยายามไปทำ
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ต้นอ่อนเต๋าค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นมา ขั้นตอนการเจริญเติบโตนั้นช้ามาก และความเร็วก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่า วันนั้น วันที่เมล็ดพันธุ์เต๋าแทงรากออกมา มันตลบอบอวลไปด้วยพลังของสัจธรรม พลังตัวตนที่แท้จริง กลิ่นอายขมุกขมัว…
นี่เท่ากับบ่งบอกว่า เส้นทางสายนี้ของหลี่ชิเย่ได้เริ่มต้นสู่ความสำเร็จแล้ว นาทีนี้ สัจธรรมก็คือข้า ข้าก็คือสัจธรรม อีกทั้งข้าก็คือฟ้าดิน!