ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2184 จริงๆ เท็จๆ
บรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพจากหุบเหวบรรพชน เวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปยังหลี่ชิเย่ บรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพจากหุบเหวบรรพชนที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าในใจของผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องเซ่อไปเลยกับเรื่องเช่นนี้ ทุกคนไม่กล้าจะคิด!
ทุกคนต่างรู้ดีว่าหุบเหวบรรพชนหมายถึงสิ่งใด เล่าลือกันว่าเป็นที่ที่ฝังร่างของปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กระทั่งมีบันทึกของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่ระบุว่า ผู้เฒ่ากำแหงเคยฝากคำพูดเอาไว้ว่า บางทีสักวันหนึ่งเขาจะฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่ และจะก้าวขึ้นสู่สวรรค์เป็นเซียน
เล่าลือกันว่า ภายในหุบเหวบรรพชนใช่ว่าจะฝังร่างเฉพาะผู้เฒ่ากำแหงเท่านั้น ยังมีความเป็นไปได้ที่มีการฝังร่างของบรรดาบรรพบุรุษที่เคยติดตามเขาด้วย ซึ่งบ่งบอกว่าบรรพบุรุษที่ฝังร่างไว้ในหุบเหวบรรพชนอาจมีความเป็นไปได้คือบรรพบุรุษรุ่นแรกรุ่นสองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว ที่สามารถยืนยันได้ก็คือ ผู้เฒ่ากำแหงต้องฝังร่างอยู่ในหุบเหวบรรพชนอย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าจะมีบรรพบุรุษคนใดอีกบ้างที่ฝังร่างอยู่ในหุบเหวบรรพชน ชนรุ่นหลังไม่มีใครทราบเรื่องนี้อีกเลย
มาวันนี้ หวังหานพลันประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่า หลี่ชิเย่คือบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพมาจากหุบเหวบรรพชน ข่าวลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าสร้างความกระทบกระเทือนได้รุนแรงเหลือเกินสำหรับศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้พวกเขาไม่สามารถได้สติกลับมาเวลานี้
หากจะกล่าวว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าคือบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพจากหุบเหวบรรพชนจริงๆ ล่ะก็ มันบ่งบอกถึงสิ่งใด? มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะการจัดรูปแบบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะได้ต้อนรับการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ยุคใหม่ และจะเป็นการต้อนรับยุคแห่งการเจริญรุ่งเรืองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงผงาดขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง
“นี่ นี่ นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่?” ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันหลังจากได้รับฟังคำประกาศของราชินีหวังหาน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างไม่กล้ายืนยัน รู้สึกสงสัยอยู่ภายในใจ และเอ่ยถามบรรพบุรุษของตนด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เวลานี้เรียกได้ว่าผู้กล้าต่างมารวมตัวกันอยู่ที่เขาฟันหลอ ศิษย์และระดับผู้อาวุโสสำนักและตระกูลขุนนางโบราณส่วนใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล้วนแล้วแต่อยู่กันที่ตรงนี้ การที่หวังหานประกาศฐานะของหลี่ชิเย่ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าอย่างกะทันหัน ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปได้อีก และเรื่องนี้จะต้องสำเร็จ และมีความจำเป็นต้องสถาปนาฐานะของหลี่ชิเย่ในโอกาสนี้
“เรื่อง เรื่องนี้นับว่ามีความเป็นไปได้ว่าเป็นเรื่องจริง” ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณหนึ่งกล่าวไม่ค่อยจะมั่นใจนัก แต่ภายในใจมีแนวโน้มไปทางด้านนี้แล้ว พึมพำขึ้นมาว่า “การที่เขาเชี่ยวชาญวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเรา โดยเฉพาะ ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ เรียกได้ว่าเขาได้ฝึกปรือจนถึงขั้นฝีมืออยู่ในระดับสุดยอดมาก เกรงว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยากจะมีใครสามารถเทียบเคียงกับเขาได้กระมัง”
ความจริงแล้ว ใช่ว่าจะมีเพียงระดับบรรพบุรุษเพียงผู้เดียวที่คิดเช่นนี้ จะอย่างไรเสียดูจากการแสดงออกของหลี่ชิเย่แล้ว หลี่ชิเย่มีศักยภาพเช่นนี้จริง และมีคุณสมบัติเช่นนี้
นับตั้งแต่พลังพาลบ้าระห่ำ ถึงมังกรกำแหงอาละวาด ไปที่กระบี่พายุกำแหง และสุดท้ายเคล็ดกระบี่เทพกำแหง ทั้งหมดนี้จากการสำแดงของหลี่ชิเย่เรียกได้ว่าฝีมือถึงขั้นระดับสุดยอดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ที่อยู่ในฐานะเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เมื่อสำแดงโดยมือของหลี่ชิเย่แล้ว เรียกได้ว่าได้สำแดงพลังของมันออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ นับว่าปราศจากผู้ต่อกร
หากจะกล่าวว่าพลังพาลบ้าระห่ำ มังกรกำแหงอาละวาดเป็นเคล็ดวิชาที่ศิษย์จำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถฝึกล่ะก็ เช่นนั้นแล้วผู้ที่สามารถฝึก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ได้ก็จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อย่าว่าแต่ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเลย แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกวิชานี้ได้
เวลานี้หลี่ชิเย่ กลับสามารถฝึก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ จนมีฝีมืออยู่ในขั้นสุดยอดมาก เช่นนั้นฐานะของเขาเรียกได้ว่ามีความเป็นจริงยิ่งนัก
หลังจากได้ฟังคำประกาศของหวังหานแล้ว พลันทำให้ตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ และสี่ปราชญ์แห่งกองกำลังซั่งที่เป็นเทพแท้จริงทั้งเจ็ดต่างมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป ถ้าหากหลี่ชิเย่คือบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง จริงๆ ล่ะก็ มันก็คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างใหญ่หลวงทีเดียว
หากจะว่ากันตามมุมมองของเหตุผลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ หรือสี่ปราชญ์แห่งกองกำลังซั่ง ถ้าจะบอกว่าหลี่ชิเย่นั้นคือบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพจากหุบเหวบรรพชน นับว่ามีความเป็นไปได้จริงๆ
จะอย่างไรเสีย ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ คือสุดยอดวิชาสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ต่อให้มีคนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ฝึกวิชา ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ล่ะก็ พวกเขาจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่ทว่า เวลานี้พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ามันมีความเป็นไปได้จริงๆ ที่หลี่ชิเย่อาจเป็นบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพจริง
“เหอะพระนาง คำพูดนี้ออกจะสรุปเร็วเกินไปแล้วกระมัง” เวลานี้เทพพายุคะนองส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไปลากเอาใครมาสักคนแล้วก็ประกาศว่าเป็นบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพ คำพูดเช่นนี้ออกจะหลอกลวงกันมากไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดหอศักดิ์สิทธิ์จะไม่ยอมรับเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด”
แม้จะกล่าวว่าตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ และสี่ปราชญ์แห่งกองกำลังซั่งต่างก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่หลี่ชิเย่คือบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพมาจากหุบเหวบรรพชน แต่ทว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว พวกเขาจะไม่ยอมรับความจริงของเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
จะอย่างไรเสีย เมื่อไรที่พวกเขาให้การยอมรับเรื่องนี้แล้ว เท่ากับจะเปลี่ยนแปลงการจัดรูปแบบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ต้องสงสัย เมื่อถึงเวลานั้นจวนหวังก็จะเป็นผู้นำของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด ขณะที่หอศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังซั่งของพวกเขาเกรงว่ายากจะมีที่ยืนอีกต่อไป
คำพูดของเทพพายุคะนองก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์มองไปที่หลี่ชิเย่กับหวังหาน จะอย่างไรเสียเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่สามารถอาศัยลำพังคำพูดของหวังหานก็ทำให้คนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดจะต้องให้การยอมรับฐานะความเป็นบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของหลี่ชิเย่ได้
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเรา จะมาทำเป็นล้อเล่นไม่ได้ ในขณะที่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างหนักแน่น กองกำลังซั่งของพวกเราจะไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด” เวลานี้ปราชญ์ภูผาพิโรธก็กล่าวด้วยท่าทีน่าเกรงขามว่า “พระนาง เรื่องของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ใช่ว่าจวนหวังพูดแล้วทุกคนต้องเชื่อ และไม่สามารถให้จวนหวังของพวกท่านมีสิทธิ์ออกเสียงได้เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น ตำแหน่งกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงใช่ว่าใครก็สามารถนั่งได้ ในระหว่างที่พวกเรายังไม่ได้มีการเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ใครก็นั่งตำแหน่งนี้ไม่ได้”
“มันก็ใช่ว่ากองกำลังซั่งพวกท่านพูดแล้วทุกคนต้องทำตาม” ในเวลานี้เอง เสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้มีความหนักแน่นมาก และกล่าวว่า “ค่ายฉู่ของพวกเรายอมรับฐานะของบรรพบุรุษ!”
ได้ยินเสียงดังตูมกองทัพอาชาได้บุกเข้ามาถึง ท่าทีข่มขวัญเหนือผู้คน พลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร และมีกลิ่นอายการฆ่าฟันที่พาลและกำแหง
“ฉู่ชิงหลินแห่งค่ายฉู่” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจ เมื่อมองเห็นการมาถึงของกองทัพอาชานี้
ก่อนหน้านั้น ฉู่ชิงหลินที่เดิมกำลังตามล่าโสมโลหิตอยู่พลันจากไปกะทันหัน เวลานี้ฉู่ชิงหลินได้นำกำลังทัพของค่ายฉู่ย้อนกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังได้ยอมรับฐานะของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีจวนหวัง ค่ายฉู่ กองกำลังซั่ง และหอศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสี่ขั้วอำนาจใหญ่ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเสาหลักที่ค้ำยันให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด แม้ว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังมีสำนักและตระกูลขุนนางโบราณอื่นๆ เข้าร่วมการชิงชัยในอำนาจเช่นนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถบงการสถานการณ์ยังคงเป็นพวกจวนหวังที่เป็นสี่ขั้วอำนาจใหญ่
หากจะกล่าวว่าสี่ขั้วอำนาจใหญ่ต่างเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ล่ะก็ ย่อมบ่งบอกว่าเรื่องนี้เป็นอันสิ้นสุดตามนี้ สำนักและตระกูลขุนนางโบราณอื่นๆ ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อีกแม้แต่น้อย
เวลานี้ ฐานะความเป็นบรรพบุรุษของหลี่ชิเย่นั้น ทั้งค่ายฉู่และจวนหวังต่างให้การยอมรับ ขณะที่กองกำลังซั่งและหอศักดิ์สิทธิ์กลับปฏิเสธฐานะของหลี่ชิเย่ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าทำให้สถานการณ์ขณะนี้ก้ำกึ่งกัน ยังคงยื้อยุดอยู่ต่อไปเช่นนี้
“เหอะ ต่อให้ค่ายฉู่ให้การยอมรับ คำพูดของจวนหวังก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีอำนาจ” ขณะนี้ ปราชญ์ภูผาพิโรธกล่าวด้วยท่าทีลับลมคมในว่า “จวนหวังได้ทำลายกฎเกณฑ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเรา จวนหวังจึงไม่มีสิทธิ์สรุปเรื่องนี้ แหะถ้าหากจวนหวังต้องการสร้างอำนาจบารมีของตน ก็ต้องพูดให้ชัดเจนก่อนว่า กษัตริย์องค์ก่อนสวรรคตได้อย่างไร!”
พลันที่ปราชญ์ภูผาพิโรธพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับตะลึงงัน ทุกคนจ้องมองไปที่ราชินีหวังหาน ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกตระหนกอยู่ในใจ กระทั่งมีผู้ที่อดวิพากวิจารณ์ขึ้นมาเบาๆ
ในเรื่องนี้ได้มีข้อสรุปไปนานแล้ว เนื่องจากกษัตริย์ได้สวรรคตมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่จบลงไปแล้ว อีกทั้งจวนหวัง ค่ายฉู่ กองกำลังซั่งและหอศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ดังนั้น จึงไม่มีใครไปครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อีก
ทว่า เมื่อปราชญ์ภูผาพิโรธพูดขึ้นในเวลานี้ พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความสงสัย และทำให้เกิดคำถามมากมายขึ้นภายในใจ
กษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเรียกได้ว่ายังหนุ่มแน่นมาก เพิ่งจะมีพระชนม์มายุได้สามสิบเศษเท่านั้น กล่าวได้ว่าสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วนับว่าเป็นอายุที่น้อยมาก ด้วยความเป็นกษัตริย์ที่มีอายุน้อยเช่นนี้เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ อนาคตไกลไร้ขีดจำกัด
แต่ว่า ภายใต้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ กษัตริย์หนุ่มที่อยู่ในวัยฉกรรจ์กลับสวรรคตอย่างกะทันหัน โดยไม่มีวี่แววมาก่อน ไม่มีโรคใดๆ แต่ก็สวรรคตลงเช่นนี้ พูดไปแล้วก็ยากจะเชื่อ แม้ว่าทางราชสำนักจะไม่ได้เอ่ยถึงรายละเอียดการสวรรคตของกษัตริย์ แต่มีข่าวแพร่ออกมาจากจวนหวังว่า การสวรรคตของกษัตริย์เป็นเพราะเหตุจากการฝึกวิชา เสียชีวิตด้วยเหตุลมปราณแตกซ่าน
การชี้แจงเช่นนี้ก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนเป็นจำนวนมากเช่นกัน จะอย่างไรเสียในบรรดาผู้บำเพ็ญตน ก็เคยมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่เกิดปัญหาขึ้นในระหว่างการฝึก สุดท้ายคือร่างกายระเบิดและเสียชีวิต
เวลานี้ปราชญ์ภูผาพิโรธได้เอ่ยคำพูดเช่นนี้ขึ้นมาต่อหน้าทุกๆ คน พลันทำให้ทุกคนบังเกิดความฉงนเรื่องการตายของกษัตริย์ขึ้นมาทันที หรือว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงมีเงื่อนงำจริงๆ รึ?
“ฝ่าบาทฝึกคัมภีร์แล้วลมปราณจู่โจมหัวใจ รักษาไม่เป็นผล ทำให้สวรรคตบนแท่นบรรทม” เวลานี้สีหน้าของหวังหานบึ้งตึง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่ทราบว่าปราชญ์ภูผาพิโรธยังมีอะไรสงสัยอีก?”
ปราชญ์ภูผาพิโรธยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พระนาง มันก็พูดยากล่ะนะ ลำพังแค่ฝึกคัมภีร์ไหนเลยจะเกิดลมปราณจู่โจมหัวใจได้ง่ายดายปานนั้น? แหะข้าได้ยินมาว่าในจวนหวังมีผู้ที่ฝึก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ พระนางย่อมรู้ดีว่า ถ้าหากมีการฝึก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ มันคือโทษมหันต์”
มารคลั่งดูดเลือด…ระดับผู้ยิ่งใหญ่ ระดับบรรพบุรุษรุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกตระหนกอย่างยิ่งเมื่อได้ฟังคำของปราชญ์ภูผาพิโรธแล้ว ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่จ้องมองไปที่หวังหาน
“มารคลั่งดูดเลือดคืออะไร?” ศิษย์ที่อายุน้อยไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘มารคลั่งดูดเลือด’ เอ่ยปากถามขึ้นแผ่วเบา แต่ทว่า ผู้อาวุโสของพวกเขารีบสั่งให้พวกเขาหุบปากเอาไว้
เวลานี้ทุกคนต่างมองไปที่หวังหาน โดยเฉพาะบุคคลระดับบรรพบุรุษ พวกเขาต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก เนื่องจาก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ เป็นสิ่งต้องห้ามของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ไม่ว่าใครก็ห้ามฝึกวิชานี้ทั้งสิ้น ถ้าหากยอมให้ ‘มารคลั่งดูดเลือด’ กลับมายังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอีกครั้ง ไม่แน่นักอาจนำพาความชั่วร้ายกลับมาอีกครั้งก็เป็นได้
เวลานี้แม้ว่าปราชญ์ภูผาพิโรธไม่ได้ระบุว่าใครที่ฝึก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ แต่คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าคนผู้นั้นที่ปราชญ์ภูผาพิโรธพูดถึงก็คือกษัตริย์ที่ได้สวรรคตไปแล้ว
สมควรทราบว่า แม้ว่ากษัตริย์จะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ว่าเขามีอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในมือ และเป็นตัวแทนสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
……………………………..