ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2186 กลายเป็นเถ้าธุลีเพียงพลิกฝ่ามือ
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2186 กลายเป็นเถ้าธุลีเพียงพลิกฝ่ามือ
เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงเป็นคนแรกที่ออกมาแสดงท่าที ตามติดด้วยปราชญ์ภูผาพิโรธ ซึ่งสิ่งนี้ทุกคนไม่ได้รู้สึกว่าเหนือความคาดคิด เดิมทีบ้านตระกูลเผิงก็คือตระกูลขุนนางโบราณที่จงรักภักดีต่อกองกำลังซั่งอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การที่หลี่ชิเย่สังหารยอดฝีมือจำนวนหลายพันคนของบ้านตระกูลเผิงไป เรียกได้ว่าได้จัดการสังหารกำลังที่เกรียงไกรของตระกูลเผิงไปจนสิ้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงไม่แปลกแม้แต่น้อยหากตระกูลเผิงจะเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่
เวลานี้ เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงได้แสดงท่าทีออกมาแล้ว ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงต้องการเล่นบทไม่จบไม่สิ้นกับหลี่ชิเย่จนถึงที่สุดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่ชิเย่จะมีปฏิกิริยาเช่นใดกันเล่า
ถ้าหากว่าเวลานี้แม้แต่บ้านตระกูลเผิงหลี่ชิเย่ก็ไม่สามารถจัดการได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วบรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพเช่นเขาก็ดูจะไม่มีความสามารถทำให้ผู้คนยอมรับได้สักเท่าไร และยากที่จะสยบจิตใจของผู้คนได้
หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรไม่ได้มองดูบ้านตระกูลเผิงสักแวบด้วยซ้ำ และไม่ได้ไปมองดูเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงสักครั้ง เพียงยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าพูดแล้วว่า เป็นศัตรูกับข้า ฆ่าไม่มีละเว้น! ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเองข้าก็จะสงเคราะห์เจ้าก็แล้วกัน หากไม่ทำลายล้างบ้านตระกูลเผิงของเจ้า ยังคงเข้าใจว่าบรรพบุรุษอย่างข้านี่เป็นตัวปลอม”
“ข้าพร้อมเสมอ เข้ามาเลยก็แล้วกัน” เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงก็ตอบโต้ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวยิ่งกับคำพูดของหลี่ชิเย่ เขายืนอยู่เหนือท้องฟ้าบ้านตระกูลเผิง ด้วยพลังที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่เหมือนดั่งมหาสมุทร ดุจดั่งเขามีพลังฟ้าดินทั้งหมดอยู่ในครอบครอง
จะไปโทษเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงที่กล้าท้าทายต่อหลี่ชิเย่เช่นนี้ก็ไม่ถูก เดิมทีตัวเขาเองก็คือระดับเทพแท้จริงขั้นสูงอยู่แล้ว ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของบ้านตระกูลเผิง ลำพังกำลังความสามารถของตัวเขาเองก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว เวลานี้เขายืนอยู่บนบ้านตระกูลเผิง กำลังของเขาก็ยิ่งทรงพลังมากยิ่งกว่าเดิม
สมควรทราบว่า รากฐานบ้านตระกูลเผิงของพวกเขาสร้างขึ้นมาโดยบรรพบุรุษที่เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์คนแล้วคนเล่า ฐานเต๋าโดยรวมของบ้านตระกูลเผิงใหญ่โตและแน่นหนาอย่างยิ่ง
การที่เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงยืนอยู่บนพื้นที่ที่เป็นบ้านตระกูลเผิงของพวกเขา นั่นบ่งบอกว่าเขาสามารถขับเคลื่อนฐานเต๋าของบ้านตระกูลเผิงได้ตลอดเวลา ทำให้เขามีพลังจากฐานเต๋าบ้านตระกูลเผิงในครอบครอง ซึ่งสามารถเพิ่มพูนพลังต่อสู้ของเขาขึ้นไปในระดับที่สูงมาก
จะอย่างไรเสียการได้มาอยู่บนพื้นที่ของบ้านตระกูลเผิงของพวกเขา ทำให้เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงมีความได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพที่กล้าแข็งมาก
“แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น หาญกล้าคุยโวโอ้อวดไม่ละอายต่อหน้าข้า” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองหน้าเขาสักแวบด้วยซ้ำ มือขนาดใหญ่ของเขาพลันกางออก เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา ทันใดนั้นเองมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้รวบรวมเอาพลังของฟ้าดินและเหล่าอาณาจักรเอาไว้
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างเกิดภาพมายาขึ้น เหมือนว่าหลี่ชิเย่ได้ควบคุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดเอาไว้อย่างนั้น พลังสัจธรรมภายใต้พื้นที่นับสิบล้านลี้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกเขานำมาใช้ กระทั่งเหมือนว่าแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา พริบตาเดียวนั้น เสมือนหนึ่งว่าตัวเขานั่นแหละคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
ตูม…ตูม…ตูม…ในพริบตาเดียวนั่นเอง ขณะที่มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ยังคงรั้งอยู่ที่เขาฟันหลอ แต่ว่า บนท้องฟ้าได้มีการรวมและก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่มีลักษณะเหมือนกับมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ขึ้นมา ฝ่ามือขนาดยักษ์นี้สามารถบดบังท้องฟ้าเอาไว้ได้ สามารถสยบปราบหมื่นลี้ ภายใต้มือใหญ่มือนี้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินกว้างไกลนับหมื่นลี้ หรือว่าภูเขาที่สูงตระหง่านทะลุเมฆาก็ดูจะเล็กจิ๋วอะไรปานนั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงดังตูมตามตูม ตูม ตูมขึ้นมาเป็นระลอก ท่ามกลางเสียงที่ดังตูมตามนี้แม้แต่พื้นดินยังโคลงเคลงหวั่นไหว มองเห็นฝ่ามือยักษ์ข้างนี้พลันก้าวข้ามฟ้าดิน จากท้องฟ้าบนเขาฟันหลอทำลายท้องฟ้าจนแตกละเอียด ก้าวข้ามผืนแผ่นดินสิบล้านลี้ไปปรากฏตัวขึ้นอยู่บนท้องฟ้าของราชสำนัก ปรากฏอยู่ท้องฟ้าเบื้องบนของบ้านตระกูลเผิง
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมา พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นฝ่ามือยักษ์พุ่งเข้าสังหารต่อบ้านตระกูลเผิงอย่างไม่ลังเล เหมือนเป็นฝ่ามือของผู้ได้รับความเคารพสูงสุดอย่างนั้น ต้องการทำลายล้างบ้านตระกูลเผิงในชั่วพริบตาเดียว
“ฆ่า…” เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงคำรามเสียงดังออกมา เมื่อมองเห็นฝ่ามือยักษ์ที่พุ่งสังหารเข้ามา ทันใดนั้นมือขนาดใหญ่ของเขาได้ทำการดูด ได้ยินเสียงดังตูมฐานเต๋าของบ้านตระกูลเผิงได้พวยพุ่งพลังออกมาอย่างไม่ขาดสาย ขณะเดียวกัน พลังสัจธรรมดั่งน้ำตกสวรรค์ที่พุ่งย้อนขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นพลัง หรือพลังสัจธรรมล้วนแล้วแต่ถูกเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงนำไปใช้โดยพลัน
เสียงตึงดังขึ้น กระบี่ทำลายเก้าชั้นฟ้า เวลานี้บ้านตระกูลเผิงได้หลอมรวมคนและกระบี่เป็นหนึ่ง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเจิดจ้าเล่มหนึ่งพุ่งตรงขึ้นไปเบื้องบน และกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวได้สาดส่องประกายจนฟ้าดินบ้านตระกูลเผิงสว่างไสวไปทั่ว ภายใต้อานุภาพของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และอำนาจสวรรค์ ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรต้องถูกพลังรวมที่ปราศจากผู้ต่อกรสยบเอาไว้
หนึ่งกระบี่เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงที่พุ่งขึ้นไป พุ่งเป้าไปที่ฝ่ามือยักษ์ที่กำลังสยบลงมา หวังจะฟันฝ่ามือยักษ์ข้างนี้ให้ขาดในกระบี่เดียว
“แสงจากหิ่งห้อยหาญกล้าแข่งรัศมีกับดวงจันทรา” หลี่ชิเย่เพียงกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือขนาดใหญ่พลันหุบและโจมตีลงไป
ตูมพริบตาเดียวนั่นเอง ฝ่ามือยักษ์ข้างนั้นที่อยู่บนท้องฟ้าของบ้านตระกูลเผิงได้ทิ้งกฎเกณฑ์แต่ละข้อที่ดั่งน้ำตกสวรรค์ลงมา โดยที่กฎเกณฑ์แต่ละข้อนี้มีอำนาจสูงสุด ปราบทั่วฟ้าดินหมื่นสัจธรรม บดขยี้เหล่าชั้นฟ้าและพันอาณาจักร กฎเกณฑ์แต่ละข้อที่ทิ้งตัวลงมาดั่งน้ำตกสวรรค์ตามฝ่ามือยักษ์ที่ทำการสยบและปราบปราม ฉับพลันได้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างจนแหลกละเอียด
เสียงปัง…ดังสนั่นขึ้น มองเห็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงไม่สามารถต้านรับเอาไว้ได้เลย ภายใต้การบดขยี้ลงมาของฝ่ามือยักษ์ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงว่าต้องการจะฟันมือใหญ่ข้างนี้ให้ขาด ได้ยินเสียงดังปัง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นพลันแหลกละเอียดไป
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบหนีไป ถูกฝ่ามือยักษ์จับตัวเอาไว้แน่นโดยพลัน ต่อให้ฝีมือของเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงสูงส่งมากกว่านี้ ยังคงดูเล็กจิ๋วมากภายใต้ฝ่ามือยักษ์ข้างนี้!
“เปิด…” หลังจากที่เซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงถูกฝ่ามือยักษ์จับตัวเอาไว้แน่ได้ส่งเสียงคำรามเสียงดังขึ้นมา สำแดงฝีมือที่มีอยู่ทั้งหมด พลันปะทุเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งมากที่สุด หวังดิ้นหลุดออกจากฝ่ามือยักษ์ข้างนี้ แต่ทว่ายังคงไร้ประโยชน์ ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เมื่อฝ่ามือยักษ์ออกแรงบีบเข้าไป พลันทำลายกฎเกณฑ์สัจธรรมทั้งหมดของเขาจนสิ้น และบดขยี้ทำลายเคล็ดวิชาของเขาไป
คร๊ากกเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้นไม่ขาดสาย มองเห็นฝ่ามือที่บีบรัดเข้าไป ร่างกายของเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงถูกบีบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ สุดท้ายได้ยินเสียงดังปุเซิ่นจู่แห่งบ้านตระกูลเผิงพลันถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือดไป ไม่ทันแม้กระทั่งส่งเสียงร้องที่น่าเวทนาออกมา
ตูม…เสียงดังสนั่น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นฝ่ามือยักษ์ข้างนี้ได้ปกคลุมบ้านตระกูลเผิงเอาไว้ ทันใดนั้น เด็กเล็ก ผู้หญิงอ่อนแอทั้งหมดถูกดีดออกไปจากบ้านตระกูลเผิง จากนั้นตามติดด้วยเสียงดังตูม ตูม ตูมที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นนิ้วทั้งห้าของฝ่ามือยักษ์แทงเข้าไปใต้พื้นดิน บ้านตระกูลเผิงที่ครอบครองพื้นที่นับพันลี้ถูกฝ่ามือยักษ์ข้างนี้ถอนรากถอนโคนขึ้นมา และบ้านตระกูลเผิงตกไปอยู่ในอุ้งมือของฝ่ามือยักษ์ข้างนี้
“ฆ่า…” ยอดฝีมือ ระดับผู้อาวุโส บรรดาศิษย์ และระดับบรรพบุรุษทั้งหมดที่ยังคงถูกขังเอาไว้ในบ้านตระกูลเผิงต่างตระหนกจนหน้าถอดสี พวกเขาร้องคำรามเสียงดังออกมา รวบรวมพลังที่มีอยู่ทั้งหมดแล้วโจมตีใส่ฝ่ามือยักษ์ที่อยู่บนหัว หวังเปิดเป็นช่องเพื่อจะได้หนีรอดจากฝ่ามือยักษ์ข้างนี้
แต่ทว่า ต่อให้บรรดาศิษย์ ระดับผู้อาวุโส ระดับบรรพบุรุษทุ่มสุดชีวิตก็ยังคงไม่สามารถทำให้เกิดเป็นช่องโหว่ขึ้นมาได้แม้แต่น้อย ได้ยินเสียงดังปุ…บ้านตระกูลเผิงถูกบีบจนแหลกละเอียดเป็นผุยผง
เพียงชั่วพริบตาเดียว บ้านตระกูลเผิงที่มีพื้นที่กว้างใหญ่นับพันลี้ก็กลายเป็นดินทรายที่อยู่ระหว่างนิ้วเท่านั้น ถูกบีบจนแหลกกลายเป็นผุยผงร่วงหล่นออกจากช่องระหว่างนิ้วกระจายเต็มพื้นดิน
สุดท้าย เสียงซ่าาาดังขึ้น เมื่อนิ้วทั้งห้าของฝ่ามือยักษ์คลายออก ดินทั้งหมดได้ถูกเทลงมาและถมหลุมยักษ์ที่ถูกขุดขึ้นมาเมื่อครู่จนเต็ม
ผืนแผ่นดินผืนนั้นยังคงดูราบเรียบ บนพื้นที่ที่ราบเรียบแห่งนี้ปราศจากสิ่งปลูกสร้างอีกแล้ว และไม่มีกิจการใดๆ บ้านตระกูลเผิงไม่ได้คงอยู่อีกต่อไป ขณะมองดูผืนแผ่นดินผืนใหม่นี้แล้ว ทุกคนรู้สึกว่ามันคล้ายดั่งเป็นฝันร้ายอย่างนั้น บ้านตระกูลเผิงจบสิ้นลงในลักษณะเช่นนี้ เหมือนหนึ่งพื้นที่แห่งนี้ไม่เคยมีตระกูลขุนนางโบราณที่ชื่อว่าบ้านตระกูลเผิงอย่างนั้น
“หายไปแล้ว?” บรรดาคนแก่ เด็กและผู้หญิงที่อ่อนแอรู้สึกงงงันเมื่อได้เห็นภาพนี้ บ้านตระกูลเผิงพลันหายไปแล้ว พวกเขาที่เป็นคนแก่ เด็กและผู้หญิงที่อ่อนแอไม่รู้อยู่แล้วว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ไม่…” ภายในค่ายของกองกำลังซั่งที่เขาฟันหลอ ปรากฏเสียงร้องที่แหลมและเศร้ารันทดยิ่งดังขึ้น เมื่อมองเห็นบ้านตระกูลเผิงกลายเป็นเถ้าธุลีไปในลักษณะเช่นนี้ มันคือเสียงที่มาจากเผิงฉู่จวิน เจ้าบ้านตระกูลเผิงที่หนีเข้าไปยังค่ายของกองกำลังซั่งนั่นเอง
เจ้าบ้านผู้นี้ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาสามารถหนีรอดจากเคราะห์กรรมไปได้ แต่ทว่า บ้านตระกูลเผิงของพวกเขาไม่คงอยู่อีกแล้ว ตระกูลเผิงทั้งหมดกลับกลายเป็นเถ้าธุลีด้วยประการเช่นนี้
ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่งดังขึ้น เห็นเพียงเผิงฉู่จวินที่กระอักเป็นเลือดพ่นออกมา ลักษณะเหมือนเป็นสายรุ้งที่วิ่งผ่านท้องฟ้าไป ร่างกายของเขาล้มลงแข็งทื่อ หลังจากล้มลงแล้วก็ไม่กระดุกกระดิกอีกเลย ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกโพลง เวลานี้เผิงฉู่จวินถึงกับลมปราณตีขึ้น เสียใจเกินขนาด ถึงกับตายด้วยความโมโห
เวลานี้ ทั่วฟ้าดินกลับกลายเป็นเงียบสงัดยิ่งนัก ทุกคนต่างรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่าง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวสักนิด ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกว่าตนเองนั้นหนาวเย็นไปทั่วร่าง กระทั่งตกใจจนแทบหัวใจวาย
ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้อาวุโสของสำนักใดสำนักหนึ่ง หรือจะเป็นระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ล้วนแล้วแต่ถูกทำให้ตกใจจนหน้าขาวซีด ขาทั้งสองข้างสั่นเทาตลอดเวลา
ตระกูลขุนนางโบราณตระกูลหนึ่งจบสิ้นลงเพียงเท่านนี้ ไม่มีกำลังแม้กระทั่งจะขัดขืน เพียงแค่บีบเบาๆ เท่านั้น ตระกูลขุนนางโบราณตระกูลหนึ่งก็กลับกลายเป็นเถ้าธุลีไป ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเหลือเกิน
“เขาคือเทพแท้จริง ขั้นขึ้นสู่สวรรค์รึ? หรือจะเป็นขั้นอมตะ?” ไม่ง่ายนักกว่าระดับบรรพบุรุษจะได้สติกลับมา ถูกทำให้ตกใจจนใบหน้าขาวซีด หากไม่พยายามฝืนบังคับให้จิตสงบ เกรงว่าเวลานี้ก็ยืนไม่มั่นคงเช่นกัน
สำหรับศิษย์ระดับธรรมดาจำนวนมากถูกภาพเช่นนี้ทำให้ตกใจจนหน้าปราศจากสีเลือด ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น
“แค่มดปลวกเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูมากกว่านั้น เรียกมือขนาดใหญ่กลับคืน และเอ่ยขึ้นเรียบเฉย
ขณะที่หลี่ชิเย่เรียกมือขนาดใหญ่กลับคืน ฝ่ามือยักษ์ข้างนั้นที่อยู่บนท้องฟ้าราชสำนักนั้นก็จางหายไป ถ้าหากไม่เป็นเพราะบนพื้นดินยังคงปรากฏดินที่ดูใหม่ ยังเข้าใจว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน
ในขณะนี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกสั่นเทิ้มทีหนึ่ง แม้แต่ระดับบรรพบุรุษก็ต้องสั่นเทิ้มเช่นกัน อย่าบอกว่าแววตาที่มองไปยังหลี่ชิเย่เวลานี้เปลี่ยนไป เวลานี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่หาญกล้ามองดูหลี่ชิเย่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสู้สายตากับหลี่ชิเย่เลย เกรงว่าแค่หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาไปตามอารมณ์ก็สามารถทำให้พวกเขาต้องตกใจจนแทบหัวใจวาย
อย่าได้กล่าวถึงบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเลย เกรงว่าแม้แต่สี่ปราชญ์แห่งกองกำลังซั่ง หรือตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็มีสีหน้าที่ขาวซีดเช่นเดียวกัน