ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2216 ริบบิ้นเงิน
หลังจากที่เปลวไฟทั้งหมดได้มุดลงใต้ดินไปชั่วครู่ใหญ่แล้วเสียงปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง พื้นดินพลันแยกออกกะทันหัน เหมือนมีสิ่งของบางสิ่งจะมุดขึ้นมาจากใต้ดิน
ขณะที่สิ่งของสิ่งนี้มุดขึ้นมาจากใต้ดินนั้น เสมือนดั่งเป็นริบบิ้นไหมเส้นหนึ่งอย่างนั้น แต่ว่า เมื่อมองดูให้ละเอียดแล้วก็ไม่เหมือนเป็นริบบิ้นไหม แต่เหมือนเป็นทางช้างเผือกสายหนึ่งมากกว่า เหมือนเป็นทางช้างเผือกที่กว้างใหญ่ไพศาลปราศจากขอบเขตย่อส่วนลงจนกลายเป็นขนาดเท่าริบบิ้นไหมอย่างนั้น
เมื่อมองดูให้ละเอียด จะเห็นว่าริบบิ้นไหมเส้นนี้มีดวงดาวล้อมรอบ มีตะวันจันทราที่ขึ้นและตก มีดวงตะวันแต่ละดวงที่แผ่ประกายที่ร้อนแผดเผาออกมา เมื่อสังเกตดูให้ละเอียดอีกนิดก็จะพบว่า ดวงตะวันแต่ละดวงเกิดขึ้นจากเปลวไฟที่ออกมาจากตัวของหลี่ชิเย่เมื่อครู่นี้เอง เหมือนว่าเปลวไฟทั้งหมดได้ควบรวมกลายเป็นดวงตะวันแต่ละดวง
เนื่องจากมีดวงตะวันแต่ละดวงเช่นนี้นี่เอง จึงสามารถจุดประกายให้ทางช้างเผือกสายนี้มีความสว่างไสว ประกายที่ทางช้างเผือกขนาดเท่าริบบิ้นไหมเปล่งออกมานั้นก็มาจากดวงตะวันแต่ละดวงที่ประดับประดาอยู่นี้เอง ซึ่งมีลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นพลอยสีแดงแต่ละเม็ดที่ฝังเลี่ยมอยู่บนนั้นอย่างนั้น
เวลานี้ ริบบิ้นไหมได้ตกอยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้ว มันล้อมรอบฝ่ามือของหลี่ชิเย่เบาๆ เหมือนดั่งมีชีวิต ตามติดด้วยประกายแต่ละสายที่สัมผัสผิวหนังของหลี่ชิเย่เบาๆ คล้ายดั่งเป็นหนวดสัมผัสขนาดจิ๋วแต่ละอันที่สัมผัสอย่างแผ่วเบาด้วยความระมัดระวัง เหมือนว่าหากมีเหตุการณ์ใดๆ แม้แต่น้อยนิดก็สามารถทำให้พวกมันต้องตื่นตระหนก
สุดท้ายประกายลักษณะเช่นนี้ทั้งหมดได้พันรอบฝ่ามือของหลี่ชิเย่ และริบบิ้นไหมก็พันตามมา เวลานี้ฝ่ามือของหลี่ชิเย่ถูกพันจนเต็มไปหมด แลดูเหมือนว่าฝ่ามือของหลี่ชิเย่ได้รับบาดเจ็บมา และถูกพันด้วยผ้าก๊อตเป็นชั้นๆ จนหนาเตอะอย่างนั้น
ครั้นริบบิ้นไหมทั้งเส้นได้พันเข้ากับฝ่ามือของหลี่ชิเย่ไปแล้ว ได้ยินเสียงดังตูมริบบิ้นไหมที่พันอยู่กับฝ่ามือของหลี่ชิเย่ถึงกับลุกไหม้ขึ้นโดยพลัน ทั้งยังลุกไหม้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฝ่ามือข้างนั้นของหลี่ชิเย่ถูกเผาไหม้อยู่
แต่ว่า ต่อให้เปลวไฟนี้ลุกไหม้รุนแรงมากขึ้นก็ตาม แต่กลับไม่ได้ทำให้หลี่ชิเย่ได้รับบาดเจ็บจากการเผาไหม้ในครั้งนี้แม้แต่น้อย ว่าไปแล้วก็ให้แปลก ขณะที่เปลวไฟลักษณะเช่นนี้ลุกไหม้ขึ้นมานั้น ไม่เพียงไม่ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาจากเปลวไฟรุนแรงนี้ ตรงกันข้ามกลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนละมุนละไมอย่างยิ่ง เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไหลรินอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่ ให้ความรู้สึกเหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านก้อนหินอย่างนั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ริบบิ้นไหมทั้งเส้นก็ถูกเปลวไฟเผาผลาญไปจนสิ้น หลังจากที่ทางช้างเผือกลักษณะเช่นนี้ถูกเผาไหม้ไปแล้ว เหมือนว่าดวงดาวแต่ละดวง ดวงตะวันแต่ละดวงต่างจางหายไปสิ้น แต่กลับคงไว้เป็นเส้นใยไหมสีเงินแต่ละเส้นที่มีขนาดเล็กมาก โดยที่เส้นใยไหมสีเงินที่มีขนาดเล็กมากเหล่านี้คล้ายเป็นเส้นชีพจรแต่ละเส้นของจักรวาลอย่างนั้น แม้ว่ามันจะมีขนาดที่เล็กมากๆ แต่มันคือกุญแจสำคัญในการก่อกำเนิดเป็นจักรวาลขึ้นมา เป็นเส้นใยไหมสีเงินเช่นพวกมันที่เป็นโครงสร้างทำให้เกิดเป็นจักรวาลๆ หนึ่งขึ้นมาอย่างนั้น
เส้นใยไหมสีเงินขนาดเล็กแต่ละเส้นกำลังแหวกว่ายอยู่ เหมือนว่าพวกมันได้สร้างเวลา ช่องว่างให้กับโลกๆ หนึ่งอย่างนั้น สุดท้าย เมื่อเส้นใยไหมแต่ละเส้นเช่นนี้ได้ประกอบเข้าด้วยกันแล้ว ถึงกับกลับกลายเป็นเปลวไฟขนาดเล็กจิ๋วช่อหนึ่ง เปลวไฟขนาดเล็กจิ๋วช่อนี้กลับมีสีเงิน
ขณะที่เปลวไฟขนาดเล็กจิ๋วช่อนี้วูบวาบอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่นั้น ดูไปแล้วเหมือนว่ามันไม่ใช่เปลวไฟ
เหมือนว่ามันคือสิ่งที่มีชีวิต อีกทั้งเปลวไฟขนาดเล็กจิ๋วช่อลักษณะเช่นนี้ขณะวูบวาบอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่อยู่นั้น มันได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ต่างๆ นานา เหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สุดยอดลี้ลับอย่างมหัศจรรย์อย่างนั้น
สุดท้าย ได้ยินเสียงดังตูมเปลวไฟสีเงินขนาดเล็กถึงกับระเบิดขึ้นโดยพลัน คล้ายดั่งเป็นดวงตะวันดวงหนึ่งที่ระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตามติดด้วยเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดและมองเห็นเปลวไฟสีเงินที่ระเบิดขึ้นนั้นได้กลับกลายเป็นเส้นใยไหมสีเงินขนาดจิ๋วแต่ละเส้น โดยที่เส้นใยไหมสีเงินขนาดจิ๋วแต่ละเส้นได้ยิงกระจายออกไปทุกทิศทุกทางในทันใด ฉับพลันก็บินหายตัวไปอย่างรวดเร็วในน้ำที่ใสสะอาดที่อยู่รอบๆ พวกมัน โดยไม่รู้ว่าบินไปยังสถานที่ใด
หลี่ชิเย่ที่มองดูใยไหมสีเงินแต่ละสายที่บินกระจายไปทุกทิศทุกทางอย่างรวดเร็วแล้วก็ไม่ได้ไล่ติดตามไป เพียงยิ้มเมินเฉยเท่านั้นเอง หัวเราะและกล่าวว่า “นับว่าเป็นของดีโดยแท้”
กล่าวพลาง มองดูไม้บรรทัดวัดสวรรค์ที่อยู่ในมือแล้วเก็บมันขึ้น เมื่อมีไม้บรรทัดวัดสวรรค์อยู่ในมือ กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ใยต้องกังวลว่าจะไม่ได้ของวิเศษทั่วหล้ามาครอบครองเล่า?
ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองเปลวไฟทั้งหมดได้ปกคลุมร่างกายของหลี่ชิเย่อีกครั้ง และห่อหุ้มตัวของหลี่ชิเย่เอาไว้
ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิง หลี่ชิเย่เริ่มลอยตัวขึ้นข้างบน เขาต้องการไปจากที่นี่กลับคืนสู่พื้นดิน
ระหว่างที่หลี่ชิเย่ลงลึกเข้าไปยังแมกมานั้น ดินแดนต้นกำเนิดไฟมีความคึกครื้นยิ่งนัก โดยเฉพาะข่าวว่าดอกบัวแห่งดินแดนต้นกำเนิดไฟจะเบ่งบาน ยิ่งเป็นการดึงดูดให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเดินทางมากันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนของเผ่าไฟ พวกเขายิ่งไม่ต้องการพลาดโอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้ พวกเขาต่างทยอยกันรุดไปยังดินแดนต้นกำเนิดไฟ เพื่อค้นหาดอกบัวแห่งดินแดนต้นกำเนิดไฟ
ดอกบัวแห่งดินแดนต้นกำเนิดไฟคือบัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีแหล่งกำเนิดเพียงหนึ่งเดียวของดินแดนต้นกำเนิดไฟ มีความล้ำค่าอย่างยิ่ง แม้จะกล่าวว่า ดอกบัวแห่งดินแดนต้นกำเนิดไฟไม่สามารถนำมาเข้ายาได้ แต่ว่าเสี้ยววินาทีที่มันเบ่งบานเต็มที่นั้น มันจะปล่อยเพลิงบัวที่มีเพียงหนึ่งเดียวออกมา เพลิงบัวชนิดนี้สามารถผสมผสานและละลายเข้ากับร่างกายของผู้บำเพ็ญตน ทำการชะล้างและกลั่นเกลาสารเจือปนที่สะสมอยู่ภายในร่างกายของผู้บำเพ็ญตน เพื่อขัดเกลาคุณสมบัติกายของผู้บำเพ็ญตน ทำให้กายเนื้อของผู้บำเพ็ญตน มีความแกร่งมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เนื่องจากมีการผสมผสานและละลายสารเจือปนที่อยู่ภายในร่างกายของผู้บำเพ็ญตนออกไป ก็จะลดความเสี่ยงในการเกิดธาตุไฟเข้าแทรกขณะฝึกวิชาของผู้บำเพ็ญตนลง
ผู้บำเพ็ญตนเผ่าไฟมีความใกล้ชิดกับต้นกำเนิดไฟมาแต่กำเนิด กล่าวสำหรับคุณสมบัติผู้บำเพ็ญตนเผ่าไฟแล้ว พวกเขาล้วนแล้วแต่ชื่นชอบในการอาศัยดอกบัวแห่งดินแดนต้นกำเนิดไฟมาชำระล้างกายาของตน อีกทั้งเพลิงบัวของดอกบัวแห่งดินแดนต้นกำเนิดไฟมีประโยชน์ต่อผู้บำเพ็ญตนเผ่าไฟมากกว่าผู้บำเพ็ญตนเผ่าพันธุ์อื่นๆ มากทีเดียว
ช่วงเวลาระหว่างนี้ได้มีผู้บำเพ็ญตนที่ทะลักเข้าไปยังดินแดนต้นกำเนิดไฟเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีข่าวต่างๆ นานาที่แพร่สะพัดอยู่ระหว่างผู้บำเพ็ญตนด้วยกัน
“ข้าได้เห็นเทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงแล้ว โอ้โห เทพธิดาชัดๆ” มีศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ชายผู้หนึ่งกล่าวกับพรรคพวกของตนด้วยความดีใจอย่างยิ่ง
“เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงก็มาที่ดินแดนต้นกำเนิดไฟแล้วรึ?” ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่รู้สึกดีใจกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นชาย ดูจะดีใจมากเป็นพิเศษ
“เป็นความจริง ก่อนหน้านี้วันหนึ่งข้ายังได้เห็นนางก้าวข้ามทะเลแมกมาปีศาจ นับว่าช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน เคยมีเทพแท้จริงขั้นสูงขณะก้าวข้ามทะเลแมกมาปีศาจ ไม่ทันระวังพลาดตกลงไปและถูกหลอมละลายกลายเป็นแมกมาไป” ผู้บำเพ็ญตนหนุ่มผู้นี้ถึงกับกล่าวด้วยความดีใจว่า “ในขณะที่เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงก้าวข้ามทะเลแมกมาปีศาจได้อย่างง่ายดาย…”
“…เสมือนดั่งเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนอย่างนั้น ไม่เสียทีที่เป็นยอดอัจฉริยะบุคคลสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแดนลัทธิพรรษของพวกเรา ไม่เสียทีกับฉายาเทพสงครามสตรีแห่งจูเซียง” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้บำเพ็ญตน ผู้นี้ถึงกับสองตาเป็นประกาย ความเลื่อมใสปรากฏอยู่เต็มใบหน้า เผยให้เห็นถึงท่าทีที่รักใคร่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
“นับว่าเทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงมีความยอดเยี่ยมโดยแท้นะเนี่ย นางคืออัจฉริยะบุคคลที่สามารถเทียบเคียงสามคุณชายได้” เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินข่าวนี้แล้วก็อดที่จะกล่าวทอดถอนใจออกมา
ฉายาของหวู่ปิงหนิงก็คือ ‘เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียง’ นางที่มีชาติกำเนิดมาจากจูเซียงหวู่ถิงไม่เพียงมีชาติกำเนิดที่สูงส่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์ที่สูงมาก ก้าวขึ้นสู่ระดับเทพแท้จริงตั้งแต่อายุยังน้อยมาก นางคืออัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดของจูเซียงหวู่ถิง และทางจูเซียงหวู่ถิงได้ฝากความหวังไว้กับนางสูงมาก
เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงใช่เพียงมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากในแดนลัทธิพรรษเท่านั้น นางยังมีรูปโฉมที่งามหยาดเยิ้ม คือสุดยอดสาวงามแห่งยุคเลยทีเดียว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มีจิตเคลิบเคลิ้มหลงใหลในตัวนาง
“ข้าได้ข่าวมาว่า เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงเคยติดตามกองทัพพันธมิตรไปโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ดูท่าคราวนี้นางคงสร้างผลงานยอดเยี่ยมเอาไว้” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสอดที่จะกล่าวขึ้นเมื่อได้ยินข่าวนี้
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว คราวนี้กองทัพพันธมิตรที่ไปโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเรียกได้ว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก กองกำลังเกรียงไกรบาดเจ็บล้มตายทั้งหมด สุดท้ายแล้ว ผู้ที่รอดชีวิตกลับมาก็มีเพียงระดับบรรพบุรุษที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงเท่านั้น การที่เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงในฐานะที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าร่วมโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในครั้งนี้ สามารถมีชีวิตรอดกลับมา ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของนางได้แล้ว” ระดับผู้อาวุโสพรรคเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งที่อยู่ในสังกัดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงได้เอ่ยขึ้น
เรื่องที่กองทัพพันธมิตรเข้าโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้น เป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วในแดนลัทธิพรรษ ภายหลังกองทัพพันธมิตรได้ยกทัพกลับมา แต่ว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก กำลังอันเกรียงไกรนับหมื่นตายในสนามรบ
แต่ว่าการบุกโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของกองทัพพันธมิตรก็นับว่าได้บรรลุเป้าหมายแล้ว สามเทพเลือดกำแหงถูกสังหาร และบังคับให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงลงนามในข้อตกลงครั้งก่อนนั้นอีกครั้ง กล่าวสำหรับบรรดาเหล่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากแล้ว การรบในครั้งนี้ก็นับว่าประสบผลสำเร็จเป็นกอบเป็นกำ
แน่นอนที่สุด มันเป็นเพียงคำประกาศของบรรดาบรรพบุรุษที่มีชีวิตรอดกลับมาจากศึกในครั้งนี้เท่านั้น พวกเขาได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า การโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในครั้งนี้ ได้รับชัยชนะบนความเสียหายอย่างหนัก ประหารผู้ที่เป็นตัวก่อเหตุ และบังคับให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงในครั้งนั้นต่อไป
แม้ว่าวิธีการพูดเช่นนี้ของเหล่าบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ เป็นการยกย่องตนเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลักษณะการพูดของพวกเขาก็ไม่นับว่าผิดพลาดแต่อย่างใด
เป็นความจริงที่สามเทพเลือดกำแหงถูกสังหาร ส่วนใครจะเป็นคนลงมือสังหารนั้นมันไม่สำคัญอีกแล้ว อีกทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเองก็ยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีต่อกันในครั้งนั้น ส่วนใครคือผู้ที่ถูกบังคับนั้น คงมีเพียงระดับสูงของสองฝ่ายเท่านั้นที่รู้ เป็นต้นว่าบรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่เข้าร่วมศึกในครั้งนี้ หลี่ชิเย่ หลี่เชียนเป็นต้น ส่วนคนอื่นๆ ที่เป็นบุคคลภายนอกจะไปรับรู้ได้อย่างใดว่าใครเป็นฝ่ายถูกบังคับกันเล่า?
ในความหมายบางแง่มุมแล้ว กองทัพพันธมิตรของพวกเขาในคราวนี้ก็นับว่าชนะบนความเสียหายอย่างหนัก การที่พวกเขาประกาศต่อสาธารณชนออกมาเช่นนี้ก็มีเหตุผล
ส่วนเรื่องที่หวู่ปิงหนิงถูกควบคุมตัวเป็นตัวประกันอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้น ทางกองทัพพันธมิตรไม่ได้ประกาศออกไป เป็นเบื้องหลังที่มีเพียงระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ เท่านั้นที่รู้
จะอย่างไรเสียหากเรื่องนี้มีการเผยแพร่ออกไป ไม่เพียงทำให้ปฏิบัติการของกองทัพพันธมิตรในครั้งนี้ต้องอับอาย ขณะเดียวกันก็ใช่จะเป็นเรื่องดีสำหรับจูเซียงหวู่ถิง และตัวของหวู่ปิงหนิงเอง จะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาได้รับความเสื่อมเสีย
ดังนั้น ในเรื่องนี้ผู้ที่ทราบเรื่องในแดนลัทธิพรรษจึงมีน้อยมากถึงน้อยที่สุด ต่อให้มีผู้ที่รับรู้ว่าหวู่ปิงหนิงเคยติดตามกองทัพพันธมิตรไปโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ทุกคนต่างเข้าใจว่าหวู่ปิงหนิงได้รับชัยชนะกลับมาพร้อมกับเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลาย
ดังนัน เมื่อมีการเอ่ยถึงเรื่องที่เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงติดตามกองทัพพันธมิตรไปโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ผู้คนจำนวนมากถึงกับลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง และให้การยอมรับยิ่งนัก
ทุกคนต่างก็รู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ปิดตนเอง การบุกโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่ากับเป็นการเข้าไปในถ้ำเสือ การที่เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงในฐานะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถึงกับติดตามเหล่าบรรพบุรุษเข้าสู่สมรภูมิสู้รบโดยไม่ลังเล จะต้องอาศัยความกล้าหาญมากมายเช่นใด
“อิสตรีไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ การที่เทพสงครามสตรีแห่งจูเซียงหาญกล้าติดตามเหล่าบรรพบุรุษไปในสงครามปราบปรามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นับเป็นแบบอย่างที่ดีงามของกลุ่มคนรุ่นใหม่ กระทั่งกล่าวได้ว่า ในด้านนี้นางมีแต่แข็งแกร่งกว่าโดยไม่ด้อยไปกว่าสามคุณชาย ความกล้าหาญเช่นนี้ของนาง ได้ทำให้ชายชาตรีจำนวนเท่าไรที่ต้องอับอายกันเล่า”
………………………………….