ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2227 เข้าหุบเขาอมตะ
ในเวลานี้ นักพรตฉางเซินรับกับสายตาของหลี่ชิเย่ มองตรงเข้าไปยังประกายที่ลึกล้ำยิ่งนักของหลี่ชิเย่ สุดท้าย นางพนมมือและกล่าวว่า “หวูเลี่ยงเทียนจุน โลกนี้ไหนเลยมีอมตะ ล้วนแล้วแต่เป็นการยึดมั่นของชาวโลกเท่านั้นเอง”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “หากปราศจากอมตะ แล้วมีหุบเขาอมตะได้อย่างใด สิ่งที่เซียนโอสถคาดหวัง ใช่เพียงแค่ยาเม็ดอายุวัฒนะขนานเดียวเท่านั้น”
“ความเป็นอมตะไม่อาจรู้ได้ เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น” นักพรตฉางเซินที่ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม และกล่าวว่า “เฉกเช่นท่าน ไหนเลยจะกล้ายืนยันในวิถีสู่ความเป็นอมตะ?”
“หากอาศัยมาตรฐานของข้า จะค้นหาความเป็นอมตะบนโลกให้ได้ ใช่ว่าจะง่ายดายนัก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “แต่ทว่า หุบเขาอมตะของพวกท่าน ไม่สิ ในหุบเขาอมตะของพวกเรามีอยู่สิ่งหนึ่งใช่หรือไม่ เจ้าหุบเขาก็อย่าได้โกหกข้า ไม่แน่นักในอนาคตข้ากับเจ้าหุบเขาอาจได้เป็นคู่รักบำเพ็ญเพียรก็เป็นได้ เจ้าหุบเขา ท่านคิดว่าท่านกับข้าใช่สมควรจะจริงใจต่อกันหรือไม่นะ?”
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าท่านมาด้วยเรื่องของความเป็นอมตะแล้ว” นักพรตฉางเซินกล่าวและก็ไม่ได้มีท่าทีที่ตื่นตระหนก
“ข้าน่ะมาด้วยเรื่องของวาสนา เหมือนเช่นเจ้าหุบเขาที่เจอะเจอกับข้าอย่างนั้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวาสนา” หลี่ชิเย่หัวเราะมีเลศนัย และหลี่ชิเย่ “หากไม่มีวาสนาเช่นนี้แล้ว ไหนเลยที่เจ้าหุบเขาจะได้เจอะเจอกับข้าล่ะ?”
“สาธุ สาธุ” นักพรตฉางเซินเผยรอยยิ้มออกมา ยามที่นางยิ้มนั้น เสมือนดั่งทุกสรรพสิ่งกลับคืนสู่วสันตฤดู ยอดเยี่ยมสุดจะพรรณนา และกล่าวว่า “ทั้งหมดล้วนเกิดจากวาสนา บางทีก็อาจจะดับไปด้วยวาสนา ใช่ว่าเป็นวาสนาแล้วก็สมควรทะนุถนอมเอาไว้”
“ไม่ การเกิดและดับของวาสนาใช่ว่าแค่ทะนุถนอมง่ายๆ เพียงเท่านั้น ‘วาสนา’ คำนี้จำเป็นต้องมีการบริหาร” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “มีเพียงท่านกับข้าบริหารร่วมกัน ‘วาสนา’ ของกันและกันจึงสามารถทนต่อการทดสอบของกาลเวลาได้ มิฉะนั้นล่ะก็ วาสนาที่ว่ามันก็เป็นเพียงการคำนึงถึงแต่ด้านผลประโยชน์เท่านั้น เจ้าหุบเขาท่านว่าอย่างนั้นหรือไม่?”
นักพรตฉางเซินจ้องมองหลี่ชิเย่อยู่พักใหญ่ สุดท้าย เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ชีวิตมนุษย์ล้วนเป็นไปตามลิขิต ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ในเมื่อท่านมาด้วยเรื่องของความเป็นอมตะ ก็ต้องจากไปด้วยเรื่องของความเป็นอมตะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ภายในจิตใจของท่าน”
“มันก็ไม่แน่” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะมาด้วยความเป็นอมตะเช่นใด และไปด้วยเรื่องของความเป็นอมตะเช่นใด ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว เจ้าหุบเขาก็คือความเป็นอมตะ ไม่แน่นัก ข้าอาจมาเพื่อตัวของเจ้าหุบเขาก็ได้ และไปเพื่อตัวของเจ้าหุบเขาก็ได้”
นักพรตฉางเซินจ้องมองหลี่ชิเย่และนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อท่านมาเพื่ออมตะก็อย่าได้รีบร้อนเกินไปนัก พักอยู่ที่หุบเขาอมตะสักหน่อยเป็นไร?”
“เอาเถอะ ระยะเวลาแค่นี้ข้ารอได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อมาเพราะอมตะ และไปเพราะอมตะ บางทีอาจได้สาวงามกลับไปด้วย เจ้าหุบเขาว่าอย่างนั้นหรือไม่?”
นักพรตฉางเซินใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ไม่ตอบ แต่ว่าก็ไม่ถือสากับการหยอกล้อเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน รอคอยอมตะของท่าน” สุดท้ายหลี่ชิเย่หัวเราะและมุ่งหน้าไปยังหุบเขาอมตะ
นักพรตฉางเซินมองส่งหลี่ชิเย่จนไกล แล้วจึงละสายตากลับมา พนมมือและกล่าวว่า “สาธุ สาธุ” สุดท้ายมองไปอีกทิศทาง มองเห็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปได้อย่างชัดเจน และมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น
แม้ว่าหุบเขาอมตะคือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะทั้งหมด และเป็นผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เป็นตัวแทนผู้สืบทอดต่อจากเซียนโอสถซึ่งเป็นปฐมบรรพบุรุษ มีเคล็ดลับด้านโอสถของเซียนโอสถในครอบครองมากที่สุด ไม่มีสำนักใดๆ สามารถเทียบเคียงกับเขาได้
ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมีสำนักเจ้าลัทธิและตระกูลขุนนางโบราณอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งแคว้นและสำนักที่กล้าแข็งก็มีเป็นจำนวนมากนับกันไม่หวั่นไม่ไหว ที่แข็งแกร่งมากที่สุดอย่างเช่นแค้วนว่านโซ่ว สำนักไป่ตันเป็นต้น พวกเขาไม่เพียงมีชื่อเสียงโด่งดังในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ แม้แต่ในแดนลัทธิพรรษก็มีชื่อเสียงอยู่เช่นกัน มีผลกระทบที่ลึกล้ำกว้างไกล
ในแดนลัทธิพรรษเคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า หากว่ากันด้วยเรื่องของกำลังสู้รบ เกรงว่าแค้วนว่านโซ่วคงแซงล้ำหน้าหุบเขาอมตะไปแล้ว กระทั่งศิษย์ของแค้วนว่านโซ่วบางส่วนได้ยกย่องตนเองว่า พวกเขาคือแคว้นอันดับหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้ว
สิ่งนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า กำลังของแค้วนว่านโซ่วมีมากมายเช่นใด และสามารถจินตนาการได้ว่าแค้วนว่านโซ่วมีความมักใหญ่ใฝ่สูงเช่นใดแล้ว
เปรียบเทียบกับแค้วนว่านโซ่วที่เหมือนดั่งพระอาทิตย์ขึ้นอยู่กลางฟ้าแล้ว หุบเขาอมตะในฐานะที่เป็นสายตรงกลับดูจะทำตัวค่อมต่ำอยู่บ้าง แม้ว่าในหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนักพรตฉางเซิน เรียกได้ว่าหุบเขาอมตะมีความเจริญมากยิ่งขึ้นทุกวัน แต่ว่า ขอบเขตการดำเนินการของหุบเขาอมตะเน้นหนักไปทางด้านของยาเม็ด และวิชาโอสถ กล่าวได้ว่า จำนวนหมอโอสถของหุบเขาอมตะในหลายปีที่ผ่านมามีอัตราส่วนการเพิ่มขึ้นเป็นอันมากเมื่อเทียบกับยุคก่อนหน้า กระทั่งมีผู้คาดคะเนว่า ในอนาคตจะเป็นยุคของหุบเขาอมตะที่สามารถบงการในเรื่องของยาเม็ดทิพย์โอสถวิเศษของแดนลัทธิพรรษทั้งหมด
อาจกล่าวได้ว่า หลายปีมานี้หุบเขาอมตะได้ทุ่มเทกำลังกายใจในด้านพื้นฐานของหุบเขาอมตะที่มีการก่อตั้งขึ้นมามากกว่า ด้านข้อพิพาทเกี่ยวกับอำนาจ อาณาเขตนั้นเข้าไปข้องเกี่ยวน้อยมาก
ที่ตรงกันข้ามกับหุบเขาอมตะก็คือแค้วนว่านโซ่ว หลายปีที่ผ่านมา จากการที่กำลังของพวกเขาเหมือนดั่งพระอาทิตย์ที่อยู่กลางฟ้า ไม่ว่าจะเป็นด้านของอาณาเขต หรือด้านกำลังรบ ทางแค้วนว่านโซ่วก็มีการขยายตัวในอัตราส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นมากทีเดียว
แม้จะกล่าวว่า แค้วนว่านโซ่ว และสำนักเจ้าลัทธิและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อย ซึ่งอยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะมีการขยับขยายด้านของกำลังรบ กระทั่งแค้วนว่านโซ่วได้รับการยกย่องว่ามีกำลังรบแซงล้ำหน้าหุบเขาอมตะไปแล้ว
แต่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแค้วนว่านโซ่ว หรือว่าสำนักไป่ตัน พวกเขาต่างก็ไม่สามารถสั่นคลอนต่อฐานะความเป็นสายตรงขงอหุบเขาอมตะได้ ไม่รู้ว่าผ่านไปแล้วกี่ยุคกี่สมัย แคว้นเจ้าลัทธิเฉกเช่นแค้วนว่านโซ่วในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะไม่เคยขาด แต่ทว่า มีแคว้นเจ้าลัทธิที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้จำนวนเท่าไรที่สุดท้ายแล้วต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป ขณะที่หุบเขาอมตะกลับยังคงยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ล้ม
แม้ว่าเคยมีผู้ที่เข้าใจว่า ในยุคสมัยนี้การที่แค้วนว่านโซ่วมีใจมักใหญ่ใฝ่สูง และมีความปรารถนาที่จะสั่นคลอนฐานะของหุบเขาอมตะ กระทั่งมีความทะเยอทะยานต้องการแทนที่ แต่ว่า การที่แค้วนว่านโซ่วคิดจะก้าวไปให้ถึงจุดนี้ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย
หุบเขาอมตะหาใช่เป็นเพียงหุบเขาแห่งหนึ่ง ในฐานะเป็นสำนักที่เป็นผู้กุมอำนาจสืบทอดกันมาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง หุบเขาอมตะมีเทือกเขาที่กว้างใหญ่ไพศาลมากอยู่ในครอบครอง เมื่อทอดสายตามองไปยังเทือกเขาทั้งลูกจากระยะห่างไกล มองเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เสมือนดั่งเป็นมังกรเขียวที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารหมอบอยู่บนพื้นตัวหนึ่งอย่างนั้น
กระทั่งมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ยังไม่ทันถึงหุบเขาอมตะก็สามารถได้กลิ่นหอมโอสถสายหนึ่งลอยมาแต่ไกล คำพูดเช่นนี้ฟังดูเหมือนโอ้อวดอยู่ไม่น้อย แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ หุบเขาอมตะมียาเม็ดทิพย์โอสถวิเศษอยู่ในครอบครองมากที่สุดของแดนลัทธิพรรษ โดยเฉพาะแปลงสมุนไพรที่หุบเขาอมตะมีอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย
ในหุบเขาอมตะไม่เพียงมีสมุนไพรทิพย์หญ้าวิเศษที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ขณะที่สมุนไพรทิพย์หญ้าวิเศษที่หุบเขาอมตะเพาะปลูกขึ้นมาเองก็นับเป็นสุดยอดของแดนลัทธิพรรษ กระทั่งกล่าวได้ว่า สมุนไพรทิพย์หญ้าวิเศษที่วางจำหน่ายกันในท้องตลาดของแดนลัทธิพรรษ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งมาจากหุบเขาอมตะ
ด้านนอกของหุบเขาอมตะมีเมืองเก่าแก่โบราณขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง ภายในเมืองมีผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก มีความคึกคักยิ่งนัก ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่มายังเมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ
บรรดายอดฝีมือเหล่านี้ มีทั้งประเภทมาท่องเที่ยวหาประสบการณ์ล้วนๆ และมีประเภทที่มาหุบเขาอมตะ เพื่อทำการค้าขายสมุนไพร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมียอดฝีมือที่มาขอให้หุบเขาอมตะช่วยรักษาตัว
แม้จะเป็นที่รับรู้ของทุกคนว่า หุบเขาอมตะมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านของยาเม็ดและโอสถ โดยเฉพาะยาเม็ดอายุวัฒนะที่มาจากหุบเขาอมตะยิ่งนับเป็นสุดยอดในหล้า แต่ทว่า ยาเม็ดอายุวัฒนะของหุบเขาอมตะเผยแพร่ไปด้านนอกน้อยมาก ผู้ที่สามารถซื้อหายาเม็ดอายุวัฒนะของหุบเขาอมตะได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลระดับสุดยอดทั้งสิ้น ในแดนลัทธิพรรษ ใช่ว่ามีเงินก็สามารถซื้อหายาเม็ดอายุวัฒนะของหุบเขาอมตะได้
แม้จะกล่าวว่ายาเม็ดอายุวัฒนะของหุบเขาอมตะ น้อยคนในแดนลัทธิพรรษที่มีโอกาสได้ใช้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งของหุบเขาอมตะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับ นั่นก็คือวิชาแพทย์ของหุบเขาอมตะ! วิชาแพทย์ของหุบเขาอมตะไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาปรุงกลั่นยาเม็ดแม้แต่น้อย กล่าวได้ว่า ทุกๆ ปี ในแดนลัทธิพรรษมีผู้ที่เดินทางมาของรับการรักษาจากหุบเขาอมตะมากมายราวกับดอกเห็ด ในบรรดาผู้ที่มาขอรับการรักษานั้นมีทั้งผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในถิ่นๆ หนึ่ง และมีผู้เยาว์ที่ปราศจากชื่อเสียงใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่มาขอรับการรักษาจากหุบเขาอมตะ
ในด้านวิชาการแพทย์แล้ว นับว่าเป็นผู้มีวิชาการแพทย์ที่ล้ำเลิศ เปี่ยมด้วยจรรยาแพทย์ที่โอบอ้อมอารี ส่วนใหญ่แล้วทางหุบเขาอมตะจะไม่ปฏิเสธสำหรับผู้ที่เดินทางมาขอรับการรักษา เว้นแต่บุคคลที่เป็นกรณีพิเศษ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เดินทางมารับการรักษาล้วนแล้วแต่ได้รับการรักษาจากหุบเขาอมตะ อีกทั้งส่วนใหญ่ก็สามารถรักษาให้หายจากอาการป่วยได้
ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อเสียงของหุบเขาอมตะดังก้องไปทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เคยได้รับบุญคุณจากการช่วยชีวิตของหุบเขาอมตะมา ดังนั้น จึงมีผู้ที่มองว่าสิ่งที่สร้างรากฐานฐานะของหุบเขาอมตะให้มั่นคงหาใช่วิชาปรุงกลั่นยาเม็ดของหุบเขาอมตะ แต่เป็นวิชาแพทย์ของหุบเขาอมตะ
ขณะที่หลี่ชิเย่มาถึงตีนเขาของหุบเขาอมตะนั้น เมื่อทอดสายตามองออกไป เห็นบริเวณตีนเขาปรากฎอาคารและตึกแต่ละหลังที่ตั้งอยู่ มีผู้คนที่เดินผ่านไปมา ที่ตรงนี้ถือเป็นตีนเขาของหุบเขาอมตะ ผู้คนที่มาจากทั่วทุกสารทิศของแดนลัทธิพรรษก็จะมารับการรักษาที่ตรงนี้
หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นไปตามบันไดหิน เพื่อขึ้นไปยังทางเขาสำนักของหุบเขาอมตะ สถานที่บริเวณนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ใดก็ตามเข้าออกตามอารมณ์ เนื่องจากผ่านเข้าไปทางเข้าแล้วก็จะเป็นในส่วนของพื้นที่อันเป็นที่ตั้งสำนักของหุบเขาอมตะอย่างแท้จริงแล้ว สถานที่ตรงนี้ไม่เป็นที่ที่พักอาศัย และฝึกปรือของศิษย์หุบเขาอมตะเท่านั้น ยังเป็นที่ตั้งแปลงสมุนไพรของหุบเขาอมตะอีกด้วย
หลังจากที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าขึ้นไปยังทางเข้าสำนักก็ถูกศิษย์ของหุบเขาอมตะเข้ามาขวางเอาไว้ทันที หลี่ชิเย่ ยิ้มๆ พร้อมกับยื่นหนังสือที่เป็นลายมือของนักพรตฉางเซินให้ไป ครั้นศิษย์ที่เฝ้าประตูทางเข้าสำนักเห็นเป็นลายมือของเจ้าสำนักเองพลันแสดงความเคารพเคร่งขรึมจริงจัง และกล่าวต่อหลี่ชิเย่ทันทีว่า “เชิญคุณชายติดตามศิษย์เข้าไปในหุบเขา คุณชายจะได้พักอาศัยอยู่ในหุบเขาร้อยบุปผา”
เนื่องจากมีการสั่งการจากนักพรตฉางเซิน ดังนั้น ทางหุบเขาอมตะจึงได้จัดการเรื่องสถานที่พักของหลี่ชิเย่ภายในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในหุบเขาอมตะ พลันรับรู้ได้ถึงความมีชีวิตชีวาสายหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า โดยความมีชีวิตชีวาเช่นนี้สามารถรับรู้ได้จากการมองเห็น ยามที่ความมีชีวิตชีวาสายนี้เข้าปะทะใบหน้า ทำให้ทั่วทั้งตัวรู้สึกสบายขึ้นมาในทันที ความอ่อนล้าทั่วตัวหายไปราวกับปลิดทิ้ง ให้ความรู้สึกเหมือนพลังชีวิตกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง
นี่แหละคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหุบเขาอมตะ เนื่องจากหุบเขาอมตะได้ครอบครองสมุนไพรหญ้าทิพย์มากที่สุดในแดนลัทธิพรรษ ดังนั้นทั่วทั้งหุบเขาอมตะจึงบ่มฟักความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามยิ่ง ทำให้ทั่วทั้งหุบเขาอมตะล้วนเปี่ยมด้วยพลังชีวิต
ขณะที่หลี่ชิเย่ติดตามศิษย์ของหุบเขาอมตะเข้าไปยังหุบเขาร้อยบุปผานั้น ยิ่งให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายที่เหมือนว่าสี่ฤดูล้วนแล้วแต่เหมือนดั่งวสันตฤดูอย่างนั้น สถานที่ตรงนี้ปรากฏร้อยบุปผาบานเบ่ง เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิต เมื่อได้อาศัยอยู่ในหุบเขาเช่นนี้แล้วก็จะไม่อยากไปจาก
หุบเขาร้อยบุปผาเป็นตำหนักที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของหุบเขาอมตะ ในแดนลัทธิพรรษ ขอเพียงเอ่ยถึงหุบเขาร้อยบุปผาก็จะทำให้ผู้คนจำนวนมากดวงตาลุกวาว โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนชายกลุ่มคนรุ่นใหม่หากเอ่ยถึงหุบเขาร้อยบุปผาล้วนแล้วแต่ถึงกับเหม่อลอย
หุบเขาร้อยบุปผามีสามมาก หนึ่ง มากด้วยดอกไม้ สอง มากด้วยอัจฉริยะบุคคล สาม มากด้วยสาวงาม หุบเขาร้อยบุปผาเป็นที่ที่รวบรวมศิษย์สาวที่มีความโดดเด่นมากที่สุดของหุบเขาอมตะ ศิษย์สาวที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดของหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่พักอาศัยอยู่ในหุบเขาร้อยบุปผา
กล่าวได้ว่า หุบเขาร้อยบุปผาเป็นแหล่งรวมของสาวงามจำนวนมากมาย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หุบเขาร้อยบุปผาไม่เคยมีศิษย์ที่เป็นชายมาพักอาศัยอยู่ด้วย เวลานี้ศิษย์ผู้ชายคนหนึ่งเฉกเช่นหลี่ชิเย่กลับเข้าพักอาศัยในหุบเขาร้อยบุปผา ไม่อาจไม่กล่าวว่าเป็นที่อิจฉาของผู้คน สิ่งนี้ก็นับว่านักพรตฉางเซินได้ทำตามสัญญาของนางให้เป็นจริงแล้ว
……….