ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2237 ศิษย์พี่ใหญ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2237 ศิษย์พี่ใหญ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
“มารเย็นเป็นเพียงสิ่งมีพิษชนิดหนึ่งที่สมมุติขึ้นเท่านั้น ไม่เคยมีอยู่จริงอยู่แล้ว!” หวงฉวนเวยที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว จึงกล่าวไม่ยอมรับขึ้นมา ในขณะนี้ภายในใจของเขาไม่ยอมที่ต้องพ่ายแพ้ต่อหลี่ชิเย่ในทันที ทำให้เขาต้องสลดและอับแสง
“ไม่มีความรู้ก็อย่าได้โทษตำราโบราณ” หลี่ชิเย่มองดูหวงฉวนเวยเอ้อระเหยแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้าไม่เคยเห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี บอกได้แต่เพียงเจ้าไม่มีความรู้เท่านั้นเอง”
“เจ้า…” ใบหน้าของหวงฉวนเวยแดงก่ำขึ้นทันทีเมื่อถูกหลี่ชิเย่ยั่วยุ ท่าทางนั้นดูไม่จืดอย่างยิ่ง ก่อนหน้านันยังลำพองใจอยู่เลย เวลานี้กลับถูกหนึ่งฝ่ามือของหลี่ชิเย่ซัดจนกลับคืนสู่ร่างเดิม ความแตกต่างเช่นนี้ทำให้ในใจของเขายากจะยอมรับได้
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่นะ?” หลังจากที่ฟ่านเมี่ยวเจินได้สติกลับมาแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“มารเย็น ไร้รูปไร้เงา เสมือนดั่งภูตผีที่ไม่มีตัวตนอย่างนั้น มักจะฆ่าคนโดยไร้ร่องรอยอยู่เสมอๆ ความจริงแล้ว สิ่งนี้ใช่ว่ามันไร้รูปไร้เงา มันมักจะเป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในร่างของสิ่งมีพิษอื่นๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาช้าๆ และกล่าวว่า “คนที่ถูกมารเย็นฆ่าตายมักจะยังเข้าใจว่าตัวเองถูกฆ่าตายโดยผู้ที่ถูกมันอาศัย…”
“…ความจริงแล้ว เหาก้ามปูผีที่จู่โจมใส่ผู้อาวุโสหยางตัวนั้นได้ถูกมารเย็นแฝงอาศัยร่างไปแล้ว เพียงแต่ว่าตัวของเหาก้ามปูผีก็มีพิษที่รุนแรงอย่างยิ่ง ต่อให้มันตายไปแล้วก็ยังคงต่อสู้กับมารเย็นต่อไป ครั้นผู้อาวุโสหยางถูกลอบจู่โจมแล้ว ตัวของมารเย็นได้เข้าไปอยู่ภายในร่างกายของผู้อาวุโสหยาง แต่ว่า พิษร้ายแรงของเหาก้ามปูผียังคงต่อสู้กับมารเย็น ดังนั้นพิษที่รุนแรงของเหาก้ามปูผียังคงอยู่ภายในร่างของผู้อาวุโสหยางและสยบมารเย็นเอาไว้ หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถือว่าพิษที่รุนแรงของเหาก้ามปูผีได้ช่วยชีวิตของผู้อาวุโสหยางเอาไว้ หลังจากที่มีการสลายพิษของเหาก้ามปูผีไปแล้ว มารเย็นก็ได้ปฏิบัติการโจมตีขึ้นอย่างรุนแรง พิษไอเย็นพลันเข้าแทรกทุกส่วนในร่างกายของผู้อาวุโสหยาง”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองหน้าหวงฉวนเวยด้วยท่าทีเอ้อระเหยทีหนึ่ง
สีหน้าของหวงฉวนเวยดูไม่ดีเอาเสียเลย แรกที่เดียวเขายังพูดเต็มปากเต็มคำ ให้การรับรองกับผู้อาวุโสหยางว่ายาถึงโรคหาย เวลานี้กลับทำให้ผู้อาวุโสหยางต้อเสียชีวิต
เขาคือราชาพิษที่มีชื่อเสียงโด่งดังนะเนี่ย มีชื่อเสียงยิ่งทุกคนต่างรู้จักดี มาวันนี้กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียง ทำให้สีหน้าของหวงฉวนเวยดูไม่จืดอย่างยิ่ง
“เป็นข้าที่ไตร่ตรองไม่รอบคอบ” มู่หย่าหลันถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่งและกล่าวว่า “ไม่สามารถรับฟังความเห็นของศิษย์พี่ใหญ่ได้ เป็นความผิดพลาดทางการแพทย์ของข้า”
แรกเริ่มทีเดียวหลี่ชิเย่ก็ได้กล่าวเตือนสติพวกเขาแเล้ว เพียงแต่มู่หย่าหลันในตอนนั้นเลือกที่จะเชื่อหวงฉวนเวยมากกว่า จะอย่างไรเสียความสามารถในด้านของวิชาพิษของหวงฉวนเวยแล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนประจักษ์อยู่แล้ว
“อ๊ากก…” ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสหยางที่สลบไสลพลันตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นมาด้วยท่าทางที่ขวัญยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สีหน้าขาวซีด ตกใจจนหน้าถอดสีและกล่าวว่า “ข้าเป็นอะไรไป เป็นอะไรไปแล้ว”
“ผู้อาวุโส ท่านพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ” มู่หย่าหลันปลอบโยนเข้าว่า “ศิษย์พี่ข้าลงมือ ได้ขจัดพิษไอเย็นภายในร่างของท่าน เผามารเย็นจนตาย พิษรุนแรงที่อยู่ภายในร่างของผู้อาวุโสได้ถูกขจัดสิ้น จะฟื้นคืนเป็นปรกติในเร็ววัน”
เมื่อผู้อาวุโสหยางที่ตื่นตระหนกยังไม่อาจสงบจิตใจได้ยินคำพูดจากมู่หย่าหลันแล้วจึงได้สติกลับมา ระหว่างที่เขาจะหมดสติไปก็ได้เห็นภาพของหลี่ชิเย่ลงมือเข้าช่วยเหลือในตอนนั้น
“ขอบคุณหลานชายที่ช่วยเหลือ นี่เป็นการดึงตัวตาเฒ่าจากหน้าประตูผีกลับมา” ผู้อาวุโสหยางกล่าวด้วยท่าทีละอายว่า “ตาเฒ่าอย่างข้ามีตาแต่ไร้แวว น่าละอาย น่าละอายยิ่งนัก”
แรกทีเดียว ผู้อาวุโสหยางเองก็เลือกที่จะเชื่อในตัวของหวงฉวนเวย กระทั่งออกปากตำหนิเล็กๆ ต่อหลี่ชิเย่ เวลานี้หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ยื่นมือเข้าช่วย เกรงว่าชีวิตตาเฒ่าอย่างข้าคงทิ้งไว้ที่นี่แล้ว เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ระทึกแล้ว เขาถึงกับเหงื่อเย็นไหลท่วม รู้สึกละอายอย่างยิ่ง
“วิชาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”
คำพูดที่เอ้อระเหยของหลี่ชิเย่กลับเสมือนดั่งเป็นการตบเข้าที่หน้าของหวงฉวนเวยอย่างจัง กล่าวสำหรับหวงฉวนเวยแล้ว วิชาด้านพิษคือสิ่งแทนตัวของเขาทั้งหมด เขามีความภาคภูมิใจในวิชาด้านพิษที่ยอดเยี่ยมซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียว และเป็นต้นทุนในการเย้ยหยันใต้หล้าของเขา
แต่ว่า เวลานี้ วิชาด้านพิษซึ่งเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้วเป็นเพียงวิชาเล็กน้อยเท่านั้น มิเท่ากับเป็นการตบหน้าเขาอย่างแรงรึ? เวลานี้สีหน้าของหวงฉวนเวยจึงดูปั้นยากถึงขีดสุด
“พักฟื้นให้ดีก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่สั่งการกับผู้อาวุโสหยางคำหนึ่งแล้วก็เดินจากไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ รอข้าด้วย” เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินเห็นหลี่ชิเย่ไปจากพลันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไล่ติดตามไปทันที
เดิมที มาคราวนี้หวงฉวนเวยต้องการมาสำแดงตนเต็มที่ต่อหน้ามู่หย่าหลัน เพื่อแสดงวิชาด้านพิษที่ยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งเดียวให้เห็น เพื่อได้รับความโปรดปรานจากอนงค์นาง ได้ใจของโฉมตรูไปครอบครอง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ากลับถูกหลี่ชิเย่แย่งซีนไปจนหมด ขณะที่ตนเองนั้นเสียหน้าจนสิ้น และทำให้หวงฉวนเวยไม่มีหน้าที่จะรั้งอยู่อีกต่อไป กล่าวคำอำลาไปจากหุบเขาอมตะทันที
หลังจากออกจากหอร้อยรักษ์แล้ว ฟ่านเมี่ยวเจินคล้องแขนหลี่ชิเย่ด้วยความชื่นอกชื่นใจ ท่าทางดูสนิทสนมอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่ใหญ่สุดยอดไปเลย ตบหน้าราชาพิษอย่างแรงไปฉาดหนึ่ง ดูสิว่ายังกล้าที่จะมาอวดบารมีที่หุบเขาอมตะพวกเราอีกหรือไม่” ท่าทางที่ดูร่าเริงและน่ารักของฟ่านเมี่ยวเจินได้กล่าวด้วยความชื่นอกชื่นใจว่า “คราวนี้เจ้าคนแซ่หวังคงเข็ดจนต้องล่าถอยกลับไปแล้ว ฮิ ฮิ ไม่แน่นัก ศิษย์พี่ใหญ่อาจจะสามารถกุมหัวใจศิษย์น้องรองของพวกเราได้ในไม่ช้า และได้ครอบครองหญิงงามในเร็ววัน”
“ทดสอบพอแล้วยัง?” หลี่ชิเย่มองหน้าฟ่านเมี่ยวเจินแวบหนึ่งด้วยท่าทีที่เอ้อระเหย
ฟ่านเมี่ยวเจินไม่ธรรมดาเลย ไม่เพียงยืมมือหลี่ชิเย่โจมตีหวงฉวนเวยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการแอบสืบความสามารถของหลี่ชิเย่ นางคิดจะเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้มีอภินิหารอย่างไรบ้าง และอาจารย์ของพวกเขาไปถูกใจในจุดไหนของเขา
“เป็นความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่น้องมีต่อศิษย์พี่ใหญ่น่ะ ศิษย์พี่ใหญ่เชี่ยวชาญทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นด้านปรุงกลั่นยาเม็ด ด้านสมุนไพร ด้านการรักษา ด้านพิษ ข้ารู้อยู่แล้วว่าศิษย์พี่ใหญ่จะต้องสร้างความกระทบกระเทือนอย่างหนักต่อความฮึกเหิมของแคว้นว่านโซ่ว เพื่อเชิดชูบารมีหุบเขาอมตะของพวกเรา น้องไม่ได้มีความหมายอื่นนะเนี่ย” เวลานี้นัยน์ตาที่ทั้งกลมและโตคู่นั้นของฟ่านเมี่ยวเจินทำกะพริบถี่ๆ นัยน์ตาทั้งสองเหมือนมีคราบน้ำตา คล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรมยิ่งนัก
หลี่ชิเย่ไม่หวั่นไหว กล่าวเฉยเมยว่า “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าออกจนหมด แล้วโยนออกไปนอกหุบเขาร้อยบุปผา?”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ไม่ควร ไม่ควรเลยจริงๆ น้องไม่ควรไปแอบสืบความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่” ฟ่านเมี่ยวเจินรีบกอดแขนของหลี่ชิเย่เอาไว้ และทำก้มหน้ายอมรับผิด และพลันทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อภัยให้น้องสักครั้งเถอะนะ ต่อไปน้องจะไม่กล้าทำอีกแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านใจกว้างดั่งมหาสมุทร ละเว้นข้าสักครั้งเถอะนะ ต่อไปน้องจะทำกับข้าวเสริฟน้ำชาให้ทำคุณไถ่โทษ”
ฟ่านเมี่ยวเจินนังหนูที่คุ้มดีคุ้มร้ายนับว่ายอดเยี่ยมมาก ยืดได้หดได้ ร้อยเล่ห์เพทุบาย นับเป็นนางมารน้อยเต็มขั้นคนหนึ่ง เป็นนังหนูที่ทำให้ผู้คนทั้งรักและปวดหัวอย่างแท้จริง
“ถ้าหากมีครั้งต่อไปอีกล่ะก็ เจ้าก็ประเมินตนเองให้ดีก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่มองนางด้วยท่าทีเอ้อระเหยทีหนึ่ง
“จะไม่มีครั้งหน้าอย่างเด็ดขาด น้องรับรองได้ น้องสาบานต่อฟ้า ต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว” ฟ่านเมี่ยวเจินยกมือขึ้นทันทีกล่าวสาบานออกมา ท่าทางจริงจังมากโดยปราศจากความคลุมเครือแม้แต่น้อย
หลี่ชิเย่เพียงมองหน้านางแวบหนึ่ง และไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก
“ฮิ ฮิ ข้ารู้อยู่แล้วว่าศิษย์พี่เป็นคนใจกว้างดั่งมหาสมุทร ต่อไปศิษย์น้องไม่กล้าอีกแล้ว” เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่โกรธแล้ว จึงกอดแขนของหลี่ชิเย่เอาไว้ชื่นอกชื่นใจเดินไปข้างหน้าต่อไป
การพักอาศัยอยู่ภายในหุบเขาร้อยบุปผาของหลี่ชิเย่ก็นับว่าสบายใจยิ่งนัก ที่หุบเขาร้อยบุปผามีความเงียบสงบปราศจากสิ่งรบกวน สงบเงียบยิ่งนัก ช่วงระยะเวลาสองสามวันที่ผ่านมา นังหนูฟ่านเมี่ยวเจินไม่รู้ว่าหายไปไหน กลับไม่ได้มารบกวนหลี่ชิเย่
กลับกลายเป็นว่าสองสามวันมานี้ ศิษย์น้องเล็กฉินซาวเย่าได้แวะเวียนมาหลายครั้ง นางชื่นชอบที่จะมาเยี่ยมเยียนหลี่ชิเย่ ทุกครั้งที่พบกับหลี่ชิเย่ก็จะขอคำชี้แนะเกี่ยวกับความรู้ด้านสมุนไพร
เมื่อเปรียบกับนางมารน้อยที่เจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างฟ่านเมี่ยวเจินแล้ว ฉินซาวเย่าที่มีนิสัยอ่อนโยนใจกว้างดูจะน่ารักกว่ากันมากทีเดียว และการได้อยู่กับนางก็สบายใจอย่างยิ่ง
สำหรับปัญหาของฉินซาวเย่านั้น หลี่ชิเย่สามารถให้การชี้แนะกับนางทุกเรื่อง ซึ่งทำให้ฉินซาวเย่าได้รับประโยชน์มากมายทุกครั้งไป จากไปทุกครั้งล้วนแล้วแต่ด้วยท่าทีชื่นอกชื่นใจ
อย่างไรก็ตาม ความสงบสุขของหลี่ชิเย่ถูกทำลายลงในเวลาไม่เกินสองวัน เช้าวันนี้ เมื่อหลี่ชิเย่ตื่นเช้าขึ้นมาก็ปรากฎสาวๆ กลุ่มหนึ่งห้อมล้อมลานเล็กๆ จนน้ำยังเล็ดรอดผ่านไปไม่ได้
“อรุณสวัสดิ์ศิษย์พี่ใหญ่…” บรรดาหญิงสาวทั้งหลายของหุบเขาร้อยบุปผาทยอยกันกล่าวทักทายเมื่อเห็นหน้าหลี่ชิเย่
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่บอกว่าท่านเชี่ยวชาญด้านการปรุงกลั่นยาเม็ด ด้านสมุนไพร ด้านการรักษา ด้านพิษ และถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียรแทนอาจารย์ วันนี้ น้องอยากขอให้ศิษย์พี่ใหญ่สอนวิชากลั่นยาเม็ดให้พวกเรา” ในเวลานี้มีศิษย์สาวกล่าวด้วยท่าทีชื่นอกชื่นใจ
และมีเด็กสาวที่กล่าวด้วยท่าทางดีใจยิ่งว่า “ศิษย์พี่สาวบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่วิชาด้านยาสมุนไพรหนึ่งไม่มีสอง พวกเราสามพี่น้องคิดจะเพาะเลี้ยงดอกไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง อยากจะขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่บ้าง”
“ขณะที่อาจารย์ไปจากเคยถ่ายทอดเคล็ดพลังภายในให้ศิษย์ ศิษย์พี่สาวบอกว่าศิษย์พี่ท่านคือศิษย์ลำดับที่หนึ่ง เชี่ยวชาญทุกๆ เคล็ดพลังภายในของหุบเขาอมตะพวกเรา น้องไม่รุ้ว่าจะต้องฝึกอย่างไร ขอศิษย์พี่ใหญ่ช่วยปรับแก้ให้ด้วย…”
……
ในเวลานี้ สาวๆ ที่อยู่ด้านนอกต่างคนต่างแย่งกันพูด มีแต่เสียงหัวเราะพูดคุยของเหล่าบรรดาสาวๆ ทั้งหลาย ความจริงแล้ว การที่มีโฉมตรูมากมายมาขอความช่วยเหลือนับเป็นเรื่องที่เสพสุขทางความรักอย่างยิ่ง แต่หากถูกสาวๆ จำนวนมากมาติดพันในเวลาเดียวกัน ก็เป็นเรื่องที่ต้องขนหัวลุกทันทีเหมือนกัน
หลี่ชิเย่พลันควันออกหู เขารู้ว่าศิษย์พี่สาวที่ออกจากปากของสาวๆ เหล่านั้นคือใคร นอกจากฟ่านเมี่ยวเจินนังหนูที่บ้าๆ บอๆ แล้วยังจะมีใครกล้าหาเรื่องปวดหัวให้กับเขาเล่า
“แอ่ม…” จังหวะที่หลี่ชิเย่ถูกบรรดาสาวๆ ล้อมเอาไว้ และปรากฏเสียงหัวเราะพูดคุยของบรรดาสาวๆ เหล่านั้นอยู่นั่นเอง เสียงไอกระแอมที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น
บรรดาสาวๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ทยอยกันหันศีรษะกลับไปมอง เห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น นางดูเงียบเหงาดั่งดอกเหมยที่ทระนงท่ามกลางหิมะ กลิ่นอายที่เหินห่างและเงียบเหงาทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“ศิษย์พี่รอง” บรรดาสาวๆ ต่างทยอยกันหุบปากเงียบ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ผู้หญิงคนนี้ก็คือหนึ่งในสามอนงค์ของหุบเขาร้อยบุปผา หมอเทวดาหญิงมู่หย่าหลันนั่นเอง มู่หย่าหลันมีบารมีที่สูงมากในฐานะศิษย์พี่รองของหุบเขาร้อยบุปผา นางที่ห่างเหินและเยือกเย็น ทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องในหุบเขาร้อยบุปผาต่างหวั่นเกรงต่อนางอยู่หลายส่วน ไม่เหมือนเช่นฟ่านเมี่ยวเจินที่พวกเขารู้สึกชิดใกล้
“ขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ก็ไม่ควรยกโขยงกันมาเช่นนี้ พวกเจ้าสมควรนัดหมายเวลากับศิษย์พี่เสียก่อน อย่าได้รบกวนการบำเพ็ญเพียงของศิษย์พี่” มู่หย่าหลันสั่งการกับบรรดาศิษย์สาวเหล่านั้น
“เช่นนั้นพวกเราพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” มีศิษย์สาวที่เม้มปากยิ้มกล่าวทันที
สาวๆ จำนวนไม่น้อยทยอยกันต้องการนัดหมายเรื่องเวลากับหลี่ชิเย่ และพกพาความทะเล้นอยู่สามส่วนเดินจากไป ย่อมไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของฟ่านเมี่ยวเจินที่ยุยงให้พวกเขาพากันมาอยู่แล้ว
……………………………………………….