ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2254 คลุกไป
เวลานี้ ทุกคนจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทางงุนงง ในมือของหลี่ชิเย่ข้างหนึ่งคือไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่า อีกข้างหนึ่งคือไม้เย่ามู่ขั้นเทพ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของชิ้นไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ ทำให้ผู้คนต้องการได้มันมาครอบครองอย่างยิ่ง
ด้วยของวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งเช่นนี้ กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนเท่าไรแล้ว เป็นสิ่งที่ชั่วชีวิตก็ยากจะได้มันมาครอบครอง แต่แล้วหลี่ชิเย่กลับได้มันมาครอบครองอย่างง่ายดาย กล่าวสำหรับเขาแล้วของวิเศษเช่นนี้เหมือนว่าก้มลงหาเก็บได้ทุกที่ ซึ่งสร้างความริษยาให้กับผู้คนยิ่งนัก
“นังหนู เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตคนใกล้ตาย และดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ หากมีไข่มุกเม็ดนี้อยู่ในมือ ต้องสามารถลงแรงน้อยแต่ได้ผลมากมาย” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งแล้วก็มอบไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่าให้กับมู่หย่าหลัน
มู่หย่าหลันถือไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่าในมือ เวลานี้ไม่อาจเรียกสติคืนกลับมา
“เจ้าชำนาญเรื่องวิชาโอสถ ปลูกสมุนไพร สิ่งนี้สัมพันธ์ใกล้ชิดผืนแผ่นดิน เกื้อหนุนต่อต้นไม้ใบหญ้า เจ้าพกติดตัวเอาไว้เหมาะสมที่สุด” หลี่ชิเย่ถือโอกาสมอบไม้เย่ามู่ขั้นเทพให้กับฉินซาวเย่าไปตามอารมณ์
เวลานี้ ทั้งมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าต่างยืนงงงันอยู่ตรงนั้น แม้ว่าพวกนางมีชาติกำเนิดมาจากหุบเขาอมตะ แต่ของวิเศษชิ้นนี้กล่าวสำหรับพวกนางแล้วก็ล้ำค่ายิ่งนัก แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับถือโอกาสมอบให้กับพวกนางตามอามรณ์เช่นนี้
ในเวลานี้ ทำให้ผู้คนต่างมองตาค้างพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่จัดการมอบไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่า และไม้เย่ามู่ขั้นเทพให้กับมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าตามอารมณ์ เวลานี้ทั้งอิจฉาริษยา และไม่สามารถบรรยายถึงความรู้สึกร้อยพันที่อยู่ในใจได้
อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่คนอื่นๆ เลย กล่าวสำหรับพวกหูชิงหนิวและจางเหยียนแล้ว ของวิเศษทั้งสองชิ้นเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่เห็นพวกเขาจะมีโอกาสได้ครอบครองตลอดชั่วชีวิต หากพวกเขาสามารถได้ของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้ชิ้นนี้มา ต้องเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี จะไม่มีทางนำมามอบให้กับใครอย่างเด็ดขาด
ต่อให้หูชิงหนิว และจางเหยียนต้องการลุ้นให้สาวงามเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะนำเอาของวิเศษระดับนี้มามอบให้ผู้อื่น และของวิเศษเช่นนี้พวกเขาก็ไม่อาจมอบให้ใครได้ ของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้เรียกได้ว่าล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตของพวกเขาเสียอีก
ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับถือโอกาสมอบให้กับสาวงามทั้งยังเป็นไปตามอารมณ์ยิ่ง เหมือนเป็นการมอบของขวัญเล็กน้อยที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงสองชิ้นอย่างนั้น ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
มือเติบเช่นนี้ ของขวัญที่หรูหราเช่นนี้ ผู้ชายคนนี้คิดจะไม่มีเสน่ห์ก็คงยาก ผู้ชายเช่นนี้คิดจะไม่เป็นที่ดึงดูดใจก็คงยาก
ในขณะนี้ พวกของหูชิงหนิวทั้งอิจฉาทั้งริษยา พวกเขาต่างริษยาจนตาร้อนผ่าว
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” หลังจากที่ฉินซาวเย่า และมู่หย่าหลันได้สติกลับมาแล้ว ได้โค้งคำนับให้กับหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้ง พวกนางต่างซาบซึ้งใจกับสิ่งนี้ กล่าวสำหรับพวกนางแล้ว ของขวัญชิ้นนี้ช่างล้ำค่ามากเหลือเกิน
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย จิบชาโสมไปเบาๆ ทั้งมู่หย่าหลัน และฉินซาวเย่าล้วนแล้วแต่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ การเสพสุขในลักษณะเช่นนี้นับว่าเป็นที่อิจฉายิ่งนักกับผู้คนที่อยู่รอบข้าง
“ดูท่าข้าไม่ต้องเทะกินดินโคลนแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและจ้องมองพวกหูชิงหนิวและจางเหยียนด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่ดูเบื่อหน่าย จิบชาโสมเบาๆ โดยมีมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ การเสพสุขในลักษณะเช่นนี้ นับว่าเป็นที่อิจฉาของผู้คนอย่างยิ่ง
“ดูท่าข้าคงไม่ต้องเทะกินดินโคลนแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่จ้องยิ้มกล่าว ขณะมองดูพวกของหูชิงหนิวและจางเหยียนด้วยท่าทีที่ดูเบื่อหน่าย
สีหน้าของหูชิงหนิวและจางเหยียนพลันแดงก่ำขึ้นมาทันที ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาทั้งสองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว อีกทั้งเป็นการพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พวกเขาไม่เพียงพ่ายต่อเกมการพนันในเกมนี้เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ได้พ่ายแพ้ความได้เปรียบของพวกเขาทั้งหมด โดยเฉพาะต่อหน้าสาวงาม สิ่งที่พวกเขาพ่ายแพ้ใช่เพียงแค่เกมเดิมพันเกมนี้ แต่พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็ได้สยบพวกเขาไว้อย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกเขายากจะพลิกตัวขึ้นมาได้อีกในมุมมองและความคิดของมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่า
“พวกเจ้าควรคลุกดินโคลนแล้วกระมัง” หลี่ชิเย่กล่าวยิ้มแต้ขณะจ้องมองไปที่หูชิงหนิวและจางเหยียน
สีหน้าของหูชิงหนิวและจางเหยียนสองคนแดงก่ำ พวกเขาต่างก็เป็นบุคคลระดับมีหน้ามีตาทั้งสิ้น อยู่ในสามยอดอัจฉริยะบุคคลอมตะ สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ วันนี้จะต้องลงไปคลุกดินโคลนต่อหน้าผู้คนมากมาย เป็นการเหยียดหยามพวกเขาชัดๆ
แต่ทว่า พวกเขาได้ลั่นวาจาเอาไว้ก่อนหน้า ถ้าหากปฏิเสธล่ะก็จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาไม่หลงเหลืออีกเลย
“ข้าคลุกก็ได้” หูชิงหนิวกัดฟัน แม้ว่าเขาจะเป็นคนหยิ่งยโสเต็มเปี่ยม กระทั่งเรียกได้ว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทว่าเขากลับเป็นคนที่แข็งกร้าว และยอมรับกับความพ่ายแพ้ได้
เวลานี้หูชิงหนิวไม่พูดพล่ามทำเพลง ได้ยินเสียงดังตูมกระโดดทิ้งตัวลงไปในดินโคลน ตามติดมาด้วยเสียงช่าาา ช่าาาเสียงของน้ำที่ดังขึ้น หูชิงหนิวตีลังกาคลุกอยู่ท่ามกลางดินโคลน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์โคลนไปแล้ว
ปรกติแล้ว หูชิงหนิวเป็นผู้ที่มีท่าทีอยู่เหนือผู้คนเพียงใด เขามีฉายาว่ามือเทพ มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกเขาเชิดใส่ยามที่อยู่ต่อหน้าของเขา ระดับผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรที่มาขอให้เขาช่วยเหลือ แต่เขานั้นเปี่ยมด้วยความยโส มาวันนี้กลับต้องมาถูกหลี่ชิเย่บีบคั้นจนต้องคลุกดินโคลนต่อหน้าสาธารณชน ท่าทางกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง ด้วยฐานะของเขาแล้ว นับเป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง แต่ทว่า หูชิงหนิวกลับยังคงสามารถทำได้ตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ ต่อให้เป็นความอัปยศก็ยังคงคลุกดินโคลนจนถึงที่สุด
“เหอะ เหอะ เหอะ…” จางเหยียนที่มองเห็นหูชิงหนิวตีลังกาคลุกดินโคลนต่อหน้าสาธารณชนแล้วก็ใจฝ่อทันที จะอย่างไรเสียมันเป็นเรื่องที่เสียหน้าอย่างยิ่ง เขาหัวเราะแห้งๆ หลายคำ ท่าทางลังเลขึ้นมาและกล่าวต่อหลี่ชิเย่ว่า “พี่ท่าน พวก พวก พวกเราแค่ล้อเล่นนิดหน่อย ล้อเล่นกันนิดหน่อย…”
เปรียบเทียบกับหูชิงหนิวแล้ว จางเหยียนเทียบกันไม่ติด อย่างน้อยที่สุดคนอย่างหูชิงหนิวพูดจริงทำจริง หัวแข็งยิ่งนัก
“คลุก…” หลี่ชิเย่ไหนเลยจะไปให้ความสนใจมากมาย ยกเท้าถีบเข้าไปโดยที่จางเหยียนคิดจะหลบก็หลบไม่พ้น ถูกหลี่ชิเย่ถีบลงเรือเสียงดังตูม ร่างของเขาตกลงไปในดินโคลนทันทีเปอะเปื้อนดินโคลนไปทั้งตัว
“ตกลง ข้า ข้าคลุกก็ได้…” จางเหยียนอับอายจนแทบมุดแผ่นดิน ได้แต่คลุกอยู่ท่ามกลางดินโคลนไม่กี่ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับหูชิงหนิวแล้ว เขาเอาเปรียบและอู้ คลุกอยู่ไม่กี่ครั้งก็แกล้งตายนอนนิ่งอยู่ในดินโคลนเฉยๆ
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองดูภาพนี้กันเงียบๆ
“พอใจแล้วยัง?” เทียบกับจางเหยียนที่เอาเปรียบและอู้แล้ว หูชิงหนิวนับว่าพูดจริงทำได้จริง เขาตีลังกาคลุกอยู่ท่ามกลางดินโคลนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เหมือนดั่งจางเหยียนที่กลิ้งไปมาไม่กี่ครั้งก็นอนนิ่งแกล้งตายอยู่ตรงนั้น
“ไสหัวไป อย่ามาเกะกะตาที่นี่” หลี่ชิเย่โบกมือและกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น หลี่ชิเย่พูดยังไม่ทันขาดคำ คนแรกที่วิ่งหนีได้รวดเร็วที่สุดก็คือจางเหยียน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็วิ่งลงไปในบึงน้ำ และหลบหนีไปตามน้ำทันที ในเวลานี้เขาไม่มีหน้าที่จะพบผู้คนอีกต่อไป ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่แม้เพียงเสี้ยววินาที
เปรียบเทียบกับจางเหยียนที่ผลุนผลันจากไป หลังจากที่หูชิงหนิวได้ลุกขึ้นมาจากดินโคลนแล้ว แม้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวขณะนี้ของเขาจะเต็มไปด้วยดินโคลน ยังคงเปี่ยมด้วยความหยิ่งยโส ยังคงยืดอกมองไปที่หลี่ชิเย่
“ข้าจะต้องกลับมาทดสอบกับเจ้าอีกครั้งแน่นอน” หูชิงหนิวยังไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ จ้องมองด้วยแววตาเย้ยหยันต่อหลี่ชิเย่
นี่แหละคือข้อแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดระหว่างหูชิงหนิวกับจางเหยียน หูชิงหนิวนั้นแข็งกร้าวถึงที่สุด เฉกเช่นวัวที่ดื้อรั้นตัวหนึ่ง เมื่อเสือกหัวเขาไปแล้วจะดึงอย่างไรก็จะไม่ยอมกลับ
“ไสหัวไป วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์” หลี่ชิเย่โบกมือขี้คร้านจะไปสนใจ
หูชิงหนิวส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา หันหลังจากไปทันที เทียบกับจางเหยียนที่วิ่งหนีไปอย่างกระเซอะกระเซิงด้วยอับอายที่จะพบเห็นผู้คน หูชิงหนิวในขณะจากไปยังคงยืดอกเดินตัวตรง เปรียบเทียบกับจางเหยียนแล้วเขามีทีท่าที่เหนือกว่าจางเหยียนไม่รู้เท่าไร
“ไสหัวไปทั้งหมด อย่ามาเกะกะลูกตา มิฉะนั้นล่ะก็ข้าจะจับพวกเจ้าโยนลงไปในดินโคลนทั้งหมด” หลี่ชิเย่เหลือบมองบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่บนเรือทั้งหมดด้วยท่าทีเอ้อระเหย
ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมดต่างแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ารั้งอยู่ที่ตรงนี้อีกต่อไป
“ล้วนแล้วแต่พวกไม้ผุที่ไม่สามารถนำมาแกะสลักได้ทั้งสิ้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “หูชิงหนิวกลับมีนิสัยเฉพาะตัวดีกว่าพวกเขา”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ถึงความร้ายกาจของศิษย์พี่ใหญ่” ฉินซาวเย่าเม้มปากหัวเราะ
หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะทีหนึ่ง จิบชาโสมที่อยู่ในถ้วยเบาๆ แสงแดดที่สาดส่องลงบนใบหน้าของเขา ดูจะเป็นการเสพสุขยิ่งนัก
“ในเมื่อหาศิษย์พี่ใหญ่พบแล้ว ก็แจ้งข่าวให้กับพี่ใหญ่สักคำ นางแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วล่ะ” มู่หย่าหลันเอ่ยขึ้น
“ฟ้าไม่ได้ถล่มลงมาสักหน่อย มีอะไรน่าคลั่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
“ไม่ได้ถล่มลงมาก็ใกล้แล้วล่ะ” มู่หย่าหลันท่าทางเข้มงวดและกล่าวว่า “ศิษย์พี่เพิ่งได้ข่าวเมื่อไม่นานมานี้ พิธีเซ่นไหว้ของพวกเราไม่เพียงแต่แคว้นเจ้าลัทธิของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่มาร่วมเท่านั้น แม้แต่พรรคหยางหมิง จูเซียงหวู่ถิง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง…ซึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยของแดนลัทธิพรรษก็จะส่งผู้แทนมาเข้าร่วมด้วย ได้ยินว่าเป็นแคว้นว่านโซ่วที่เชิญพวกเขาให้มาร่วมพิธี”
“แคว้นว่านโซ่วต้องการให้ผู้คนทั่วหล้าเป็นสักขีพยานในการชิงอำนาจครั้งนี้รึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “พวกเขาคิดจะให้หุบเขาอมตะสละตำแหน่งให้ต่อหน้าทุกคนในแดนลัทธิพรรษอย่างนั้นรึ?”
“เกรงว่าคงใกล้เคียงแล้วล่ะ” มู่หย่าหลันเองก็รู้สึกเป็นกังวล และกล่าวว่า “ดังนั้น ศิษย์พี่จึงได้ขอความเห็นจากบรรพบุรุษว่าจะเคลื่อนย้ายกำลังได้หรือไม่ เพื่อรับมือกับกรณีที่เลวร้ายที่สุด”
ฟ่านเมี่ยวเจินรู้ว่าโอกาสความเป็นไปได้ที่หุบเขาอมตะจะให้เคลื่อนทัพมาช่วยนั้นคงมีไม่มาก จะอย่างไรเสียหากแคว้นว่านโซ่วต้องการชิงอำนาจล่ะก็ พวกเขาต้องส่งกำลังโจมตีหุบเขาอมตะอย่างแน่นอน ดังนั้น หุบเขาอมตะจึงจำเป็นต้องมีการวางกำลังทหารป้องกันเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เอง ฟ่านเมี่ยวเจินตามหาหลี่ชิเย่จนแทบคลั่ง นางมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพี่งพาอาศัยหลี่ชิเย่สำหรับพิธีเซ่นไหว้ในครั้งนี้ มิฉะนั้นล่ะก็ ลำพังอาศัยพวกนางเกรงว่าคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นแม้จะพยายามสุดความสามารถก็ตาม
“ไม่รีบ ให้พายุฝนฟ้าคะนองมาให้รุนแรงมากกว่านี้สักหน่อยเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีตามอารมณ์ยิ่งนัก
“ศิษย์พี่สาวบอกว่า หากหาตัวศิษย์พี่ใหญ่พบแล้ว ให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้จุดธูปเป็นคนแรก เพื่อประกาศว่าพิธีการเซ่นไหว้จะเริ่มพิธี ณ บัดนี้” ฉินซาวเย่ากล่าวว่า “เมื่อถึงเวลาแล้ว พิธีเซ่นไหว้ในครั้งนี้จะให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้ดำเนินการ”
“เอาเถอะ เช่นนั้นก็ออกเดินทางก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่หัวเราะและสั่งการออกไป
ฉินซาวเย่าและมู่หย่าหลันสั่งการให้ออกเดินทางทันที เมื่อหาตัวหลี่ชิเย่พบแล้ว จิตใจของพวกนางก็นับว่าได้ผ่อนคลายลง
เหมือนดั่งที่ฉินซาวเย่าและมู่หย่าหลันพูดเอาไว้อย่างนั้น เรือนโอสถในขณะนี้คึกคักอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่เพียงแต่มีแคว้นเจ้าลัทธิของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่มาร่วมงานเท่านั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากในแดนลัทธิพรรษก็ส่งตัวแทนมาร่วมเช่นกัน
ได้ยินเสียงรถม้าดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้น มีผู้เห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้าไปในเรือนโอสถ
“พรรคหยางหมิง…” ผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต่างรู้สึกตระหนก เมื่อมองเห็นเครื่องหมายที่อยู่บนรถศักดิ์สิทธิ์คันนั้น พรรคหยางหมิงก็มาร่วมพิธีเซ่นไหว้ครั้งนี้ด้วย
ตูม…ขณะที่รถม้าศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจะแล่นผ่านไป ได้มีสัตว์ยักษ์ที่วิ่งห้อเข้ามา สั่นสะเทือนทั่วฟ้าดิน
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงก็มาด้วยแล้ว…ครั้นเห็นสัตว์ยักษ์ที่วิ่งห้อเข้ามา ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องตระหนก
ภายในระยะเวลาอันสั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง และฟู่หนิวและบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ จำนวนมากต่างก็ส่งตัวแทนทยอยปรากฎตัวขึ้นที่เรือนโอสถ
“นี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่แล้ว” เรียกได้ว่าได้สร้างความตระหนกตกใจให้กับบรรดาสำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต้องตื่นตระหนก เมื่อเห็นคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ก็มาด้วย
……………………………