ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2255 กองทัพมังกรเงิน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2255 กองทัพมังกรเงิน
พรรคหยางหมิง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง จูเซียงหวู่ถิง…” ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ จำนวนมากล้วนแล้วแต่ส่งตัวแทนมาเข้าร่วม อีกทั้งตัวแทนที่เข้าร่วมล้วนแล้วแต่หาใช่ศิษย์ธรรมดาทั่วไป เป็นระดับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น กระทั่งมีเจ้าสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มาด้วยตนเอง
การที่มีตัวแทนจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากมาร่วมงานกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะถึงกับเซ่อไปในทันที
ต้องรู้ว่า พิธีเซ่นไหว้นี้เป็นเรื่องภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เป็นการเซ่นไหว้บรรพบุรุษของศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลภายนอก ซึ่งหาใช่เป็นการจัดมหกรรมอะไรขึ้นแต่อย่างใด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พิธีเซ่นไหว้พบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะดังกล่าวล้วนแล้วแต่มีเพียงแคว้นเจ้าลัทธิ สำนัก และตระกูลขุนนางโบราณภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่เข้าร่วมงาน ต่อให้มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นใดที่มาสังเกตุการณ์ก็จะมาเป็นคณะเล็กๆ อีกทั้งมักจะมาในนามของส่วนบุคคล ในฐานะมิตรสหายที่สนิทชิดเชื้อทำนองนั้น
แต่ทว่า เวลานี้บรรดาพรรคหยางหมิง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง จูเซียงหวู่ถิงเป็นต้น ซึ่งเป็นสุดยอดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยอดเยี่ยมต่างก็ส่งตัวแทนมาร่วมงานเซ่นไหว้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ทั้งยังเป็นการมาในฐานะตัวแทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขามาร่วมพิธีอย่างเป็นทางการ
เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนไม่น้อยถึงกับเซ่อ ผู้คนจำนวนมากต่างไม่รู้ถึงรายละเอียดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“เพราะเหตุใดถึงได้มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากมาเข้าร่วมพิธีเซ่นไหว้ของพวกเรา?” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะบางส่วนรู้สึกไม่เข้าใจ พิธีเซ่นไหว้บรรพชนนี้เป็นเรื่องภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเอง เวลานี้กลับมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของแดนลัทธิพรรษต่างก็มาร่วมพิธีด้วย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
“ฟังว่าเป็นแคว้นว่านโซ่วที่ส่งเทียบเชิญออกไป เชิญบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิในแดนลัทธิพรรษมาร่วมสังเกตุการณ์” มีระดับผู้อาวุโสของตระกูลขุนนางโบราณที่มีความไวด้านการข่าวได้รับข่าวสารนี้มา
ครั้นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนมากได้ยินข่าวนี้แล้วถึงกับเย็นวาบบในใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พิธีเซ่นไหว้ดังกล่าวนี้ล้วนแล้วแต่ทางหุบเขาอมตะเป็นผู้ดำเนินการ อีกทั้งหุบเขาอมตะในฐานะผู้กุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ จึงมีเพียงมันที่มีสิทธิ์ในการดำเนินการเรื่องของพิธีเซ่นไหว้ และมีเพียงมันที่มีอำนาจไปออกคำสั่งหรือการส่งเทียบเชิญ เวลานี้แคว้นว่านโซ่วได้ล้ำเส้นในสิ่งที่หุบเขาอมตะต้องเป็นผู้ดำเนินการ
ทุกคนพลันนึกถึงคำๆ หนึ่ง นั่นก็คือทำเกินหน้าที่ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนมากต่างรับรู้ได้ทันทีว่า แคว้นว่านโซ่วเล่นของจริงแล้ว
“จะเปลี่ยนยุคแล้วกระมัง?” เวลานี้ เจ้าสำนัก และผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต่างรู้สึกกังวล
กล่าวสำหรับแค้วนเจ้าลัทธิจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้ว ถ้าหากจะต้องเลือกผู้กุมอำนาจระหว่างหุบเขาอมตะ กับแคว้นว่านโซ่วล่ะก็ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ภายใต้ปราศจากการใช้กำลังบังคับแล้ว แคว้นเจ้าลัทธิส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ยินดีเลือกหุบเขาอมตะ
เรื่องนี้ นอกเหนือจากหุบเขาอมตะเป็นสายตรงแล้ว การกระทำด้านการปกครองของหุบเขาอมตะทำให้แคว้นเจ้าลัทธิต่างได้ประโยชน์ เนื่องจากหุบเขาอมตะไม่เคยก้าวก่ายกิจการภายในของแคว้นเจ้าลัทธิใดๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ขอเพียงอยู่ภายใต้กรอบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ แคว้นเจ้าลัทธิใดๆ ก็สามารถตัดสินใจเองได้
หากว่าเปลี่ยนให้แคว้นว่านโซ่วเป็นผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะล่ะก็ เกรงว่าเป็นการบ่งบอกถึงการกวาดล้างสิ้นในคราเดียว เนื่องจากแคว้นว่านโซ่วแตกต่างจากหุบเขาอมตะ มันผงาดขึ้นมาโดยอาศัยกำลัง เมื่อใดที่แคว้นว่านโซ่วกุมอำนาจรับรองว่าจะต้องกวาดล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแน่นอน และพวกมันก็จะต้องยืนยันในความถูกต้องชอบธรรม เกรงว่าถึงเวลานั้นก็คือคล้อยตามข้าอยู่ ขัดขืนข้าม้วย
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมา จังหวะที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกกังวลอยู่นั้น ปรากฏกองทัพอาชาที่เหินฟ้าเข้ามา เสมือนดังเป็นประกายสายฟ้าสีเงินอย่างนั้น มุ่งหน้าสู่เรือนโอสถอย่างรวดเร็ว ลักษณะของกองกำลังอาชาที่น่าเกรงขามวิ่งห้อเข้ามานี้ คล้ายดั่งเป็นน้ำหลากที่รุนแรงสามารถกวาดทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองได้
เป็นกองทัพที่มีกำลังไพร่พลแสนนาย โดยที่กองทัพดังกล่าวเปล่งประกายเป็นสีเงินแวบวับ ยามที่มันเหินฟ้าเข้ามานั้นคล้ายดั่งเป็นมังกรสีเงินขนาดยักษ์ที่ใหญ่โตมโหฬารพุ่งเข้ามายังเรือนโอสถ คล้ายสามารถสั่นคลอนต่อเทือกเขาทั้งหมดได้อย่างนั้น
“กองทัพมังกรเงิน…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยหวั่นไหวกับสิ่งนี้ เมื่อมองเห็นกองทัพลักษณะเช่นนี้ที่บุกเข้าไปยังเรือนโอสถโดยพลัน ยิ่งยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้วต้องรู้สึกใจหายใจคว่ำ
“คุณชายหุยชุนก็มาด้วย” มีผู้ที่กระซิบเสียงแผ่วเบาออกมา
กองทัพมังกรเงินคือกองทัพที่แข็งแกร่งและเก่าแก่โบราณที่สุดของแคว้นว่านโซ่ว มันถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการจัดตั้งแคว้นว่านโซ่ว สืบทอดมายุคแล้วยุคเล่า เคยเกรียงไกรในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาก
เวลานี้แม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรเงินก็คือคุณชายหุยชุน นอกจากนี้ กองทัพมังกรเงินยังมีระดับบรรพบุรุษที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์อีกหลายคนที่นั่งบัญชาการอยู่ ความแข็งแกร่งด้านกำลังนั้นเป็นที่สั่นเทาของผู้คน
ในขณะที่กองทัพมังกรเงินเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ภายในเรือนโอสถก็มีข่าวแพร่ออกมาว่า “กองทัพมังกรเงินจะช่วยรักษาความสงบให้กับหุบเขาอมตะ!”
แม้ว่าในข่าวจะระบุว่ากองทัพมังกรเงินจะช่วยหุบเขาอมตะรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนมากเมื่อได้ยินข่าวนี้แล้วก็รู้สึกใจหายใจคว่ำอยู่ในใจ
พิธีเซ่นไหว้อยู่ในความรับผิดชอบของหุบเขาอมตะตลอดมา มีโอกาสสำหรับแคว้นว่านโซ่วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เวลานี้แคว้นว่านโซ่วกลับนำเอากองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของตนมาที่เรือนโอสถ อีกทั้งยังมาก่อนที่พิธีจะเริ่มขึ้น ทุกสิ่งย่อมไม่ต้องเอ่ยถึงอีก
พริบตาเดียวนั้นเอง ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าแคว้นว่านโซ่วจะแย่งชิงอำนาจแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองแล้ว
“หุบเขาราชาโอสถยินดีช่วยเหลือกองทัพมังกรเงิน!”
“แคว้นเซิ่นตันจะให้ความช่วยเหลือต่อกองทัพมังกรเงิน!”
“พรรคหลุนสือก็จะช่วยเหลือกองทัพมังกรเงิน!”
……
ในเวลานี้ แคว้นเจ้าลัทธิของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแต่ละแคว้น สำนักและตระกูลขุนนางโบราณแต่ละรายต่างทยอยกันแสดงท่าทีของตน ย่อมไม่ต้องสงสัย บรรดาพวกเขาเหล่านี้ที่แสดงจุดยืนว่ายินดีให้การช่วยเหลือต่อกองทัพมังกรเงิน เป็นเพียงเลือกที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นว่านโซ่วเท่านั้น ในขณะที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาได้เลือกข้างแล้ว
ในเวลานี้ ผู้คนที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต่างมีจิตใจที่ระส่ำระสาย เมื่อมองเห็นแคว้นเจ้าลัทธิเลือกข้างที่ละแคว้นๆ สำนักและตระกูลขุนนางโบราณที่มีกำลังกล้าแข็งจำนวนมากต่างสวามิภักดิ์ต่อแคว้นว่านโซ่ว โดยเฉพาะบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ต่างรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ท่ามกลางอันตราย
เนื่องจากทุกคนต่างเข้าใจดีว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะกำลังจะผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน สมควรที่ทุกคนต้องตัดสินเลือกข้างแล้ว การตัดสินใจเลือกในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตาของแคว้นนั้นๆ เมื่อมีการเลือกข้างแล้ว ไม่แน่นักอาจจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปนับจากนี้เป็นต้นไป
ขณะที่แคว้นเจ้าลัทธิแต่ละแคว้นทยอยกันสวามิภักดิ์ต่อแคว้นว่านโซ่วนั้น ทำให้ฟ่านเมี่ยวเจินที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเรื่องการเซ่นไหว้บรรพชนได้รับความกดดันที่สูงมาก หลายวันมานี้นางยุ่งจนหัวหกก้นขวิดตลอดมา โดยเฉพาะแรงกดดันที่มาจากแคว้นว่านโซ่ว ยิ่งทำให้นางต้องงัดเอาจิตวิญญาณและกำลังที่เต็มเปี่ยมออกมา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฟ่านเมี่ยวเจินอดที่จะนึกถึงหลี่ชิเย่ไม่ได้ นางได้ส่งข่าวให้กับหลี่ชิเย่หลายครั้ง ต้องการให้หลี่ชิเย่กลับมาดำเนินการสถานการณ์ในภาพรวม แต่ว่าหลี่ชิเย่ก็ยังไม่กลับมา ทำให้ฟ่านเมี่ยวเจินโมโหจนกัดฟันกรอด
หลี่ชิเย่ไม่ได้ร้อนรนแม้แต่น้อยระหว่างทางมุ่งหน้าไปเพื่อจุดธูป นั่งอยู่บนเรือลำใหญ่ด้วยท่าทีที่ชมนกชมไม้อย่างนั้น ท่าทีเอ้อระเหยไม่ได้เร่งรีบ อีกทั้งยังเมินเฉยไม่ให้ความสนใจต่อการส่งข่าวขอความช่วยเหลือหลายครั้งของฟ่านเมี่ยวเจิน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ส่งข่าวมาแล้วตั้งหลายครั้ง ขอให้ศิษย์พี่ใหญ่รีบไปจุดธูป เสร็จแล้วก็ให้กลับไปดำเนินการจัดงานในทันที” ฉินซาวเย่าได้แจ้งข่าวของฟ่านเมี่ยวเจินให้ทราบ
“ไม่รีบ คนอื่นยังมากันไม่ครบเลย จะรีบร้อนไปทำไมเล่า” หลี่ชิเย่นั่งริมหน้าต่าง มองดูทิวทัศน์ของบีงโอสถ ดูท่าทางเอ้อระเหยยิ่งนัก
ความจริงแล้วหากพวกเขาเหินฟ้าไปล่ะก็ แค่ครึ่งค่อนวันก็สามารถรุดไปถึง เวลานี้พวกเขานั่งเรือเอ้อระเหยไปเช่นนี้ ย่อมช้ากว่ากันมากทีเดียว
“แต่ว่า กองทัพมังกรเงินได้มาถึงแล้ว เกรงว่าศิษย์พี่พวกเขาจะได้รับอันตราย” มู่หย่าหลันอดที่จะเป็นกังวล นางคิดจะกลับไปช่วยเหลือฟ่านเมี่ยวเจินอีกแรง แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับเดินทางด้วยความเชื่องช้า พวกนางก็จนด้วยเกล้า
“วางใจเถอะ พิธีเซ่นไหว้ยังไม่ทันเริ่มต้นขึ้นจริงๆ แคว้นว่านโซ่วไม่รีบร้อนที่จะล้มโต๊ะอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “อีกอย่าง นี่จะเป็นโอกาสอันดีในการฝึกศิษย์พี่ของพวกเจ้า ในอนาคตนางจะต้องเป็นผู้ที่ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้มู่หย่าหลัน และฉินซาวเย่าต่างมองหน้ากันและกัน เวลานี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
พิธีเซ่นไหว้จะมีขึ้นที่แท่นโอสถของเรือนโอสถ เนื่องจากสถานที่ตรงนั้นเคยเป็นสถานที่ที่เทศนาธรรมของเซียนโอสถ หรือก็คือเซียนโอสถอาศัยสถานที่แห่งนี้บัญชาใต้หล้า ดังนั้น พิธีเซ่นไหว้จัดขึ้นที่ตรงนี้นับว่ามีความเหมาะสมมากที่สุด การที่หุบเขาอมตะมาจัดพิธีที่ตรงนี้เป็นการบ่งบอกว่ายังคงเป็นหุบเขาอมตะที่กุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
แต่ว่าก่อนพิธีเซ่นไหว้จะเริ่มต้นขึ้น จะต้องมีการจุดธูปก้านแรกเสียก่อน เป็นการบอกล่วงหน้าว่าพิธีการกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ขณะที่สถานที่จุดธูปก้านแรกนั้นไม่ใช่ที่แท่นโอสถ แต่เป็นที่เรือนหญ้าคา เรือนหญ้าคาก็ถูกยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะยกย่องให้เป็นศาลบรรพชน เนื่องจากในครั้งนั้น เซียนโอสถได้อาศัยสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักพิง อีกทั้งภายหลังป้ายวิญญาณของบรรพชนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะบางส่วนก็ถูกตั้งบูชาไว้ที่นี่
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า การจุดธูปก้านแรกนอกจากเป็นการประกาศว่าพิธีเซ่นไหว้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยังเป็นการคารวะต่อบรรพชนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะอีกด้วย
หลายวันมานี้ ด้านนอกของเรือนโอสถได้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมาชุมนุมอยู่ ทั้งหมดเป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของสำนักต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ พวกเขาก็เดินทางมาเพื่อกราบคารวะต่อบรรพชนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
ทว่าสมควรทราบว่าท่ามกลางศาลบรรพชนเช่นนี้ ธูปก้านแรกจะต้องให้หุบเขาอมตะผู้กุมอำนาจปกครองเป็นผู้จุด ถ้าหากหุบเขาอมตะยังไม่ได้มีการจุดธูปก้านแรก บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะจุดไม่ได้
ที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่นักพรตฉางเซินเป็นผุ้มาจุดด้วยตนเอง ดังนั้น เวลานี้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของแคว้นเจ้าลัทธิต่างรออยู่ด้านนอกเรือนหญ้าคา เพื่อรอคอยการมาจุดธูปก้านแรกของหุบเขาอมตะ
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เวลานี้ยังคงเป็นหุบเขาอมตะที่กุมอำนาจปกครองอยู่ ต่อให้ผู้คนทั้งหมดต่างก็รับรู้แล้วว่าแคว้นว่านโซ่วคิดจะช่วงชิงอำนาจ แต่ ณ เวลานี้ นาทีนี้ยังคงมีหุบเขาอมตะเป็นเจ้าบ้าน ดังนั้น บริเวณด้านหน้าเรือนหญ้าคาจึงไม่มีผู้ใดกล้าก้าวล่วง
เรือนหญ้าคาเป็นเรือนหญ้าคาสมชื่อจริงๆ มันอาศัยหญ้าที่มีขนาดยาวนำมาผูกเข้าด้วยกัน เล่าลือกันว่าเป็นการลงมือทำด้วยตนเองของเซียนโอสถ ไม่รู้ว่าผ่านกาลเวลามานานเท่าไรแล้ว เรือนหญ้าคายังคงอยู่ อีกทั้งสองข้างของเรือนหญ้าคาได้มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนเขียวขจี
ด้านหน้าของเรือนหญ้าคามีขั้นบันไดหินที่คดเคี้ยวลงไปยังริมบึงของบึงโอสถโดยตรง เวลานี้บริเวณริมบึงปรากฎเรือจำนวนมากที่มาจอดอยู่ ขณะที่สองข้างทางซ้ายขวาของบันไดก็มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากยืนอยู่
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่จะมาจุดธูป พวกเขาต้องการมาปลอบโยนต่อเหล่าบรรพชนทั้งหลาย และเป็นการบนบานขอให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล
“มาแล้ว หุบเขาอมตะมาแล้ว” ขณะที่เรือของพวกหลี่ชิเย่ค่อยๆ แล่นเข้ามาในท่าเรือของเรือนหญ้าคา มีผู้บำเพ็ญตนที่มองเห็นแต่ไกลและส่งเสียงดังขึ้นมา
“เป็นหมอเทวดามู่กับเทพธิดาฉินพวกนาง” เมื่อเรือเขาเทียบใกล้เข้ามา มู่หย่าหลัน และฉินซาวเย่าที่งดงามมีเพียงหนึ่งไม่มีสองพลันดึงดูดสายตาของทุกๆ คน