ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2266 เฮ่าจ้านเหล่าจู่
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2266 เฮ่าจ้านเหล่าจู่
“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นมาไม่ขาดสาย จากการกวาดล้างไปทั่วของฟงเซี่ยวเฉิน ยอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินจำนวนหลายพันคนถูกบดขยี้ทำลาย ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งตั้งเป็นค่ายกลรบ
เวลานี้ เลือดสดๆ ไหลนองจนแดงฉานไปทั่วแท่นโอสถ ยอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินจำนวนมากถูกซัดจนตกเขาไปโดยตรง
สุดท้าย ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น เตายักษ์ดั่งภูผาที่หอบเอาพลังหนึ่งแสนห้าหมื่นตันพุ่งเข้าหากษัตริย์แคว้นว่านโซ่ว ดวงตาทั้งสองของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วเพ่งตรงไปข้างหน้า เมื่อต้องเผชิญกับเตาที่มีขนาดยักษ์เช่นนี้พุ่งชนเข้ามา เขาเองก็ไม่กล้าประมาทกำลังของฟงเซี่ยวเฉิน
เสียงตึงดังขึ้น จังหวะที่เตาขนาดยักษ์กำลังจะพุ่งเข้าชนกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วอยู่นั้น มือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งที่ดั่งภูผาปิดพื้นที่ทั้งหมดและปะทะเข้ากับเตาขนาดยักษ์นั่น จัดการผลักเตาขนาดยักษ์นั้นกลับไปภายใต้หนึ่งฝ่ามือ ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง ฝ่ามือยักษ์ได้ฝากรอยฝ่ามืออยู่บนเตาขนาดยักษ์นั้น
ผู้ลงมือมีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ตัดสินแข็งแกร่งและด้อยกว่ากันไป ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับเย็นวาบขึ้นมา
เพียงชั่วพริบตาเดียว มองเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้างของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่ว ขณะที่ดวงตาทั้งสองของผู้เฒ่ามองไปรอบๆ ดูมีอำนาจสูงสุด ต่อให้มีราชันแท้จริงอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็ไม่กล้าประมาทกำลังของเขา
“เฮ่าจ้านเหล่าจู่…” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต่างผวาจนหน้าถอดสี เมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับบรรพบุรุษก็รู้สึกเย็นวาบในใจ
ผู้ที่รับรู้ถึงเฮ่าจ้านเหล่าจู่ ไช่ต้าเหว่ยผู้นี้ ต่างรู้สึกสะท้านขึ้นภายในใจ เขาเป็นบุคคลที่เคียงคู่กับตันหวัง คือหนึ่งในสองยอดบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษในยุคนี้
กำลังของเฮ่าจ้านเหล่าจู่เมื่อเทียบกับตันหวังฟงเซี่ยวเฉินแล้วมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่า เขาคือระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า กระทั่งมีผู้กล่าวว่าเขาได้ครอบครองขั้นอมตะแล้ว
เทพแท้จริงขั้นสาวรรค์ชั้นเก้านับว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่หวาดหวั่นและเคารพยำเกรงของผู้คนยิ่งนัก เนื่องจากเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้านั้นมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะท้าประลองกับราชันแท้จริงชั้นต้นได้ ซึ่งจุดนี้หาใช่เทพแท้จริงขึ้นสู่สวรรค์ ขั้นต้นสามารถเทียบเคียงกับเขาได้
“พี่ฟง โปรดระงับความโกรธ ใยต้องถือสากับผู้เยาว์เล่า” เฮ่าจ้านเหล่าจู่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งภูเขาสูงลูกหนึ่งที่ไม่สามารถปีนข้ามไปได้ มีคุณธรรมสูงส่งดั่งภูเขาสูงที่ได้แต่แหงนมอง เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คน
จะอย่างไรเสีย ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินมีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วหล้า มีฐานะที่สูงส่งมาก ซึ่งในระดับที่สูงมากพอเป็นเพราะเขาสามารถปรุงกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะที่ปราศจากผู้ต่อกร หากอาศัยทักษะยุทธแล้ว เขาไม่สามารถเทียบกับเฮ่าจ้านเหล่าจู่ได้เลย
“ไช่ต้าเหว่ย การที่ท่านเป็นพวกเดียวกับแคว้นว่านโซ่วเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย เดินผิดก้าวเดียว ทำให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาชั่วชีวิตถูกทำลายสิ้น” แม้เฮ่าจ้านเหล่าจู่จะแข็งแกร่งมากกว่าตน แต่ฟงเซี่ยวเฉินก็เรียกชื่อของเขาตรงๆ
“แค่ลางเนื้อชอบลางยาเท่านั้นเอง” เฮ่าจ้านเหล่าจู่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ “พี่ฟง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะอ่อนแอมานานมากแล้ว สมควรต้องมีการฟื้นฟูด้วยการปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม มิฉะนั้นแล้ว ตัวของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ และอ่อนกำลังลง”
“บอกได้แต่เพียงว่าท่านน่ะคึกมากเกินไปแล้ว” ฟงเซี่ยวเฉินกล่าวเฉยเมยว่า “ธาตุแท้ภายในของหุบเขาอมตะไหนเลยเป็นสิ่งที่ท่านสามารถจินตนาการได้ เคล็ดกระบี่ที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องอาศัยกระบี่ที่คมกริบ แต่ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญเพียรของแต่ละคน การปกครองโดยหลักนิรกรรมไม่ได้หมายถึงอ่อนแอ โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่กลายเป็นเถ้าธุลีไป และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่สามารถสืบทอดดำรงอยู่ตลอดกาล”
“ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว” เฮ่าจ้านเหล่าจู่จ้องมองดูฟงเซี่ยวเฉินด้วยท่าทีหนักแน่จริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เห็นแก่มิตรภาพที่คบหากันมาในอดีต ข้าขอเตือนพี่ฟงคำหนึ่ง ฟี่ฟงและสำนักไป่ตันอย่าได้เข้ามายุ่งจะดีกว่า พลังอำนาจบางอย่างหาใช่สิ่งที่พี่ฟงสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว เวลานี้หากพี่ฟงถอนตัวยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็ เกรงว่าจะทำให้พี่ฟงต้องเสียชีวิต”
“ถ้าเช่นนั้นยิ่งทำให้ข้าสนใจมากขึ้นแล้ว” ฟงเซี่ยวเฉินหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าล้มลุกคลุกคลานอยู่ในยุทธภพมายาวนาน ที่ทำให้ข้ากลัวจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คน หากจะมีประเภทอภินิหารสูงสุดอะไรทำนองนั้นล่ะก็เข้ามาได้เลย ไม่ว่าเวลาไหนสำนักไป่ตันของข้าก็จะร่วมเป็นร่วมตายกับหุบเขาอมตะ นี่แหละคือท่าทีของพวกเราในฐานะชนรุ่นหลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ”
คำพูดของฟงเซี่ยวเฉินหนักแน่นจริงจัง จิตใจที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมยิ่งใหญ่ ทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสะดุ้งในใจ
“ในเมื่อพี่ฟงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าก็จนด้วยเกล้า” เฮ่าจ้านเหล่าจู่ทอดถอนใจเบาๆ ออกมา ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นี่จะเป็นการลิขิตว่าท่านกับข้าจะต้องตัดสินชี้ขาดกันในสมรภูมิสู้รบแล้ว”
“ตัดสินชี้ขาดจะเป็นไรไป!” ฟงเซี่ยวเฉินหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “เมื่ออุดมการณ์ต่างกัน ก็อย่าได้คบกันอีกเลย ในเมื่อจากนี้ต่างมีนายคนละคน ก็ตัดสินด้วยความเป็นความตายก็แล้วกัน”
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูฟงเซี่ยวเฉินและเฮ่าจ้านเหล่าจู่ ทุกคนต่างมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินกับเฮ่าจ้านเหล่าจู่ไช่ต้าเหว่ย พวกเขาทั้งสองต่างได้รับการขนานนามว่าเป็นสองบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ระหว่างพวกเขายังเคยคบหากันมาก่อน แต่มาวันนี้กลับจะต้องจบลงด้วยความเป็นความตาย
ทุกคนถึงกับต้องกลั้นลมหายใจกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างคิดกันไปต่างๆ นานา แต่ภายในใจของคนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าเกรงว่าตันหวังฟงเซี่ยวเฉินจะไม่ใช่คุ่ต่อสู้ของเฮ่าจ้านเหล่าจู่
ถ้าหากพูดถึงเรื่องบารมีและฐานะ โดยเฉพาะในแดนลัทธิพรรษแล้ว เกรงว่าต้องยกให้ตันหวังเป็นหนึ่ง จะอย่างไรเสียเคยมีระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ กระทั่งถึงขั้นอมตะ ราชันแท้จริงก็เคยเป็นหนี้บุญคุณของตันหวัง โดยเฉพาะเคยมีราชันแท้จริงที่ขอรับยาเม็ดอายุวัฒนะจากตันหวัง
ตันหวังไม่เพียงคบหากับผู้คนทั่วหล้าเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นมีสุดยอดบุคคลจำนวนไม่น้อยที่ติดค้างหนี้บุญคุณของเขา ด้วยเหตุนี้เอง ยามที่มีอันตราย ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริง และหรือขั้นอมตะต่างก็ยินดีช่วยเหลือตันหวังอีกแรงอยู่เสมอๆ
แต่ หากจะว่ากันด้วยเรื่องของทักษะยุทธล่ะก็ เป็นความจริงที่ตันหวังสู้เฮ่าจ้านเหล่าจู่ไม่ได้ จะอย่างไรเสียเฮ่าจ้านเหล่าจู่คือระดับเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นเก้า กระทั่งกำลังจะครอบครองขั้นอมตะ กำลังความสามารถของเขาเหนือกว่าตันหวังมากเหลือเกิน
แว้งค์จังหวะที่ตันหวังและเฮ่าจ้านเหล่าจู่กำลังจะระเบิดศึกขึ้นมานั้น ยอดเขาเก็บสมุนไพรที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าพลันปรากฎเสียงดังร้องใสขึ้นมา โดยที่เสียงนี้แม้ไม่ได้ดังมากเป็นพิเศษ แต่ผู้คนจำนวนมากที่อยู่บนแท่นโอสถต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน
ผู้คนจำนวนไม่น้อยแหงนหน้าขึ้นมอง มองเห็นยอดเขาเก็บสมุนไพรที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกพลันเปล่งประกายออกมาเป็นสายๆ โดยที่ประกายเหล่านี้ถึงกับทำให้เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่กลางเขาจางหายไป
ครั้นเมฆหมอกถูกทำให้จางหายไปแล้ว มองเห็นบนก้อนหินมีหญิงสาวนั่งอยู่คนหนึ่ง โดยก้อนหินดังกล่าวโผล่ออกมาจากหน้าผาที่สูงชัน อีกทั้งยังมีต้นสนแก่ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง มองเห็นต้นสนแก่ต้นนี้ที่มีแสงสีเขียวทิ้งตัวลงมาเป็นสาย โดยแสงสีเขียวที่เป็นสายได้ปกคลุมร่างของหญิงสาวเอาไว้ ภาพเช่นนี้ทำให้หญิงสาวผู้นี้มีลักษณะที่ล่องลอยหลุดจากโลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอย่างนั้น
“เป็นศิษย์พี่เมี่ยวเจิน” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะสามารถจดจำนางได้ทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนี้ ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา
สิ่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนยิ่งกว่า เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดีว่า หลังจากที่ฟ่านเมี่ยวเจินพ่ายแพ้ได้หลบหนีเข้าไปในยอดเขาเก็บสมุนไพร พวกเขาคุณชายหุยชุนปล่อยให้นางหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกโดยไม่สามารถค้นพบนางได้ เวลานี้พลันที่ได้เห็นฟ่านเมี่ยวเจิน จึงทำให้สายตาทุกคู่ต่างจ้องไปที่นาง
“ในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้ว” พลันที่คุณชายหุยชุนพบฟ่านเมี่ยวเจิน เขาได้ลืมตาทั้งสองขึ้นทันที พริบตาเดียวนั่นเองกระบี่ออกจากฝัก ได้ยินเสียงดังตึง หนึ่งกระบี่ดั่งทางช้างเผือกที่ทิ้งตัวลงมา ลอยอยู่บนท้องฟ้า ประกายกระบี่ที่ดั่งคลื่นยักษ์ไม่ขาดสายพลันเทลงมา ฟาดฟันเข้าหาฟ่านเมี่ยวเจิน
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ฟ่านเมี่ยวเจินได้เก็บงำประกายของตน และอยู่ภายใต้การปกคลุมของเมฆหมอกทำให้ตัวของนางหายไปในทันที ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมา เมื่อกระบี่ของคุณชายหุยชุนฟาดฟันลงมา สามารถขับไล่เมฆหมอกให้จางหายไป พริบตาเดียวนั่นเองฟ่านเมี่ยวเจินก็หายตัวไปแล้ว
คุณชายหุยชุนส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา ในเสี้ยววินาทีนี้เอง สายตาของเขาได้ล็อคเป้าหมายเอาไว้แล้ว ได้ยินเสียงดังตึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง กระบี่ที่รวดเร็วดั่งดาวตกได้ทำลายอากาศธาตุโดยพลัน และโจมตีจนเมฆหมอกจางหายไป ทำให้ร่องรอยของฟ่านเมี่ยวเจินถูกเปิดเผยขึ้นมา มองเห็นนางยืนอยู่บนหินอีกก้อนหนึ่ง
ขณะที่ในเสี้ยววินาทีนี้เอง หนึ่งกระบี่ของคุณชายหุยชุนได้ก้าวข้ามกาลเวลา พุ่งตรงไปยังหน้าอกของฟ่านเมี่ยวเจิน เสมือนดั่งประกายสีขาวที่พุ่งทะลุผ่านดวงตะวัน
“นับว่าแข็งแกร่งโดยแท้จริง ภายใต้การสยบของยอดเขาเก็บสมุนไพรยังคงสามารถปะทุพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้เกรงว่าก้าวสู่ราชันแท้จริงไปครึ่งตัวแล้วล่ะ” มีผู้ทอดถอนใจขึ้นมา
เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ฟ่านเมี่ยวเจินที่เผชิญกับหนึ่งกระบี่ที่ดั่งประกายสีขาวที่พุ่งทะลุผ่านดวงตะวันยกมือขึ้นรวบรวมเมฆหมอกเข้ามากลายเป็นดั่งโล่ยักษ์ต้านรับกับหนึ่งกระบี่ที่พุ่งปะทะเข้ามาดั่งดาวตก
ปังหนึ่งกระบี่โจมตีทะลุผ่านโล่ยักษ์ที่มาจากเมฆหมอก เมื่อเมฆหมอกจางหายไป ฟ่านเมี่ยวเจินได้หายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ทุกคนต่างเข้าใจว่าฟ่านเมี่ยวเจินได้หายตัวอีกครั้งไปแล้วนั้น ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น มองเห็นประกายกระบี่ที่พุ่งทะลุขึ้นมาอย่างรุนแรงท่ามกลางเมฆหมอกขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที กลับกลายเป็นกรงขนาดใหญ่โตมโหฬารกรงหนึ่ง กระบี่สวรรค์แต่ละเล่มเหล่านี้ได้ทำการกวาดทำลายเมฆหมอกจนสิ้น เผยร่องรอยของฟ่านเมี่ยวเจินขึ้นมาอีกครั้ง
พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นฟ่านเมี่ยวเจินที่ถูกขังเอาไว้ภายในค่ายกลกระบี่ ฟ่านเมี่ยวเจินดุจดั่งตกอยู่ท่ามกลางกรงขังภายใต้กระบี่สวรรค์แต่ละเล่ม
“คราวนี้เจ้าจะหนีไปไหน!” คุณชายหุยชุนกล่าวน่าเกรงขามว่า “วันนี้หากไม่ยอมจำนนเสียแต่โดยดี ก็จะเป็นวันตายของเจ้า!”
“อย่างนั้นรึ?” ฟ่านเมี่ยวเจินยังไม่ทันได้ตอบ เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นไปไม่ได้” ทุกคนที่มองเห็นไม่อยากเชื่อในสายตาของตนเอง แม้แต่ฟงเซี่ยวเฉิน เฮ่าจ้านเหล่าจู่ก็รู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
มองเห็นหลี่ชิเย่ยืนอยู่บนยอดเขาสูงสุดของยอดเขาเก็บสมุนไพร สูงกว่าคุณชายหุยชุนเสียอีก อีกทั้งยังสงบเงียบยิ่งนัก เหมือนว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานแล้วอย่างนั้น โดยไม่ได้ขยับตัวอะไรเลย เพียงแต่ทุกคนมองไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง
ทุกคนรีบละสายตากลับมามองดูที่แท่นโอสถ มองเห็นหลี่ชิเย่ที่เดิมยืนอยู่บนแท่นโอสถนั้นได้หายตัวไปแล้ว ทุกคนจึงรู้ว่าหลี่ชิเย่คนที่ยืนอยู่บนยอดเขาเก็บสมุนไพรนั้นเป็นตัวจริง ไม่ใช่ภาพเพ้อฝัน
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือและระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนเท่าไรที่ตกใจอย่างยิ่งกับสิ่งนี้
เนื่องจากไม่มีใครสามารถบินขึ้นไปยังยอดเขาเก็บสมุนไพร ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามยอดเขาเก็บสมุนไพรในก้าวเดียวได้ แม้แต่ราชันแท้จริง ระดับอมตะก็เป็นไปไม่ได้ เคยมีระดับอมตะและราชันแท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะทดลองมาแล้ว พวกเขาอาศัยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดย้อนศรขึ้นไป ยังคงต้องปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งสยบลงมา
เคยมีระดับราชันแท้จริงและชั้นอมตะคาดการณ์เอาไว้ว่า ถ้าหากคิดจะรองรับกับพลังสยบที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วยการฝืนย้อนศรขึ้นไปได้อย่างสิ้นเชิง เกรงว่าจะต้องเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้น มิฉะนั้นเกรงว่าคนอื่นๆ ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับไม่มีเสียงใดๆ ก็พลันก้าวข้ามยอดเขาเก็บสมุนไพรได้แล้ว อีกทั้งทำได้ในชั่วพริบตาเดียว เหมือนว่าไม่มีความยากเลยแม้แต่น้อยนิด
นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันคือปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง เนื่องจากไม่เคยมีใครทำได้ถึงขั้นนี้มาก่อน เว้นแต่เซียนโอสถจะฟื้นคืนชีพแล้ว