ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2271 สามสิบหกจ้าวมังกร
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2271 สามสิบหกจ้าวมังกร
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกดูถูก เมื่อมองเห็นกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วนำเอาตัวประกันมาใช้ข่มขู่เช่นนี้ แต่บรรดาศิษย์ของสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ที่ยืนหยัดให้การสนับสนุนต่อหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่ทยอยกันมองไปที่หลี่ชิเย่ในเวลานี้
จะอย่างไรเสียเวลานี้หลี่ชิเย่คือตัวแทนของหุบเขาอมตะ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นความตาย พวกเขาต่างต้องการให้หลี่ชิเย่ตัดสินใจให้พวกเขาได้
“ถ้าหากเจ้าไม่ยอมจำนนให้จับเสียแต่ตอนนี้ ข้าจะสั่งให้พวกเขาตัดศีรษะของคนทรยศทุกคนแล้วแขวนเอาไว้บนยอดเขา ให้ทายาทรุ่นหลังของพวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจนถึงจุดจบของคนทรยศ ซึ่งจะเป็นที่ด่าทอของผู้คนเป็นพันล้านปี!” กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วร้องกล่าวเสียงดังออกมา
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองไปที่หลี่ชิเย่เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ แม้จะกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้ของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง แต่ต้องยอมรับว่าได้ผลอย่างยิ่ง
ถ้าหากเวลานี้หลี่ชิเย่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวประกันล่ะก็ แม้ว่าเขาไม่ใช่คนของพรรคมาร ในอนาคตเขาก็ต้องถูกคนเขาประณามถึงเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่ง
อีกทั้งบรรดาสำนักต่างๆ มีตัวประกันมากมายอยู่ในมือของแคว้นว่านโซ่ว ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ยอมก้าวออกมาช่วยเหลือตัวประกันล่ะก็ ไม่แน่นักบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิเหล่านี้อาจจะหันไปเข้าข้างศตรูไม่ให้การสนับสนุนต่อหุบเขาอมตะอีก
หากว่าเวลานี้หลี่ชิเย่ยอมสยบต่อแคว้นว่านโซ่วเพื่อช่วยเหลือตัวประกันล่ะก็ จะนำมาซึ่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหุบเขาอมตะ
ในเวลานี้ ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะเลือกอย่างไรก็ตาม ก็จะอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เวลานี้ ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ดูว่าหลี่ชิเย่จะเลือกอย่างไร มันไม่เพียงเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของตัวเขาเอง และเกี่ยวพันถึงผลได้ผลเสียของหุบเขาอมตะ
“ดูท่าข้าคงได้แต่ยอมจำนนแต่โดยดีแล้วสิ?” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มกล่าว
“ถูกต้อง ไม่เพียงแต่เจ้า ยังมีพวกเขา!” กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วชี้ไปที่กลุ่มของพวกฟ่านเมี่ยวเจิน กล่าวเสียงดังออกมาว่า “ถ้าหากในบรรดาพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งกล้าขัดขืน ข้าจะฆ่าไม่มีละเว้น สังหารสิ้นตัวประกันทั้งหมด!”
“ยอมแพ้ไม่ได้” มู่หย่าหลันร้องกล่าวเสียงดังกับหลี่ชิเย่ทันที นางเกรงว่าหลี่ชิเย่จะยอมแพ้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
“ไม่ยอมแพ้ก็จะสังหารตัวประกันทั้งหมดก่อน จากนั้นค่อยสังหารพวกเจ้าทั้งหมด” หน้าตาของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วดูน่าเกลียดนน่ากลัว กล่าวด้วยเสียงอันดังขึ้นมา
ในเวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ในช่วงอันตรายเช่นนี้ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่จะมีวิธีใดที่พลิกสถานการณ์ได้
จุ๊ จุ๊ จุ๊…หลี่ชิเย่จ้องมองดูกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วแล้วถึงกับส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าอายุเท่าไรแล้วเนี่ย? สติปัญญาของเจ้ายังไม่ได้พัฒนาสมบูรณ์เต็มที่รึ? อายุปูนนี้แล้วยังมาเล่นวิธีข่มขู่ด้วยตัวประกัน สมองเจ้ามีปัญหาใช่หรือไม่? วิธีการที่ต่ำชั้นเช่นนี้ก็เอามาใช้ได้ แคว้นว่านโซ่วของพวกเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นพวกสมองพิการหรืออย่างไร? วิธีการที่ดูไม่ได้เลยยังมีหน้าเอาออกมาใช้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าแคว้นว่านโซ่วของพวกเจ้าช่างไร้ความสามารถอะไรอย่างนั้น สติปัญญาพัฒนาช้าอะไรอย่างนั้น!”
“เจ้า…” สีหน้าของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วพลันถูกยั่วโมโหจนแดงก่ำ แดงจนออกคล้ำ เขาร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “ข้าจะนับหนึ่งถึงสิบ หากเจ้ายังไม่ยอมจำนนให้จับเสียแต่โดยดีล่ะก็ ข้าจะสั่งให้สังหารศิษย์ทรยศทั้งหมด”
“หนึ่ง สอง สาม…” ขาดคำ กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วทำการนับทันที เหมือนไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่มีโอกาสได้คิดไตร่ตรอง
บรรดาสำนักเจ้าลัทธิผู้มีผู้อาวุโส หรือผู้เยาว์ที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ทยอยกันมองไปที่หลี่ชิเย่ ภายในใจของพวกเขาพลันตึงเครียดขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วทำการนับในทันที
“ไม่ต้องนับแล้ว” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ตัดบทคำพูดของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่ว และกล่าวว่า “วิธีการที่ปัญญาอ่อนเช่นนี้ ข้าจะให้คำตอบเจ้าเดี๋ยวนี้”
“ฆ่า…” พลันหลี่ซี่เย่พูดจบ ก็ปรากฏเป็นประกายสีเขียวตลบอบอวลไปทั่วตัว เหมือนว่าตัวของเขามีเถาวัลย์สีเขียวงอกขึ้นมาอย่างนั้น ร่างกายของเขาแลดูเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาไปทั้งร่าง
จี๊ด จี๊ด จึ๊ด…ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ปรากฎใต้พื้นดินบนยอดเขาแต่ละลูกมีรากไม้แก่แต่ละรากโผล่พรวดออกมา โดยที่รากแก่แต่ละรากเหล่านี้เหมือนดั่งแส้เหล็กที่มีหนามแหลมคม คล้ายงูพิษที่กำลังแลบลิ้น และเหมือนแมงป่องพิษที่ซ่อนตัวในความมืดแล้วต่อยด้วยหางพิษอย่างนั้น
รากแก่แต่ละรากที่คล้ายดั่งแส้เหล็กที่ทิ่มแทงออกไปโดยพลันนั้นมีความแหลมคมยิ่งนัก อีกทั้งยังรวดเร็วดั่งสายฟ้า มันสามารถแทงทะลุเสื้อเกราะทุกชนิดโดยพลัน สังหารยอดฝีมือได้ทุกคน
อ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกกเสียงร้องน่าเวทนาแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง มองเห็นรากแก่แต่ละรากที่แทงทะลุคอหอยของทหารกองทัพมังกรเงินที่ควบคุมตัวประกันเหล่านั้น เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นลงสลับก้องไปทั้งเรือนโอสถ
เลือดสดๆ แต่ละหยดที่หยดลงมา ย้อมใบไม้สีเขียวจนกลายเป็นสีแดง ระหว่างสีแดงสลับกับสีเขียวดูจะละลานตายิ่ง และดูสวยสดงดงามยิ่งขื้น
รากแก่แต่ละรากที่ยกตัวขึ้นสูง แทงทะลุคอหอยของทหารกองทัพมังกรเงินแต่ละคน แล้วยกศพของพวกเขาชูไว้สูงเด่น
ไม่มีใครมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่ชิเย่ลงมืออย่างไรกันแน่ จัดการสังหารทหารของกองทัพมังกรเงินที่ควบคุมตัวประกันจนหมดสิ้น
ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเหลือเกิน ทำให้ยากที่จะระวังตัวอย่างยิ่ง ทุกคนต่างนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น และทุกคนก็ไม่รู้ว่ารากแก่แต่ละรากใต้พื้นดินนั้นคืออะไรกันแน่
“อ่อนเหลือเกิน” หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน กล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ศัตรูระดับเช่นนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย ข้าไม่ต้องลงมือด้วยตัวเองก็สามารถสังหารได้สิบล้าน งัดเอาฝีมือระดับสูงออกมาดีกว่า มิฉะนั้นล่ะก็ การช่วงชิงบัลลังก์ยึดอำนาจคราวนี้ก็เป็นได้เพียงเรื่องตลก ไม่สามารถต้านอะไรได้เลย”
“เจ้า…” สีหน้าของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วเปลี่ยนไปมากทีเดียว ทำเอาตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ในเวลานี้เขาถึงกับจ้องมองไปที่เท้าของตน ด้วยเกรงว่าจะมีรากแก่แต่ละรากที่โผล่พรวดขึ้นมา เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
ตึง ตึง ตึงนาทีนี้เอง เสียงชุดเกราะดังขึ้นเป็นระลอก ยอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินทั้งหมดที่อยู่บนแท่นโอสถพลันเข้าไปล้อมกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วเอาไว้ เพื่อป้องกันตัวของเขาเอาไว้
ขาทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่วางพาดไว้บนโต๊ะ กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยท่าทางที่เกียจคร้านบนบัลลังก์กษัตริย์ กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “ถ้าหากแคว้นว่านโซ่วของพวกเจ้ามีกำลังที่เรียกว่าชิงอำนาจเพียงเท่านี้ล่ะก็ ควรเป็นข้าที่ได้เวลาสะสางด้วยการสังหารพวกเจ้าทั้งหมด”
วูวววในเวลานี้เอง กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วได้เป่าหอยสังข์ให้ดังขึ้น เสียงสัญญาณดังก้องไปทั่วเรือนโอสถ
ปัง ปัง ปังสิ้นเสียงสัญญาณที่เป่า ปรากฏเสียงดังตูมตามที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน ร่างเงาที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งเหินฟ้าลงมา และร่างสูงใหญ่แต่ละคนเหล่านี้ได้ยืนขวางอยู่ด้านหน้าสุดของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วในทันที เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์แต่ละลูกที่กั้นขวางอยู่ด้านหน้าของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่ว
ทุกคนทอดสายตามองออกไป มองเห็นชุดเกราะที่สูงใหญ่มากยืนอยู่ตรงนั้น โดยชุดเกราะแต่ละตัวมีขนาดเป็นสามเท่าของคนธรรมดา ดูไปแล้วก็คล้ายดั่งเป็นมนุษย์เหล็กอย่างนั้น หากไม่เป็นเพราะมองเห็นชุดเกราะปรากฎดวงตาที่กรอกไปมาอยู่ภายใน ยังเข้าใจว่านี่เป็นมนุษย์เหล็กแต่ละตัว
บนหน้าอกของชุดเกราะเหล่านี้ได้สลักตราสัญลักษณ์ของกองทัพมังกรเงินเอาไว้ แต่ว่า ชุดเกราะของพวกเขาแตกต่างจากของกองทัพมังกรเงิน ชุดเกราะของพวกเขาจะปรากฏเป็นประกายสีทองจางๆ เหมือนว่าฐานะของพวกเขาดูจะสูงส่งกว่ายอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินอยู่มากทีเดียว
มีผู้คนลองนับจำนวนดูอย่างละเอียด พบว่าชุดเกราะที่เหินฟ้าลงมาทั้งหมดมีอยู่สามสิบหกตัว
“สามสิบหกจ้าวมังกร! คือส่วนที่เป็นแกนหลักและแข็งแกร่งที่สุดของกองทัพมังกรเงิน” เจ้าสำนักของสำนักเจ้าลัทธิถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อเมองเห็นสามสิบหกจ้าวมังกรเหล่านี้
“สามสิบหกจ้าวมังกร! คือกำลังที่สามารถกวาดล้างทั้งอาณาจักร” ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว
ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะไม่รู้มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับสามสิบหกชุดเกราะที่เห็นอยู่ตรงหน้า นี่คือกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพมังกรเงินทั้งกองทัพ กระทั่งกล่าวได้ว่าศักยภาพของสามสิบหกจ้าวมังกรสามารถเทียบได้กับกองทัพมังกรเงินได้ทั้งกองทัพ
สามสิบหกจ้าวมังกรมีมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งกองทัพมังกรเงินแล้ว เจ้ามังกรทุกคนจะเริ่มต้นด้วยระดับเทพแท้จริงเป็นอย่างต่ำ กระทั่งมีระดับเทพแท้จริงขั้นก้าวขึ้นสู่สวรรค์
สามสิบหกจ้าวมังกรใช่เพียงแค่พลังของตัวเองที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น อีกทั้งชุดเกราะบนตัวของพวกเขาก็เป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาก มีความทรงพลังอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าหากสามสิบหกจ้าวมังกรร่วมมือกัน สามารถกวาดล้างสิ้นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้ทั้งหมด ยากจะมีแคว้นเจ้าลัทธิใดสามารถต้านทานเอาไว้ได้
“ขนาดเสาหลักประจำแคว้นของแคว้นว่านโซ่วยังเคลื่อนกำลังมาถึงที่นี่” ระดับบรรพบุรุษถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เพื่อช่วงชิงอำนาจในครั้งนี้ เรียกได้ว่าแคว้นว่านโซ่วได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงข้อแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น
ปัง ปัง ปัง…ในเวลานี้เอง สามสิบหกจ้าวมังกรได้ก้าวเดินพร้อมกัน พวกเขามีการก้าวเท้าที่พร้อมเพรียงกันมาก อีกทั้งขณะที่พวกเขาก้าวเดินไปทีละก้าวๆ เสมือนดั่งสามารถเหยียบแท่นโอสถให้แหลกละเอียดได้อย่างนั้น
สามสิบหกจ้าวมังกรก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ทุกย่างก้าวของพวกเขาคล้ายดั่งเหยียบย่ำลงกลางใจของคนทุกคนอย่างนั้น ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก พลังที่แข็งแกร่งยากจะเทียบเทียมสายนั้นได้กดลงกลางใจของทุกๆ คน ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่บ้าง
“เจ้าหนู ลงมารับความตายเดี๋ยวนี้!” เวลานี้ ท่ามกลางสามสิบหกจ้าวมังกรได้มีเสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งดังขึ้น สามสิบหกจ้าวมังกรผู้หนึ่งได้ปริปากขึ้นมาแล้ว เสียงของเขาเยือกเย็นน่าเกรงขาม และกล่าวว่า “ภัยร้ายจากพรรคมารที่ยังหลงเหลืออยู่ ทุกคนมีสิทธิ์กำจัดได้”
“มันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดบ้างแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ที่เอนนอนอยู่บนบัลลังก์กษัตริย์ด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “เวลานี้วิชาอภินิหารบนตัวข้ามีมากมายเหลือเกิน ข้าจำเป็นต้องเลือกสักหน่อย ดูว่าควรจะหาวิธีอะไรมาฆ่าพวกเจ้าดี จะอย่างไรเสียข้าเป็นคนที่มีท่วงทีอยู่บ้าง จะฆ่าคนทั้งทีก็ต้องมีความพิถีพิถันกันบ้าง”
ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่เคาะเก้าอี้เบาๆ สั่งการกับพวกมู่หย่าหลันว่า “นังหนูเอ๊ย ชงชาชั้นเลิศให้ข้าสักกาหนึ่ง ข้าจะต้องนั่งครุ่นคิดสักหน่อยว่า สมควรหาวิธีการที่สูงส่งงดงามมีระดับอะไรมาทำให้แคว้นว่านโซ่วกลายเป็นเถ้าธุลีดี จะอย่างไรเสียเข่นฆ่าสิบล้านคนทั้งทีไม่ทำให้มันดูงสูงส่งงดงามมีระดับล่ะก็ ดูจะไม่มีศิลปะเอาเสียเลย จะอย่างไรเสียการที่จะทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ทั้งทีมันคือศิลปะแขนงหนึ่ง คนที่มีความเฉพาะอย่างข้าจะต้องค่อยๆ ชื่นชมศิลปะเช่นนี้อย่างดี”
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้สั่งการไปแล้ว ฟ่านเมี่ยวเจินที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสามคนไม่กล้าชักช้า ถึงกับไปก่อเตาขึ้นที่ด้านข้างบัลลังก์กษัตริย์ โดยมีพวกนางที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสามคนทำการต้มชงชาให้กับหลี่ชิเย่
ขนาดศัตรูยกทัพมาถึงหน้าบ้านแล้ว หลี่ชิเย่ยังทำเป็นเอ้อระเหยเช่นนี้ ยังต้องมีการวางมาด พลันทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องอึ้ง ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเขานั้นสติฟั่นเฟือนหรืออย่างไร
“เจ้าหนู รับความตาย…” หนึ่งในสามสิบหกจ้าวมังกรคำรามเสียงดังเมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนเช่นนี้ ก้าวเท้าบุกเข้าไปทันที
……………………………………..