CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2310 พบสหายเก่าอีกแล้ว

  1. Home
  2. ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
  3. ตอนที่ 2310 พบสหายเก่าอีกแล้ว
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ฝานกุ้ยซินหลบหนีไปอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนรับมือไม่ทัน ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าฝานกุ้ยซินจะหนีไปกะทันหันเช่นนี้ จะอย่างไรเสียเขาคือตัวแทนของตระกูลมู่ในระดับหนึ่งนะเนี่ย ผู้คนจำนวนมากจึงเข้าใจว่าฝานกุ้ยซินจะยืนหยัดให้ถึงที่สุด ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเวลานี้เมื่อเห็นท่าไม่ดีกลับหลบหนีได้รวดเร็วยิ่งกว่าใครๆ อีกทั้งแม้แต่คำพูดที่ดูเป็นทางการสักคำก็ไม่พูด

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ฝานกุ้ยซินกำลังหลบหนีไปพริบตาเดียวกันนั้น กลับถูกคนสกัดเอาไว้กะทันหัน พริบตาเดียวนั่นเองเสมือนดั่งช่องว่างถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างนั้น พลังที่น่าเกรงขามยิ่งสายหนึ่งพลันพุ่งโจมตีเข้ามา

ฝานกุ้ยซินรู้สึกตกใจกับสิ่งนี้ และต้องล่าถอยกลับในพริบตา หลีกเลี่ยงพลังที่น่าเกรงขามยิ่งที่เข้ามาสายนี้

 ผู้เฒ่าฝาน จะรีบเร่งหนีไปไหนกันเล่า?  เวลานี้เสียงที่ไพเราะน่าฟังเสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เองปรากฎคนผู้หนึ่งได้ขวางทางของฝานกุ้ยซินเอาไว้

ผู้ที่ขวางทางฝานกุ้ยซินเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีบุคลิกลักษณะอันองอาจห้าวหาญ รูปโฉมสวยหยาดเยิ้ม เรียกได้ว่าสุดยอดในหล้ามีเพียงหนึ่งไม่มีสอง

เทพธิดาสงคราม…ผู้คนจำนวนไม่น้อยพลันจดจำนางได้ทันที เมื่อเห็นผู้หญิงที่ขวางทางไปของฝานกุ้ยซินเอาไว้

ผู้ที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันก็คือหวู่ปิงหนิง เทพธิดาสงครามแห่งจูเซียงหวู่ถิงนั่นเอง และนับเป็นอัจฉริยะบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังของแดนลัทธิพรรษ และเป็นเทพธิดาที่ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันถึง

หลานรัก…ฝานกุ้ยซินรู้สึกตกใจลึกๆ อยู่เหมือนกันเมื่อเห็นหวู่ปิงหนิงมาขวางทางของตนเอาไว้

 ผู้เฒ่าฝานไหนๆ ก็มาแล้วจะรีบหนีไปไหนเล่า  นัยน์ตาของหวู่ปิงหนิงดุจดวงดาวที่หนาวเหน็บ นางเอ่ยขึ้นช้าๆ น้ำเสียงหนักแน่นดุจดั่งเหล็กและหิน สูงส่งและเงียบเหงา

ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน กระทั่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พูดเสียงแผ่วเบา โดยเฉพาะผู้ดำรงอยู่ในฐานะระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิ ยิ่งรู้สึกตกใจกับสิ่งนี้ยิ่งกว่า

 จูเซียงหวู่ถิงมีความใกล้ชิดกับนายน้อยมู่มิใช่รึ?  ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของตระกูลขุนนางโบราณก็รู้สึกตกใจอยู่ลึกๆ

ระดับผู้ยิ่งใหญ่ในแดนลัทธิพรรษต่างรู้ดีว่า จูเซียงหวู่ถิงคือผู้ที่ใกล้ชิดกับนายน้อยมู่มากที่สุดตั้งแต่มาถึงแดนลัทธิพรรษแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่านายน้อยมู่ได้รั้งอยู่ที่จูเซียงหวู่ถิงมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง

แม้ว่าตระกูลมู่ไม่ได้อยู่ในแดนลัทธิพรรษ แต่ทว่าด้วยความสัมพันธ์ของนายน้อยมู่กับจูเซียงหวู่ถิงในขณะนี้ จูเซียงหวู่ถิงเกือบจะกลายเป็นกองทัพที่อยู่เบื้องหลังของนายน้อยมู่ที่สามารถพึ่งพาได้แล้ว

กระทั่งเคยมีข่าวแพร่สะพัดในแดนลัทธิพรรษว่า ตระกูลมู่และจูเซียงหวู่ถิงจะมีการเกี่ยวดองสมรสกัน ซึ่งทางจูเซียงหวู่ถิงก็ไม่ได้ปฏิเสธและหรือยอมรับ แต่ว่า ผู้คนจำนวนมากต่างมองว่าแม้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม เวลานี้หวู่ปิงหนิงกลับขวางทางของฝานกุ้ยซินเอาไว้ ดูจากท่าทีของหวู่ปิงหนิงแล้วไม่เหมือนต้องการช่วยเหลือฝานกุ้ยซินให้หลบหนีไปได้ ตรงกันข้ามเหมือนเป็นการสกัดกั้นฝานกุ้ยซินมากกว่า

 ข่าวเล่าลือกันว่าจูเซียงหวู่ถิงจะเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่มิใช่รึ?  มีผู้เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

ถ้าหากจะกล่าวว่า จูเซียงหวู่ถิงเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่ ทุกคนย่อมเข้าใจได้ว่า ต้องเป็นนายน้อยมู่ที่แต่งงานกับหวู่ปิงหนิงอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มจำนวนเท่าไรในแดนลัทธิพรรษที่ใฝ่ฝันถึงหวู่ปิงหนิง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ไม่ต้องการเห็นเรื่องเช่นนี้เกิด่ขึ้น แต่ความจริงนั้นทุกคนย่อมมีความชัดเจนว่า เมื่อไรที่จูเซียงหวู่ถิงเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่ล่ะก็ นายน้อยมู่แต่งงานกับหวู่ปิงหนิงย่อมเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอนที่สุด

แต่ทว่า ท่าทีของหวู่ปิงหนิงในเวลานี้ดูเหมือนจะแปลกๆ อยู่บ้าง ถ้าหากทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองสมรสกันจริง ตามหลักแล้วหวู่ปิงหนิงจะต้องยืนอยู่ข้างฝ่ายของฝานกุ้ยซินจึงจะถูก

 รอดูเหตุการณ์ไปเงียบๆ  แม้แต่ระดับผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสก็ไม่เข้าใจ กล่าวขึ้นและส่ายหน้าเบาๆ

 หลานรัก เจ้าหมายความว่าอะไร?  สีหน้าของฝานกุ้ยซินถึงกับเปลี่ยนไปเมื่อถูกหวู่ปิงหนิงขวางทางเอาไว้ และรู้สึกได้ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว

 ไม่ได้มีความหมายอันใด  หวู่ปิงหนิงเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  ข้าแค่ต้องการดูว่าผู้เฒ่าฝานที่สง่าผ่าเผยยิ่งนัก และชูอำนาจบารมีของตระกูลมู่ ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าฝานสามารถสังหารคุณชายหลี่ได้หรือไม่ 

ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกันพลันที่หวู่ปิงหนิงพูดคำๆ นี้ออกมา ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีกถึงท่าทีของหวู่ปิงหนิง

สีหน้าของฝานกุ้ยซินเปลี่ยนไป ถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขารู้ว่าหวู่ปิงหนิงจะไม่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของตนเองอย่างแน่นอน

 ความจริงแล้ว หากข้าต้องการฆ่าใครสักคน ต่อให้เขาต้องการหลบหนีไปจริงๆ ก็หนีไปไหนไม่พ้น  ในเวลานี้หลี่ชิเย่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่เหนื่อยหน่าย เหมือนว่าเขาไม่ได้รีบร้อนแม้แต่น้อย และไม่กลัวว่าฝานกุ้ยซินจะหลบหนีไปได้อย่างนั้น

ฝานกุ้ยซินหันกลับเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่ทันที แต่ก็ไม่กล้าหันหลังให้กับหวู่ปิงหนิง ได้แต่เอียงตัวอยู่ในท่าทางสามเหลี่ยม

 เวลานี้เจ้าคิดจะวิ่งหนีเสมือนหนึ่งเป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ถูกข้าอาศัยกระบี่เดียวแทงเข้าข้างหลังจนตาย หรือจะยืดอกรับกระบี่ข้าทีหนึ่งล่ะ?  หลี่ชิเย่สะบัดกระบี่ไม้ไผ่ในมือเบาๆ ทีหนึ่งด้วยความตามอารมณ์ยิ่งนัก

สีหน้าของฝานกุ้ยซินดูปั้นยากยิ่งนัก ในใจของเขารู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ เนื่องจากกระบี่ของหลี่ชิเย่รวดเร็วมากเหลือเกิน

ส่วนศักยภาพของหลี่ชิเย่จะแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยกันแน่นั้นไม่มีความสำคัญอีกแล้ว ที่สำคัญก็คือหนึ่งกระบี่ของเขานับว่ารวดเร็วมากเหลือเกิน รวดเร็วจนสุดจะจินตนาการได้ หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันออกไปก็จะเป็นการเก็บเกี่ยวชีวิตคน โดยที่ผู้คนไม่สามารถมองเห็นการออกกระบี่นี้ของเขาได้ชัดเจน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้านรับอยู่แล้ว

วิทยายุทธใต้หล้ามีเพียงความเร็วเท่านั้นที่ทำลายไม่ได้ สิ่งนี้ทำให้ฝานกุ้ยซินรู้สึกสะท้านภายในใจ ด้วยความเร็วที่สูงสุดเพียงพอที่จะทำลายทุกๆ เคล็ดวิชาได้ ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมใดๆ ล้วนแล้วแต่ยากจะสำแดงออกมา

 หลานรัก เจ้าสมควรช่วยเหลือข้าอีกแรง  เวลานี้ฝานกุ้ยซินเหมือนดั่งเจอศึกหนักไม่กล้ากระทั่งกะพริบตาขณะจ้องมองหลี่ชิเย่ เนื่องจากเขากลัวหลี่ชิเย่จะลงมือกะทันหัน

 อาศัยอะไรให้ข้าต้องช่วยเหลือเจ้าอีกแรง?  หวู่ปิงหนิงกล่าวท่าทีเย็นชาว่า  อีกอย่าง ตระกูลมู่เรียกว่ามีความสง่าผ่าเผยยิ่งนัก ลำพังศัตรูเพียงคนเดียวเท่านั้น ไหนเลยที่ผู้เฒ่าฝานจำต้องให้ข้าลงมือเข้าช่วยเหลือกันเล่า 

สีหน้าของฝานกุ้ยซินปั้นยากอย่างยิ่ง คำร้องขอให้ช่วยเหลือตนถูกหวู่ปิงหนิงปฏิเสธ

 หลานรักอย่าลืมความสัมพันธ์ของสองตระกูล พวกเราสมควรมีศัตรูคนเดียวกัน  ฝานกุ้ยซินรีบกล่าวขึ้นมาว่า  ในอนาคตหากสามารถได้รับความช่วยเหลือจากพวกเรา หลานรักก็จะมีความสูงส่งสุดจะพรรณนา… 

 ไม่ต้องอวดอ้างตนให้มากนัก  หวู่ปิงหนิงกล่าวตัดบทของเขา กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า  ข้าไม่ลงมือสังหารเจ้าก็นับว่าเป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้ว เจ้าอธิฐานให้ตนเองโชคดีเถอะ 

ท่าทีของหวู่ปิงหนิงสร้างความตระหนกอย่างยิ่งให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้คนจำนวนมากต่างมองตากันและกัน ดูไปแล้วเรื่องราวบางเรื่องไม่เหมือนกับที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้อย่างนั้น

 เจ้า…  ใบหน้าที่แก่เฒ่าของฝานกุ้ยซินยิ่งดูไม่จืดมากขึ้นไปอีก นึกไม่ถึงว่าตนเองจะถูกหวู่ปิงหนิงกล่าวตำหนิต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ เขาถึงกับพูดขึ้นมาว่า  หลานรัก หากว่าเจ้ายังคงดื้อดึงกระทำการตามอำเภอใจ มันจะสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูล เกรงว่าเจ้าจะแบกรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ไหว… 

 ผู้รับใช้เฒ่า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้เลย!  นัยน์ตาของหวู่ปิงหนิงเพ่งไปข้างหน้าและเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า  เจ้ายังเข้าใจว่าตระกูลมู่คือหนึ่งในหล้าจริงๆ รึ? วันนี้หากข้าลงมือสังหารเจ้าด้วยมือของข้าเอง ต่อให้ตระกูลมู่มีฝีมือมากกว่านี้ สามารถช่วยเจ้าได้หรือ? 

สีหน้าของฝานกุ้ยซินเปลี่ยนไปมากทีเดียว และถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อมองเห็นนัยน์ตาของหวู่ปิงหนิงเผยปณิธานฆ่าออกมา เข้าใจได้ว่าคำพูดนี้ของหวู่ปิงหนิงใช่เป็นการพูดเล่นแต่เอาจริง

 เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ใยต้องให้เจ้าลงมือ ปล่อยให้ข้าเถอะ  หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งและกล่าวต่อฝานกุ้ยซินว่า  ลงมือเถอะ ข้าให้โอกาสกับเจ้า หากสามารถรับมือข้าได้หนึ่งกระบี่ก็ละเว้นชีวิตเจ้า หาไม่แล้วใครมาก็ช่วยเจ้าไม่ได้ อย่าว่าแต่ตระกูลมู่อะไรนั่น ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดมาก็ช่วยเจ้าไม่ได้ 

สีหน้าของฝานกุ้ยซินปั้นยากถึงขีดสุด คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เป็นการดูแคลนเขาตรงๆ เหมือนว่าในสายตาของเขาตนเองเสมือนหนึ่งคือเนื้อที่อยู่บนเขียง สุดแต่หลี่ชิเย่จะเชือดเฉือนอย่างนั้น

 เจ้าผู้เยาว์ กำแหงเกินไปแล้ว  ฝานกุ้ยซินโกรธถึงขีดสุด ร้องเสียงดังออกมาว่า  เจ้าคิดว่าปราศจากผู้ต่อกรในหล้าจริงๆ รึ? 

 เกือบแล้วล่ะ  หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเบื่อหน่ายว่า  อย่างน้อยสังหารเจ้าในหนึ่งกระบี่ไม่เป็นปัญหา เอาล่ะไม่ต้องพูดไร้สาระให้มากความ เตรียมตัวลงมือเถอะ 

 เอาจริงแล้ว  ผู้คนจำนวนมากต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งเมื่อเห็นเรื่องราวพัฒนามากถึงเช่นนี้ รู้ว่าหลี่ชิเย่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าต้องการสังหารฝานกุ้ยซินให้ได้

 เจ้าพูดจริงรึ?  แม้ว่าภายในใจของฝานกุ้ยซินจะโกรธเคืองยิ่งนักเมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ แต่ว่าคำพูดของหลี่ชิเย่ก็ทำให้เขามองเห็นความหวัง

 จริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก  หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า  เตรียมรับกระบี่ของข้า หากเจ้าสามารถรับกระบี่นี้ได้ก็จะปล่อยให้เจ้าไปจากได้อย่างอิสระ 

 ตกลง เจ้าเป็นคนพูดเองนะ  ฝานกุ้ยซินกล่าวตัดสินใจเด็ดขาดทันที

 ถูกต้อง  หลี่ชิเย่สะบัดกระบี่ไม้ไผ่ในมือ และเอ่ยขึ้นช้าๆ  หนึ่งกระบี่เหลือเฟือ 

 ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถรับได้แม้เพียงกระบี่เดียว  ฝานกุ้ยซินร้องกล่าวเสียงเย็นชาออกมา ไม่เชื่อจะเป็นเช่นนั้น พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงดังแว้งค์เสียงหนึ่ง บนตัวของเขาปรากฎชุดที่ถักทอด้วยขนนกคลุมกายเอาไว้

ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง เสื้อคลุมบนตัวของฝานกุ้ยซินได้พวยพุ่งประกายราชันที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา เสมือนดั่งราชันแท้จริงทำการปลุกเสกอย่างนั้น ปรากฏพลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลดั่งคลื่นยักษ์ ปกคลุมท่วมฟ้าดินจนจมมิดในทันที

พริบตาเดียวนั่นเอง ประกายที่อยู่บนตัวของฝานกุ้ยซินละลานตาอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ได้พวยพุ่งอำนาจราชันที่ไม่สิ้นสุดขึ้นมา ได้ยินเสียงคำรามเสียงยาวดังอิ๊ววว มองเห็นชุดคลุมที่ถักทอจากขนนกบนตัวฝานกุ้ยซินปรากฎภาพๆ หนึ่งขึ้นมา เห็นวิหคสีเขียวครามตัวหนึ่งโผบินขึ้นบนท้องฟ้า มีท่าทีที่อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า

 เสื้อราชันแท้จริงรึ?  ครั้นมองเห็นอำนาจราชันแท้จริงที่แผ่กระจายออกมาจากเสื้อขนนกบนตัวของฝานกุ้ยซินแล้ว ทำให้ผู้คนต้องตกใจอย่างยิ่งกับพลังน่าเกรงขามสายนั้น

สายตาของทุกคนล้วนแล้วแต่ตกอยู่บนเสื้อขนนกที่อยู่บนตัวของฝานกุ้ยซิน คนที่รู้จักมองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นเสื้อราชันตัวหนึ่ง

 เป็นเสื้อที่ถักขึ้นโดยราชันแท้จริง มีพลังของราชันแท้จริงในครอบครอง  ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิผู้หนึ่งที่มีความรู้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  เสื้อตัวนี้อาศัยขนของนกหงส์สีเขียวครามถักทอขึ้น อีกทั้งยังมาจากฝีมือของราชันแท้จริงอีกด้วย มีความยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง นับเป็นเสื้อราชันที่มีทรงพลังด้านการป้องกันตัวหนึ่ง 

เสียงตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่เสื้อราชันคลุมกายนั้นปรากฎโล่ยักษ์ในมือของฝานกุ้ยซินในเวลาเดียวกัน โดยโล่ยักษ์นี้หลอมสร้างโดยโลหะศักดิ์สิทธิ์ ส่งประกายวูบวาบออกมาสยบจิตวิญญาณของผู้คน

กล่าวสำหรับฝานกุ้ยซินแล้ว มีเสื้อราชันคลุมกาย ในมือถือโล่ยักษ์เอาไว้ นับว่าเป็นการป้องกันถึงสองชั้น

เสื้อราชันที่อยู่บนตัวสร้างขึ้นโดยราชันแท้จริง เคยเป็นเสื้อขนนกที่เป็นของราชันแท้จริงองค์หนึ่งของตระกูลมู่มาก่อน ภายหลังตระกูลมู่เห็นว่าฝานกุ้ยซินมีผลงานจึงได้ประทานเสื้อราชันให้หนึ่งตัว

เสื้อราชันตัวนี้มีความแข็งแกร่งด้านป้องกันอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่อาวุธเทพแท้จริงทั่วไปเลย ต่อให้เป็นอาวุธเทพแท้จริงขั้นก้าวขึ้นสู่สวรรค์ก็ยากจะทำลายได้

บวกกับโล่ยักษ์ที่อยู่ในมือของเขาแล้ว นับว่าเสริมความแข็งแกร่งด้านป้องกันยิ่งขึ้น ต่อให้โล่ยักษ์ในมือจะเทียบไม่ได้กับเสื้อราชันบนตัว แต่ก็เป็นโล่ศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากเทพแท้จริงขั้นก้าวขึ้นสู่สวรรค์

 เยี่ยมมาก ไม่เสียทีที่เป็นคนของตระกูลมู่  ถึงกับมีผู้ที่รู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นฝานกุ้ยซินในมือมีโล่ยักษ์ กายสวมเสื้อราชัน

ฝานกุ้ยซินมีฐานะเป็นเพียงผู้รับใช้เฒ่าของตระกูลมู่เท่านั้นเองยังได้ครอบครองของวิเศษเช่นนี้ ช่างเป็นที่อิจฉาเหลือเกิน หากเปลี่ยนเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอื่นๆ ผู้ที่จะได้ครอบครองของวิเศษเช่นนี้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเท่านั้น

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ " ตอนที่ 2310 พบสหายเก่าอีกแล้ว"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์