ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2340 น้ำหนักของกระบี่
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2340 น้ำหนักของกระบี่
ในเวลานี้เอง เทพกระบี่กูตู๋เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่เหมือนหนึ่งเป็นสิ่งสูงสุดของโลก อยู่เหนือทุกๆ แห่งในโลก น้ำหนักไม่อาจประเมินได้ โลกนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนเขาได้
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เองกระบี่ยักษ์ในมือของเทพกระบี่กูตู๋ได้สำแดงกระบวนท่าเริ่มต้นขึ้น ยามที่เขาหยิบยกกระบี่ขึ้นมานั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าช่องว่างล้วนแล้วแต่เคลื่อนไหวไปตามกระบี่ยักษ์เสียแล้ว
เหมือนว่าแค่กระบี่ยักษ์ค่อยๆ ยกขึ้นก็สามารถกวนให้โลกเกิดการเคลื่อนไหว ได้ทำการยกเอาช่องว่างช่องนี้ขึ้นมา ประดุจดั่งกระบี่ยักษ์นี้มีน้ำหนักมากเหลือเกิน แค่เขี่ยเบาๆ ก็สามารถเขี่ยเอาโลกทั้งโลกขึ้นมาได้
ท่าเริ่มต้นสำหรับกระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่กูตู๋นั้นไม่มีกระบวนท่าอะไร ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็แค่ยกขึ้นมาอย่างช้าๆ เรียบง่ายไม่มีการเสริมแต่ง ท่าเริ่มต้นลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรโดยสิ้นเชิง ซึ่งยากที่จะทำให้ผู้คนเชื่อว่า ท่าเริ่มต้นเช่นนี้จะออกมาจากผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นเก้าได้
ด้วยลักษณะท่าเริ่มต้นเช่นนี้แหละ ไม่ต้องพูดถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม มันเป็นไปตามอารมณ์อะไรเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อนก็ดี ท่วงทำนองกระบี่ก็ช่าง ล้วนแล้วแต่ไม่มีสิ่งใดคู่ควรไปศึกษาวิเคราะห์ทั้งสิ้น ท่าเริ่มต้นเช่นนี้จืดชืดเหมือนน้ำเปล่า
ข้าจะออกกระบี่แล้วนะ ในเวลานี้เอง ท่าทางของเทพกระบี่กูตู๋ดูหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นมาช้าๆ จังหวะการพูดของเขาไม่เร็ว เหมือนว่าทุกๆ ตัวอักษรล้วนแล้วแต่หนักเป็นหนึ่งหมื่นห้าพันล้านตัน
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้กระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋พุ่งตรงไปที่หลี่ชิเย่ อีกทั้งเป็นการฟันลงไปตรงๆ เรียบง่ายเช่นนี้แหละ
ความจริงแล้ว กระบี่ท่านี้ของเทพกระบี่กูตู๋จะบอกว่าเป็นการฟันลงไปก็ยังไม่เหมาะสมนัก ที่ถูกต้องควรจะพูดว่ากระบี่นี้ของเทพกระบี่กูตู๋ค่อยๆ กดทับลงไป เหมือนดั่งยกกระบี่ขึ้นมา จากนั้นอาศัยสองมือกำกระบี่เอาไว้ แล้วปล่อยให้กระบี่ค่อยๆ กดทับลงไปอย่างช้าๆ ไม่ได้มีแม้กระทั่งท่วงท่าของการฟัน
อย่างไรก็ตาม ระยะห่างระหว่างเทพกระบี่กูตู๋กับหลี่ชิเย่นั้นห่างไกลกันมาก การที่กระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋ค่อยๆ กดทับลงไปเช่นนี้ กระบี่ยักษ์ของเขาไม่สามารถถูกตัวของหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว
พลันที่ผู้คนมองเห็นหนึ่งกระบี่ลักษณะเช่นนี้ มันก็คล้ายดั่งเป็นการเล่นกันของเด็กๆ เพียงแค่อาศัยสองมือกำด้ามกระบี่เอาไว้แล้วค่อยๆ กดทับลงไป มันเป็นแค่การแสดงท่าทางเท่านั้น ไม่เห็นเหมือนเป็นการออกกระบี่ตรงไหน
เทพกระบี่กูตู๋คือผู้ที่หลงใหลในเรื่องของกระบี่มาตลอดชีวิต ผู้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่าหนึ่งกระบี่ที่สำแดงออกมานั้นจะต้องปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งนัก เป็นหนึ่งกระบี่ที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า เป็นวิชากระบี่ที่น่าเกรงขามไร้ขีดจำกัด
แต่ว่า กระบี่แรกของเทพกระบี่กูตู๋เป็นเพียงการยกกระบี่ขึ้นแล้วกับกดลงเท่านั้นเอง การออกกระบี่ลักษณะเช่นนี้แม้แต่เด็กสามขวบก็ทำได้ กระบวนท่าเช่นนี้ง่ายเหลือเกิน ง่ายมากจนใครๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม จังหวะที่ผู้คนจำนวนไม่จ้องกำลังรู้สึกผิดหวังอยู่นั้น นาทีที่กระบี่ค่อยๆ กดทับลงช้าๆ ได้ยินเสียงดังคร๊ากก คร๊ากกก คร๊ากกกเป็นเสียงแตกละเอียดขึ้นมา
จังหวะที่กระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่กูตู๋ค่อยๆ กดลงไปนั้น มองเห็นช่องว่างใต้กระบี่ยักษ์ค่อยๆ แตกละเอียดจากการถูกกดทับเป็นรอย เป็นการผ่าให้ช่องว่างเปิดออกอย่างช้าๆ
พลังลักษณะเช่นนี้น่ากลัวเหลือเกิน ไม่ใช่สิ น้ำหนักเช่นนี้น่ากลัวมากเหลือเกิน เหมือนว่าพริบตาเดียวนั่นเอง น้ำหนักของโลกทั้งโลกก็ได้รวมตัวกันอยู่ในกระบี่นี้ของเทพกระบี่กูตู๋อย่างนั้น
สิ่งนี้ยังหาใช่สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือต่อให้น้ำหนักของโลกทั้งโลกได้มารวมตัวกันอยู่ในกระบี่นี้กระบี่เดียวของเทพกระบี่กูตู๋ ภายใต้น้ำหนักที่น่ากลัวเช่นนี้หาใช่แค่ช่องว่างช่องนั้นถูกกดทับจนพังครืนลงมา หาใช่แค่ช่องว่างช่องนั้นถูกกดทับจนแหลกละเอียด
แต่เป็นเพราะขณะที่กระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่กูตู๋ที่ค่อยๆ กดลงช้าๆ จังหวะนั้น ถึงกับผ่าเอาช่องว่างที่อยู่ภายใต้กระบี่ให้แยกออก และกดทับจนละเอียด ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า ต่อให้เป็นขนาดน้ำหนักที่ยากจะหาใดเทียมเทพกระบี่กูตู๋ก็สามารถควบคุมมันไว้ได้เป็นอย่างดี ทำการรวบรวมน้ำหนักให้รวมตัวกันอยู่ในกระบี่นี้โดยไม่กระจายไปที่อื่น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า กระบี่นี้ของเทพกระบี่กูตู๋สามารถควบคุมได้ตามใจต้องการ สามารถควบคุมน้ำหนักกระบี่ได้อย่างสิ้นเชิง
เทียบกับคนๆ หนึ่งที่สามารถยกเอากระบี่หนักห้าสิบกิโลกรัมขึ้นมาได้ แต่เมื่อร่ายรำกลับไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ขณะที่เทพกระบี่กูตู๋คล้ายเป็นผู้ที่สามารถยกเอากระบี่หนักห้าสิบกิโลกรัมขึ้นมาได้ อีกทั้งเมื่อกระบี่หนักเล่มนั้นอยู่ในมือของเขาก็คล้ายเป็นแขนของเขาเองอย่างนั้น ไม่ได้รู้สึกว่ากระบี่หนักเล่มนี้จะเป็นภาระแก่เขา เขาสามารถควบคุมกระบี่หนักเล่มนี้ได้เป็นอย่างดีโดยสิ้นเชิง
ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ แม้ว่าหนึ่งกระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋จะกดลงอย่างช้าๆ กระทั่งเรียกได้ว่าการกดลงมาของกระบี่นี้มีความเร็วมากกว่ามดเดินไม่เท่าไร แต่ว่า ต่อให้กระบี่นี้ช้ามากกว่านี้เจ้าก็หลบหนีไม่พ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเมื่อกระบี่นี้ช้าขนาดนี้ เจ้าก็สามารถหันหลังหนีไปได้เลย
เนื่องจากภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ กระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่กูตู๋ไม่ได้ต้องการเฉือนตัดหรือกดทับช่องว่างให้ละเอียด แต่เป็นหลี่ชิเย่คนที่อยู่ใต้กระบี่นั่น หนึ่งกระบี่ที่กดลงมานั้น หลี่ชิเย่ก็อยู่ใต้กระบี่นั่นเอง ต่อให้กระบี่ยักษ์เล่มนี้ดูเหมือนจะห่างจากหลี่ชิเย่ไกลมากก็ตาม ซึ่งไม่สามารถแตะต้องถูกตัวหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว
ความจริงแล้ว สิ่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระยะห่าง ต่อให้หลี่ชิเย่อยู่ห่างมากไปกว่านี้ ขณะที่กระบี่นี้กดลงมามันก็อยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่นั่นเอง อยู่ตรงหน้าศีรษะของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหนผลที่ออกมายังคงเหมือนเดิม คือกระบี่นั้นกดลงที่บริเวณศีรษะ
ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างปรากฏเป็นมโนภาพขึ้น รู้สึกว่าผู้ที่เผชิญหน้ากับกระบี่นี้ไม่ใช่หลี่ชิเย่แต่เป็นตนเอง กระบี่นี้ของเทพกระบี่กูตู๋อยู่ตรงหน้าศีรษะของตนนั่นเอง
ทันใดนั้นเอง ผู้ที่รู้สึกผิดหวังกับกระบี่นี้ของเทพกระบี่กูตู๋เมื่อครู่ต่างตกใจวิญญาณออกจากร่าง ผู้บำเพ็ญตนบางคนที่มีความหนักแน่นไม่เพียงพอถึงกับเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ตุบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
ในขณะนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เหงื่อเย็นไหลริน นาทีนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรเทพกระบี่กูตู๋ถึงได้น่ากลัวอะไรอย่างนั้น และสิ่งนี้ก็เหตุผลว่าเพราะอะไรหากต่างก็เป็นระดับเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นเก้าล่ะก็ เทพกระบี่กูตู๋สามารถเอาชนะผู้ที่เป็นระดับเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นเก้าได้อย่างแน่นอน ต่อให้ผู้ที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไประดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ เทพกระบี่กูตู๋ยังคงมองอย่างเย้ยหยันได้
ชั่วชีวิตหลงใหลอยู่กับกระบี่ ขณะที่เทพกระบี่กูตู๋ออกกระบี่จังหวะนั้น ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่าภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ เทพกระบี่กูตู๋ก็คือราชาแห่งกระบี่ ราชาของวิขากระบี่!
กระบี่เยี่ยม หลี่ชิเย่ยิ้ม และในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ก็ออกกระบี่แล้ว
การออกกระบี่ของหลี่ชิเย่นั้นก็ธรรมดามาก ยกแขนขึ้น ยกมือ ยกกระบี่ขึ้น เป็นท่าทางที่ต่อเนื่องกันไปโดยไม่มีท่าทางอื่นๆ หนึ่งกระบี่ที่ยกขึ้น พลันถูกกำหนดไว้แล้วอย่างนั้น
ผู้คนดูไม่ออกถึงน้ำหนักของกระบี่ทองแดงในมือของหลี่ชิเย่ บอกได้แต่เพียงว่าดูไปแล้วหนักมาก แต่สัญชาตญาณบอกทุกคนว่า กระบี่ทองแดงเล่มนี้หนักจนไม่สามารถประเมินได้ บางทีกระบี่เล่มนี้หนักกว่าหมื่นแดนเสียอีก
ด้วยกระบี่ที่หนักจนสุดประเมินเช่นนี้ถูกหลี่ชิเย่ยกขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่ต่อเนื่องกันเป็นท่าเดียว กระบี่เช่นนี้เมื่ออยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้วเหมือนไร้น้ำหนักอย่างนั้น
สิ่งนี้หาใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือเมื่อหลี่ชิเย่ยกกระบี่ขึ้นมาแล้วค้างอยู่อย่างนั้น ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มั่นคงดั่งหินผาไม่สามารถสั่นคลอนได้ ขณะนี้กระบี่เล่มนี้ถูกกำหนดให้อยู่อย่างนั้นเป็นการบ่งบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกกำหนดให้เป็นอย่างนั้น มันคือสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะหนักมากที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าหวังจะก้าวข้ามมันอีกเลย
ไม่ว่าจะเป็นอะไร เมื่อกระบี่นี้ถูกกำหนดให้อยู่อย่างนี้แล้ว ทุกอย่างก็ต้องหยุดลง เวลาก็ดี ช่องว่างก็ช่าง แม้แต่กระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋ก็ต้องเป็นเช่นนั้น
สุดท้าย กระบี่ของหลี่ชิเย่ได้ปะทะเข้ากับกระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋ แม้ว่าทั้งสองคนอยู่ห่างไกลกันมาก กระบี่ของทั้งคู่ยาวไม่ถึงอย่างแน่นอน แต่นาทีนี้พวกเขาทั้งสองกลับไม่มีช่วงห่างใดๆ หนึ่งกระบี่ได้ปะทะเข้าด้วยกัน
เสียงดังขึ้น พริบตาเดียวที่กระบี่ทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันนั้น ไม่ได้เป็นไปตามจินตนาการว่าจะต้องดังตึง หรือปัง โดยที่เสียงต่งนี้มันไม่เหมือนเป็นเสียงปะทะกันระหว่างกระบี่สองเล่ม แต่เหมือนเป็นของที่หนักจนไม่รู้ว่าจะหนักอย่างไรสองชิ้นที่ปะทะเข้าด้วยกัน
มันเหมือนเป็นโลกที่มีขนาดใหญ่โตและแข็งอย่างยิ่งสองใบที่พุ่งชนเข้าด้วยกัน แต่โลกทั้งสองนี้กลับไม่ได้ชนจนแตกละเอียด โดยโลกทั้งสองใบยังคงสมบูรณ์ไม่มีแตกสลายตรงไหน ดังนั้นมันจึงได้ส่งเสียงต่งออกมาเสียงหนึ่ง เหมือนเป็นการทุบตีลงไปอย่างแรง
ปุ…จังหวะที่กระบี่ทั้งสองปะทะกันนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อยู่ในเหตุการณ์พลันกระอักเลือดออกมาอย่างแรง ถูกแรงกระแทกจนได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่มีทักษะยุทธอ่อนแล้วอยู่ใกล้ถึงกับถูกพลังกระแทกเข้าให้ดังปุกลายเป็นหมอกเลือดไปทันที
นี่เป็นเพียงคลื่นเสียงที่เกิดจากการปะทะของกระบี่ทั้งสองเท่านั้นเอง คลื่นเสียงคงเหลือของมันไม่ได้จำเพาะเจาะจงคนใดคนหนึ่ง แต่มันสามารถทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากถูกกระแทกจนบาดเจ็บ และบางคนต้องกลายเป็นหมอกเลือดไปโดยทันที การปะทะของกระบี่เช่นนี้ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนั้น
ภายใต้การปะทะกันของกระบี่ ทำเอายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ถูกสยบจนทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น หมดแรงทั้งตัว อานุภาพของกระบี่นี้รุนแรง และน่ากลัวมากเหลือเกิน
หลังจากหนึ่งกระบี่ผ่านไป ไม่มีใครมองออกว่าใครแพ้ใครชนะ หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ยังคงอยู่ตรงนั้น ขณะที่กระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่กูตู๋ก็ไม่สามารถล้ำไปข้างหน้าได้แม้เพียงครึ่งก้าว โดยไม่สามารถสั่นคลอนมันได้อยู่แล้ว
ไม่ว่าไม่มีใครมองออกว่าใครแพ้ใครชนะ แต่สัญชาตญาณของระดับบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า หนึ่งกระบี่นี้หลี่ชิเย่เป็นฝ่ายได้เปรียบ
พริบตาเดียวนั่นเอง เทพกระบี่กูตู๋ได้เก็บกระบี่และยืนนิ่งเป็นเวลานาน ท่าทางหนักแน่นจริงจังยิ่งนัก อีกทั้งการเก็บกระบี่ของเขาก็ทำได้ต่อเนื่องติดต่อกันโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
นาทีนี้เอง มือทั้งสองของเทพกระบี่กูตู๋กำกระบี่เอาไว้และตั้งตรงอยู่บริเวณหน้าอก ท่าทางหนักแน่นจริงจังดั่งเหล็ก เหมือนพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมาก ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย
สมควรให้ข้าโต้กลับแล้วล่ะ หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย
พลันที่พูดขาดคำ หลี่ชิเย่ได้ลงมือแล้ว กระบี่ทองแดงในมือแทงใส่เทพกระบี่กูตู๋
ก่อนหน้านั้นทุกคนต่างรู้ดีว่า ความไวของกระบี่หลี่ชิเย่นั้นยากจะหาผู้ใดเทียมได้ หนึ่งกระบี่ที่สำแดงออกไปไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่ว่าเวลานี้การออกกระบี่ของหลี่ชิเย่กลับทำให้ผู้คนต้องผิดหวัง เนื่องจากกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกระบี่ไวใดๆ ของหลี่ชิเย่ กระทั่งไม่สามารถสัมพันธ์กับคำว่า ไว ทั้งสิ้น
หนึ่งกระบี่ที่แทงใส่เทพกระบี่กูตู๋นั้น กลับไม่เป็นกระบี่ไวของหลี่ชิเย่ มันเป็นการแทงออกไปที่ธรรมดามากเท่านั้น ไม่ใช่สิ กระทั่งพูดได้ว่า ผู้ที่เพิ่งจะฝึกการใช้กระบี่เป็นครั้งแรกยังรวดเร็วมากกว่านี้มากทีเดียว
หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ที่แทงออกไปนั้นตามใจยิ่งนัก ก็แค่แทงไปยังบริเวณลำคอของเทพกระบี่กูตู๋ตามอารมณ์เท่านั้น ธรรมดามาก กระทั่งมีผู้สงสัยว่าหลี่ชิเย่มีการอู้งานใช่หรือไม่
แต่ว่า นาทีต่อมา ทุกคนไม่นึกเช่นนี้อีกแล้ว
หนึ่งกระบี่ที่หลี่ชิเย่ทิ่มแทงเข้าไป เรียบง่าย ตามอารมณ์ เป็นธรรมชาติ และไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ หนึ่งกระบี่เช่นนี้แหละกลับมีน้ำหนักที่หนักที่สุดในโลก
……………………….