ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2444 อ่านตำราให้มาก
เทพวายุก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อหลี่ชิเย่อย่างขาดความยุติธรรม เขาได้จัดให้หลี่ชิเย่เข้าพักอยู่ที่ภูเขาหลักซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของคลังลับ กล่าวได้ว่าภูเขาหลักที่ว่านี้ปรกติมีเพียงระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินที่มีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งมากเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้เข้าพัก
การที่เทพวายุจัดให้หลี่ชิเย่ได้เข้าพักอยู่ที่ภูเขาหลักลูกนี้ นอกเหนือจากคำนึงถึงความปลอดภัยของหลี่ชิเย่แล้ว ก็ยังเป็นการป้องกันคนมากปากมากอีกด้วย
หลี่ชิเย่ที่อยู่ในฐานะฮ่องเต้สิ้นชาติในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตามหาเขาอยู่ นอกเหนือจากราชวงศ์โต่วเซิ่นเองที่ตามหาเขาอยู่ ยังมีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่านเจิ้นก็ตามหาฮ่องเต้สิ้นชาติอย่างหลี่ชิเย่อยู่เช่นเดียวกัน
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขอเพียงหลี่ชิเย่ยังคงมีชีวิตอยู่ ก็จะเป็นหนามยอกอกของพวกเขา
นอกเหนือจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่านเจิ้นที่เป็นสำนักที่ต้องการให้หลี่ชิเย่ตายแล้ว มีสำนักที่แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางส่วนในแดนลัทธิราชัน พวกเขาก็กำลังตามหาหลี่ชิเย่อย่างลับๆ
การตามหาตัวหลี่ชิเย่ของบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ และสำนักเหล่านี้ ไม่แน่เสมอไปว่าต้องการให้หลี่ชิเย่ตาย กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าหลี่ชิเย่คือเบี้ยที่ดีมากสำหรับพวกเขา
กล่าวสำหรับบางสำนักแล้ว ถ้าหากสามารถควบคุมหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องเต้สิ้นชาติเอาไว้ในมือ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าสามารถเป็นตัวแทนสายเลือดแท้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ในระดับหนึ่ง เป็นสัญลักษ์ของอำนาจฮ่องเต้
ดังนั้น เฉกเช่นวัดจิ้งเหลียนกวาน หอหลินไห่เก๋อที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้ติดตามร่องรอยของหลี่ชิเย่อย่างลับๆ
โชคดีตรงที่ว่า สำนักเสินสิงเหมินนั้นตั้งอยู่บนท้องฟ้า กลืนเข้าไปอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆ ไม่ค่อยคบหาสมาคมกับผู้คน ดังนั้น บุคคลภายนอกคิดจะไปสืบข่าวหลี่ชิเย่ภายในสำนักเสินสิงเหมินนั้น ใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย
หลี่ชิเย่พักอาศัยอยู่ในสำนักเสินสิงเหมิน โดยมีจางเจี้ยนชวนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายไม่กล้ากระทำการชักช้าแม้แต่น้อย ทำให้ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่อยู่ในสำนักเสินสิงเหมินมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายยิ่ง และเงียบสงบสบายๆ ไม่มีเรื่องใดๆ
ข้อสำคัญในการรั้งอยู่ในสำนักเสินสิงเหมินของหลี่ชิเย่นั้น อยู่ที่ข่าวลับและข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้ที่มีอยู่ในสำนักเสินสิงเหมิน ตำราโบราณที่มีการบันทึกไว้ในรูปแบบพงศาวดารเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไร้ค่าแม้แต่เพียงอีแปะเดียวในสายตาของศิษย์สำนักเสินสิงเหมินจำนวนมาก สิ่งนี้อย่างดีที่สุดก็นำมาอ่านเป็นนิทานในบางครั้งถือเป็นการฆ่าเวลาเท่านั้น
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ข่าวลับและเรื่องราวที่มีหลักฐานยืนยันเปี่ยมด้วยมูลค่า เขาสามารถอาศัยข่าวลับและเรื่องราวที่มีหลักฐานยืนยันที่มีการบันทึกเอาไว้เหล่านี้คั้นเอาข้อมูลที่มีประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะมีส่วนอย่างมากในการช่วยเขาในการตามหาสิ่งของบางสิ่ง
ดังนั้น การอาศัยอยู่ในสำนักเสินสิงเหมิน หลี่ชิเย่นอกจากสนั่งสมาธิเพื่อฝึกบำเพ็ญเพียรแล้ว เวลาอี่นๆ คือพลิกอ่านตำราโบราณที่มีปริมาณมหาศาลดั่งทะเล ตำราเกี่ยวกับพงศาวดาล และข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้แต่ละเล่ม ซึ่งถูกมองว่าไม่มีค่าอะไรเลย ซึ่งทำให้หลี่ชิเย่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่มีมูลค่ามากมาย โดยเฉพาะกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เขามีความเข้าใจอย่างถึงแก่น
กล่าวได้ว่า หากพูดถึงในปัจจุบันไม่มีใครเข้าใจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มากกว่าเขาอีกแล้ว แม้แต่ขณะที่ฮ่องแต้ไท่ชิงยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เท่ากับเขา โดยเฉพาะกับเก้าเคล็ดลับของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เรียกว่าหลี่ชิเย่มีภาพอยู่ในใจอยู่แล้ว
แรกทีเดียวจางเจี้ยนชวนที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ ยังคงหยุดภาพของหลี่ชิเย่อยู่ท่ามกลางภาพที่เล่าลือกันจากภายนอก มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม ไม่ศึกษาและไร้วิชาความรู้ เอ้อระเหยลอยชายไม่ทำอะไร ทักษะอ่อนไร้ความสามารถ…
แต่ว่า ช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ พบว่าดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
ช่วงเวลานี้ หากหลี่ชิเย่ไม่ใช่นั่งนิ่งพักผ่อนกายา ก็จะอยู่ในคลังลับทุกวัน พลิกอ่านตำราโบราณแต่ละชนิด กระทั่งตำราบางส่วนที่เก่าแก่จนไม่รู้จะเก่าอย่างไรเขาก็สามารถอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน กระทั่งตำราโบราณบางส่วนเป็นการบันทึกด้วยอักษรที่เก่าแก่ยิ่งนัก ในสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็ไม่มีใครอ่านออก แต่หลี่ชิเย่กลับอ่านจนเหม่อลอย ไม่มีอุปสรรค์ในการอ่านแม้แต่น้อยอย่างสิ้นเชิง
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้จางเจี้ยนชวนรู้สึกตกใจระคนความแปลกใจ หลี่ชิเย่ในเวลานี้เหมือนเป็นผู้ที่ยากไร้คนหนึ่งที่เข้าร่วมบำเพ็ญเพียรด้วยความมานะอดทน มองไม่เห็นร่องรอยตามคำเล่าลือที่ว่ามั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมแม้แต่น้อยบนตัวของเขา
หรือจะกล่าวว่า หลังชาติสิ้นแผ่นดินถูกทำลาย ฮ่องเต้คนใหม่ได้เปลี่ยนนิสัย กลับตัวเป็นคนดี? ในใจของจางเจี้ยนชวนคาดเดาเช่นนี้
แต่ เมื่อคิดอีกทีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ถ้าหากว่าชาติสิ้นแผ่นดินถูกทำลาย ฮ่องเต้คนใหม่ได้รับกระทบกระเทือน กลับตัวกลับใจใหม่ เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องพยายามฝึกวิชา เพื่อให้ตนเองมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากนั้นก็ชิงเอาแผ่นดินของตนคืนมา
แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ในเวลานี้ ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจในเคล็ดวิชา และเคล็ดลับแม้แต่น้อย กระทั่งไม่ได้คิดจะให้ตนเองนั้นกลับกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นโดยสิ้นเชิง ตำราที่เขาเปิดอ่านอยู่ทุกวันล้วนแล้วแต่เป็นตำราโบราณ ซึ่งในสายตาของศิษย์สำนักเสินสิงเหมินนั้น บรรดาตำราโบราณเหล่านี้ก็คือ’หนังสืออ่านเล่น’ มีศิษย์เพียงไม่กี่คนที่ยอมเอาเวลาว่างของตนมาอยู่กับ ’หนังสืออ่านเล่น’ แบบนี้
“เหตุใดฝ่าบาทจึงชอบหนังสืออ่านเล่นเล่า?” จางเจี้ยนชวนอดที่จะเอ่ยถึงขึ้นมา เมื่อต้องอยู่เป็นเพื่อนกับหลี่ชิเย่ในคลังลับทุกๆ วัน และมองดูหลี่ชิเย่นั่งอ่านตำราอ่านเล่นที่จะมีหรือไม่มีก็ได้เหล่านี้
“เรือนทองคำและสาวงามหาได้จากตำราล้วนหาได้จากในตำรา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
เอิกกก…จางเจี้ยนชวนถึงกับตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ภายในใจของเขาไม่เชื่อในคำพูดแบบนี้ จะอย่างไรเสีย ในสายตาของเขามองว่า คำพูดลักษณะเช่นนี้เป็นเพียงบัณฑิตที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดานำมาปลอบใจตนเองเท่านั้นเอง
“เชี่ยวชาญอดีต จึงชำนาญปัจจุบัน” หลี่ชิเย่มองดูจางเจี้ยนชวนทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“เชี่ยวชาญอดีตและปัจจุบัน” จางเจี้ยนชวนพึมพำเบาๆ ทบทวนคำพูดคำนี้อย่างละเอียด
“บนโลกนี้ ถ้าหากเจ้าไม่สามารถยืนอยู่ในจุดสูงสุด ไม่สามารถมองโลกใบนี้อย่างชัดเจน ควรทำอย่างไร? ก็อ่านตำราให้มากก็แล้วกัน เมื่อเจ้าศึกษาอดีตและปัจจุบันมากๆ เข้า ก็จะเข้าใจได้เอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้อเท็จจริงมักจะซ่อนอยู่ด้านหลังเมฆหมอกแห่งประวัติศาสตร์เสมอ ข้อเท็จจริงมักจะมีผู้ที่ต้องการลบมันทิ้งไปเสมอ”
เมื่อจางเจี้ยนชวนได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว ยังคงไม่ค่อยจะเข้าใจมากนัก สิ่งนี้กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้ว ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด
“ยกตัวอย่างราชันแท้จริงเสินสิงของสำนักเสินสิงเหมิน ครั้งนั้นเขาสามารถบรรลุสิงมี่ นั่นเป็นเพราะเขามีพรสวรรค์ที่เหนือคนอื่นเพียงลำพังอย่างเดียวอย่างนั้นรึ?” เวลานี้หลี่ชิเย่มองดูจางเจี้ยนชวนทีหนึ่ง และกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“หรือ หรือว่าไม่ใช่อย่างนั้นรึ?” จางเจี้ยนชวนถึงกับเอ่ยขึ้น
ราชันแท้จริงเสินสิงหรือก็คือปฐมบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมิน ราชันแท้จริงเสินสิงมีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ การที่เขาสามารถก่อตั้งสำนักเสินสิงเหมินได้นั้น ใช่เป็นเพราะเขาเป็นราชันแท้จริงเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาได้บรรลุเคล็ดลับสิงมี่ที่อยู่ในเคล็ดลับจิ่วมี่ ซึ่งก็เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับสำนักเสินสิงเหมิน และเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงด้านธาตุแท้ภายในให้กับสำนักเสินสิงเหมินได้มีอำนาจเป็นหนึ่งในห้าผู้ยิ่งใหญ่ในภายหลัง
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ไม่เคยมีสำนักใดที่ได้ครอบครองเก้าเคล็ดลับได้ทั้งหมด อีกทั้งเคล็ดลับเฉียนมี่ที่อยู่ในเก้าเคล็ดลับก็ได้หายสาบสูญไปนานมากแล้ว
เคยมีช่วงเวลาเคล็ดลับสิงมี่ก็เคยหายสาบสูญไปเช่นกัน กระทั่งภายหลังการปรากฎตัวของราชันแท้จริงเสินสิง เขาได้บรรลุเคล็ดลับสิงมี่ ดังนั้น นับจากนั้นเป็นต้นมาเคล็ดลับสิงมี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และปรากฎผู้ยิ่งใหญ่อย่างสำนักเสินสิงเหมินขึ้นมา
หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นราชันแท้จริง พรสวรรค์ของราชันแท้จริงเสินสิงก็นับว่าสูงอยู่ แต่ว่า ในบรรดาราชันแท้จริงแล้วพรสวรรค์เช่นนี้ไม่นับเป็นอะไรได้ ยกตัวอย่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ราชันแท้จริงมีจำนวนเท่าไร ราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ว่า เพราะอะไรจะต้องเป็นราชันแท้จริงเสินสิงพวกเจ้าที่เป็นผู้บรรลุความยอดเยี่ยมลึกซึ้ง แต่ไม่ใช่ราชันแท้จริงคนอื่นล่ะ?”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จางเจี้ยนชวนถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง ปัญหาเช่นนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขากล่าวได้ว่าเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เก่าแก่ที่สุดของแดนลัทธิราชัน ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คือศิษย์ของเป้าผู่ ขณะที่เป้าผู่คือปฐมบรรพบุรุษคนแรกเท่าที่มีการบันทึกมาของแดนสามเซียน ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีความเก่าแก่ถึงระดับไหนแล้ว
กล่าวได้ว่า นับตั้งแต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก่อตั้งขึ้นมา เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงจำนวนไม่น้อย และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เองก็ได้ผ่านความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอยมาสารพัด กระทั่งถึงวันนี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคลจำนวนนับไม่ถ้วน
ท่ามกลางอัจฉริยะบุคคลเหล่านี้ มีผู้ที่ได้กลายเป็นราชันแท้จริงในภายหลัง และเคยมีที่กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกร ผลงานนั้นน่าทึ่งอย่างยิ่ง
หากจะกล่าวถึงราชันแท้จริงแล้ว ต้องยกให้ราชันแท้จริงเจิ้นตี้และราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุด เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเป็นหนึ่งไม่มีสองรองใคร ยากจะหาผู้ต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชันแท้จริงเจิ้นตี้คือบรรพบุรุษผู้ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เจริญรุ่งเรือง กระทั่งมีผู้นำเอาตัวเขาเทียบเคียงกับปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่
นับแต่อดีตที่ผ่านมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้กำเนิดผู้ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งจำนวนไม่น้อย แต่ว่า ผู้ที่สามารถบรรลุเก้าเคล็ดลับหรือเคล็ดลับใดเคล็ดลับหนึ่งในเก้าเคล็ดลับนั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
คำว่าบรรลุที่พูดถึงในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการฝึกเก้าเคล็ดลับ แต่เป็นการบรรลุเก้าเคล็ดลับที่หายสาบสูญไปแล้วออกมาจากผืนแผ่นดินผืนนี้
ผู้ที่สามารถทำได้ถึงข้อนี้นับว่ามีอยู่ไม่มาก ราชันแท้จริงเสินสิงก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น
“เรื่องนี้ เรื่องนี้…” จางเจี้ยนชวนถึงกับตอบไม่ถูกสำหรับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา ภายในใจของเขาเข้าใจว่า การที่ราชันแท้จริงเสินสิงสามารถบรรลุเคล็ดลับสิงมี่เป็นเพราะเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในครอบครอง
เวลานี้นึกๆ ดู ดูเหมือนว่าเมื่อดูจากบันทึกราชันแท้จริงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว เป็นความจริงที่ราชันแท้จริงเสินสิงของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ ห่างชั้นเทียบไม่ได้กับราชันแท้จริงเจิ้นตี้ ราชันแท้จริงจิ่วหนิง และดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับราชันแท้จริงพั่วปิง และราชันแท้จริงว่านเจิ้นก็ดูจะด้อยกว่า
เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงพั่วปิง หรือราชันแท้จริงว่านเจิ้น ล้วนแล้วแต่มีผลงานที่ปราศจากผู้ต่อกรที่ชัดเจน
ยกตัวอย่างราชันแท้จริงพั่วปิง เล่ากันว่าเขาสามารถสร้างของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์ที่ไล่ตามติดๆ อาวุธปฐมบรรพบุรุษได้ ในฐานะที่เป็นเพียงราชันแท้จริงสามารถสร้างของวิเศษเช่นนี้ได้ ย่อมมีความฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง
ขณะที่เล่าลือกันว่าราชันแท้จริงว่านเจิ้นเคยอาศัยค่ายกลขังราชันแท้จริงร่วมยุคเดียวกันได้ถึงสองคน อีกทั้งยังเล่าลือกันว่าราชันแท้จริงทั้งสองต่างมีศักยภาพไม่ได้แตกต่างอะไรกับราชันแท้จริงว่านเจิ้นสักเท่าไร
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ราชันแท้จริงเสินสิงปฐมบรรพบุรุษเสินสิงเหมินของพวกเขาดูเหมือนไม่ได้แสดงเรื่องราวที่น่าทึ่งออกมา
แต่ว่า การที่ปฐมบรรพบุรุษเสินสิงเหมินของพวกเขากลับบรรลุเคล็ดลับสิงมี่ได้ ข้อนี้เป็นเรื่องที่ราชันแท้จริงว่านเจิ้น และราชันแท้จริงพั่วปิงไม่สามารถทำได้
“ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ราชันแท้จริงเสินสิงของพวกเจ้ามีพรสวรรค์ไม่เลวนัก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เพียงแต่การที่เขาสามารถบรรลุเคล็ดลับสิงมี่หาใช่เป็นเพราะพรสวรรค์ของเขาไม่เลวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะเขารู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มานิดหนึ่ง และเป็นเพราะมีสิ่งนี้อยู่เล็กน้อยทำให้เขาเข้าใจถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้บางอย่าง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้ช่วยเขาได้อีกแรงหนึ่ง ทำให้เขาสามารถบรรลุเคล็ดลับสิงมี่ได้”
“สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ว่าคืออะไร?” จางเจี้ยนชวนตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาถึงกับเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งเชิดคางทีหนึ่ง ชี้ไปที่ทะเลตำราในคลังลับที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวว่า “ความรู้ มีเพียงความรู้จึงสามารถทำให้คนๆ หนึ่งเดินไปได้ไกลยิ่งขึ้น ลำพังอาศัยพรสวรรค์มันไม่ได้หรอกนะ มีเพียงมีความรู้ที่มากพอ ซึ่งไม่เพียงทำให้เจ้ามีความรู้ที่กว้างขวาง อาศัยประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนและเชี่ยวชาญปัจจุบัน ก็สามารถช่วยในเรื่องการขัดเกลาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรได้”