ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2469 สังหารด้วยมีดตัดฟืน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2469 สังหารด้วยมีดตัดฟืน
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างจ้องตากันและกันเมื่อเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ของเจิงยี่ปิง และมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ค่อนข้างมากถึงกับแอบส่ายหน้าลับๆ
ผู้คนจำนวนมากใช่จะเห็นใจหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องแต้องค์ใหม่ แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าเจิงยี่ปิงนั้นคือคางคกขึ้นวอ เกรงว่าขณะที่ฮ่องแต้องค์ใหม่ยังครองบัลลังก์อยู่นั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ เวลานี้กลับมาโอ้อวดกำลังต่อหน้าฮ่องแต้องค์ใหม่ที่อ่อนแอกว่า
น้อยคนนักในโลกของผู้บำเพ็ญตนจะไปสงสารผู้อ่อนแอ เดิมทีโลกนี้ก็คือโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้คนจำนวนมากำม่สบอารมณ์กับลักษณะท่าทางทีเป็นคางคกขึ้นวอของเจิงยี่ปิง
ปรกติแล้วเจิงยี่ปิงเป็นได้แค่ตัวประกอบตัวน้อยๆ เท่านั้นเอง โดยที่บทบาทเช่นนี้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่จัดอยู่ในอันดับอะไรอยู่แล้ว เวลานี้กลับแสดงท่าทีที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ด้วยท่าทีที่ลำพองอวดดีเช่นนี้ ยกตนข่มท่านเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังในระดับเดียวกันกับเจิงยี่ปิงเห็นแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์
แน่นอน ผู้คนจำนวนมากก็ไม่ต้องการพูดอะไรมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขอความเป็นธรรมให้กับฮ่องแต้องค์ใหม่
แม้ว่าเจิงยี่ปิงจะไม่ใช่อัจฉริยะบุคคลอะไร และมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มองเขาไม่สบอารมณ์ แต่ว่าจะอย่างไรเสียเขาก็คือบุตรของพี่สาวน้องสาวของหม่าชุนหมิง เป็นซื่อจื่อของตระกูลเจิง นับว่ามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งมาก
ส่วนฮ่องแต้องค์ใหม่จะมีจุดจบเช่นใดนั้นน้อยคนนักที่รู้สึกสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นก็จะไม่มีการออกหน้าหรือเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับฮ่องแต้องค์ใหม่อีกด้วย กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว ฮ่องแต้องค์ใหม่เป็นเพียงผู้ไร้ญาติขาดมิตรหมดที่พึ่งคนหนึ่งเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่คือพาตัวเองให้ออกห่างเสีย ใครบ้างล่ะที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนเช่นนี้เล่า?
ในเวลานี้ เจิงยี่ปิงได้สั่งการออกไป ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในชุดทะมักทะแมงสิบกว่าคนพลันล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ ดวงตาทั้งสองของเขาล้วนแล้วแต่เผยแววตาที่เข้มและน่าเกรงขามออกมา
ชายฉกรรจ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคยอยู่ในกองทัพมาก่อน หาใช่ประเภทรับมือได้ง่ายดายอย่างแน่นอน ขอเพียงเจิงยี่ปิงมีคำสั่งลงมา พวกเขาจะลงมือโดยไร้ซึ่งความปราณีแน่นอน ล้วนแล้วแต่เป็นพวกจิตใจโหดเหี้ยมทั้งสิ้น
“ฝ่าบาท จะให้พวกข้าน้อยลงมือหรือว่าฝ่าบาทจะทำลายมือเท้าเองล่ะ? ” หนึ่งในชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพูดและหัวเราะน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
ในขณะที่บรรยากาศเหตุการณ์กำลังตึงเครียด และทุกคนต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังฟืดดด ฟืดดด ฟืดดดดังขึ้นเป็นระลอก พลันส่งเสียงรบกวนสร้างความตระหนกให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด เจิงยี่ปิงและชายฉกรรจ์กว่าสิบคนของเขาพลันหันหลังกลับไป
มองเห็นเพียงข้างภูเขามีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ตรงนั้น บริเวณเอวมีมีดตัดฟืนเหน็บอยู่ ข้างเท้ามีไม้ฟืนอยู่หาบหนึ่ง กำลังนั่งดูดกล้องยาสูบเสียงดังฟืดดด ฟืดดดท่าทางดูสบายใจอย่างยิ่ง
ทุกคนต่างไม่ทันสังเกตเห็นว่าผู้เฒ่าผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อไร เหมือนว่าเขานั่งสูบยาสูบที่นั่นมาโดยตลอดอย่างนั้น ดุจดั่งไม่มีใครได้มองเห็นการดำรงอยู่ของเขาอย่างนั้น
ครั้นทุกคนต่างมองไปที่ผู้เฒ่าผู้นี้ ผู้เฒ่าได้พ่นควันออกมาเป็นวง เคาะกล้องยาสูบทีหนึ่งและหัวเราะเจื่อนๆ กล่าวว่า “ขออภัย ตาเฒ่าเดินหลงเข้ามา พวกเจ้าดำเนินการต่อไปเถอะ”
ทุกคนต่างไม่รู้ว่าผู้เฒ่าผู้นี้เป็นใคร ผู้คนจำนวนมากเพียงจ้องมองกันและกันทีหนึ่ง
ลงมือ…ในเวลานี้เจิงยี่ปิงก็ไม่มีทางเลือก ยิ่งไปกว่านี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลิกล้มกลางคันเพียงแค่นี้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาจึงออกคำสั่งกับชายฉกรรจ์สิบกว่าคนนั่น
“ฝ่าบาท อย่าโทษพวกเราโหดเหี้ยมอมหิต สิ่งนี้โทษข้าไม่ได้ บอกได้แต่เพียงเจ้ามีตาแต่ไร้แวว” หนึ่งในชายฉกรรจ์สิบกว่าคนได้หัวเราะน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
นาทีนี้ชายฉกรรจ์สี่คนจากชายฉกรรจ์สิบกว่าคนได้มองตากันและกัน คำรามเสียงดังขึ้น ลงมือ…ขาดคำได้ลงมือพร้อมกัน
ชายฉกรรจ์สี่คนพลันยื่นมือเข้าไปคว้าตัวหลี่ชิเย่ทันที พวกเขาแยกกันคว้าแขนและขาของหลี่ชิเย่ ทุกคนจะจับแขนขาคนละข้าง คิดจะหิ้วตัวหลี่ชิเย่ยกขึ้นมา
ทั้งสี่คนคว้าจับเอาแขนขาของหลี่ชิเย่พร้อมกัน แบบนี้ไหนเลยต้องการหักแขนขาของหลี่ชิเย่ ต้องการจับตัวหลี่ชิเย่ดุจดั่งห้าอาชาแยกร่างชัดๆ
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นประกายเยือกเย็นสีขาวแวบขึ้นมา และได้ยินเสียงปุ ปุ ปุดังขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียวประกายสีเลือดแตกกระจาย
ทุกคนยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏแขนสี่ข้างตกลงบนพื้น เลือดสดๆ พุ่งทะลักย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงไปโดยพลัน
“อ้ายหย๋านั่นมีดตัดฟืนของข้า…ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาแต่อย่างใด ได้ยินเสียงของผู้เฒ่าตัดฟืนร้องเสียงดังขึ้นมา มือของเขาได้แตะกุมไปที่บริเวณเอวของตนอย่างแรง แต่ มีดตัดฟืนของเขาได้หายไปแล้ว
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เห็นเพียงมีดตัดฟืนที่ลอยขึ้นไปบนอากาศ พริบตาเดียวนั่นเองก็จัดการตัดเอาแขนของชายฉกรรจ์ที่เข้ามาจับตัวหลี่ชิเย่จนขาด แขนของชายฉกรรจ์ทั้งสี่ล้วนแล้วแต่ถูกตัดเสมอไหล่ลงไป มีดตัดฟืนแวววับคมกริบ ขณะที่ฟันเอาแขนขาดติดมือมานั้นก็คล้ายดั่งเป็นการสับลงไปบนเต้าหู้อย่างนั้น
อ๊ากกก…ชายฉกรรจ์เพิ่งจะมีปฏิกิริยาขึ้นหลังจากที่แขนตกลงบนพื้น และเลือดสดๆ พุ่งกระจายอย่างรุนแรง พบว่าแขนของตนถูกฟันจนขาดไปแล้ว ต่างร้องเสียงน่าเวทนาออกมา พวกเขาได้กลายเป็นชายฉกรรจ์ไร้แขนโดยพลันไปแล้ว
ในเวลานี้เอง มองเห็นมีดตัดฟืนลอยตัวสูงอยู่กลางอากาศ โดยมีเลือดสดๆ ที่ไหลหยดลงมาตามตัวมีดเล่มนั้น ไม่มีใครถือมีดตัดฟืนเล่มนี้เอาไว้ เหมือนว่ามันบังเกิดปาฏิหาริย์อย่างนั้น จัดการฟันแขนของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนจนขาด
อ้ายหย๋านั่นมันเครื่องมือหากินของข้า รีบกลับมาเร็ว” เวลานี้ผู้เฒ่าตัดฟืนร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยอาการร้อนรน
ทุกคนต่างเข้าใจในทันทีว่าเป็นการลงมือของเฒ่าตัดฟืนเมื่อได้เห็นภาพนี้ ล้วนแล้วแต่คิดว่าเวลานี้เฒ่าตัดฟืนแค่แสแสร้งแกล้งโง่เท่านั้นเอง
“เจ้าแก่ ที่แท้เป็นเจ้าที่ก่อกวน หาเรื่องตาย! ” ในเวลานี้สีหน้าของชายฉกรรจ์สิบกว่าคนที่เหลือเปลี่ยนไป หันหลังกลับไปทันที
เสียงดาบและกระบี่ดังตึง ตึง ตึงขึ้นเป็นระลอก ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนต่างทยอยกันชักกระบี่และดาบของตนออกมา และฟันเข้าใส่ร่างของเฒ่าตัดฟืนดั่งสุนัขจิ้งจอกและเสือที่พุ่งเข้าไป
“อย่าเข้าใจผิด มันไม่เกี่ยวกับตาเฒ่า” เฒ่าตัดฟืนตกใจยิ่ง รีบโบกไม้โบกมือแก้ต่างให้กับตนเอง
แต่ทว่า ไหนเลยที่ชายฉกรรจ์ทั้งสิบกว่าคนจะฟังคำแก้ตัวของเขาเล่า ได้ยินเสียงคำรามของดาบและกระบี่ดังตึง พวกเขาลงมือปานสายฟ้าแลบ ดาบและกระบี่ดั่งอสรพิษที่พุ่งเป้าแทงไปยังลำคอของเฒ่าตัดฟืน
พวกเขาลงมือเหี้ยมโหด โดยไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูได้ตอบโต้แม้แต่น้อย ดังนั้น พวกเขาไม่สนใจว่าเฒ่าตัดฟืนจะเป็นใครมาจากไหน หวังสังหารให้ได้จากการโจมตีครั้งเดียว
ฉึก…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพุ่งตัวเข้าไปฟันใส่เฒ่าตัดฟืนนั้น มีดตัดฟืนที่ลอยอยู่บนอากาศส่งประกายเยือกเย็นแวบหนึ่ง และฟันใส่พวกเขาทันที
แย่แล้ว…ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพลันมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปทันที กระบี่และดาบถูกหันโจมตีกลับด้วยการฟันใส่มีดตัดฟืนนั่น
ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก เห็นเพียงดาบและกระบี่ถูกโจมตีจนหัก เศษชิ้นส่วนปลิวกระจาย และจังหวะที่เศษชิ้นส่วนเหล่านี้ปลิวกระจายก็ได้เห็นเลือดสดๆ ที่พุ่งกระเซ็นขึ้นมา
ตัวมีดตัดฟืนที่วาววับดั่งหิมะตวัดเป็นประกายโค้งที่ขาววับงดงามดั่งหิมะกลางอากาศสายหนึ่ง และฟันตรงลงไป จังหวะที่ประกายโค้งที่ขาววับลงมานั้นปรากฏเลือดสดๆ แตกกระจาย แขนแต่ละคู่ทยอยตกลงพื้น
แขนสิบกว่าคู่พลันถูกตัดจนขาด เมื่อมีดตัดฟืนที่ฟันลงมา ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพลันกลายเป็นหนุ่มไร้แขนไปในทันที พวกเขาไม่อาจต่อต้านขัดขืนได้เลยเมื่อมีดตัดฟืนฟันลงมา ไม่เพียงแต่อาวุธของพวกเขาที่ถูกทำลายไปโดยพลันเท่านั้น อีกทั้งแขนของพวกเขาก็ถูกฟันจนขาดไปด้วย
อ๊ากกก…เวลานี้ชายฉกรรจ์เพิ่งจะรู้สึกตัวหลังจากที่แขนแต่ละคู่ตกลงพื้นไปแล้ว ความเจ็บปวดที่ปวดจี๊ดเข้าไปในหัวใจ ทำให้ต้องร้องเสียงเวทนาออกมาด้วยความเจ็บปวด
แค่มีดตัดฟืนที่ฟันลงมาก็จัดการตัดแขนของยอดฝีมือสิบกว่าคนไป อีกทั้งพวกเขาไม่มีกำลังแม้แต่จะต่อต้านขัดขืน พลันทำให้สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไป
“เจอะเจอเข้ากับยอดฝีมือเสียแล้ว” พริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าเฒ่าตัดฟืนผู้นี้คือยอดฝีมือที่เป็นเสือซ่อนเล็บ
แย่แล้ว…ในเวลานี้เอง ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนของเจิงยี่ปิงจึงได้สติกลับมา และรู้แล้วว่าได้เจอะเจอเข้ากับยอดฝีมือที่น่ากลัวเข้าให้แล้ว พวกเขาถึงกับหวาดผวาและไม่สนใจเรื่องความเจ็บปวดอีกต่อไป รีบเร่งล่าถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
ปุ…เลือดสดๆ พุ่งออกมาอย่างรุนแรง ในพริบตาเดียวนั่นเอง เห็นมีดตัดฟืนลอยขึ้นและฟันลง ศีรษะของชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพลันหลุดลอยออกไป ขณะที่ศีรษะของชายฉกรรจ์หลุดลอยออกไปนั้น พวกเขายังวิ่งหนีต่อเนื่องไปไกลได้ช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงล้มลงเสียงดังปัง ปัง ปัง
ขณะที่ในเวลานี้ศีรษะของพวกเขาก็หล่นลงพื้นพอดี และได้เห็นร่างของตนที่ล้มลงพร้อมกับเลือดที่พุ่งทะลักออกมาจากคอที่ถูกตัดขาด ดวงตาของพวกเขาถึงกับเบิกโพลง
นาทีนี้ ปากของพวกเขาก็พยายามขยับขึ้นลงหวังร้องเสียงแหลมออกมา แต่พวกเขาใช้เวลานนานก็ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ และพบว่าตนเองไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้อยู่แล้ว
เวลานี้เลือดสดๆ ไหลรินช้าๆ และรวมตัวกันกลายเป็นลำธารเล็กๆ ที่ไหลรินอยู่บนพื้น การฟันลงมาของมีดตัดฟืน ทำให้ศีรษะของชายฉกรรจ์สิบกว่าคนถูกตัดขาดในทันที
เวลานี้อากาศเหมือนควบแน่นไปแล้วอย่างนั้น ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ และจ้องมองภาพเหตุการณ์ข้างหน้าด้วยท่าทีเหม่อลอย ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
เจิงยี่ปิงที่เมื่อครู่ยังมีท่าทีที่ยโสและใช้อำนาจบาตรใหญ่พลันถูกเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้หวั่นไหว ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนที่ติดตามข้างกายเขาล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ เคยจัดเจนอยู่ในสมรภูมิรบมาก่อน และไม่มีฝีมืออ่อนด้อยแม้แต่คนเดียว แต่ว่า เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกเฒ่าตัดฟืนจัดการสังหารจนสิ้น นับเป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัวเหลือเกิน
เมื่อเจิงยี่ปิงได้สติกลับมาแล้วร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และร้องเสียงดังออกมาด้วยความหวาดผวา “แม่จ๋า! ” ในเวลานี้เขาไม่คิดอะไรอีกหันหลังออกวิ่งไปทันที
นาทีนี้ หน้าตาหรือศักดิ์ศรีอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว นาที่นี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ ดังนั้น ขณะที่เขาหันหลังวิ่งหนีนั้นได้อาศัยกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด อยากจะหนีไปจากที่นี่ทันทีให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่ทว่า เมื่อเขาหันหลังวิ่งหนีไปนั้น ได้ยินเสียงฉึกดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มีดตัดฟืนที่เปื้อนเลือดได้บินเข้ามาและฟันลงทันที
ตุบ…เสียงหนึ่งดังขึ้น เจิงยี่ปิงที่เพิ่งจะวิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวได้ล้มตัวลงทันที เขาถือโอกาสกลิ้งไปตามพื้นด้วยระยะทางที่ไกลมากจึงคว่ำหน้าอยู่กับพื้น
ได้ยินเสียงดังปุขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง มองเห็นขาทั้งสองข้างของเจิงยี่ปิงถูกมีดตัดฟืนที่ฟันเข้าให้ทันที เลือดสดพุ่งกระจายอย่างแรง เจิงยี่ปิงที่สูญเสียขาทั้งสองข้างพลันล้มกลิ้งอยู่กับพื้น
อ๊ากกก…เมื่อเจิงยี่ปิงล้มคว่ำหน้ากับพื้นโดยสิ้นเชิงแล้วจึงได้พบว่าขาทั้งสองข้างถูกตัดขาดไปแล้ว ได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไปทันที เจ็บปวดแปลบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ทำให้เขาร้องเสียงน่าเวทนาออกมา
ยิ่งเป็นการทำให้เจิงยี่ปิงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องเสียงแหลมแม่จ๋า…ขึ้นมา ตัวเขาที่สูญเสียขาทั้งสองข้างรีบอาศัยมือทั้งสองข้างทั้งคลานทั้งกลิ้งไปข้างหน้า หวังหนีไปจากที่ตรงนี้
ในเวลานี้เอง ร่างกายของเจิงยี่ปิงชุ่มไปด้วยเลือด ขณะที่เขาอาศัยมือทั้งสองแทนขานั้น ได้ทิ้งร่องรอยเป็นเลือดสองสายบนพื้นยาวไปตลอดทาง