ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2470 เขาเป็นใคร
ฉึกเสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่เจิงยี่ปิงอาศัยมือแทนขาเพื่อคลานหนีไปนั้น มองเห็นประกายเยือกเย็นแวบหนึ่ง มีดตัดฟืนได้ฟันลงอีกครั้ง พลันปรากฏเลือดสดๆ แตกกระจาย ได้ยินเสียงตุบดังขึ้นเสียงหนึ่ง มือทั้งสองข้างของเจิงยี่ปิงก็ถูกมีดตัดฟืนตัดขาดในทันที โดยตัดเสมอจากหัวไหล่ลงไป เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมา
ร่างกายของเจิงยี่ปิงถูกเลือดที่ไหลออกมาชุ่มไปทั้งตัว กลายเป็นมนุษย์เลือด ที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนขนลุกซู่ก็คือ เจิงยี่ปิงในเวลานี้ถูกตัดแขนตัดขาจนกลายเป็นมนุษย์ที่ปราศจากแขนขา
อ๊ากกกเสียงร้องที่น่าเวทนาของเจิงยี่ปิงดังก้องอยู่บนท้องฟ้าในเวลานี้ การสูญเสียทั้งมือและขาสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาจนต้องกลิ้งไปมาอยู่กับพื้น และกลายเป็นมนุษย์เลือดไปในทันที
“ข้า ข้า ข้าไม่เคยมีความแค้นกับเจ้า ทำไมต้องโหดเหี้ยมขนาดนี้” ท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนา เจิงยี่ปิงถึงกับร้องกล่าวเสียงแหลมขึ้นมา
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่ตาเฒ่า อย่าได้เข้าใจผิดเด็ดขาด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตาเฒ่าอย่างข้า” เวลานี้เฒ่าตัดฟืนรีบแก้ตัว เขาเองก็ไม่ง่ายนักกว่าจะตามมีดตัวฟืนของตนเองคืนมา และกุมเอาไว้ในมือเสียแน่น และขวัญหนีดีฝ่อ ถอนหายใจออกมาตบอกตัวเอง และกล่าวว่า “ยังดีที่ไม่ได้บินหนีไป นี่มันคือเครื่องมือหากินของตาเฒ่านะเนี่ย”
“มีดเล่มนี้เป็นของเจ้า นอกจากเจ้าแล้วยังจะมีใครอีก? ” ขณะที่เฒ่าตัดฟืนกำลังปฏิเสธว่าตนเองฆ่าคนอยู่นั้น หลี่ชิเย่หัวเราะพลางส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “คนก็ฆ่าไปแล้ว เจ้าจำเป็นต้องปฏิเสธอีกรึ? ”
“พ่อหนุ่ม คำพูดของเจ้าเท่ากับเอาน้ำโคลนมาสาดบนตัวของตาเฒ่าแล้วล่ะ ตาเฒ่าเป็นเพียงคนตัดฟืนคนหนึ่งเท่านั้น จะฆ่าคนได้อย่างไรกันเล่า? ” เฒ่าตัดฟืนทำหน้าเจื่อนทันที เมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ขึ้นมา
“เรื่องนี้หาใช่ข้าสาดโคลน เป็นสิ่งที่ทุกคนประจักษ์แก่สายตาอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ทำท่าผายมือ กล่าวด้วยท่าทีจนด้วยเกล้า
เวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เฒ่าตัดฟืน นาทีนี้ทุกคนต่างเชื่อในคำพูดของหลี่ชิเย่สนิทใจ ในสายตาของทุกคนมองว่า เฒ่าตัดฟืนเป็นยอดฝีมือประเภทเสือซ่อนเล็บ ความจริงแล้วเขาก็เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมากจริงๆ
เวลานี้เป็นมีดตัดฟืนเล่มนั้นที่สังหารพวกของเจิงยี่ปิง หากไม่ใช่เฒ่าตัดฟืนลงมือยังจะมีใครลงมืออีก? การที่เฒ่าตัดฟืนปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ฆ่าคน มันก็แค่แสแสร้างแกล้งโง่เท่านั้นเอง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งและรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นเฒ่าตัดฟืนจัดการสังหารเจิงยี่ปิงและพวกอย่างง่ายดายโดยไม่ได้สำแดงแม้แต่กระบวนท่าแม้แต่ท่าเดียว ศักยภาพของเฒ่าตัดฟืนผู้นี้น่ากลัวมากเหลือเกิน
“ไม่ใช่ฝีมือของตาเฒ่าจริงๆ ตาเฒ่าเป็นผู้บริสุทธิ์” เวลานี้เฒ่าตัดฟืนส่ายหน้ารัวๆ ดุจดั่งป๋องเป๋งอย่างนั้น แต่ทว่าในเวลานี้จะมีใครเชื่อคำพูดของเฒ่าตัดฟืนกันเล่า? ทุกคนเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ว่า เฒ่าตัดฟืนเป็นคนสังหารพวกของเจิงยี่ปิง
เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่ได้สนใจการปฏิเสธของเฒ่าตัดฟืน เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเจิงยี่ปิงที่กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นด้วยตนเอง เจิงยี่ปิงในเวลานี้ทั่วร่างชุ่มไปด้วยเลือด ท่าทางดูอนาถยิ่งนัก
หลี่ชิเย่ยืนและก้มมองเจิงยี่ปิง กล่าวด้วยท่าทางยิ้มแต้ว่า “เจ้าต้องการหักแขนหักขาของข้ามิใช่รึ? จะจับข้าโยนลงไประหว่างช่องเขาเหมือนดั่งหมาตายตัวหนึ่งมิใช่รึ? เวลานี้ข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว รีบยื่นมือออกมาหักแขนหักขาของข้าเลยสิ”
“เจ้า เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร” เมื่อเงาทมิฬของหลี่ชิเย่ได้ปกคลุมอยู่ท้องฟ้าด้านบนของตน เจิงยี่ปิงร้องเสียงดังออกมาด้วยความหวาดผวา เวลานี้เขาถูกตัดแขนขาทิ้งไป และทักษะถูกทำลายไปทั้งหมด เป็นเนื้อบนเขียงที่สุดแต่ผู้อื่นจะเชือดเฉือนโดยสิ้นเชิง
นาทีนี้ภายในใจของเจิงยี่ปิงก่อเกิดความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต พลันทำให้เขาต้องขวัญหนีดีฝ่อไปในทันที
“เจ้าว่าข้าคิดจะทำอะไรดีล่ะ? ในเมื่อมีคนคิดจะหักแขนขาของข้า ข้าสมควรทำอะไรกับศัตรูลักษณะเช่นนี้บ้างล่ะ? ” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับยิ้มแต้ เวลานี้รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนและเป็นกันเอง ไม่ได้มีท่าทีที่โกรธแม้แต่น้อย
“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่มนะ” ในเวลานี้เจิงยี่ปิงถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องเสียงแหลมขึ้นมาว่า “น้า น้า น้าของข้าคือแม่ทัพของกองทัพส่วนกลางนะ ในมือมีทหารอยู่สิบล้าน ถ้า ถ้าหากเจ้ากล้าสังหารข้า น้าของข้าจะมีปล่อยเจ้าอย่างเด็ดขาด”
“น้าของเจ้า? ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ก่อนหน้านั้น น้าของเจ้าที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของข้าก็แค่บ่าวคนหนึ่งเท่านั้นเอง เจ้าคิดว่ายกเอาบ่าวคนหนึ่งมาขู่ข้า สามารถขู่ให้ข้ากลัวได้อย่างนั้นรึ? ”
เจ้า เจ้า เจ้า…เจิงยี่ปิงร้องเสียงแหลมขึ้นมา และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“ลืมบอกเจ้าไปว่า ข้าก็กำลังรอตัดหัวน้าของเจ้าอยู่” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะ
คร๊ากกกเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้น หลี่ชิเย่พูดยังไม่ทันขาดคำได้ยกเท้าขึ้นมากะทันหัน แล้วก็กระทืบลงไปอย่างแรง ศีรษะของเจิงยี่ปิงถูกเหยียบจนแหลกเละไม่เป็นชิ้นเป็นอัน คล้ายลูกแตงโมที่ถูกเหยียบจนเละ เลือดและมันสมองแตกกระจาย
“จากนั้น ค่อยใช้เท้าเหยียบให้เละ! ” หลังจากที่หลี่ชิเย่ยกเท้าเหยียบศีรษะเจิงยี่ปิงจนเละไปแล้ว จึงได้พูดคำพูดข้างต้นอย่างช้าๆ จนจบ
อย่างไรก็ตามเจิงยี่ปิงที่ถูกเหยียบศีรษะจนแหลกเละก็ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว ไหนเลยสามารถได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ได้อีก
มองเห็นหลี่ชิเย่อาศัยเท้าข้างเดียวก็จัดการเหยียบศีรษะของเจิงยี่ปิงจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี เลือดและมันสมองไหลนองเต็มพื้น ขณะที่หลี่ชิเย่กลับมีท่าทางที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยนิด
ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต้องร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เวลานี้ทุกคนจึงได้ตระหนักแล้วว่า ฮ่องแต้องค์ใหม่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม แต่อย่าลืมว่าเขายังมีฮ่องแต้โหดอีกสถานะหนึ่ง!
ฮ่องแต้โหดคนหนึ่งเรียกได้ว่าเย็นชาไร้ความปราณี ใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมทารุณ อย่าได้หลงไปกับเปลือกนอกที่ดูธรรมดาของเขาอย่างเด็ดขาด อย่าได้เข้าใจว่าเขาเป็นเพียงฮ่องแต้ชั่วที่เจ้าชู้และไร้ความสามารถคนหนึ่งเท่านั้น
ในฐานะเป็นผู้ที่เคยนั่งอยู่บนบัลลังก์ฮ่องแต้ ในฐานะที่เป็นฮ่องแต้โหดคนหนึ่ง ย่อมเป็นผู้ที่รับบทบาทฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาแน่นอน
แม้ฮ่องแต้ใหม่จะไร้ความสามารถ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ นาทีนี้ทุกคนต่างตระหนักแล้วว่า ฮ่องแต้องค์ใหม่คือฮ่องแต้โหดที่ทารุณโหดร้ายคนหนึ่ง!
“ตาเฒ่า คนเจ้าเป็นคนฆ่า เจ้าคงไม่ปล่อยให้ศพของพวกเขาทิ้งไว้กลางทุ่งกระมัง ทำเช่นนี้สวรรค์รับไม่ได้นะเนี่ย” หลังจากที่หลี่ชิเย่ใช้เท้าข้างเดียวเหยียบจนศีรษะของเจิงยี่ปิงแหลกเละไปในครั้งเดียวแล้ว ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มแต้กล่าวกับเฒ่าตัดฟืน
“เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าสักหน่อย” เฒ่าตัดฟืนกล่าวปฏิเสธทันที
“ที่ตรงนี้ นอกจากเจ้าแล้วยังจะมีใคร? ” หลี่ชิเย่ทำท่าผายมือยิ้มแต้กล่าวว่า “เจ้าอย่าได้เอาแต่ฆ่าคนแต่ไม่จัดการ ข้าน่ะเป็นผู้ที่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะมัดไก่ ไม่อาจฝังคนตายได้มากมายขนาดนี้ ขณะที่เจ้าคงไม่อาจให้สาวน้อยที่อ้อนแอ้นไปฝังคนตายกระมัง? ดังนั้น ที่ตรงนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังจะมีใครทำงานหนักนี้ได้? ”
กล่าวพลาง ไม่สนใจว่าเฒ่าตัดฟืนจะเห็นด้วยหรือไม่ พาหลิ่วชูฉิง เดินกลับเข้าไปในตำหนักศิลา ไม่สนใจต่อเรื่องราวภายนอกอีก
“ตาเฒ่า นี่ นี่ นี่มันเรียกว่าซวยสุดๆ เลย ตาเฒ่าถูกปรักปรำนะ ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่า อาศัยอะไรมาให้ข้าฝัง” เฒ่าตัดฟืนแสดงความไม่พอใจ บ่นอุบไปเรื่อย
แม้ว่าเฒ่าตัดฟืนจะไม่พอใจ แต่เขายังคงจัดการโยนศพของพวกเจิงยี่ปิงไปในซอกเขาแล้วฝังกลบเสีย
สุดท้ายเขาได้ทำความสะอาดมือสองข้าง ตบมีดผ่าฟืนที่อยู่ข้างเอว และกล่าวว่า “พรรคพวก เกือบลืมเรื่องที่เป็นงานเป็นการ ยังต้องขายฟืนเพื่อแลกกับข้าวสารนะเนี่ย” จากนั้นหาบฟืนเดินจากไปทันที
“เดิมข้าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ไม่คิดจะขึ้นไปยังตำหนักเซียน…” ในเวลานี้ เสียงเพลงที่หนักแน่นของเฒ่าตัดฟืนได้ดังก้องอยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานอีกครั้ง
ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ตลอดขั้นตอน ไม่ว่าผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดเช่นใดก็ดูจะสงบ และจ้องมองดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวของผู้เฒ่า ไม่มีใครไปรบกวน และไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
ครั้นเฒ่าตัดฟืนหายไปพร้อมกับเสียงเพลงของเขาในเขาจิ่วเหลียนซานไปแล้ว ผู้คนจำนวนมากจึงค่อยรู้สึกโล่งอก และเรียกสติกลับมาได้
“เขา เขา เขาเป็นใครกันนะ? ” มีผู้ที่เอ่ยถามแผ่วเบา
เนื่องจากไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะมีผู้เข้ามาแทรก และช่วยฮ่องแต้องค์ใหม่เอาไว้ ส่วนพวกของเจิงยี่ปิงถูกสังหารไปทั้งหมด
“ข้าก็ไม่รู้จัก ไม่เคยพบเห็นมาก่อน” ศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ไหนเลยจะทราบถึงประวัติความเป็นมาของเฒ่าตัดฟืนได้
“เกรงว่าผู้เฒ่าผู้นี้จะเป็นคนของเขาจิ่วเหลียนซาน” มีศิษย์ที่อายุค่อนข้างมาก เอ่ยขึ้นช้าๆ ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง ว่า “ข้าเคยมาที่เขาจิ่วเหลียนซานสองครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซานมาโดยตลอด ข้ามาครั้งที่แล้วก็เป็นเมื่อห้าปีที่แล้ว เขาก็ตัดฟืนอยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซาน”
“ยอดฝีมือของเขาจิ่วเหลียนซานรึ? ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว
ความจริงแล้ว การที่เขาจิ่วเหลียนซานยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้ถึงรายละเอียดว่าเขาจิ่วเหลียนซานนั้นมีคนอยู่กี่คน และไม่มีใครรู้ว่าใครคือเจ้าสำนักของเขาจิ่วเหลียนซาน ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีใครรู้ว่าในเขาจิ่วเหลียนซานมียอดฝีมืออยู่จำนวนเท่าไรกันแน่
แต่ว่า สิ่งที่ทุกคนรับรู้ก็คือ แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้ายังต้องเก็บงำและวางตัวธรรมดา ทำตัวสงบเสงี่ยม
เวลานี้ต่อให้ทุกคนรุ้แล้วว่า เฒ่าตัดฟืนผู้นี้คือยอดฝีมือของเขาจิ่วเหลียนซานแล้ว แต่ว่า ทุกคนก็ยังคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลยสักนิด ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่
“เขา เขา เขาทำไมต้องช่วยฮ่องแต้องค์ใหม่เล่า? ” มีผู้เอ่ยถามแผ่วเบาขึ้นมา
คำถามนี้ยิ่งทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต้องมองหน้าซึ่งกันและกัน ทุกคนต่างไม่สามารถตอบได้ สามารถมองออกได้ว่า ฮ่องแต้องค์ใหม่กับเฒ่าตัดฟืนคุ้นเคยกันมาก เหมือนว่าพวกเขาทั้งสองมีสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งแม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่า การลงมือของเฒ่าตัดฟืนในครั้งนี้เป็นการปกป้องฮ่องแต้องค์ใหม่
“อย่าลืมไปสิ ครั้งนั้นราชันแท้จริงปาเจิ้นบุกเข้าวัง และฮ่องแต้องค์ใหม่ก็ถูกใครเขาช่วยเหลือไปได้มิใช่รึ? ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ช่วยเหลือฮ่องแต้องค์ใหม่ไป เวลานี้ดูไปแล้วก็เขานี่แหละเป็นผู้ช่วยเหลือฮ่องแต้องค์ใหม่แล้วล่ะ” ศิษย์ของสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งตบหัวตนเองทีหนึ่ง บังเกิดความคิดแวบเข้ามา
พลันที่คำพูดเช่นนี้ถูกพูดออกมา ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างเสียวสันหลังแวบบ ทุกคนต่างแอบมองกันทีหนึ่ง
นับว่าคำพูดนี้มีเหตุผล ครั้งนั้นกองทัพประชิดและตีเมืองหลวงจนแตก ราชันแท้จริงปาเจิ้นลงมือ ท้ายที่สุดแล้วฮ่องแต้องค์ใหม่ยังคงถูกคนเขาช่วยเหลือไป โดยไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ช่วยเหลือฮ่องแต้องค์ใหม่
เวลานี้ดูไปแล้วเกรงว่าเฒ่าตัดฟืนนี่แหละเป็นผู้ช่วยเหลือฮ่องแต้องค์ใหม่ในวันนั้น เฒ่าตัดฟืนรั้งอยู่ข้างกายและคอยปกป้องฮ่องแต้องค์ใหม่มาโดยตลอด
“เพราะอะไรเขาจิ่วเหลียนซานจึงต้องปกป้องฮ่องแต้องค์ใหม่เล่า? ” มีผู้เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
พลันที่คำพูดแปลกใจนี้ถูกพูดออกมา สร้างความหวั่นไหวภายในใจให้กับผู้คนได้ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักเจ้าลัทธิถึงกับบังเกิดความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย
สมควรทราบว่า ฐานะใน*ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของเขาจิ่วเหลียนซานนั้นมีความพิเศษเสมอมา เหมือนว่ามันอยู่เป็นเอกเทศจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อย่างนั้น และไม่เคยสนใจเรื่องของโลกภายนอก
เวลานี้หากเขาจิ่วเหลียนซานกำลังปกป้องฮ่องแต้องค์ใหม่จริงๆ ล่ะก็ มันบ่งบอกถึงสิ่งใด?
หรือว่าเขาจิ่วเหลียนซานจะเข้าสู่ยุทธภพจริงๆ ? หรือว่าเขาจิ่วเหลียนซานต้องการยกฮ่องแต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์อีกครั้ง? ในเวลานี้ ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ผุดความคิดที่บังอาจขึ้นมา
…………………………………………………………