ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2510 ลอบโจมตี
ตอนที่ 2510 ลอบโจมตี
เวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้และจ้องมองดูหลี่ชิเย่กับทังเฮ่อเสียง มีผู้พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า คราวนี้ ฮ่องเต้องค์ใหม่จะใช้วิธีการอย่างไรอีกล่ะ?
บางที อาจไม่ต้องใช้วิธีการอะไรทั้งนั้น เหมือนดั่งเมื่อครู่อย่างนั้น แค่กระบวนท่าเดียวก็สังหารได้แล้ว อีกคนอดที่จะพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ผู้คนจำนวนมากต่างพยักหน้าคิดว่าถูกต้อง และเห็นด้วยเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เมื่อครู่ทุกคนต่างคาดเดาว่าฮ่องเต้องค์ใหม่สามารถเอาชนะทังเฮ่อเสียงได้ภายในกี่กระบวนท่านั้น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้นก็ล้มทังเฮ่อเสียงได้โดยตรงแล้ว
เวลานี้ดูไปแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คงเหมือนเช่นเมื่อครู่อย่างนั้น ล้มทังเฮ่อเสียงได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
เจ้าดีใจเร็วเกินไปแล้ว ขอเพียงข้ายังไม่ตาย เจ้าก็อย่าได้ทำเป็นลำพองใจ เพลิงแห่งความโกรธพลุ่งพล่านอยู่ภายในใจของทังเฮ่อเสียง อดที่จะต้องร้องกล่าวด้วยเสียงอันดังออกมาไม่ได้
ถูกหลี่ชิเย่ดูถูกก็ช่างเถอะ เวลานี้แม้แต่นาย ก นาย ข ที่ผ่านไปมาก็ยังดูถูกเขา แล้วจะให้ทังเฮ่อเสียงกล้ำกลืนความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า
เอาเถอะ เช่นนั้นแล้วข้าจะให้เจ้าได้ตายใจ หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉ่ยและเหินฟ้าขึ้นไปช้าๆ หนึ่งก้าวหนึ่งหมื่นจ้าง เพียงชั่วพริบตาเดียวหลี่ชิเย่ก็ไปยืนอยู่บนท้องฟ้าสูง เหนือท้องฟ้าขึ้นไป
แม้ว่าร่างกายของทังเฮ่อเสียงจะสูงใหญ่ยิ่งนัก แต่ในเวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่ยืนอยู่สูงขนาดนั้น เขายังต้องแหงนหน้าขึ้นมอง
ลงมือเถอะ จะได้ไม่แพ้แล้วไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดออกมาตามอารมณ์
ต่อให้หลี่ชิเย่ยืนอยู่บนจุดที่สูงมากไปกว่านั้นก็ยังคงดูเล็กจิ๋วขนาดนั้น เมื่อเทียบกับร่างกายที่สูงใหญ่ของทังเฮ่อเสียง ดูไปแล้วหลี่ชิเย่ก็คล้ายเป็นแมลงวันตัวหนึ่งที่บินอยู่เหนือศีรษะของทังเฮ่อเสียง เหมือนว่าโล่ยักษ์ที่อยู่ในมือของทังเฮ่อเสียงเพียงฟาดลงมา หลี่ชิเย่คงต้องถูกตบจนตายเหมือนเช่นแมลงวันตัวหนึ่ง
แม้จะกล่าวว่าร่างกายของทังเฮ่อเสียงนั้นสูงใหญ่ยิ่งนัก เทียบกับหลี่ชิเย่แล้วไม่รู้ว่าสูงกว่ากันกี่หมื่นเท่า แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า นาทีนี้ต่อให้ร่างกายสูงใหญ่มากไปกว่านั้น ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก
ฆ่า… ในเวลานี้เอง ทังเฮ่อเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธ ร่างทั้งร่างปรากฏประกายดาวที่เจิดจ้า เสมือนหนึ่งตัวของเขาได้กลับกลายเป็นดวงดาวแต่ละดวงที่มีประกายละลานตาอย่างนั้น
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง โล่ยักษ์ที่อยู่ในมือของทังเฮ่อเสียงได้ฟาดเข้าไปอย่างแรง ขนาดของโล่ที่ใหญ่โตนั้นได้บดบังท้องฟ้า ดวงดาวแต่ละดวงที่หมุนล้อมรอบ ขณะที่โล่ยักษ์เช่นนี้ทุบไปบนท้องฟ้านั้น ได้ยินเสียงแตกละเอียดดังตูม ตูม ตูมขึ้นมา มีดวงดาวที่ถูกโล่ยักษ์กระแทกใส่จนแตกละเอียดไปทันที
เมื่อโล่ยักษ์ขนาดนี้ฟาดไปบนท้องฟ้านั้น ปรากฏท้องฟ้ามืดมิด เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น โล่ยักษ์ที่มี่ขนาดยักษ์ขนาดนี้ฟาดไปถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่ เทียบกับขนาดของโล่ที่ใหญ่โตปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว หลี่ชิเย่ดูเล็กจิ๋วมากๆ เหมือนว่าสามารถทุบให้เป็นเนื้อบดได้ในทันที
ช่างอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเสียจริง หลี่ชิเย่ยืนเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่ายหัวเบาๆ ขณะมองดูโล่ยักษ์ที่หอบเอาพลังที่ทำลายฟ้าดิน สามารถทุบท้องฟ้าและดวงดาวจนแตกละเอียดฟาดเข้ามา
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เพียงยื่นมือออกไปเท่านั้น นิ้วทั้งห้ากางออก และกดทับลงไปตามอารมณ์ยิ่ง เมื่อเทียบมือของหลี่ชิเย่กับโล่ยักษ์ที่บดบังทั่วท้องฟ้าแล้ว ดูมีขนาดเล็กมากเหลือเกิน
เสียงปังดังสนั่น ช่องว่างสั่นสะเทือน แม้ว่ามือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่จะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับโล่ยักษ์ แต่การอาศัยหนึ่งฝ่ามือที่กดทับลงไปตามอารมณ์นั้น พลันขวางโล่ยักษ์ที่ฟาดเข้ามาและทำให้หยุดกึกลง ไม่สามารถเดินหน้าได้แม้เพียงครึ่งก้าว ไม่สามารถสั่นคลอนต่อมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้ ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง พลังที่คงเหลือจากการโจมตีของโล่ยักษ์พุ่งเข้ามา เพียงพอที่จะทำลายสุริยันจันทราและดวงดาวได้
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหย โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่อย่างใด
กำลังความสามารถสองฝ่ายห่างกันมากเกินไป ร่างกายหรืออาวุธใหญ่ยักษ์มากไปกว่านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่ได้เห็นภาพนี้แล้วต้องส่ายหน้าเบาๆ
ตามหลักแล้ว หลี่ชิเย่ที่มีขนาดเล็กเกินไปนั้น เมื่อเทียบกับทังเฮ่อเสียงที่มีขนาดสูงใหญ่ยิ่งนัก เหมือนว่าทังเฮ่อเสียงสามารถตบเขาให้ตายได้ทุกเมื่อ ความจริงก็คือ ไม่ว่าทังเฮ่อเสียงจะสูงใหญ่เพียงใดก็ตาม โล่ยักษ์ของเขาจะหนาและหนักเช่น่ใด ยังคงไม่สามารถสั่นคลอนต่อหลี่ชิเย่แม้แต่น้อย หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย
ขึ้น… ทังเฮ่อเสียงไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น คำรามเสียงดังและปล่อยพลังทั้งหมดพวยพุ่งออกมา ประกายดาวดั่งคลื่นบ้าคลั่งที่ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลานี้เอง โล่ยักษ์ได้พวยพุ่งประกายที่ละลานตาออกมา พลังเพิ่มสูงขึ้นมากทีเดียว แต่ว่า ยังคงไม่อาจสั่นคลอนต่อหลี่ชิเย่ได้
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก โล่ยักษ์สั่นไหวอย่างรุนแรง อาศัยขอบเขตที่เล็กที่สุดพุ่งชนมือใหญ่ของหลี่ชิเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทว่ามือใหญ่ของหลี่ชิเย่กดทับลงบนโล่ยักษ์ตามอารมณ์เช่นนี้แหละ เสมือนหนึ่งสวรรค์ที่สยบอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถล้ำเส้นไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งเช่นใดก็ตาม เมื่อมาถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดอยู่ตรงนี้ ไม่สามารสั่นคลอนได้อยู่แล้ว
ฆ่า… ในพริบตานั่นเอง เมื่อทังเฮ่อเสียงเห็นว่าไม่สามารถสั่นคลอนได้แม้เพียงน้อยนิด ดวงตาทั้งสองพลันดูไม่เป็นมิตร ขณะที่โล่ยักษ์ยังคงยันอยู่กับมือใหญ่ของหลี่ชิเย่อยู่ ทวนมังกรได้ลงมือแล้ว
เสียงฉึกเสียงหนึ่งดังขึ้น ทวนมังกรพลันแทงออกไป กลายเป็นประกายเยือกเย็นที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม พลันแทงเข้าใส่ลำคอของหลี่ชิเย่ เป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตในครั้งเดียว เหมือนว่าทังเฮ่อเสียงได้รอนาทีนี้มานานมากแล้ว ดังนั้น พริบตาเดียวที่หนึ่งทวนแทงออกไป ได้สำแดงความเร็วถึงขีดสูงสุด นับแต่นาทีที่เขาลงมือ ปลายทวนก็แทงไปถึงลำคอของหลี่ชิเย่แล้ว
หนี่งทวนของทังเฮ่อเสียงเปี่ยมด้วยปณิธานฆ่าที่ดั่งคลื่นยักษ์ มากด้วยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า ดังนั้น ขณะที่ทวนนี้ทิ่มแทงไปที่ลำคอของหลี่ชิเย่นั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเย็นยะเยือกที่ลำคอของตน รู้สึกเหมือนว่าทวนนี้เป็นการทิ่มแทงใส่ลำคอของตนอย่างนั้น
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ปลายทวนของทังเฮ่อเสียงจะแทงเข้าไปในลำคอของหลี่ชิเย่นั้น เสียงโลหะดังขึ้นเสียงหนึ่ง ประกายเยือกเย็นพลันหยุดกึกลง ทุกคนที่ได้มองเห็นภาพนี้เสมือนดั่งทุกอย่างหยุดนิ่งอย่างนั้น มองเห็นมืออีกข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่ที่คีบปลายทวนที่แทงเข้ามาด้วยนิ้วมือสองนิ้ว
ตูม…เสียงดังสนั่น ขณะที่ทุกคนต่างหายใจด้วยความโล่งอกกับหลี่ชิเย่นั้น ซึ่งก็คือชั่วพริบตาเดียวกันกับที่นิ้วมือทั้งสองได้คีบปลายทวนเอาไว้นั่นเอง ปรากฏเสียงดังสนั่น เจดีย์วิเศษพลันปรากฏ เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง มันได้พุ่งชนเข้าที่แผ่นหลังของหลี่ชิเย่อย่างแรงในทันที
การปรากฏตัวขึ้นอย่างเอ้อระเหยของเจดีย์วิเศษ เหมือนว่ามันได้ลงมือพร้อมๆ กับทวนมังกรของทังเฮ่อเสียงอย่างนั้น จังหวะที่ปลายทวนของทังเฮ่อเสียงกำลังจะทิ่มแทงเข้าลำคอของหลี่ชิเย่นั้น เจดีย์วิเศษนี้ก็ได้ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ชิเย่
ดังนั้น จังหวะที่หลี่ชิเย่คีบปลายทวนเอาไว้โดยพลัน เจดีย์วิเศษก็ได้พุ่งชนเข้าที่กลางหลังของหลี่ชิเย่ในทันที
มีคนลงมือลอบโจมตีต่อหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั่น อีกทั้งผู้ที่ลอบโจมตีมีสัญญาร่วมมือลับๆ ที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น การร่วมมือกันของทั้งสองคนนับว่าไม่มีช่องโหว่เลยทีเดียว
เสียงตูมดังสนั่น จังหวะที่เจดีย์วิเศษกระแทกเข้ามานั้น มันได้พวยพุ่งพลังของอมตะออกมา พลังลักษณะเช่นนี้ที่สยบบดขยี้เข้ามานั้น ไม่เพียงได้บดขยี้อากาศ บดทำลายสุริยันจันทราดวงดาว ยิ่งไปกว่านั้นยังบดทำลายวันเวลา หนึ่งเจดีย์ที่โจมตีเข้ามาสามารถโจมตีจนกลับไปยังจุดเดิม กลับไปยังยุคขมุกขมัว
ดังนั้น ขณะที่เจดีย์วิเศษนี้โจมตีเข้ามานั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร้องออกมาด้วยความหวาดผวา ด้วยพลังอมตะที่น่ากลัวเช่นนี้บดขยี้เข้ามา ผู้คนจำนวนมากต่างรับไม่ได้ถึงกับหายใจไม่ออกโดยพลัน
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น เจดีย์วิเศษพลันโจมตีเข้ากลางหลังของหลี่ชิเย่ ทำให้หลี่ชิเย่ถูกกระแทกเข้าให้อย่างแรง ท่ามกลางเสียงดังปังนี้ ร่างของหลี่ชิเย่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าสูง ได้ยินเสียงดังช่าาา ร่างของเขาถูกกระแทกจนตกลงไปในทะเลสาบ พลันจมสู่ก้นทะเลสาบในทันที และหายสาบสูญไปในพริบตาเดียว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมารวดเร็วมาก นับจากหนึ่งทวนของทังเฮ่อเสียงที่แทงใส่ลำคอของหลี่ชิเย่ จนถึงเจดีย์วิเศษพลันปรากฏและลอบโจมตี และหลี่ชิเย่ตกลงไปในทะเลสาบ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเอง
ผู้คนจำนวนมากยังไม่ทันได้สติกลับมา เนื่องจากใครก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
แย่แล้ว… หลิ่วชูฉิงถึงกับหน้าถอดสี นางเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีคนลอบโจมตีกะทันหัน
ฮึ…ในเวลานี้เอง เสียงฮึเย็นชาดังขึ้นเสียงหนึ่ง กลิ่นอายอมตะน่ากลัวเสมือนดั่งปรอทที่เทลงบนพื้นอย่างนั้น พลันที่เทลงมาก็ตลบอบอวลทั่วฟ้าดินในพริบตา ทุกคนต่างถูกกลิ่นอายอมตะที่น่ากลัวปกคลุมเอาไว้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างถูกสยบให้หวาดกลัวต่ออนุภาพที่น่ากลัวนี้
ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันแหงนหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าบนท้องฟ้าได้มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด บนศีรษะปรากฏเจดีย์วิเศษลอยอยู่ มีอานุภาพที่เหนือผู้คน คล้ายดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งที่ยืนสูงเด่นอยู่ตรงนั้น
แม่ทัพกองทัพส่วนกลางหม่าหมิงชุน มีผู้ที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้
ผู้ที่ลงมือลอบโจมตีหลี่ชิเย่ก็คือหม่าหมิงชุน แม่ทัพกองทัพส่วนกลางนั่นเอง เป็นการลอบโจมตีของระดับอมตะ อานุภาพยิ่งใหญ่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว
สมควรทราบว่า ดาบอริยะกวานไห่นับว่าแข็งแกร่งเพียงพอแล้วสิ แต่เขาก็เป็นเพียงเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าเท่านั้นเอง ยังมีช่วงห่างกับเทพแท้จริงขั้นอมตะอยู่ระดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เทพแท้จริงขั้นอมตะก็ยังมีการแบ่งแข็งแกร่งและอ่อนด้อย
ในเวลานี้ ภายในใจของทุกคนต่างสั้นเทิ้มทีหนึ่ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้มองหน้ากันและกัน ผู้อยู่ในเหตุการณ์มีอยู่ไม่กี่คนที่กล้าพูดว่าตนเองนั้นมีศักยภาพไปท้าสู้กับหม่าหมิงชุนได้ เขานั้นคือแม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง ในฐานะที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ กำลังความสามารถของเขาแข็งแกร่งดุดันแน่นอน ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาอย่างแท้จริงอยู่ไม่มาก
ผู้ที่เหนือกว่าหม่าหมิงชุนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะกระทืบเท้าทีหนึ่งแผ่นดินสะเทือนหวั่นไหวสามทีทั้งสิ้น เป็นต้นว่าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้า
ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะลงมือ มีผู้เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา แน่นอน เขาไม่กล้าพูดว่าเทพแท้จริงขั้นอมตะลอบโจมตี
ความจริงแล้ว เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิด หม่าหมิงชุนไม่เพียงเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะเท่านั้น ทั้งยังเป็นแม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง มีตำแหน่งสูงส่งและมากด้วยอำนาจ ผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นเขาถึงกับลงมือลอบโจมตีฮ่องเต้องค์ใหม่ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนคาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง
ถ้าหม่าหมิงชุนทำการท้าสู้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ต่อหน้าทุกคนล่ะก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ จะอย่างไรเสียบุตรชายของเขาหม่าจินหมิงนั้นตายด้วยมือของหลี่ชิเย่
แต่ในฐานะที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ แม่ทัพกองทัพส่วนกลาง แล้วลงมือลอบโจมตีต่อฮ่องเต้ของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลสักเท่าไร
เพียงแต่ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น เทพแท้จริงขั้นอมตะอย่างหม่าหมิงชุนใช่คนอย่างทังเฮ่อเสียงสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว ใครกล้าพูดในทางที่ไม่ดีกับเทพแท้จริงขั้นอมตะ?
ดังนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกสั่นเทาเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
…………………………………………………..