ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2515 ประกายศักดิ์สิทธิ์
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2515 ประกายศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 2515 ประกายศักดิ์สิทธิ์
ประกายศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง กวาดล้างความมืดหมื่นอาณาจักร ความชั่วร้ายทุกอย่างล้วนแล้วแต่ปราศจากที่หลบซ่อนภายใต้การสาดส่องและชำระให้บริสุทธิ์ของประกายศักดิ์สิทธิ์
ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น คำสาปชั่วร้ายภายใต้การชำระให้บริสุทธิ์ของประกายศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นควันที่ม้วนตัวลอยขึ้นไป และจางหายไปกับกระแสลม
ในเวลานี้เอง ประกายศักดิ์สิทธิ์บนตัวของหลี่ชิเย่ดูจะยิ่งเข้มข้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อถึงที่สุดแล้ว ร่างทั้งร่าง่ของเขาล้วนแล้วแต่พวยพุ่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีสันละลานตาออกมา เสมือนดั่งตัวเขาได้กลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ภายใต้การส่องสว่างของประกายศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้น ความมืดที่อยู่บนโลกดูจะเล็กจิ๋วอะไรขนาดนั้น ดูช่างไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ไม่สามารถต่อต้านกับเขาได้อยู่แล้ว ความมืดที่อยู่ภายใต้การสาดส่องของประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ การต่อต้านทุกอย่าง การดิ้นรนทุกอย่างล้วนแล้วแต่ดูอ่อนแอปราศจากเรี่ยวแรง
มองดูประกายศักดิ์สิทธิ์ที่พวยพุ่งออกมาจากทั่วตัวของหลี่ชิเย่แล้วนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าเขาได้กลับกลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วอย่างนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างมีอารมณ์พลุ่งพล่านต้องการกราบไหว้ขึ้นมาสายหนึ่ง
ภายใต้การครอบคลุมของประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อยเหลือเกิน ทำให้ด้านมืดที่อยู่ภายในใจของผู้คนล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหลบซ่อนได้อีก
นี่คือเคล็ดวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์รึ? ภายใต้การสาดส่องของประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างอดที่จะเงยหน้ามอง รู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นอาบเอิบอยู่ภายใต้ประกายศักดิ์สิทธิ์ ดุจดั่งประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ไหลรินหลั่งอยู่ทั่วตัวของตน เหมือนว่ากำลังชำระล้างความชั่วร้ายที่อยู่ภายในใจของตนให้หมดสิ้น ชำระล้างด้านมืดที่อยู่ภายในใจของตน
ในเวลานี้เอง ภายในใจของผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่มีอารมณ์พลุ่งพล่านอยากจะกราบไหว้ด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่มีความต้องการก้าวให้ถึงจุดที่ตนเองปรารถนาด้วยการถวายตัวเป็นศิษย์ภายใต้หลี่ชิเย่ เหมือนว่าภายใต้การครอบคลุมของประกายศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้แล้ว สามารถทำให้ผู้คนกลับคืนสู่ความเป็นจริง
ไม่ นี่หาใช่เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์อะไร ในเวลานี้ แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสเวลาจะพูดยังต้องลดโทนเสียงลงมามากทีเดียว ลดเสียงลงมาโดยไม่รู้ตัว เหมือนเกรงว่าจะเป็นการรบกวนต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น ประหนึ่งว่าการพูดเอะอะเสียงดังเป็นความชั่วร้ายอย่างหนึ่ง เป็นการไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง
นี่คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ศักดิ์สิทธิ์ บังเกิดความสว่างกลางใจ แสงสว่างสาดส่องไปทั่วอย่างเท่าเทียม ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสลดระดับเสียงลงและพูดขึ้นแผ่วเบา
ผู้คนจำนวนมากต่างรุ้สึกสะดุ้งในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในเวลานี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างหวาดผวากับสิ่งนี้ กระทั่งมียอดฝีมือรุ่นอาวุโสอดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำ เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า นี่มันคือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรแบบไหนกันแน่
ก่อนหน้านี้ หนึ่งความนึกคิดของหลี่ชิเย่กลายเป็นมาร เวลานี้ก็บังเกิดความสว่างกลางใจขึ้นอีก ไม่ว่าจะหนึ่งความนึกคิดเป็นมารก็ดี หรือหนึ่งความนึกคิดกลับกลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็ช่าง ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ ภายใต้หนึ่งความนึกคิดของหลี่ชิเย่ทั้งสิ้น ช่างสบายๆ และง่ายดายอะไรอย่างนั้น
กล่าวสำหรับมนุษย์ปุถุชนบนโลกแล้ว การเป็นมารก็ดี เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็ช่าง ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความเพียรพยายามอย่างยากลำบากจึงสามารถประสบผลสำเร็จ แต่ว่า ทุกสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับหนึ่งความนึกคิดของหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง
สิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเช่นใด เหมือนว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรลักษณะเช่นนี้สามารถกลับกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่ความนึกคิดของหลี่ชิเย่เท่านั้น จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรลักษณะเช่นนี้คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรลักษณะเช่นใดกันแน่? มันช่างเป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่น่ากลัวเช่นใดดวงหนึ่ง?
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองบนตัวของหลี่ชิเย่ไม่พวยพุ่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป แต่เป็นการโปรยปรายแสงศักดิ์สิทธิ์อันรุ่งโรจน์ นาที่นี้แสงศักดิ์สิทธิ์อันรุ่งโรจน์ที่โปรยปรายลงมายังโลกมนุษย์ เหมือนว่าทั่วทุกมุมโลกบนโลกมนุษย์ล้วนแล้วแต่ได้รับการประดับประดาด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันรุ่งโรจน์เช่นนี้
ภายใต้การประดับประดาของแสงศักดิ์สิทธิ์อันรุ่งโรจน์เช่นนี้ โลกมนุษย์ทั้งหมดดูจะสว่างไสวอะไรอย่างนั้น ทำให้ความมืดมิดทั้งหมดบนโลกมนุษย์ล้วนแล้วแต่ไร้ที่หลบซ่อน และไม่สามารถหนีไปไหนได้
ในขณะนี้ แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่มีการพวยพุ่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่ได้มีความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามอีกต่อไป เวลานี้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเขาเหมือนกลับกลายเป็นอ่อนโยนเป็นพิเศษ ละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ
แต่ว่า การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ชิเย่ต้องอ่อนแอลงเพราะสิ่งนี้ ตรงกันข้าม ภายใต้การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ชิเย่กลับกลายเป็นลึกล้ำยากจะหยั่งถึงมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นสิ่งชุ่มชื่นละเอียดและปราศจากเสียงใดๆ ไม่เหมือนดั่งเมื่อครู่ที่น่าเกรงขาม และมีท่าทีที่ยิ่งใหญ่เช่นเมื่อครู่
แต่ทว่า ภายใต้การหล่อเลี้ยงด้วยความละเอียดและไร้เสียงเช่นนี้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ชิเย่กลับกลายเป็นอยู่ไปทุกที่ โปรยปรายลงบรผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้ว ทุกมุมบนโลกมนุษย์ สุดท้าย เหมือนว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ของเขาคล้ายหลอมรวมเข้าไปในวันเวลา หลอมรวมเข้าไปทั่วโลก เหมือนว่าทั่วทั้งโลกล้วนแล้วแต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ในเวลานี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ได้รับผลกระทบ ผู้คนจำนวนไม่น้อยเหมือนว่าถูกประกายศักดิ์สิทธิ์จุดติดความสว่างภายในใจขึ้นมา ถึงกับคุกเข่าสองข้างลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัวด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง และก้มกราบลงกับพื้นต่อหลี่ชิเย่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง เสมือนหนึ่งได้ถวายตัวเป็นสาวกของหลี่ชิเย่อย่างนั้น
ด้วยพลังศักดิ์สิทธที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิทั้งหมดล้วนแล้วแต่ รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ภายใต้พลังศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ หลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องกระดิกแม้กระทั่งนิ้วมือก็เพียงพอที่ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากวางอาวุธยอมแพ้ คุกเข่าอยู่แทบเท้าของหลี่ชิเย่
นี่แหละคืออาวุธที่ไม่ต้องรบและทำให้ผู้คนต้องสยบอย่างแท้จริง พลังที่น่ากลัวเช่นนี้สามารถชำระล้างคนๆ หนึ่งให้บริสุทธิ์ได้อย่างสิ้นเชิง กลายเป็นสาวกของตนเอง
ไม่รู้ว่ามีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่ต้องใจหายใจคว่ำเมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว อดที่จะสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะนี้นี่เอง เสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น คำสาบชั่วร้ายสายสุดท้ายที่ซ่อนอยู่ในโลก ก็ถูกประกายศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ชิเย่ชำระล้างจนบริสุทธิ์
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่คำสาปชั่วร้ายถูกชำระล้างจนบริสุทธิ์ทั้งหมดแล้ว ทหารนับล้านของกองทัพส่วนกลางในค่ายกลทยอยกันเผยโฉมออกมา
ในเวลานี้ ภูเขาทุกๆ ลูกในเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่เห็นเป็นเงาคนเต็มไปหมด ทุกหนแห่งล้วนแล้วแต่เป็นทหารของกองทัพส่วนกลาง
แต่ว่า ในเวลานี้ภาพที่น่ากลัวได้เกิดขึ้นมาแล้ว ได้ยินเสียงดังปุ ปุ ปุที่เป็นเสียงแตกสลายดังขึ้นเบาๆ เป็นระลอก เสียงแตกสลายแต่ละเสียงไม่ได้ดังกังวานเป็นพิเศษ แต่ทว่า เสียงทุกเสียงดังเข้าไปในรูหู ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงเช่นนี้
อ๊ากกก…อ๊ากกก…อ๊ากกก…ในขณะที่เสียงแตกสลายแต่ละเสียงดังขึ้นมานั้น ปรากฎเสียงร้องน่าเวทนาแต่ละเสียงดังก้องสะท้อนทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซาน เป็นเสียงร้องที่แหลมด้วยความหวาดผวาก่อนตายของทหารนับล้านของกองทัพส่วนกลาง
ท่ามกลางเสียงแตกสลายดังปุ ปุ ปุขึ้นมาเป็นระลอกนั้น ทหารแต่ละคนของกองทัพส่วนกลางเริ่มแตกสลาย ร่างของพวกเขาพลันแตกละเอียดจนกลายเป็นหมอกเลือดไป
ทหารที่ยังคงมีชีวิตอยู่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เมื อมองเห็นพรรคพวกที่อยู่ข้างกายร่างแตกสลายกลายเป็นหมอกเลือดไปทีละคนๆ อดที่จะร้องเสียงแหลมดังออกมาด้วยความหวาดผวา ดังนั้น ในเวลานั้น เสียงอ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกกที่เป็นเสียงแหลมดังชวนหวาดผวาดังก้องไปทั่วเขาจิ่วเหลียนซาน เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเป็นระลอก ทำให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง
แต่ว่า ไม่ว่าทหารเหล่านี้จะร้องเสียงแหลมออกมาเช่นใดก็ตาม และหรือหันหลังวิ่งหนีไปทันที แต่ก็หนีไม่พ้นชะตากรรมที่ต้องถูกทำให้แตกสลายไปได้ ภายใต้พลังที่น่ากลัวสะท้อนกลับ ได้ยินเสียงปุ ปุ ปุดังขึ้นสลับไม่มีหยุด เสมือนหนึ่งเป็นเสียงของถั่วที่ถูกบีบจนปริแตกละเอียดอย่างนั้น
สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ลงมือ เมื่อคำสาปของพวกเขาไม่สามารถสังหารหลี่ชิเย่ พลังที่น่ากลัวก็จะหันไปบดขยี้บนตัวของพวกเขา พลันทำให้พวกเขาแตกสลายกลายเป็นหมอกเลือดในทันที ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหนีเคราะห์กรรมนี้ได้พ้น
ภายในระยะเวลาอันสั้น กองทัพส่วนกลางทั้งกองทัพก็ล่มสลาย ทหารนับล้านถูกทำให้แตกสลายกลายเป็นหมอกเลือดภายในระยะเวลาอันสั้น ในเวลานี้หมอกเลือดได้ตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน ทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือดที่หนาแน่นอย่างยิ่ง
เมื่อเวลาผ่านไปนาน บนยอดไม้ล้วนแล้วแต่ปรากฏเป็นหยดเลือด โดยที่เลือดแต่ละหยดมาจากการรวมตัวกันของหมอกเลือด ภาพเช่นนี้ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก เหมือนท้องฟ้าได้มีฝนเลือดตกลงมาอย่างนั้น ทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่เปียกแฉะไปด้วยฝนเลือด ทำให้ต้นไม้ ช่องว่างระหว่างเขาของเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ได้รวบรวมหมอกเลือดเอาไว้
กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นยิ่งลอยเข้ามาปะทะใบหน้า ทำให้ผู้คนต้องสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้
แหวะ… มีผู้ที่ไม่สามารถรับได้กับภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ และผู้ที่ได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นเช่นนี้แล้วถึงกับคลื่นไส้ ในเวลานี้จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เกิดอาเจียนขึ้นมา
นี่มันคือกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านเลยนะ ทหารอันเกรียงไกรนับล้านบทจะมลายสิ้นไปก็มลายไปในชั่วพริบตาเดียว เลือดสดๆ ของพวกเขาย้อมเขาจิ่วเหลียนซานจนแดงฉานไปทั่ว ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวมากเพียงใด มันคือชีวิตตัวเป็นๆ ของทหารนับล้านเลยนะ มลายสิ้นไปในชั่วพริบตาเดียว ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน
ไม่… ในเวลานี้ หม่าหมิงชุนที่ได้สติกลับมาแล้วร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อเห็นกองทัพนับล้านล่มสลายไปในชั่วพริบตาเดียว
ในขณะนี้ หม่าหมิงชุนได้ตื่นจากความคิดที่ต้องการแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง มองดูกองทัพนับล้านพลันหายวับไปกับตาในทันที ชีวิตคนเป็นๆ นับล้านมลายหายไปในลักษณะเช่นนี้ ทำให้เขาปวดใจจนต้องร้องเสียงแหลมขึ้นมา
แต่ว่า ในเวลานี้ ทหารแต่ละคนที่ติดตามเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลั่งเลือดสมรภูมิรบมาต้องแตกสลายไปทั้งหมด โดยไม่มีเหลือดรอดเลยแม้แต่คนเดียว ภาพเช่นนี้คล้ายเอามีดปลายแหลมเล่มหนึ่งปักลงตรงหัวในของเขาอย่างแรง
ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางกองทัพนับล้านนี้ ส่วนที่เป็นกองกำลังตระกูลหม่าที่เกรียงไกรล้วนแล้วแต่อยู่ในนั้น ลูกหลานตระกูลหม่าของเขาได้มอบชีวิตทั้งหมดอยู่ในมือเขาจำนวนเท่าไร แต่ เวลานี้พวกเขาทั้งหมดแตกสลายไปสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ซาก
หม่าหมิงชุนที่อยู่กับการแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งได้ตื่นขึ้นมา พลันตระหนักได้ว่าตนเองได้ทำเรื่องที่บ้าคลั่ง โหดร้ายทารุณ และเห็นแก่ตัวเช่นใดเรื่องหนึ่ง ดังนั้น เขาอดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาไม่ได้
ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้และจ้องมองไปที่หม่าหมิงชุน ในขณะนี้ หม่าหมิงชุนถูกหลี่ชิเย่อาศัยนิ้วๆ หนึ่งสะกดเอาไว้ ถึงกับทำให้เขารอดชีวิตมาได้
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หม่าหมิงชุน กองทัพส่วนกลางไม่คงอยู่อีกแล้ว นั่นเป็นเพราะความที่หม่าหมิงชุนต้องการแก้แค้นส่วนตัวทำให้เกิดขึ้น
สมควรทราบว่า กองทัพส่วนกลางคือกองทัพที่ประกอบด้วยไพร่พลนับล้านเลยนะ เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในยุคปัจจุบัน เคยเกรียงไกรไปทั่วหล้า มีชื่อเสียงที่โด่งดัง
แต่ เป็นเพราะหม่าหมิงชุนต้องการแก้แค้นส่วนตัว ทำให้กองทัพนับล้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังต้องมาหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่คงอยู่อีกต่อไป
อาจกล่าวได้ว่า ในประวัติศาสตร์ของกองทัพส่วนกลางนั้น โทษของหม่าหมิงชุนไม่อาจอภัย ต่อให้ต้องตายหมื่นครั้งก็ยังไม่สาสม คือคนบาปของกองทัพทั้งกองทัพ
แต่ทว่า เรื่องราวมาถึงตอนนี้ทุกอย่างเป็นที่แน่นอนแล้ว ต่อให้หม่าหมิงชุนสำนึกผิดก็ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด ทุกอย่างเล่นกันจนจบเกมไปแล้วไม่อาจหวนคืนกลับมาเริ่มต้นใหม่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกใหม่อีกครั้ง
ในเวลานี้ ต่อให้หม่าหมิงชุนรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้งก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทุกอย่างได้จบสิ้นไปแล้ว
เวรกรรมนะเนี่ย ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว ทอดถอนใจออกมาด้วยความหดหู่และกล่าวว่า เพื่อกิเลสส่วนตัวของคนๆ หนึ่ง ทำลายกองทัพทั้งกองทัพ หม่าหมิงชุนคือคนบาปของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นะเนี่ย
ทุกคนต่างไม่พูดอะไรออกมา เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หม่าหมิงชุนก็นับว่าหาเรื่องใส่ตัวเอง
…………………………………………………………