ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2549 อกตัญญู
ตอนที่ 2549 อกตัญญู
ครั้นพวกของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเอ่ยถึงเชือกเก้าเซียนอีกครั้ง ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากล้วนแล้วแต่มองเห็นหลี่ชิเย่ได้เชือกเก้าเซียนมากับตาตนเอง แต่ทว่า ทุกคนกลับไม่รู้ว่าเจ้าเชือกเก้าเซียนเส้นนี้ที่ว่ามันมีอานุภาพเช่นใด มีความปาฏิหาริย์เช่นใดกันแน่
แต่ทว่า เวลานี้สี่ยอดปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดร่วมมือพากันมาด้วยกัน สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่เชือกเก้าเซียนเท่านั้นเอง สิ่งนี้นอกจากเป็นที่เหนือความคาดคิดของทุกๆ คนแล้วก็ทำให้รู้สึกตกใจขึ้นในใจของผู้คน
ลองนึกภาพดู เฉกเช่นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้น ความแค้นระหว่างพวกเขาเรียกได้ว่าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แต่ว่า ขอเพียงหลี่ชิเย่ยอมมอบเชือกเก้าเซียนออกมา พวกเขาถึงกับยอมละทิ้งความแค้น กระทั่งสนับสนุนให้หลี่ชิเย่ได้ปกครองแผ่นดิน กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้
ในเวลานี้เอง ผู้คนจำนวนมากจึงตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า เชือกเก้าเซียนนั้นมีความล้ำค่ามากกว่าที่พวกเขาคิด มีความสำคัญมากกว่าที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้
พวกโต้วจ้านหวงไม่ได้มาด้วยเรื่องของฮ่องเต้องค์ใหม่ กระทั่งยินดีก้มหัว และสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ขณะที่พวกเขาร่วมกันยกพวกมาที่นี่เพียงเพราะด้วยเรื่องของเชือกเก้าเซียนเท่านั้น
ในเวลานี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ผู้คนจำนวนไม่น้อยแอบมองตากันและกันทีหนึ่ง เชือกเก้าเซียนเส้นนี้มันมีความแข็งแกร่งเช่นใดนะ? หรือว่าแกร่งยิ่งกว่าอาวุธปฐมบรรพบุรุษเสียอีกอย่างนั้นรึ?
แม้ว่าผู้คนจำนวนมากต่างก็ได้เห็นเชือกเก้าเซียนมากับตา แต่ในความทรงจำของผู้คนจำนวนมากนั้น เชือกเก้าเซียนเส้นนี้เป็นเพียงเชือกป่านเก่าๆ เส้นหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้มีสิ่งใดสมควรจะเป็นสิ่งล้ำค่าได้
ในเวลานี้ ทุกคนต่างทยอยกันมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการดูว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะตัดสินใจเลือกอย่างไร จะอย่างไรเสียในสายตาของคนบางคนมองว่า อาศัยเชือกเก้าเซียนเส้นหนึ่งสามารถแลกได้กับการศิโรราบและสนับสนุนจากแคว้นว่านเจิ้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย และกล่าวตามอารมณ์ว่า พวกเจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว และมองตัวเองว่าสำคัญเกินไป ข้าคิดอยากจะบัญชาใต้หล้า ครอบครองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยังต้องให้ตาเฒ่ากลุ่มหนึ่งเช่นพวกเจ้าเห็นด้วยอย่างนั้นรึ? ยังจำเป็นต้องให้พวกเจ้ามาสนับสนุนด้วยหรือ? พวกเจ้าเข้าใจว่าข้าจำเป็นต้องอาศัยพวกเจ้าจริงๆ อย่างนั้นรึ? พวกเจ้าก็เป็นแค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง
การที่หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยเช่นนี้ อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า ก้มมองดูเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย พลันที่พูดคำพูดนี้ออกมา ทำให้สีหน้าของพวกโต้วจ้านหวงดูไม่จืดถึงขีดสุด จะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
เรียกได้ว่า หากพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกัน บวกกับท่าไม้ตายที่อยู่ในมือของพวกเขา เกรงว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คงไม่มีใครสามารถต่อกรได้ ในครั้งนั้น ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ก็หวั่นเกรงการร่วมมือของพวกเขาเช่นกัน กลัวว่าหากบีบคั้นมากเกินไปแล้วพวกเขาจะเสกเอาท่าไม้ตายออกมา
ฮึ…ในเวลานี้เอง ปิงฉือเจี๋ยจุน ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา อาวุธที่อยู่บนศีรษะของเขาได้พวยพุ่งอานุภาพที่น่ากลัวขึ้นมา นี่คืออาวุธราชันแท้จริงที่ทรงพลังอย่างยิ่งของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือนั่นก็คือไป่พั่ว
ปิงฉือเจี๋ยจุนกล่าวท่าทีเย็นชาว่า ฝ่าบาท อย่าทำร้ายตัวเองเลย ถอยก้าวหนึ่งฟ้าสูงทะเลกว้างไกล อนาคตท่านไร้ขีดจำกัด ที่พวกเราเรียกร้องไม่ได้เกินเลย เพียงต้องการหาวิธีเพื่อเป็นประกันให้กับสรรพสิ่งมีชีวิต และใต้หล้าเท่านั้นเอง วันนี้ฝ่าบาทมอบเชือกเก้าเซียนออกมา อนาคตมันก็จะต้องคืนกลับไปยังฝ่าบาท
ท่านบรรพบุรุษ อย่าได้เป็นศัตรูกับฝ่าบาท ทำร้ายตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ อย่าได้ผลักไสให้ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือตกลงไปสู้เหวลึกไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย จังหวะที่ปิงฉือเจี๋ยจุนพูดขาดคำ ปิงฉือหานยวี่ก็พูดขึ้นมา และส่ายหน้ากับปิงฉือเจี๋ยจุน
การที่ปิงฉือหานยวี่พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเหนือความคาดคิด ผู้คนจำนวนมากไม่นึกเลยว่า ณ เวลานี้ ปิงฉือหานยวี่ยังคงยืนอยู่ข้างฝ่ายของหลี่ชิเย่
นังหนู อย่าได้ถูกข่มขู่ พวกเราอยู่กันที่นี่ย่อมให้การสนับสนุนเจ้า และทวงความยุติธรรมคืนมา ปิงฉือเจี๋ยจุนกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า มายืนอยู่ด้านหลังของข้า เพื่อไม่ให้ต้องถูกลูกหลง
ในเวลานี้ ปิงฉือเจี๋ยจุนยังคงเข้าใจว่าปิงฉือหานยวี่นั้นถูกกหลี่ชิเย่ข่มขู่และบังคับ จึงหวาดหวั่นในใจ
ไม่ ปิงฉือหานยวี่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า ข้าทำไปเพื่อตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ท่านบรรพบุรุษยังคงกลับไปเถอะ การอยู่รับใช้ข้างกายฝ่าบาทคือเกียรติของข้า
ปิงฉือหานยวี่ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะติดตามหลี่ชิเย่ ซึ่งอยู่เหนือความคาดคิดของทุกคน และทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง ฝีมือของฮ่องเต้องค์ใหม่นับว่ายอดเยี่ยมมาก แค่ช่วงคืนเดียวสั้นๆ ก็ทำให้ปิงฉือหานยวี่รักอย่างสุดจิตสุดใจ นับว่าเยี่ยมยอดมาก
ฮึ…ปิงฉือเจี๋ยจุนนึกไม่ถึงเลยว่าปิงฉือหานยวี่จะอกตัญญูต่อตนเอง เขาส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา
เด็กสาวผู้หนึ่งยังมองการณ์ไกลได้มากกว่าฝูงตาเฒ่าอย่างพวกเจ้า หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและหัวเราะกล่าวว่า ดูท่าพวกเจ้าที่มีอายุถึงปานนี้ เรียกว่าไร้ความสามารถเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง
พวกของโต้วจ้านหวงถึงกับมีสีหน้าทีแปรเปลี่ยนไป เฉกเช่นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือยิ่งมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
ฝ่าบาท พวกเราพกเอาความจริงใจมา เวลานี้โต้วจ้านหวงได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า พวกเรายินดีให้การสนับสนุนฝ่าบาท ยินดีรับใช้ฝ่าบาท และยินดีได้เห็นฝ่าบาทกุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แต่ เชือกเก้าเซียนนั้นเกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เกี่ยวพันถึงการอยู่รอดหรือล่มสลายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เกี่ยวพันถึงความสุขของราษฎรทั่วหล้า ดังนั้น หวังว่าฝ่าบาทจะไตร่ตรองให้รอบคอบ…
ข้าไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ หลี่ชิเย่โบกมือตัดบทคำพูดของโต้วจ้านหวง ยิ้มตามอารมณ์และกล่าวว่า ขณะนี้ ไม่ใช่เวลาที่พวกเจ้าจะมาให้ข้าเลือก แต่เป็นข้าที่ให้พวกเจ้าต้องเลือก เวลานี้พวกเจ้ามีทางเลือกอยู่เพียงสองทาง ไม่ก็คุกเข่าลงกับพื้นและยอมศิโรราบเดี๋ยวนี้ ไม่ก็ให้ข้าตัดหัวของพวกเจ้ามาเป็นโถปัสสาวะ ไม่สิ เอาหัวของพวกเจ้ามาเป็นโถปัสสาวะยังไม่สามารถขับฐานะของข้าให้เด่นขึ้นมา
สีหน้าของพวกโต้วจ้านหวงดูไม่จืดถึงขีดสุด เมื่อหลี่ชิเย่ได้พูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา พวกเขาอยู่ในฐานะสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ หมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน แม้แต่ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ก็ไม่กล้าพูดเช่นนี้กับพวกเขา เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างแรง
ต่อให้เป็นรูปปั้นก็มีอารมณ์อยู่บ้าง ย่อมไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่สูงเด่นอย่างเช่นพวกเขา
ฝ่าบาท ท่านใช้วาจายกตนข่มท่านเช่นนี้ เป็นการบีบบังคับให้พวกเราลงมือนะเนี่ย ในเวลานี้ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานก็อดที่จะส่ายหน้าและเอ่ยขึ้น
ท่านบรรพบุรุษ นี่คือการตัดสินใจที่ผิดพลาด จังหวะที่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานพูดจบ เสียงที่ใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดั่งเทพธิดาปรากฎตัวขึ้นที่เขาจิ่วเหลียนซาน
‘เทพธิดาฉิน’ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากบนเขาจิ่วเหลียนซานทยอยกันหันไปมอง ต่างรู้สึกตื่นตระหนกในใจ เมื่อมองเห็นฉินเจี้ยนเหยา
ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าฉินเจี้ยนเหยาจะปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ อีกทั้งฉินเจี้ยนเหยาดูจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวาน ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ
มีผู้ที่กระซิบขึ้นมาเบาๆ ว่า วันนี้เป็นอะไรไปแล้ว? เริ่มจากปิงฉือหานยวี่ทำอกตัญญูต่อปิงฉือเจี๋ยจุน เวลานี้ก็มีฉินเจี้ยนเหยาที่คัดค้านปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตน นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดของผู้คนเหลือเกิน
สมควรทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตาม เฉกเช่นปิงฉือเจี๋ยจุนที่เป็นถึงปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด พวกเขามีฐานะที่สูงสุดในสำนักของตน กลุ่มคนรุ่นใหม่ต่อให้มีพรสวรรค์ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งกว่านี้ ต่างไม่กล้าอกตัญญูต่อบรรพบุรุษของตน มันเป็นเรื่องอกตัญญูอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักใหก็ตาม ล้วนแล้วแต่หวาดกลัวกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
เจี้ยนเหยา อย่าได้พูดเพ้อเจ้อ รีบไปยืนอยู่ด้านหลัง สีหน้าของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานเปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ฉินเจี้ยนเหย้าส่ายหน้า และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า ท่านบรรพบุรุษ ฝ่าบาทคือฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ควบคุมอำนาจใต้หล้า เป็นที่เคารพนับถือของทั่วหล้า วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเตาก็ควรยึดถือปฏิบัติตามกฎเดิม สวามิภักดิ์ฝ่าบาท อย่าได้อกตัญญู ท่านบรรพบุรุษ เพื่อสำนักแล้วควรหยุดเสียเดี๋ยวนี้ยังทัน
พลันที่ฉินเจี้ยนเหยาพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันกัน ทุกคนต่างก็งงงันไปนิดหนึ่ง การอกตัญญูบรรพบุรุษเป็นเรื่องที่สำนักใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่หวั่นเกรงยิ่งนัก
เวลานี้ ฉินเจี้ยนเหยากล่าวหาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของสำนักตนต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าว่าทำไม่ถูกต้อง ช่างเป็นการทำให้ปรมาจารย์ของสำนักตนปราศจากทางลงเช่นใด เป็นการอกตัญญูชัดๆ
แม้จะกล่าวว่าฉินเจี้ยนเหยาคือยอดอัจฉริยะบุคคลที่หยิ่งยโสของวัดจิ้งเหลียนกวานก็ตาม แต่จะอย่างไรเสียก็คือผู้เยาว์ ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถบงการสถานการณ์ของสำนักตนได้ เวลานี้นางถึงกับอกตัญญูถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงไม่สามารถมีที่ยืนในสำนักได้อีก ต่อให้มีผู้อาวุโสของสำนักคิดจะปกป้องนางก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
แหะพี่ท่าน เห็นทีผู้เยาว์ของท่านจะปีกกล้าขาแข็งเสียแล้ว ไม่เห็นปรมาจารย์อย่างท่านอยู่ในสายตาแล้ว ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นถึงกับหัวเราะด้วยเสียงน่าเกลียด เมื่อเห็นฉินเจี้ยนเหยาก้าวออกมาคัดค้านปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตนอย่างเปิดเผย
เจี้ยนเหยา ลงโทษเจ้ากลับไปนั่งสำนึกตน สีหน้าของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานบึ้งตึง ร้องตวาดขึ้นมา
การที่แสดงความอกตัญญูถึงเพียงนี้ ถูกลงโทษแค่นั่งสำนึกตนเรียกได้ว่าเป็นการลงโทษที่เบาที่สุดแล้ว และเป็นการดูออกว่าผู้อาวุโสของวัดจิ้งเหลียนกวานโปรดปรานในตัวของฉินเจี้ยนเหยาเป็นอย่างยิ่ง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น โทษเบาต้องถูกขับออกจากสำนัก โทษหนักคือถูกทำลายวิทยายุทธ
ไม่… สายตาของฉินเจี้ยนเหยาเพ่งตรงไปข้างหน้า ท่าทีหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า ท่านบรรพบุรุษ ที่ข้าทำไปเช่นนี้ก็เพื่อสำนัก เพื่ออาณาประชาราษฎร์ทั่วหล้า วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเราควรคล้อยตามฝ่าบาท เดินตามหลังฝ่าบาท! มิฉะนั้นก็คือเป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ และเป็นศัตรูกับใต้หล้า
เจ้ากบฏแล้ว ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานโกรธจัดจนต้องหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า เจ้าปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ มีความคิดที่เป็นของตนเองแล้ว ดี ดี ดี ข้ากลับต้องการดูว่าเจ้าฝึกปรือฝีมือมาได้กี่ส่วนแล้ว
ถ้าหากท่านบรรพบุรุษดึงดันจะกระทำการเช่นนั้น เจี้ยนเหยาได้แต่ไม่เจียมตัว ต่อให้ต้องหลั่งเลือดที่ตรงนี้ก็ต้องขัดขวางการกระทำเช่นนี้ของท่านบรรพบุรุษ ฉินเจี้ยนเหยากล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา คำพูดของนางเรียกว่าหนักแน่นจริงจังมาก
ท่าทีของฉินเจี้ยนเหยาในเวลานี้แข็งกร้าวมาก นางเคยพูดหว่านล้อมและเตือนปรมาจารย์ของสำนักให้คล้อยตาม เคยตระเวนโน้มน้าวเหล่าบรรพบุรุษให้ยอมรับในความคิดของตน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ นางรู้ว่าการดึงดันจะเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่จะต้องนำมาซึ่งภัยหายนะแก่วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาแน่นอน รากฐานหมื่นยุคของวัดจิ้งเหลียนกวานพวกเขาต้องถูกทำลายในเวลาเพียงวันเดียว ดังนั้น ในฐานะที่เป็นศิษย์ของวัดจิ้งเหลียนกวาน ในฐานะที่เป็นผูสืบทอดของวัดจิ้งเหลียนกวาน นางจะต้องก้าวออกมาทำอะไรบางอย่างเพื่อสำนัก แม้ว่าจะต้องเป็นปฏิปักกับปรมาจารย์ของตน แม้ว่าจะเป็นการอกตัญญูก็ตาม นางก็ต้องทำอะไรบางอย่าง มิฉะนั้นล่ะก็ วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวจริงๆ
ลงมือเถอะ วันนี้ข้าจะสั่งสอนๆ เจ้าให้หลาบจำ จะได้ไม่ทำให้ในใจบังเกิดความโอหังอวดดี ดวงตาทั้งสองของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานดูน่ากลัว และกลิ่นอายอมตะที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุด
ศิษย์อกตัญญู ล่วงเกินแล้ว ฉินเจี้ยนเหยาเหินฟ้าขึ้นไป สีหน้าดูหนักแน่นจริงจัง กอดกระบี่แนบอก
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกงงงันเมื่อได้เห็นภาพนี้ ไม่มีใครนึกว่าเรื่องราวจะพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ได้