ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2553 ลงมือบดขยี้
ตอนที่ 2553 ลงมือบดขยี้
หนึ่งกำแพงเมืองที่เข้ามาปราบปราม ทำลายหมื่นอาณาจักร สามารถปราบปรามเหล่าเทพ หนึ่งกำแพงเมืองทำลายฟ้า อานุภาพราชันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต สรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นเทา เสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น ภายใต้อานุภาพราชันได้แต่หมอบคลานด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก
หนึ่งกำแพงเมืองที่เข้ามาปราบปราม ทำลายหมื่นอาณาจักร สามารถปราบปรามเหล่าเทพ หนึ่งกำแพงเมืองทำลายฟ้า อานุภาพราชันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต สรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นเทา เสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น ภายใต้อานุภาพราชันได้แต่หมอบคลานด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก
หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูมากมายกับหนึ่งกำแพงเมืองที่เข้ามาปราบปราม พลันลงมือด้วยหมัดๆ เดียว ตูมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดทำลายหมื่นวิถีจนแตกละเอียด ทำลายเหล่าชั้นฟ้าจนพังพินาศย่อยยับ ภายใต้หนึ่งหมัดมีเพียงพินาศย่อยยับ ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถเทียบเทียมได้
เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดปะทะซึ่งหน้ากับกำแพงเมืองขนาดยักษ์ เสียงปะทะที่น่ากลัวเสมือนดั่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนพังพินาศย่อยยับ คลื่นเสียงที่พุ่งโจมตีผ่านไป ปรากฎดวงดาวแต่ละดวงถูกทำให้แตกสลาย ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้น หนึ่งหมัดที่ทะลวงเข้าไปตรงๆ อาศัยพลังที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างอย่างง่ายดายทะลุผ่านกำแพงเมือง ท่ามกลางเสียงคร๊ากกกที่ดังขึ้นนั้น กำแพงเมืองขนาดยักษ์แตกละเอียดทั้งด้าน
หมัดนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ภายใต้การทำลายของหมัดหนึ่งหมัด ปิงฉือเจี๋ยจุนที่เดิมขับเคลื่อนกำแพงเมืองยักษ์เพื่อทำการปราบปรามพลันได้รับพลังหมัดที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมในทันที แม้ว่ากำแพงเมืองยักษ์จะทำการต้านพลังหมัดส่วนใหญ่เอาไว้ แต่พลังหมัดที่เหลือยังคงพุ่งโจมตีเข้ามา ยังคงสามารถทำลายฟ้าดินได้ แม้ตัวเขาที่อยู่ในฐานะเทพแท้จริงขั้นอมตะก็ยังคงรับเอาไว้ไม่ได้
ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น แขนทั้งสองของที่ทำการขับเคลื่อนกำแพงเมืองขนาดยักษ์พลันถูกพลังที่ทรงพลังยิ่งพุ่งเข้ากระแทกจนลายเป็นหมอกเลือดไป
ภายใต้พลังปะทะที่ปราศจากผู้ต่อกร เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง ร่างของปิงฉือเจี๋ยจุนถูกพลังกระแทกจนปลิวออกไป ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาโชกไปด้วยเลือด กำแพงเมืองขนาดยักษ์ทั้งด้านแตกละเอียด ไป่พั่วได้กลับคือสู่สภาพดั้งเดิม
หมัดหนึ่งหมัดนี้พุ่งทะลุกำแพงเมืองขนาดยักษ์ ทำลายแขนจนแตกละเอียด ซึ่งเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเอง ช่างรวดเร็วเหลือเกิน
ฆ่า…จังหวะที่หลี่ชิเย่ปล่อยหมัดๆ นั้นออกไปนั้น ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานและโต้วจ้านหวงได้โจมตีเข้ามาพร้อมกัน พลันที่พวกเขาทั้งสองลงมือ ต่างคนต่างสำแดงเคล็ดวิชาจิ่วมี่คนละสองเคล็ดวิชา สี่เคล็ดวิชาสำแดงออกมาพร้อมกัน เป็นภาพที่อลังการอย่างยิ่ง
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ทำลายฟ้าดิน ทำลายหมื่นยุค ภายใต้พลังที่น่ากลัวทุกอย่างแลดูเล็กจิ๋วยิ่งนัก เหมือนว่าด้วยพลังที่น่ากลัวเช่นนี้สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนแตกกระจายในชั่วพริบตา
เสียงปัง…ดังสนั่นขึ้นมา มองเห็นโต้วจ้านหวงเสกเอากระบองขึ้นมาอันหนึ่ง เสมือนดั่งมังกรยักษ์ที่ยึดครองพื้นที่อยู่และส่งเสียงคำรามไม่หยุด กลิ่นอายมังกรที่น่ากลัวครอบคลุมอาละวาดฟ้าดิน สองเคล็ดวิชาจิ่วมี่พวยพุ่งเป็นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ดั่งคลื่นยักษ์ออกมา ทำการเคลือบตัวทั้งตัวของเขาจนแลดูมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งไม่สามารถล่วงละเมิดได้
ตึงเสียงกระบี่คำรามขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานหนึ่งกระบี่ที่ทอดขวางท้องฟ้า เสมือนดั่งหนึ่งกระบี่ประหารฟ้า หนึ่งกระบี่ที่โดดเด่นทำลายวิถีหมื่นยุค หนึ่งกระบี่ที่กวาดผ่านไป ปราบเทพมารตลอดกาล หนึ่งกระบี่ที่เป็นใหญ่ใช้อำนาจบาตรใหญ่นับแต่อดีตเป็นต้นมา
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานยืนตระหง่านท่ามกลางฟ้าดินภายใต้สองเคล็ดวิชาจิ่วมี่ เสมือนหนึ่งเขาเป็นผู้ควบคุมจักรวาล และสรรพสิ่ง
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งกระบองที่ฟาดเข้ามา ทำลายทุกอย่างจนแตกละเอียด ตึง…เสียงกระบี่คำราม หนึ่งกระบี่ที่สังหารเด็ดขาด ขาดซึ่งทายาทและไร้ความปราณี
หนึ่งกระบี่หนึ่งกระบองโจมตีขนาบหน้าหลัง สังหารเด็ดขาดและพาล เข่นฆ่าสิ้นทุกสรรพชีวิต ภายใต้การสังหารเด็ดขาดที่น่ากลัว สรรพชีวิตล้วนแล้วแต่สิ้นหวัง หมดสิ้นเรี่ยวแรงไปต่อต้าน มีเพียงยื่นคอไปรอคอยให้ถูกเชือด
การลงมือของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสองมันช่างมีอานุภาพที่น่ากลัวเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสองนี้คือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทั้งสองคนต่างก็ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาคนละสองเคล็ดวิชา พลันที่พวกเขาลงมือเพียงพอที่จะปราบใต้หล้าให้ราบคาบ ปราบเหล่าชั้นฟ้าให้สยบ
อย่าว่าแต่ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เลย แม้แต่ทั่วแดนลัทธิราชันก็มีอยู่ไม่กี่คนที่คู่ควรให้พวกเขาทั้งสองต้องลงมือพร้อมกัน
“มันก็แค่นี้เอง” หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา เมื่อต้องเผชิญกับหนึ่งกระบี่และหนึ่งกระบองที่สังหารเด็ดขาด ยกเท้าฟาดลงแบบง่ายๆ ตรงๆ ฟาดเข้าหากระบองอย่างแรง
ในขณะเดียวกัน หนึ่งฝ่ามือตามอารมณ์ฟาดไปยังกระบี่ เหมือนว่าสามารถฟาดให้จักรวาลทั้งจักรวาลลอยไปตามแรงในพริบตาเดียว ฟาดฟ้าดินจนแหลกละเอียดได้
ทั้งโต้วจ้านหวง และปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานต่างอดรู้สึกหวาดผวาไม่ได้ เมื่อหนึ่งเท้าหนึ่งฝ่ามือที่ฟาดเข้ามา
ปัง…ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าดินแต่ละเสียงที่ดังขึ้น หนึ่งเท้าที่ฟาดลงมานั้น ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง โต้วจ้านหวงพลันถูกฟาดจนร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าสูง กระแทกเข้ากับพื้นพสุธา ภูเขาที่สูงมากยากจะหาใดเทียมถูกชนกระแทกเข้าจนแหลกละเอียดไปในทันที กลายเป็นหุบเหวที่มีความลึกนับหมื่นจ้างขึ้นมา
หนึ่งฝ่ามือที่ฟาดเข้าไป ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานถูกฟาดจนปลิวออกไปทั้งคนทั้งกระบี่เสมือนดั่งดาวตกที่แวบผ่านไปและหายไปในเส้นขอบฟ้า จังหวะที่ถูกฟาดจนลอยออกไปในพริบตาเดียวนั้น เขาได้กระอักเลือดออกมาอย่างแรง ทำให้เลือดสดๆ เสมือนดั่งสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้าไป
โต้วจ้านหวงถูกฟาดจนจมหายเข้าไปใต้พื้นดินในชั่วพริบตาเดียว ส่วนปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานถูกหนึ่งฝ่ามือฟาดเข้าให้จนกลายเป็นดั่งดาวตกหายไปยังเส้นขอบฟ้า
อาศัยหนึ่งฝ่ามือหนึ่งเท้าก็เอาชนะปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดถึงสองคน นี่คือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาสองเคล็ดวิชานะเนี่ย กลับอ่อนแอเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ยังอยู่ในสภาพของมือเปล่า มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น
ทุกคนต่างอ้าปากกว้าง และไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานานในขณะนี้ เมื่อได้เห็นภาพนี้
ทุกคนต่างก็เคยเห็นความพาลและปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ก่อนหน้านี้มาแล้ว เขาเคยอาศัยหนึ่งเท้าสังหารหม่าหมิงชุน แต่ทว่า เวลานี้ดูจะพาลและปราศจากผู้ต่อกรยิ่งกว่า หนึ่งฝ่ามือหนึ่งเท้าก็เอาชนะโต้วจ้านหวง และปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานได้แล้ว
สมควรทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นโต้วจ้านหวงหรือปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานก็ตาม ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าหม่าหมิงชุนมากมาย มากมายเหลือเกิน พวกเขาไม่ใช่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่อยู่ในระดับเดียวกันอยู่แล้ว
ในขณะนี้ ทุกคนถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวจนไม่อาจเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน ปากที่อ้ากว้างนั้นล้วนสามารถเอาไข่เป็ดฟองโตๆ ยัดเข้าไปได้ฟองหนึ่ง
ภาพเช่นนี้อยู่ในความคาดคิดของพวกมังกรทองแปดแขน พวกเขาได้เคยลิ้มลองถึงความน่ากลัวของหลี่ชิเย่มาแล้ว เฉกเช่นพวกเขาที่เป็นยอดฝีมือเช่นนี้ หลี่ชิเย่ก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้ภายใต้หนึ่งเท้าหนึ่งหมัดได้อยู่แล้ว ในสายตาของผู้อื่น พวกเขาคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยโสโอหังอย่างยิ่ง แต่ทว่าเมื่ออยู่ในมือของหลี่ชิเย่ พวกเขาก็เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึง
“ไม่เจียมตน” ปิ้งจวินเพียงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
ภายในใจของปิ้งจวินนั้นชัดเจนว่า ต่อให้เป็นหนึ่งหมัดหนึ่งเท้า หลี่ชิเย่ก็ยังคงไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ถ้าหากเขาใช้พลังเต็มที่ล่ะก็ แค่หนึ่งกระบวนท่าก็สามารถสังหารพวกของโต้วจ้านหวงได้
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ดำรงอยู่ในระดับชั้นเดียวกันอยู่แล้ว แม้ว่าพวกของโต้วจ้านหวงจะเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ แต่ว่าหลี่ชิเย่นั้นเริ่มต้นด้วยระดับของปฐมบรรพบุรุษ อีกทั้งอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิเซียน!
สามารถจินตนาการได้ว่า ช่วงห่างระหว่างนี้มันช่างน่ากลัวเช่นใด ภายใต้ช่วงห่างลักษณะเช่นนี้ ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ว่าเรียกว่าอ่อนจนไม่อาจรับมือได้อยู่แล้ว
“ช่าง ช่าง ช่างน่ากลัวมากเหลือเกิน” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้คนจำนวนมากจึงค่อยๆ ได้สติคืนกลับมา เมื่อนึกถึงพวกของโต้วจ้านหวงที่ดูอ่อนไม่สามารถรับมือได้ พวกเขาต่างอดที่จะสั่นเทิ้มด้วยความกลัวไม่ได้ อดที่จะผวาดผวาจนขนลุกซู่ ในเวลานี้ แม้แต่ระดับบรรพบุรุษ ขาทั้งสองข้างของพวกเขาก็ดูจะไม่เอาไหนสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับศิษย์คนอื่นๆ ได้ถูกทำให้ตกใจจนทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นด้วยความตกใจ
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เนื่องจากในสายตาพวกเขามองว่า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้า พวกของโต้วจ้านหวงถือว่านอกเหนือจากฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว พวกเขาคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะยืนอยู่จุดสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ อย่างไรก็ตาม มาวันนี้กลับอ่อนจนไม่สามารถรับมือได้เลย แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไรกันเล่า
กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนเท่าไร เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นโต้วจ้านหวงนั้น คือเป้าหมายที่พวกเขาจะต้องพยายามชั่วชีวิต แต่แล้ว เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่อาศัยเท้าๆ เดียวฟาดจมธรณี สิ่งนี้นับว่าส่งผลกระทบหนักมากสำหรับผู้คนไม่รู้จำนวนเท่าไร ทำให้คงเงามืดที่ไม่อาจลบเลือนอยู่ในใจ
“ไร้ความหมายจริงๆ งัดเอาท่าไม้ตายออกมาเถอะ” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในขณะนี้ แม้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งเช่นพวกของโต้วจ้านหวงก็เสมือนดั่งเป็นเพียงมดปลวกแต่ละตัวเท่านั้นเอง แม้ว่าหลี่ชิเย่ในขณะนี้ไม่ได้มีท่าทีที่น่าตระหนกตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็สามารถหมางเมินใต้หล้า ก้มมองดูเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ดำรงอยู่ในฐานะผู้อยู่ในสถานะสูงสุด
กล่าวได้ว่า หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของผู้คนจำนวนมากในขณะนี้ พวกเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองหลี่ชิเย่สักแวบหนึ่ง ไม่แน่นักอาจถูกทำให้ตกใจจนต้องคุกเข่าลงโดยตรง และหมอบกราบอยู่ตรงนั้น
ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น เศษดินแตกกระจาย โต้วจ้านหวงได้พุ่งตัวออกมาจากเศษหินเศษดิน โดยทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลรินลงมา
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานเหินฟ้าเข้ามา และกลับมาจากเส้นขอบฟ้านั่น
ภายในระยะเวลาอันสั้น โต้วจ้านหวง และปิงฉือเจี๋ยจุนทั้งสี่คนต่างกลับมายืนอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ต่างคนต่างยึดพื้นที่แห่งหนึ่งเอาไว้ ยังคงมีลักษณะที่ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้
เพียงแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ในเวลานี้พวกเขาดูกระเซอะกระเซิงยิ่งนัก พวกเขาต่างมีรอยเลือดเต็มตัว ล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บกันมาหนักบ้างเบาบ้าง สมควรทราบว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น พวกเขาทั้งสี่ล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่
ภาพเช่นนี้หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง เรียกได้ว่าไม่อาจให้คนเชื่อได้
ในเวลานี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความจริงจังและหนักแน่นอย่างยิ่ง ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทุกนต่างรู้สึกว่าหายใจไม่ออก หลี่ชิเย่เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง แต่ทว่า เขาได้สยบทุกคนเอาไว้แล้ว ทุกคนต่างรู้สึกว่าขาข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่ได้เหยียบอยู่บนอกของตน โดยที่ตนเองนั้นไม่สามารถขัดขืนและกระดิกตัวไม่ได้ กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่มีความกล้าแม้แต่จะต่อต้านด้วยซ้ำ
อย่าว่าแต่พวกเขาแลย แม้แต่พวกของโต้วจ้านหวงยังต้องมีสีหน้าที่ขาวซีด พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ โดยพวกเขามองว่าต่อให้หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากไปกว่านี้ แม้ว่าระหว่างกันจะห่างไกลกันมากก็จริง เมื่อพวกเขาทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน ชั่วดีอย่างไรก็ต้องต้านเอาไว้ได้แปดหรือสิบกระบวนท่า อย่างไรก็ตาม พวเขาต้านไม่ได้กระทั่งสองหรือสามกระบวนท่า สร้างความสะเทือนหวั่นไหวแก่พวกเขามากมายเหลือเกิน ทำให้ภายในใจของพวกเขาถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออก
“น่าชมเชยในความกล้าหาญ” หลี่ชิเย่มองดูพวกของโต้วจ้านหวงที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือด ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ในเวลานี้ยังไม่หันหลังวิ่งหนีไป ถึงกับยังคงสามารถมายืนอยู่ตรงหน้าข้า ถึงกับยังคิดที่จะล้อมปราบข้า นับว่าต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างมากเลยทีเดียว”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง แล้วยิ้มกล่าวว่า “แน่นอน ก็เป็นความโง่เขลาอย่างหนึ่ง”
นาทีนี้ พวกของโต้วจ้านหวงต่างนิ่งเงียบ ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครส่งเสียงตอบโต้หลี่ชิเย่สักคน และไม่มีใครแสดงอาการโกรธ เพียงยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ในลักษณะที่ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้เท่านั้น
ก่อนหน้านั้น พวกเขาเคยมีความโกรธที่รุนแรง ภายในใจของพวกเขายังคงมีความหยิ่งทะนงตนในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอยู่ในตัว ยังคงมีความเชื่อมั่นในตนเองในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด
แต่ทว่า ภายใต้หนึ่งหมัดหนึ่งเท้าของหลี่ชิเย่ ได้จัดการทำลายความมั่นใจตนเองของพวกเขาแหลกละเอียดไปโดยสิ้นเชิง!
…………………………………………………………..