ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 104
บทที่ 104
ทหารมากมายพากันพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง พวกเขามีมากกว่า 1 หมื่นนาย ไร้ธงชัยหรืออะไรทั้งนั้น
พวกเขาไม่ใช่ทหารเฟิง แต่เป็นทหารมอร์ฟีสที่กลับมามือเปล่าเพื่อสมทบกับทหารกองทัพหลัก
พวกเขาไม่จัดเตรียมอะไรนานมากนัก และเริ่มทำการโจมตีระลอกที่ 2 ในทันที
อย่างที่มูฉิงได้คาดเดาไว้ พวกมันเริ่มบุกอีกครั้งแล้ว และในครั้งนี้พวกมันก็ใช้กลยุทธ์แยกทหารออกเป็นกองเล็กกองน้อยเพื่อล้อมเมืองเอาไว้ หวังบีบให้พวกเฟิงแห้งตายในเมืองไปเอง และถึงแม้ว่าพวกเฟิงจะมีการป้องกันที่ดีแค่ไหน หากแต่พวกเขาก็แพ้ด้านกำลังพลอยู่ดี พวกเขาไม่สามารถปกป้องเมืองทั้ง 4 ทิศได้ด้วยกำลังทหารที่ต่ำกว่า 5 หมื่นนายไหวหรอก
ทุกคนนอกจากชิวเจิ้นเริ่มตื่นตระหนก สติแตกกันถ้วนหน้า
พวกมอร์ฟีสเริ่มทำการบุกโจมตีทันที
ผู้ฝึกยุทธ์มอร์ฟีสมุ่งหน้าเข้าหาประตูเมืองชายแดนพร้อมด้วยรถกระทุ้งประตู
รถกระทุ้งประตูนั้นถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักมาก และประกอบขึ้นด้วยท่อนซุงหลายท่อน ส่วนด้านนอกปิดไว้ด้วยแผ่นเหล็กหลายแผ่นที่มัดกันไว้ด้วยเชือก ซึ่งเมื่อมันไปถึงประตูเมือง พวกทหารก็จะใช้ท่อนซุงที่ห้อยไว้ตรงกลางกระแทกเข้าไป
เมื่อเห็นแบบนั้น มูฉิงก็ออกคำสั่งให้ธนูยิงเข้าใส่มันทันที
ลูกศรจำนวนมากพุ่งเข้าใส่พวกมอร์ฟีส ฆ่าพวกเขาในทันที แม้แต่รถกระทุ้งก็เต็มไปด้วยลูกธนู ทว่าไม่ทันไรก็มีพวกมอร์ฟีสเข้ามาเสริมทัพใหม่
พวกเขาเหล่านี้เข้ามาพร้อมกับโล่ป้องกันในมือ เพื่อเสริมเป็นกำแพงโล่ปกป้องไม่ให้ลูกธนูเข้าไปโดนคนอื่น
เมื่อรถมาถึงด้านหน้าประตูเมือง ท่อนซุงและก้อนหินบนกำแพงก็ถูกเทลงมาทับพวกมอร์ฟีสเสียจนแหลกเละ ในขณะเดียวกันแม่ทัพมอร์ฟีสก็วิ่งเข้ามาจากด้านหลัง และใช้อาวุธของพวกเขาฟาดฟันท่อนซุงกับก้อนหินพวกนั้น
แม่ทัพมอร์ฟีสพวกนั้นสามารถเปลี่ยนสถานการณ์รบได้อย่างรวดเร็ว พวกทหารโล่ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกธนูอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องหวาดกลัวมีเพียงแค่ท่อนซุงกับก้อนหินแทน เพราะว่ามันหนักเกินไปจนต่อให้ใช้โล่ก็ป้องกันเอาไว้ไม่อยู่
แม่ทัพมอร์ฟีสในชุดเกราะและอาวุธปราณปัดป้องลูกศรเอาไว้ได้ ส่วนของใหญ่เหล่านั้นพวกเขาก็แค่ใช้อาวุธตัวเองฟาดฟันทิ้งไปก็เป็นอันใช้ได้ และด้วยการคุ้มครองจากเหล่าแม่ทัพ มันก็ทำให้พวกเฟิงไม่อาจหยุดยั้งการบุกครั้งนี้ได้อีกต่อไป เมื่อรถมาถึงประตูเมือง ท่อนซุงก็เริ่มขยับเหวี่ยงเข้ากระแทกประตูอย่างหนักหน่วง
ตึง ตึง ตึง !
เสียงกระแทกดังก้องไปทั่วจนกำแพงเมืองสั่นคลอน ทำให้พลทหารเฟิงที่อยู่ด้านบนกำแพงเมืองพากันหวาดกลัว เพราะด้วยกำลังพลอันน้อยนิดของพวกเขาแล้ว มีหรือที่จะหยุดอีกฝ่ายได้ ? ประตูเองก็เริ่มจะพังทลายแล้วด้วย
อีกไม่นานประตูจะต้องแตกออกมาแน่ ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถเข้าไปหยุดพวกมันได้ ทั้งชิวเจิ้น มูฉิง และคนอื่น ๆ บนกำแพงได้แต่แสดงสีหน้าที่กระอักกระอ่วนออกมา
ในช่วงเวลานี้เอง เจียงโมและเจียฉีที่เพิ่งจะเข้ามาร่วมกองทัพได้ไม่นานก็เริ่มใช่วิชาสับเปลี่ยนเงา พวกเขา 2 คนเข้าไปปรากฏอยู่บนหลังคารถกระทุ้งนั่นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเรียกใช้อาวุธและชุดเกราะปราณสีดำ โดยเจียงโมถือดาบ และเจียฉีใช้มีดยาว
ก่อนที่พวกมอร์ฟีสจะทันได้ตั้งตัว ดาบของเจียงโมก็แทงใส่พวกเขาเรียงคนจนล้มตายไป ส่วนทางด้านเจียฉีเองก็ไม่ต่างกัน เขาใช้มีดในมือกระหน่ำแทงไม่ยั้ง
รถศึกเช่นนี้อันตรายเกินไป หากไม่รีบทำลายจะเป็นภัยต่อเมืองแน่ และเมื่อจังหวะที่เขากำลังจะทำลาย มันก็ได้มีหอกพุ่งเข้ามาใส่อย่างรวดเร็ว
เคร้ง !
มันปักทะลุใบดาบของเจียฉีและส่งแรงผลักให้เขากระเด็นออกไป ส่วนพวกทหารมอร์ฟีส 2 นายที่อยู่ข้าง ๆ รถเองก็ถูกดาบฟันเข้ากลางลำตัวไปด้วยเช่นกัน
“อ๊า !” เจียฉีตะลึง เมื่อหันหน้าไปก็เห็นแม่ทัพอีกฝ่ายยืนอยู่ข้างเขา ชายคนนี้อยู่ในชุดเกราะสีทองและในมือถือหอกปราณเอาไว้
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาตวัดดาบกลับไปปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาใส่ศัตรูทันที
แม่ทัพเกราะทองเองก็มีพลังที่แข็งแกร่งเอาเรื่องเช่นกัน เขายกหอกในมือขึ้นทำการปัดป้องการโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย
ตู้ม !
อาวุธทั้งสองปะทะกันจนเกิดการกระจายตัวของพลังไปรอบ ๆ ก่อนที่คลื่นพลังของแม่ทัพมอร์ฟีสผู้นั้นจะทำการตัดผ่าคลื่นพลังของเจียฉีจนขาดสองท่อน และพุ่งเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มต่อ
ชายหนุ่มคิดว่าพลังของอีกฝ่ายน่าจะเก่งกว่าเขา 1 ขั้น ทว่าเขาก็ไม่มีเวลาครุ่นคิดถึงมันมากนัก ก่อนจะรีบกระโดดหลบคลื่นพลังทันที
พลังปราณไม่โดนเจียฉี มันพุ่งตรงต่อไป ก่อนจะกระแทกใส่กำแพงเมือง
ทางด้านแม่ทัพมอร์ฟีสผู้นั้น เมื่อเห็นว่าการโจมตีของตนพลาดเป้า จึงทำการกดดันด้วยการไล่ล่าเจียฉีต่อ หากแต่ก็ได้เจียงโมที่เข้ามาขวางเอาไว้ เขาสะบัดดาบอย่างรวดเร็วแทงออกไป 5 ครั้ง
ความจริงแล้ว เจียงโมนั้นไม่ใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ เขามากไปด้วยไหวพริบ และเหลี่ยมจัด อีกทั้งยังมีความรวดเร็วอันโดดเด่น ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะสู้ซึ่ง ๆ หน้าอยู่แล้ว หากแต่อาศัยกลยุทธ์มากมายเพื่อที่จะจัดการกับอีกฝ่ายแทน
อาศัยความได้เปรียบที่เจียงโมดึงความสนใจไว้ เจียฉีจึงไล่จัดการพวกทหารเลวทีละคน
ทหารมอร์ฟีสนั้นแข็งแกร่งมาก หากแต่พวกมันก็ไม่อาจต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ได้
ทุกครั้งที่เขาฟันดาบลงไป พวกมันก็จะลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทำให้เขาต้องจัดการแทงซ้ำลงไปอีกครั้งด้วยความโกรธ และต่อให้ล้มไปมากเท่าไหร่พวกมันอีกคนก็จะเข้ามาแทนที่คนก่อนได้เสมอ
นี่คือความสามารถที่น่ากลัวของพวกมอร์ฟีส
จำนวนของพวกมันดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดเลย เจียฉีจัดการทหารไปตั้งมากมายแล้ว หากแต่พวกมันกลับดูไม่ลดลงเลย และเมื่อหันไปเจอกับแม่ทัพมอร์ฟีสอีก 2 คนที่อยู่ไม่ไกลออกไป พวกเขาก็พลันพุ่งเข้าปะทะกันทันที
ทั้งสองปะทะกันเล็กน้อย หากแต่แขนของเจียฉีก็โดนหอกแทงเข้าให้จนเกราะปราณแตกกระจาย และเมื่อเห็นท่าจะไม่ดี เขาก็รีบใช้วิชาเงาเคลื่อนย้ายแล้วไปปรากฏตัวที่หน้าประตูเมืองแทน
แม่ทัพทั้งสองเริ่มไล่ตาม
เมื่อเห็นว่าเขาสู้ไม่ได้ เจียฉีก็ตะโกนเรียกสหายของเขาที่กำลังต่อสู้อยู่ให้ถอยกลับมา
เจียงโมและแม่ทัพที่ปะทะกันอยู่นั้นยังคงสูสีกัน แต่เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว เจียงโมก็พลันหันมองไปรอบตัว ก่อนที่จะเห็นเข้ากับเจียฉีที่ได้รับบาดเจ็บ และรถกระทุ้งประตูที่ยังไม่พัง ดังนั้นต่อให้เขาจะหนีเข้าไปในเมืองยังไงพวกมันก็ต้องตามเข้ามาได้อยู่ …ในเวลานี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว
เจียงโมบังคับให้ตัวเองโจมตีใส่อีกฝ่ายต่อไป เพื่อบีบให้แม่ทัพมอร์ฟีสผู้นี้ถอยหนีไปชั่วคราว ก่อนที่ตัวเองจะกระโดดขึ้นมาจากวงล้อม “เจ้ากลับไปก่อนเลย !” ว่าแล้วเขาก็พลันถอยมาที่หน้าประตูเมือง และตวัดดาบปล่อยคลื่นพลังเข้าใส่รถกระทุ้งกำแพงอย่างรุนแรง
หากแต่แม่ทัพทั้ง 2 คนของมอร์ฟีสก็ได้เข้ามาป้องกันเอาไว้
เคร้ง !
เจียงโมใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาอีกครั้ง และไปปรากฏตัวข้างหลังแม่ทัพทั้งสอง แต่ทว่ามันกลับผิดคาด เพราะหนึ่งในแม่ทัพศัตรูได้ใช้ดาบแทงเข้ามาข้างหลังทันที ทำให้เจียงโมต้องเอาดาบตัวเองตั้งรับเท่านั้น
เคร้ง !
ดาบทั้งสามเข้าปะทะกัน และถึงแม้ว่าจะป้องกันเอาไว้ได้ ทว่าแรงกระแทกก็มากเกินไปจนทำให้ร่างของเขากระเด็นถอยออกมา
ร่างของเขาที่ฝึกพลังมามากทำให้มีพละกำลังที่เหนือคนธรรมดา และเมื่อเขากระแทกเข้ากับรถศึกของอีกฝ่าย มันก็ได้แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที
เจียฉีตะลึง หันไปมองแม่ทัพเกราะทองที่ยืนอยู่ข้างตัวเขา
แม่ทัพทั้งสองไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ พวกเขาโกรธมากจนกู่ร้องออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเจียงโมที่ยังไม่ลุกขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนั้น ดาบทั้งสองก็ได้ฟาดฟันเข้าใส่เจียงโม
ชายหนุ่มยังคงมึนงงอยู่ แต่เมื่อเห็นศัตรูเข้ามาไล่ล่า เขาก็กัดฟันลุกขึ้นแล้วยกดาบขึ้นป้องกันอย่างรวดเร็ว
เคร้ง !
ในเวลานี้ ดาบทั้งสองดูจะหนักกว่าเดิม หลังจากปะทะกันแล้ว เจียงโมจึงถูกผลักออกไปไกล และแม้ว่าประตูเมืองจะแข็งแกร่งด้วยทำมาจากสัมฤทธิ์แท้ หากแต่หลังจากที่ร่างของเขากระแทกเข้าใส่ มันก็ทำให้ประตูเมืองเกิดการสั่นคลอนในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น แม่ทัพทั้งสองก็ไม่คิดปล่อยเจียงโมไว้อีกต่อไป พวกเขาคิดจะจัดการชายผู้นี้ให้จบภายในการโจมตีครั้งถัดไป !