ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 20
บทที่ 20
“ข้าไม่อยากให้เจ้าตาย” ถังหยินยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ชิวเจิ้นก็ไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือร้องไห้ดี เด็กหนุ่มจึงกัดฟันพูดออกมาว่า “ตั้งแต่ที่ข้าเลือกติดตามสหายถังมา ข้าก็ได้เตรียมใจตายไว้แล้ว ดังนั้นข้าจึงต้องการไปด้วย”
ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายสักพักแล้วก็หัวเราะออกมา “ถ้างั้นพวกเราก็มาอยู่และตายด้วยกันเถอะ ข้าถือว่าเจ้าตัดสินใจแล้วนะ ! ”
ใบหน้าของชิวเจิ้นแดง แต่เขาก็ตั้งสติเอาไว้ได้ “ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ สหายถังคือคนที่ข้ายอมเปลืองตัวช่วยมากที่สุด ถ้าเจ้าตายข้าก็คงหาคนมาแทนที่เจ้าไม่ได้เหมือนกัน และนี่ก็คือเหตุผลที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ! ” เขาหยุดแล้วพูดต่อ “ข้ายืนยันจะไปกับเจ้าด้วย”
คำพูดของชิวเจิ้นทำให้ถังหยินรู้สึกจับใจมาก ไม่เคยมีใครยินดีทำอะไรให้และเห็นค่าของตัวเขาแบบนี้มาก่อน หัวใจอันเยือกเย็นของชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่น แต่ถึงอย่างงั้น ไม่ว่าจะเป็นยังไงชิวเจิ้นก็ไปกับเขาไม่ได้ !
ถังหยินตบบ่าของชิวเจิ้นและพูดออกไปตรง ๆ ว่า “ชิวเจิ้น จริง ๆ แล้ว… ข้าไม่ใช่คนจากโลกนี้ ถ้าข้าตายไปจริง ๆ มันก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ บางทีข้าอาจจะได้กลับไปยังโลกเดิม แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะที่ข้าได้มาโลกนี้ …เพราะอย่างน้อย ข้าก็ได้รู้จักสหายอย่างเจ้า” เขาพูดออกมาจากใจจริง
สำหรับคนที่ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนอย่างเขา นี่จึงเป็นความสัมพันธ์ที่ถือได้ว่าล้ำค่ามากทีเดียว
ชิวเจิ้นไม่เข้าใจความหมายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า ‘โลกนี้’ แต่อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็เข้าใจการปฏิเสธของถังหยิน
“ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ข้าบอกว่าไม่ได้คือไม่ได้” ถังหยินพยักหน้า ก่อนจะเดินกลับไปยังค่าย
อู่เหมยแปลกใจมากที่ถังหยินมาหานางโดยสมัครใจ
ถังหยินพูดตรง ๆ ถึงแผนการของเขา “ข้าจะเข้าโจมตีที่แนวป้องกันให้ แต่มันเข้าใกล้ได้ยากมาก ดังนั้นข้าจึงอยากได้ชุดของพวกหนิงเพื่อปลอมตัวเข้าไป”
อู่เหมยพยักหน้าชื่นชมแล้วหัวเราะ “ในที่สุดเจ้าก็มาพร้อมกับความคิดที่น่าสนใจสินะ ถ้างั้นเราก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วล่ะ เราจะไปจัดหาชุดพวกหนิงมากให้ แต่มันคงไม่ได้มีจำนวนมากนักหรอกนะ เรามีให้มากสุดแค่ 30 ชุดเท่านั้น…”
ถังหยินขัดจังหวะ “แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
“เอ๊ะ ? ” อู่เหมยมองเขาอย่างว่างเปล่า
” 30 ชุดก็เพียงพอแล้ว”
“เราคิดว่าเจ้ามีทหารใต้บัญชามากกว่า 100 นายเสียอีก?”
“ถูกต้อง ! แต่ข้าจะพาคนไปไม่มาก และจะไม่บังคับพวกเขาด้วย อีกอย่าง นี่เป็นการลอบเข้าไป เพราะงั้นข้าคงใช้คนไม่เกิน 30 นาย ! “
อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถามด้วยความไม่เชื่อใจ “เจ้าคิดว่าจะพาคนไปด้วยแค่นั้นจริงหรือ ? ”
“ถ้าเทียบกับศัตรูนับ 1,000 แล้ว มันมีอะไรแตกต่างกันระหว่าง 100 กับ 1,000 คนกัน ? ” พูดให้ถูกก็คือชีวิตของพวกเขาก็เหมือนกับตัวตายตัวแทนนั่นแหละ
อู่เหมยก้มหัวลง ถ้าเป็นไปได้หญิงสาวก็ไม่อยากจะเห็นถังหยินตายหรอก แต่ด้วยสถานการณ์มันฉุกละหุกเกินไป ดังนั้นจะต้องมีคนที่เสียสละเพื่อให้คนอื่นไปต่อได้ ถ้าไม่ใช่ถังหยินแล้วจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ แทนที่จะสละคนที่มีความสัมพันธ์ในกองทัพกันมานาน ใช้ถังหยินน่าจะดีที่สุดแล้ว
ถึงหญิงสาวจะสนใจถังหยิน แต่เวลานี้ก็ไม่ควรจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว
อู่เหมยสูดลมหายใจลึก ๆ และเปิดเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อีกครั้ง “เราหวังว่าเจ้าจะรอดกลับมาได้นะ เอาไว้พบกันที่ประตูหน้าด่านตง”
ถังหยินไม่ได้คิดเช่นนั้น “ข้าเองก็หวังว่าเจ้าจะพาคนอื่นรอดไปได้ด้วยเช่นกัน อย่าให้ความพยายามของข้าต้องเสียเปล่า”
อู่เหมยมองถังหยินและเงียบไปสักพัก ภายใต้สายตาอันจริงจังของเขา หญิงสาวไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าไงดี
ถังหยินนำชุดและเกราะของพวกหนิงกลับมาด้วย ก่อนที่เขาจะเรียกรวมพล สายตาของชายหนุ่มมองกวาดไปทั่วแล้วพูดขึ้นว่า “พวกหนิงตั้งแนวป้องกันอยู่ที่ประตูหน้าด่านตง ถ้าพวกเราจะกลับไปยังแคว้นหนิง ยังไงเสียก็ต้องฝ่ามันไปให้ได้ แต่พวกมันมีกัน 80,000 คน ถ้าพวกเราจะทะลวงแนวตั้งรับของพวกมัน ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครผ่านเข้าไปได้แน่ แต่ท่านแม่ทัพอู่มีความคิดที่จะส่งกองทหารไปเบี่ยงเบนความสนใจศัตรูเพื่อหาช่องว่างจู่โจมมันให้แตกพ่าย โชคดีที่งานนั้นตกอยู่กับพวกเรา” ถังหยินหยุดพูดเพื่อดูสีหน้าของทุกคน
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ทุกคนตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าถังหยินเข้าใจความรู้สึกพวกเขา ไม่มีใครที่ไม่กลัวความตายหรอก และยิ่งถ้างานของพวกเขาคือความตายที่แน่นอนอยู่แล้วแบบนี้ด้วย ชายหนุ่มยักไหล่แล้วยิ้มให้ “งานนี้ขึ้นอยู่กับข้า เพราะงั้นจะถอนตัวก็ไม่ทันแล้ว แต่ข้าก็ไม่อยากจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นไปอีกหรอก ใครก็ตามที่อยากจะไปกับข้าให้เสนอตัวมา ใครที่ไม่ประสงค์ก็ขอให้ตามแม่ทัพอู่เพื่อหนีไป ! ”
สำหรับทุกคน ข่าวที่ถังหยินนำมานั้นน่าตกใจเกินไป พวกเขามองหน้ากันโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ท่ามกลางความเงียบงัน จางเป๋าก็พลันตะโกนออกมา “ถ้าเป็นความต้องการของสหายถังละก็ ข้ายินดีที่จะทำตาม ชีวิตของข้าคนนี้ขอถวายให้กับสหายอย่างเจ้า เชิญสั่งการข้ามาได้เลย ! ”
เดิมที่พวกเขาเป็นพวกหนีทัพที่โดนไล่ล่า ถ้าไม่ได้ถังหยินละก็ พวกเขาไม่น่าจะรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้
เมื่อพูดจบ ซ่งเจิ้น ยู่ฮัว และหลี่ยู่เองก็พูดเช่นกัน “พวกข้าพร้อมที่จะเดินทางไปกับสหายถัง ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วย ฝ่าดงหนามอันตรายแค่ไหน พวกข้าก็ไม่หวั่น ! ”
พลทหารทัพทั้ง 4 ไม่กลัวตายและยินดีที่จะไปด้วย พวกทหารที่อยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นแบบนั้น พวกเขาเองก็มีขวัญและกำลังใจขึ้นมาทันที เลือดและเนื้อของพวกเขาพากันเดือดพล่าน
“ข้าด้วย”
“ข้าจะไปด้วย ! ”
“พาข้าไปด้วยสหายถัง!”
ในตอนนี้ต่อให้มีคนที่ไม่อยากไป พวกเขาก็คงไม่กล้ายกมือขึ้นมาหรอก
เมื่อมองไปยังใบหน้าของพวกทหารที่อยู่รอบตัวเขา ถังหยินก็ถอนหายใจออกมา ต่อให้จะต้องตาย แต่พวกเขาก็จะไม่ถอยหนี และยอมแพ้เด็ดขาด !
นี่เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกอันไม่คุ้นเคยได้เข้ามาในหัวใจถังหยิน แม้ในตอนแรกความรู้สึกที่เขามีให้กับแคว้นเฟิงอาจจะไม่มากพอ แต่ในตอนนี้มันก็เริ่มเติบโตขึ้นในหัวใจของเขาแล้ว
แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่อาจกลับไปยังโลกปัจจุบันได้ ต่อให้ต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล แต่แบบนั้นมันก็อาจจะดีกว่า… ถังหยินเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง เขาส่ายหัวและลบความคิดนั้นออกไป ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “การไปด้วยกันกับข้ามันหมายถึงความตาย แล้วพวกเจ้าไม่กลัวกันหรือ ? ”
“ถ้ามีสหายอยู่ด้วยเราก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ! ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเชื่อใจกันมากขนาดนี้ ถังหยินรู้สึกพูดไม่ออก “ข้าจะพูดอีกครั้ง ใครที่อยากจะไปด้วยให้ตามข้ามา แล้วใครก็ตามที่ไม่อยากให้หนีไป นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ”
“สหายถังไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราจะไปกับเจ้าด้วย ! ”
“ถูกต้องแล้วสหายถัง พาเราไปด้วย ! ”
ได้ยินคำพูดจากทุกคน ถังหยินก็รู้สึกโกรธ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาโกรธไปทำไมกัน ชายหนุ่มยิ้มและพูดอย่างเย็นชา “ทำตามที่พวกเจ้าต้องการเถอะ แต่เมื่อการต่อสู้มาถึง อย่าคาดหวังว่าจะให้ข้าช่วยพวกเจ้าล่ะ ถ้าหากอยากจะรอดกลับไปก็จงใช้ความสามารถของตัวเอง ! ” หลังพูดจบ เขาก็ออกคำสั่งทันที “จางเป๋า พวกเจ้าจงหาคนมาใส่ชุดเกราะพวกหนิง ส่วนอีก 3 คนให้ทำตัวเป็นเชลยที่ถูกจับมา”
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มีการจับกุมเชลยกลับไปยังค่ายเพื่อสอบสวน และก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาสามารถผ่านเข้าไปใจกลางศัตรูได้ !
จางเป๋า ซ่งเจิ้น ยู่ฮัว และหลี่ยู่ ตอบรับพร้อมกัน
“รับทราบ ! ”
เมื่อถังหยินอธิบายทุกอย่างเสร็จ อู่ยี่ก็ได้เดินเข้ามาพูดกับถังหยิน “ท่านแม่ทัพออกคำสั่งมาแล้ว สหายถังกับพวกเจ้าไปกันได้เลย ! ”
“เอาล่ะ ! ” ถังหยินตอบรับแล้วโบกมือให้ลูกน้อง “ไปกันเถอะ ! ”
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว อู่ยี่ก็โบกมือเรียกพวกเขาทั้งหมด “สหายถังและพรรคพวกหยุดก่อน”
ชายหนุ่มหยุดเดินและหันมามองเขา “มีอะไรอีก ? ”
ใบหน้าของอู่ยี่เป็นสีแดงก่อนที่จะพูดด้วยโทนเสียงต่ำ “ระวังตัวด้วย”
ถังหยินหัวเราะและพยักหน้าให้