ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 215
บทที่ 215
เมื่อเห็นว่าถังหยินใช้พลังเข้ามาข้างหลัง แม่ทัพผู้นั้นก็เริ่มสั่นกลัว ในเวลานี้เขาไม่กลัวเสียหน้าอีกต่อไปแล้ว ตัดสินใจล้มตัวกลิ้งหลบการโจมตีอย่างไม่คิดชีวิตในทันที
ทว่าครั้งนี้แม่ทัพไก่อ่อนนายนั้นหลบไม่พ้น โดนเคียวฟาดเข้าใส่หน้าอกจนเกราะปราณแตกกระจาย !
ชายหนุ่มก้มมองแม่ทัพอ่อนหัดคนนั้นชัด ๆ ก่อนที่มุมปากของเขาจะเผยอขึ้นด้วยความสะใจ ใช่จริง ๆ ด้วย ! ใช่คนที่เขาเจอครั้งล่าสุดตอนที่เข้าไปในค่ายพวกหนิงนั่น !!!
เมื่อเห็นว่าพวกพ้องโดนทำร้าย พวกแม่ทัพไก่อ่อนคนอื่น ๆ ก็พากันพุ่งเข้ามาช่วยทันที ทว่าถังหยินก็หลบดาบที่แทงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะคว้าคออีกฝ่ายเอาไว้ ทำให้คนที่โดนจับกรีดร้องออกมา ดิ้นไม่หยุด พยายามกวัดแกว่งดาบแต่ก็โดนถังหยินกระแทกตัวลงไปบนพื้นเสียก่อน
โครม !
เสียงสะเทือนดังสนั่นไปทั่วกำแพง ทั้งอิฐและเกราะของแม่ทัพมือใหม่คนนั้นแตกกระจายจนทำให้เจ้าของร่างสลบไป
ชายหนุ่มหันไปมองหยวนยู่ “หยวนยู่ ห้ามฆ่าเขา !”
“รับทราบ !”
พวกแม่ทัพมือใหม่พวกนี้ไม่สามารถทำอันตรายถังหยินได้เลย มีแต่จะโดนชายหนุ่มทุบตีจนสลบเสียมากกว่า ซึ่งมันก็ทำให้มีบางคนที่เผ่นหนีไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะโดนถังหยินเข้ามาขวางทางเอาไว้ด้วยเคียวในมือของเขา
“วางอาวุธและปลดเกราะปราณของพวกเจ้าซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิต !” พูดจบเขาก็ชี้นิ้วไปยังหยวนยู่ “หรือไม่งั้นข้าก็จะปล่อยให้พวกเจ้าเป็นไปตามความต้องการของชายคนนั้น !”
พวกแม่ทัพไก่อ่อนต่างก็พยายามดิ้นรนจนหยดสุดท้าย ด้วยหวังว่าจะมีกองทัพหนิงเข้ามาช่วย ทว่าสิ่งที่หวังไว้ก็ไม่อาจเป็นจริงได้ เพราะกองทัพหนิงเพิ่งจะเริ่มปีนบันไดขึ้นมาได้เท่านั้น !
ถังหยินที่เห็นพวกแม่ทัพอ่อนหัดแตกตื่นกันแบบนี้ เขาก็ไม่รอช้า กวัดแกว่งเคียวในมือซ้าย แล้วจึงใช้มือขวากางออก “พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะมีใครขึ้นมาช่วยเลย ไม่มีวันหรอก !” ว่าแล้วเขาก็ปลดปล่อยหมอกออกมา ก่อนทำให้มันกลายเป็นลูกบอลสีดำที่กำลังส่องแสง
พวกแม่ทัพไก่อ่อนที่เห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “มนต์ดำทำลายล้าง ! หลีกไป ! อย่าไปโดนมัน !”
พวกทหารที่กำลังขึ้นมานั้นไม่ทันได้สังเกตแม้แต่น้อย ทำให้พวกเขาโดนลูกบอลสีดำที่พุ่งเข้ามาจากฝ่ามือของถังหยินเข้าเต็ม ๆ
ทหารนายหนึ่งที่โดนลูกบอลดำก็เริ่มพองตัวออก ก่อนที่สุดท้ายจะระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ
พวกหนิงที่ไม่เคยเห็นวิชานี้มาก่อนต่างก็ตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก พวกเขายืนนิ่งและไม่ได้คิดจะหลบมันจนกระทั่งมันลุกลามขยายวงออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
พวกหนิงที่อยู่ใต้กำแพงปั่นป่วนเป็นอย่างมากเมื่อเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและวิชาที่ป่าเถื่อนขนาดนี้ จนไม่กล้ารั้งอยู่อีกต่อไป พากันหนีตายกระเจิงกันไปคนละทาง !
หลังการระเบิดสิ้นสุดลง มันก็มีแต่ศพที่ไม่สมประกอบมากมายกองกันเต็มไปหมด เมื่อนับ ๆ ดูแล้วก็มีราว ๆ 200 ร่างได้ที่กลายเป็นสีดำแล้วตายไป ซึ่งนี่ก็ถือเป็นหลักฐานชั้นดีว่ามนต์ดำทำลายล้างนั้นเป็นอาวุธที่ทรงพลังสำหรับการทำลายล้างแบบนี้ หากแต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่วิชาที่เก่งกาจอะไรเลย มันทั้งช้าและเสียเวลากว่าที่มันจะแสดงผลงานออกมาได้ไม่เหมือนกับพลังของพวกแสง อีกทั้งยังถูกหยุดเอาไว้ได้โดยง่ายอีก
ในเวลานี้พวกหนิงที่ถอยออกไปก็ไม่กล้าที่จะเหยียบชิ้นส่วนสีดำอีก ด้วยพวกเขากลัวว่ามันจะยังไม่สิ้นฤทธิ์ ทำให้ความหวังของพวกแม่ทัพไก่อ่อนถูกลบหายไปในทันที !
เหล่าแม่ทัพมือใหม่ที่แต่เดิมเย่อหยิ่ง มาตอนพวกเขากลับต้องยอมมอบอาวุธยอมแพ้เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง พากันก้มหัว ปากเอ่ยยอมรับความพ่ายแพ้แก่ถังหยินและหยวนยู่
ชายหนุ่มมองไปยังชายเลือดร้อน แล้วเขาก็เอายาสลายปราณออกมาบังคับให้พวกแม่ทัพไก่อ่อนกินเข้าไป ก่อนที่จะทำการจับตัวแม่ทัพพวกนี้ไปไว้ที่หน้าประตูเมือง
ผลลัพธ์ของการประทะในครั้งนี้ พวกแม่ทัพไก่อ่อนกว่า 50 นายก็ได้ล้มตายไปกว่าครึ่ง มีหนีไปได้เพียง 6 – 7 นายเท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกจับได้ทั้งหมด
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่อย่างน้อยพวกเขาก็สร้างโอกาสให้กองทัพเข้าตีเมืองได้ตามคำสั่งของจ้านอู่ตี้ได้สำเร็จ เพราะทันทีที่ถังหยินและหยวนยู่มัวแต่ยุ่งกับพวกทหารไก่อ่อน พวกเขาก็ได้ใช้กลยุทธ์เดิมเข้าโจมตีกำแพงเมืองและเริ่มการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้นอีกครั้งทันที !
และเมื่อการปะทะมาถึง การศึกบนกำแพงเมืองมันก็ไม่ใช่แค่เพียงอาวุธหรือจำนวนเท่านั้นอีกต่อไป หากแต่เป็นเรื่องของแรงใจต่างหากที่สำคัญ ! ด้วยตราบเท่าที่ทั้งสองฝ่ายยังมีแรงฮึดสู้กันอยู่ มันก็จะเกิดการปะทะอย่างดุดันจนไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันต่อไป จะมีก็แต่เสียงกรีดร้องของทหารที่ดังขึ้นด้วยความหวาดกลัวที่ต้องตกลงมาจากด้านบนและเลือดที่ไหลท่วมก็เท่านั้น
เมื่อถังหยินกับหยวนยู่มาถึงสมรภูมิหลักมันก็วุ่นวายมากแล้ว มีทหารหนิงนับหมื่นที่กำลังสู้รับอยู่บนกำแพง และถึงชายหนุ่มจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องบอกเลยว่าขบวนรบและแรงใจของพวกหนิงมีสูงมากทีเดียว !
หลังจากที่เขาสังเกตการณ์อยู่สักพักเพื่อวิเคราะห์แผนการรบ ชายหนุ่มก็หันไปบอกกับหยวนยู่ว่า “หยวนยู่ เจ้าไปทางนั้น ส่วนข้าจะไปทางนี้ และไม่ว่ายังไงก็ห้ามให้พวกหนิงเข้ามาได้เด็ดขาด !”
“รับทราบ !” ชายเลือดร้อนพุ่งตัวออกไปทันที
ถังหยินและหยวนยู่พากันพุ่งตัวเข้าจัดการพวกหนิงจากสองทิศทาง ซึ่งก็เป็นด้านของชายหนุ่ม ที่เขาใช้เคียวในมือเหวี่ยงไปมา ทำให้พวกหนิงนับสิบกลายเป็นศพในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มพุ่งตัวแหวกทหารหนิงจากทางซ้ายมือเข้ามา เช่นเดียวกับหยวนยู่ที่แหวกพวกหนิงจากทางขวาเข้ามาพร้อม ๆ กับ จนบีบให้พวกศัตรูต้องล่าถอยกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
ไม่นานนักการต่อสู้ก็มาถึงจุดเดือด พวกเฟิงพากันแทงอาวุธอย่างดุดันจนเกิดเสียงดังสนั่นด้วยปะทะกับเกราะของพวกหนิง เช่นเดียวกับดาบของพวกเขาที่สะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนี้พวกเฟิงก็ได้แสดงความกล้าออกมาแล้ว พวกเขาพากันเข้าสู้อย่างสุดความสามารถ แม้กระทั่งถอดเกราะออกไปชกหน้าพวกหนิงด้วยมือเปล่าก็ยังมี
ศพเริ่มร่วงลงมาจากกำแพงจนกลายเป็นกองพะเนินขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับมีเครื่องบดเนื้อทำงานอยู่ยังไงยังงั้น
แต่แม้จะมีความสูญเสียมากมาย หากทว่ามันก็ไม่มีช่องว่างให้พวกเขาได้พักเลย ทหารหน้าใหม่ถูกเปลี่ยนเข้ามาเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับพวกเสนารักษ์ที่ถูกพาขึ้นมาดูแลทหารที่บาดเจ็บท่ามกลางการต่อสู้
ในศึกนี้พวกเฟิงสูญเสียไปมากถึง 2 หมื่นนายแล้ว ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมไปถึงพวกที่ได้รับบาดเจ็บหนักอีก ผิดกับฝั่งพวกหนิง ที่ตอนนี้ยังไม่มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตเข้ามาเลย