ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 311
บทที่ 311
บทที่ 311
ที่ปรึกษาจางจี้พยักหน้า คิดว่าคำพูดของชิวเจิ้นมีเหตุผล เพียงแค่ว่าเขาไม่มีศักดิ์ศรีเพียงพอในกองทัพเทียนหยวน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดสำหรับเขาที่จะพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด
ในขณะเดียวกัน ซงหยวนที่ได้ยินก็แอบส่ายหัว ด้วยแม้ว่าชิวเจิ้นจะเป็นคนใจเย็นและฉลาด แต่เขาก็ตรงไปตรงมาเกินไป ทั้งยังขาดทักษะในการพูด ทำให้บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้เรียกได้ว่าย่ำแย่พอตัว
คำของชิวเจิ้นสร้างความไม่พอใจให้กับแม่ทัพคนอื่น ๆ เพราะสิ่งที่เขาพูด มันก็หมายความว่าชัยชนะในครั้งนี้เป็นแค่โชคช่วยเท่านั้น !
ถังหยินที่ได้ฟังแบบนั้น เขาก็พยายามระงับความไม่พอใจ ก่อนจะเผยรอยยิ้มแห้ง ๆ ออกมาและพูดว่า “ชิวเจิ้น ? นี่เจ้า… ”
หลังจากที่เด็กหนุ่มพูดออกมาแบบนั้น ถังหยินก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร ชายหนุ่มหยุดชั่วขณะ ก่อนที่จะบังคับให้คำพูดออกมาจากระหว่างฟันของเขา “ท่านชิวพูดถูกแล้ว !”
ชิวเจิ้นมองไปที่ถังหยินและถอนหายใจเงียบ ๆ ด้วยเขารู้จักถังหยินมานานและอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน ดังนั้นแล้วเขาจะไม่คุ้นเคยกับบุคลิกของอีกฝ่ายได้อย่างไร ? ว่าแล้วชิวเจิ้นก็พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังออกมา “เมื่อเรายึดเมืองสีไป่ได้ ซ่งเทียนจะไม่ยอมนิ่งเฉยอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจะต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้การขนส่งเสบียงและการบริหารจัดการเป็นไปอย่างราบรื่น”
ถังหยินที่ได้ฟัง เขาก็ได้กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “หยวนจี้จะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ท่านหยวนจี้น่าจะกำลังยุ่งอยู่กับการดูแลมณฑลทั้งสาม ถ้าจะให้เขาทำทุกอย่างเลย มันจะตึงมือมากเกินไป ตอนนี้เราต้องทำอะไรที่พอจะทำได้เสียก่อน อย่างเช่นการรวมใจผู้คน !” ชิวเจิ้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ถังหยินกะพริบตาและยังไม่ตอบกลับในทันที
ดังนั้นจึงเป็นชิวเจิ้นที่กล่าวต่อ “ตอนนี้กองทัพได้เข้ามาในเมืองแล้ว เช่นเดียวกับการสู้รบที่ได้หยุดลง แต่ด้วยเมืองแห่งนี้ใหญ่เกินไป ผนวกกับความหวาดกลัวของชาวเมืองที่ยังคงอยู่ มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องขจัดความกังวลของพวกชาวเมือง เพื่อให้เขตแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเราอย่างสมบูรณ์ !!! ”
“อืม…” ถังหยินรู้สึกขัดใจ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของชิวเจิ้นนั้นสมเหตุสมผล ชายหนุ่มถามว่า “ชิวเจิ้น ในความคิดของเจ้า เราจะขจัดความกลัวที่ชาวเมืองมีต่อกองทัพของเราได้อย่างไร ?”
“คงไม่ใช่ในเร็ววันอย่างแน่นอนขอรับ !” ชิวเจิ้นเว้นช่วง ก่อนจะพูดต่อ “นายท่าน ท่านน่าจะลองจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำในจวนผู้ว่า และเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงกับครอบครัวสามัญชนทั้งหมดในเมืองมาเข้าร่วม ซึ่งเราก็ควรปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ …เพื่อแก้ไขชื่อเสียงของเรา และทำให้พวกเขาเหล่านั้นยินยอมพร้อมใจอยู่ใต้ปกครอง”
“ข้าเห็นด้วย !” ถังหยินพยักหน้าและพูดซ้ำ ๆ “ฟังดูแล้วก็คงมีแต่ต้องทำแบบที่เจ้าว่า !” จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ อีกครั้งและถามว่า “พวกเจ้าว่ายังไง ?”
พวกแม่ทัพแอบโกรธชิวเจิ้นที่พูดขัด แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่คิดพูดแย้ง ด้วยคำของเด็กหนุ่มนั้นฟังดูสมเหตุสมผล !
โดยไม่ลังเลอีกต่อไป ชายหนุ่มได้กล่าวออกมาว่า “ชิวเจิ้น ถ้าอย่างนั้นเจ้าจัดการเรื่องงานเลี้ยง !”
“รับทราบขอรับ นายท่าน !”
“และหากมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้ ยูจุนจะช่วยเจ้าเอง !” ถังหยินกล่าวเสริม เพราะอย่างไรเสีย ยูจุนก็เคยเป็นที่ถึงปรึกษาคนสำคัญของเกิงฉวน ดังนั้นแล้วอีกฝ่ายก็คงคุ้นเคยกับสถานการณ์ในเมืองนี้เป็นอย่างดี
เมื่อเขาพูดจบ ทหารก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก ปากกล่าวว่า “นายท่าน ท่านยูจุนต้องการพบนายท่านด่วนขอรับ !”
หึ ! อย่างที่เขาว่า พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เช่นเดียวกับที่เขาพูดถึงยูจุน หยูจจุนก็มา ถังหยินลอบหัวเราะเบา ๆ พยักหน้าและพูดว่า “ให้เข้ามาเลย !” ในความเป็นจริง มันก็เหมือนกับที่ชิวเจิ้นได้กล่าวไว้ เหตุผลที่ถังหยินชนะในครั้งนี้เป็นเพราะโชคล้วน ๆ และถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากยูจุน การบุกทะลวงเมืองก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนี้
ยูจุนเดินเข้าไปในห้องโถงด้วยความรวดเร็วภายใต้การแนะนำของทหารยาม
เมื่อเห็นเขา ถังหยินก็พลันยืนขึ้นและหัวเราะเบา ๆ “ท่านยูจุน ?”
เมื่อเรียกชื่ออีกฝ่าย ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคนตรงหน้า ด้วยใบหน้าของฝ่ายหลังเต็มไปด้วยความโกรธ คิ้วของเขายกตรงและดวงตาของเขาก็จ้องมองตรงมา และหลังจากเข้าไปในห้องโถงแล้ว อย่าว่าแต่จะทักทายถังหยินเลย เขาไม่พูดอะไรซักคำด้วยซ้ำไป
ถังหยินสงสัยในท่าทีดังกล่าว จึงได้ถามออกไป “มีเรื่องอะไร ?”
“ถังหยิน ! ทำไมถึงฆ่าตูฉิง เขาทำอะไรผิด ! ทำไมเจ้าถึงต้องฆ่าเขาด้วย !?” ยูจุนถามด้วยความโกรธ
เรื่องที่ตูฉิงถูกลูกหลงจากศรของกองทัพเทียนหยวนจนเสียชีวิตเป็นเรื่องบังเอิญ และแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันน่าเสียดาย แต่ทว่าถังหยินก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก ด้วยท้ายที่สุดตูฉิงก็เป็นคนนอก ถ้าเขาจะตายก็คือตาย ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
เขาถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ท่านยูจุน ท่านเข้าใจผิดแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ”
“แต่เขาถูกกองทัพเทียนหยวนยิงตาย !” ยูจุนกัดฟันแน่นและพูด
ถังหยินอธิบายอย่างใช้ความอดทน “ในตอนนั้นสนามรบตกอยู่ในความโกลาหล ทหารยังไม่สามารถระบุได้ว่าเขาเป็นศัตรูหรือฝั่งเดียวกัน มันแค่บังเอิญว่าคนที่ตายเป็นเขาก็เท่านั้น”
ยูจุนหายใจเข้าลึก ๆ ร้องถาม “แล้วกับคนที่ฆ่าเขาเล่า ท่านจะเอายังไงกับพวกเขา ?”
จะจัดการกับฆาตกรอย่างไร ? ถังหยินไม่เคยคิดที่จะสอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติมอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเพียงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และแม้ว่าข้าจะประหารทหารเหล่านั้นที่ฆ่าแม่ทัพตูฉิง ข้าก็เอาเขากลับมาจากความตายไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นลืมมันเสียเถอะ !”
จะให้ลืม ๆ ไปอย่างนั้นเหรอ !!! เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยูจุนก็พลันพูดด้วยความโกรธออกมา “คนจากกองทัพเทียนหยวนของท่านเป็นคน แล้วคนอื่น ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ ? ยิ่งไปกว่านั้นแม่ทัพตูฉิงก็ได้สัญญาแล้วว่าจะยอมจำนนต่อท่าน แล้วท่านกลับปฏิบัติกับเขาแบบนี้งั้นหรือ ?” เขาชี้นิ้วที่สั่นเทาไปทางถังหยินและกัดฟันพูดออกมา “ถังหยิน ! เจ้านี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ หลอกพวกเราด้วยข้อเสนอที่หอมหวาน สุดท้ายก็ปล่อยให้พวกเราตายไปเยี่ยงสุนัขข้างถนนโดยไม่ยอมที่จะรับผิดชอบอะไรเลย !?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ใบหน้าของถังหยินเท่านั้นที่มืดมน การแสดงออกของแม่ทัพโดยรอบทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มีพวกเขาสองสามคนก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้น และจับดาบในมือพร้อมจ้องไปที่ยูจุน
แสงเย็นกะพริบไปทั่วดวงตาของถังหยิน หากแต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ท่านกล่าวแรงเกินไปแล้ว”
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของเขาทหารสองคนที่รีบเดินเข้ามาจากด้านนอก พวกเขายืนอยู่ที่ด้านซ้ายและขวาของยูจุน ก่อนจะยื่นมือออกมา”ท่านยูจุนได้โปรด !”
ตูฉิงเสียชีวิตอย่างไม่ชัดเจน แล้วยูจุนจะปล่อยให้เรื่องนี้ไปได้อย่างไร ? เขาไม่มีเจตนาที่จะจากไปแม้แต่น้อย ยังคงชี้ไปที่จมูกของถังหยิน “ไอ้เจ้าบัดซบ !”
ถังหยินขมวดคิ้ว ส่ายหัวไปที่ทหารยามทั้งสอง ทำให้พวกเขาเลิกทำตัวสุภาพ และเข้าคว้าจับแขนของยูจุนพร้อมลากอีกฝ่ายออกไปจากห้องโถง
แม้ว่ายูจุนจะถูกลากออกจากห้องโถง ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงได้ยินด่าทอดังออกมาเป็นระยะ ๆ
“ไอ้บัดซบ !” หยวนเปียวพูดอย่างเย็นชา ปากกล่าวว่า “นายท่าน ไอ้ยูจุนนั่นจาบจ้วงท่านเกินไปแล้ว จะปล่อยเขาเอาไว้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอครับ ?!”
“จะฆ่าเขาไม่ได้ !” ชิวเจิ้นรีบก้าวออกมาเพื่อหยุดพวกเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “การฆ่ายูจุนจะทำให้ภาพลักษณ์ที่เรากำลังสร้างพังทลายลงในพริบตา ตอนนี้เราต้องดูเขาให้ดีเอาไว้ก่อน”
หยวนเปียวที่ได้ยินแบบนั้นก็พบพลันเกาหัวอย่างสับสนและถามว่า “แล้วเราจะทำยังไง ?”
ถูกต้อง แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร ? ถังหยินถามคำถามเดียวกันในใจของเขา ด้วยถ้าเขาทิ้งยูจุนไว้ข้างหลัง ชายหนุ่มก็จะโดนเรื่องที่ทำให้ตูฉิงเสียชีวิตอย่างแน่นอน ทว่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้เหล่ตามองไปที่เจียงโมที่อยู่ตรงกลางกลุ่มแม่ทัพและพูดว่า “เจียงโม !”
“ข้าอยู่นี่ขอรับ นายท่าน !”
“ครอบครัวของยูจุนจะย้ายออกไปจากเมืองสีไป่ แล้วพวกเขาก็จะหายสาบสูญไป เจียงโม เจ้าเข้าใจใช่ไหมว่าข้าหมายถึงอะไร ?” ถังหยินถามช้า ๆ
เจียงโมตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้นความตั้งใจในการฆ่าก็พลันปรากฏขึ้นในดวงตา เขาพยักหน้า ปากพูดว่า “ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยขอรับ !”
“ดีมาก !” ถังหยินพูดต่อ “อย่าให้ใครรู้ด้วย !”
“ไม่ต้องกังวลขอรับนายท่าน ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง !” หลังจากที่เจียงโมพูดจบ เขาก็ได้โค้งคำนับและเดินออกจากห้องโถงไป
แม้ว่าถังหยินจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาบอกให้กลุ่มศรทมิฬดักรออยู่นอกเมืองก่อนที่จะฆ่าทั้งครอบครัวนั่น วิธีการของชายหนุ่มนั้นเลวร้ายมาก แต่มันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดเช่นกัน
…เกี่ยวกับเรื่องนี้ ชิวเจิ้นไม่ได้แสดงความขัดแย้งใด ๆ ทั้งยังแอบพยักหน้าอย่างลับ ๆ ชื่นชมถังหยินสำหรับปฏิกิริยาที่รวดเร็วและการกระทำที่เฉียบขาดของชายหนุ่ม
ในท้ายที่สุด ทั้ง 2 คนที่ช่วยถังหยินในการยึดเมืองสีไป่ก็ได้ลงเอยด้วยดี คนหนึ่งเสียชีวิตท่ามกลางการต่อสู้ที่วุ่นวาย ในขณะที่อีกคนเสียชีวิตภายใต้การลอบสังหาร และถ้าตูฉิงถูกฆ่าโดยบังเอิญ งั้นแล้วการตายของยูจุนก็เป็นความผิดของเขาเอง !
ในคืนนั้น ได้มีการจัดงานเลี้ยงในจวนผู้ว่าเมืองสีไป่เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาที่เมือง
ตระกูลที่มีชื่อเสียงและชาวเมืองที่ได้รับเชิญเหล่านี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมา ด้วยเมื่อกองทัพเทียนหยวนส่งคำเชิญออกไป พวกเขาก็ได้ส่งทหารจำนวนมากมาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าแขกทุกคนจะมาถึงตรงเวลา !
ทุกคนที่มางาน พวกเขาต่างก็คิดว่าถังหยินไม่ได้จัดเตรียมสุราดีหรืองานเลี้ยงดี ๆ แต่อย่างใด …น่ากลัวว่างานเลี้ยงที่ว่าคงเป็นลานสังหารหมู่สีเลือดด้วยซ้ำไป !!
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาไปถึงงานเลี้ยงที่จวนผู้ว่า ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และไม่มีเจตนาฆ่าแฝงอยู่แต่อย่างใด ไม่มีดาบ ลูกศร หรือหอกยาว จะมีก็แต่โคมไฟและของประดับตกแต่ง กับพวกทหารที่กำลังยกอาหารพร้อมสุราชั้นดีเดินไปมาทั่วงาน
ถังหยินแต่งกายด้วยชุดลำลอง ทั้งยังออกมาต้อนรับแขกทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และไม่ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มจะคิดอย่างไร เขาก็มีมารยาทมากพอที่จะแสดงท่าทีต้อนรับให้กับแขกทุกคนที่เข้ามา ทำให้ชายหนุ่มเป็นเหมือนคนละคนกับผู้ใช้ศาสตร์มืดที่เป็นดั่งยมทูตแห่งสมรภูมิคนนั้นอย่างสิ้นเชิง !!