ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 407
บทที่ 407
บทที่ 407
หลังจากศึกนี้กองทัพหนิงที่เคยมีกว่าสี่แสนนาย ในตอนนี้กลับเหลือแค่เพียงจ้านอู่ตี้ กับจ้านอู่ฉางและลูกน้องคนสนิทเท่านั้น ส่วนซ่งเทียนเองก็ไม่เหลือใครเลยสักคนเดียว
ในใจซ่งเทียนหวังว่าซ่งอู๋จะรอดจากการต่อสู้กลับมาได้ ทว่าเมื่อมีข่าวลือว่าลูกชายของเขาตายในสนามรบ มันก็ยิ่งทำให้เขาเสียใจมากเข้าไปอีก
จ้านอู่ตี้เองก็แนะนำให้ซ่งเทียนเดินทางกลับไปยังแคว้นหนิง เพื่อให้เขามีโอกาสที่จะกลับมาล้างแค้นอีกครั้ง ซึ่งเมื่อชายแก่ได้ยินดังนี้ มันก็ทำให้เขากัดฟันด้วยความโกรธแค้น เพราะหากจ้านอู่ตี้ไม่แนะนำเขาแบบนี้ ลูกชายของเขาก็คงจะไม่ตายเยี่ยงสุนัขข้างถนน !!
ทว่า เขาเองก็รู้ดีว่าต่อให้เกลียดพวกเขามากแค่ไหน มันก็ไม่อาจช่วยให้อะไรดีขึ้นได้ ด้วยพวกเขาต้องพึ่งพากันและกันอยู่
ซ่งเทียนและพวกหนิงยังคงจำต้องเดินทางไปอีกไกล ต้องใช้เวลากว่า 4 วันจึงจะไปถึงที่หมาย
ในเวลานี้ ซ่งเทียนและพวกหนิงกำลังตกต่ำถึงขีดสุด ทุกคนล้วนหิวกระหายรวมไปถึงตัวเขาเอง เพราะพวกเขาไม่ได้กินอะไรมามากกว่า 2 วันแล้ว แถมคนป่วยเองก็ไม่มียารักษา และเมื่อผนวกกับการพักผ่อนที่น้อยลง มันก็ทำให้แผลของพวกเขาเริ่มเน่า ดังนั้นพอผ่านไปไม่กี่คืนพวกเขาก็ตายลงในขณะที่คนอื่นต่างก็เดินทางต่อไม่ไหว
สถานการณ์แบบนี้แม้แต่จ้านอู่ฉางผู้เก่งกาจก็ไม่อาจทำให้มันดีขึ้นมาได้เลย
จ้านอู่ฉางได้แต่มองไปยังทหารที่บาดเจ็บออดแอด ก่อนที่จะจำใจออกคำสั่งให้สังหารพวกเขาให้พ้นทุกข์ไป
พวกหนิงเดินทางไปยังเมืองฝางที่อยู่ทางใต้ และล้มตายไปมากมายระหว่างทาง และเมื่อพวกเขาไปถึง มันก็คงไม่มีกำลังพลมากพอที่จะป้องกันเมือง…
และเมื่อข่าวลือเรื่องการพ่ายแพ้ของซ่งเทียนระบือไปไกล ผู้ว่าเมืองฝางก็พลันตัดสินใจปิดเมืองไม่ให้พวกหนิงกับซ่งเทียนเข้าไป
ตอนนี้ซ่งเทียนกับพรรคพวกเหมือนกับเชื้อร้ายที่ทำให้ทุกคนต้องหลีกเลี่ยง
ซ่งเทียน จ้านอู่ฉาง และจ้านอู่ตี้จ้องมองประตูที่ปิดแน่นตรงหน้าด้วยหัวใจสั่นเทา พวกเขารีบวิ่งออกมาสั่งให้ผู้ว่าเปิดประตูเมืองซึ่งก็เปล่าประโยชน์
ในวินาทีนี้พวกเขารู้เลยว่าเมืองฝางได้เข้าพวกกับถังหยินแล้ว
ซ่งเทียนได้แต่ถอนหายใจ ตอนที่เขาได้บัลลังก์มาทุกคนก็พากันเข้ามาสวามิภักดิ์ แต่พอเขาตกที่นั่งลำบากทุกคนก็พลันหันหนีกันไปหมด ไม่มีแม้แต่เจ้าเมืองคนใดเลยที่จะอยู่กับเขาในตอนนี้
แต่ไม่ว่าจะพูดจาข่มขู่มากสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีกองทัพมากพอที่จะตีเมืองอยู่ดี แถมพวกเขาก็กลัวพวกทหารที่กำลังไล่หลังตามมาอยู่ด้วย จึงทำให้ต้องละทิ้งเมืองนี้ลงไปทางใต้อีกครั้ง
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าซ่งเทียนและพวกหนิงต่างก็โกรธมากที่เห็นว่าเมืองนี้ทิ้งพวกเขาไป และเมื่อผนวกกับความหิว มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาคั่งแค้นเข้าไปอีก !!!
ซ่งเทียนและพวกหนิงได้แต่เดินทางลงไปทางใต้ต่ออย่างไร้ความหวังได้ มีเพียงแคว้นโมเท่านั้นที่ดูจะเป็นหนทางที่เป็นไปได้มากที่สุด
ระหว่างทางจ้านอู่ตี้ก็ได้พูดกับซ่งเทียน “ลูกน้องเจ้าทรยศกันหัวต่อหัวแล้ว ถ้าเกิดว่าที่ทางผ่านบาเลือกที่จะหันคมดาบเข้าหาเจ้าอีก พวกเราจะกลับไปไหนไม่ได้อีก !”
ซ่งเทียนได้แต่ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง เขาส่ายหัว “ไม่มีทาง เขาคือคนที่ข้าเชื่อใจมากที่สุด ไม่มีทางที่เขาจะทรยศข้าแน่”
จ้านอู่ตี้เชิดหน้า “ให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ !”
คนที่อยู่ตรงทางผ่านบาคือ โจวชุน เขาเป็นลูกน้องคนสำคัญของซ่งเทียนและได้รับความไว้วางใจสูงสุด ดังนั้นแล้วอีกฝ่ายจะต้องไม่ทรยศอย่างแน่นอน !!
ตอนนี้เขารู้สึกดีใจมากที่ตัดสินใจส่งคนสนิทเข้าไปควบคุมที่นั่น
เส้นทางระหว่างเมืองฝางและทางผ่านบานั้นไม่ได้ไกลมาก เพียงไม่ถึงครึ่งวันพวกเขาก็เห็นกำแพงเมืองอยู่รำไรแล้ว ดังนั้นซ่งเทียนกับทุกคนจึงรีบเดินให้เร็วขึ้น ส่วนจ้านอู่ฉางก็ส่งทหารม้าวิ่งเข้าไปในเมืองก่อนใครเพื่อน
แต่ทว่ามันก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว เพราะที่ทางผ่านบายังมีแม่ทัพอิงปูอยู่ที่นั่น….
ในเวลานี้อิงปูได้แต่นับถือถังหยินที่เดาเกมการศึกนี้ถูกต้อง ซ่งเทียนกำลังเดินทางมาที่เขาเพื่อหนีไปยังแคว้นโม !! ….จนถึงตอนนี้เขายังไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ
อิงปูไม่รอช้า เขารีบพาลูกน้องทั้งหมดขึ้นไปบนกำแพงแล้วสังเกตการณ์ทันที และเมื่อเห็นว่าไม่มีกองทัพหนิงพวกเขาก็ประหลาดใจ “ไหนบอกว่าซ่งเทียนกับพวกหนิงจะมาด้วยกันไง ? พวกเขาไปไหนเล่า ?”
พวกทหารโดยรอบต่างก็ตกตะลึงที่ได้ยินอิงปูไม่เรียกซ่งเทียนว่าอ๋องอีกแล้ว ส่วนพวกแม่ทัพคนอื่น ๆ เองก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยเพื่อบอกว่าพวกเขาเองก็สงสัยเช่นกัน
อันที่จริงคนเหล่านี้ได้ติดตามอิงปูมาหลายปี ดังนั้นแล้วทุกการตัดสินใจของอิงปูก็คือการตัดสินใจของพวกเขาด้วย และเมื่ออิงปูเลือกเข้ากับถังหยิน งั้นแล้วพวกเขาก็ย่อมไม่คิดจะปล่อยให้ทรราชหนีไปได้ !!
“น…นะ…นี่… !”
อิงปูไม่คิดฟังคำพูดจากทหารรอบข้าง เขาหันกลับไปถามทหารหน่วยสอดแนมของตนว่า “ไหนซ่งเทียนกับพวกหนิงกัน ?”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ทหารผู้นั้นก็พลันกวาดสายตาออกไป ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง และรายงานว่า “พวกเขาอยู่ตรงนั้น ห่างจากพวกเราไป 2 ลี้ ทั้งยังมีกำลังเพียงไม่กี่ร้อนนาย”
อิงปูตะลึงก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ข้าไม่คิดว่ากำลังทหารหลายแสนจะถูกกวาดล้างง่ายดายขนาดนี้ นี่มันช่างดีจริง ๆ พวกหนิงจะต้องถูกสยบแน่ !”
มาตอนนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอิงปูเทใจให้กับถังหยินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ท่านจะหัวเราะอะไรกัน ?” โจวชุนที่รีบวิ่งขึ้นมาบนกำแพงหน้าด่านในจังหวะนั้นเอ่ยขึ้นสวนกลับไป
ตอนแรกอิงปูก็กลัวโจวชุนอยู่บ้าง แต่มาในตอนนี้เขาไม่อดกลั้นอะไรอีกต่อไปแล้ว “ท่านโจวรู้หรือเปล่าว่าพวกหนิงมาถึงที่นี่แล้ว ?”
โจวชุนรีบยิ้มออกมาทันที “ข้าเองก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน”
อิงปูแอบด่าอีกฝ่ายในใจเพราะเขาเพิ่งจะพูดเมื่อครู่นี้เอง แต่แล้วก็มีทหารขึ้นมารายงานพวกเขาเสียก่อน “ท่านแม่ทัพ มีม้ากำลังวิ่งเข้ามาที่นี่ !”
อิงปูมองออกไปข้างนอกนั่นก็เห็นทหารม้ากำลังวิ่งเข้ามาจริง ๆ แต่เป็นทหารม้าของพวกหนิง
“นั่นพวกหนิง !” โจวชุนเริ่มตื่นเต้น เขาเร่งวิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วในทันทีโดนไม่ฟังคำใด
ส่วนอิงปูก็เอาแต่มองอีกฝ่ายจากด้านบน ด้วยไม่รู้ว่าโจวชุนกำลังดีใจทำไมกัน ?
“แม่ทัพอิงปู เจ้ารออะไรอยู่กัน เปิดประตูเร็วเข้า !” โจวชุนลืมตัวเองไปแล้ว เขาร้องสั่งทันทีโดนไม่สนใจสายตาของคนอื่น
ได้ยินแบบนั้นพวกทหารก็พากันชักดาบออกมาแล้ว เหลือแค่เพียงรอคำสั่งจากอิงปูเท่านั้น
แต่อิงปูกลับพูดขึ้น “พวกเราก็ไปข้างล่างกันเถอะ”
อิงปูและโจวชุนกับแม่ทัพอีกนิดหน่อยลงมาข้างล่างพร้อมกับทหารม้าอีก 3 พันนายเพื่อรอต้อนรับพวกหนิง