ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 422
บทที่ 422
บทที่ 422
“ขะ…?” จีหยิงลังเลแล้วก็เงียบไป
ถังหยินที่เห็นดังนั้นจึงถามว่า “…มันเกิดปัญหาขึ้นใช่หรือไม่ ?”
จีหยิงกล่าวว่า “นายท่านขอรับ ตอนนี้สถานการณ์ทางเหนือยังไม่ชัดเจน เราควรรอให้เนตรเวหาและเครือข่ายใยพิภพตรวจสอบทุกอย่างให้กระจ่างซะก่อน”
ถังหยินหัวเราะและถาม “เจ้าคิดว่าเราจะถูกโจมตีใช่ไหม ?”
จีหยิงพยักหน้าและกล่าวด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบัง “ซ่งเทียนและเหล่าแม่ทัพที่อยู่ภายใต้เขาไม่ใช่ปัญหา แต่กับจ้านอู่ฉางไม่เหมือนกัน ถ้าเราถูกโจมตีในระหว่างการข้ามแม่น้ำ นั่นอาจจะก่อให้เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ได้”
“อืม… ?” นี่เป็นสิ่งที่ถังหยินไม่คาดคิด เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตะโกน “ทหาร !”
เมื่อสิ้นเสียงของเขา นายทหารผู้หนึ่งก็พลันเข้ามาจากข้างนอก “ขอรับ…”
ถังหยินกล่าวว่า “ไปเรียกหลีเทียนและอัยเจียมาที่นี่”
“ขอรับ นายท่าน !”
นายทหารผู้นั้นรับคำสั่งและออกไปในทันที ก่อนที่ถังหยินจะขอให้จีหยิงนำแผนที่ของเมืองหลีชานมาด้วยเพื่อทำการตรวจสอบภูมิประเทศโดยรอบอย่างละเอียด
…เมืองหลีชานตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนใต้ของแม่น้ำและนอกเหนือจากท่าเรือเล็ก ๆ แล้ว มันก็มีแต่พื้นป่าขนาดใหญ่ที่หนาแน่น
หลังจากนั้นไม่นานหลีเทียนและอัยเจียก็มาถึงทีละคน พวกเขาต่างแสดงความเคารพต่อถังหยิน
ถังหยินถาม “พวกเจ้าสองคนส่งสายลับไปตรวจสอบอีกด้านหนึ่งแล้วใช่ไหม ?”
หลีเทียนกับอัยเจียมองหน้ากันและแอบขมวดคิ้ว ฝ่ายหลังไม่ตอบกลับ ส่วนหลีเทียนกล่าวอย่างเงียบ ๆ ว่า “ข้าส่งพวกเขาออกไปแล้วขอรับ แต่ยังไม่มีข่าวใด ๆ กลับมาเลย”
ถังหยินเลิกคิ้วและพูดว่า “นี่ 5 วันเข้าไปแล้วนะ ไร้ข่าวคราวใด ๆ เลยอย่างนั้นเหรอ ?”
“มันเป็นแบบนี้เพราะไม่มีเรือในเมืองหลีชาน ถ้าเราต้องการไปถึงอีกฝั่ง จึงทำได้แค่ว่ายน้ำไป แต่ทว่าพวกเราส่วนใหญ่มาจากเขตเทียนหยวนที่ทั้งหนาวและแห้ง ดังนั้นแล้วจึงมีพวกเราส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถทำได้”
มีหน่วยสอดแนมจากเนตรเวหาและเครือข่ายใยพิภพไม่มากนักที่ติดตามกองทัพ และยิ่งมีน้อยเข้าไปอีกที่ว่ายน้ำเก่ง แต่ก็ยังมีบางคนที่ทำได้ ดังนั้นนี้ในขณะที่กองทัพเทียนหยวนเข้าสู่เมือง หลีเทียนและอัยเจียก็ได้ส่งหน่วยสอดแนมของพวกเขาออกไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ทว่าถึงจะทำเช่นนั้น หากแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สิ่งใดกลับมาเลย
ถังหยินแตะที่หน้าผากของเขาและถาม “แล้วเราจะได้ข้อมูลที่แน่นอนกลับมาเมื่อไหร่ ?”
“เรื่องนั้น ?” หลีเทียนหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง ทว่าหลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็จึงยกมือขึ้นและพูดว่า “กองทัพมีแพอยู่แล้ว อัยเจียและข้าจะส่งพี่น้องของเราไป อย่างเร็วที่สุดก็คง 5 วันข..”
โดยไม่รอให้เขาพูดจบ ถังหยินกลับขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน “ต้องรออีก 5 วันอย่างนั้นหรือ ?”
ร่างกายของหลีเทียนสั่นสะท้านขณะที่เขารีบพูด “ภายใน 3 วัน ข้าจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ท่านขอรับ”
“ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้” ถังหยินเหล่ตาของเขาและพูดอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่สนใจว่าศัตรูจะซุ่มโจมตีอีกด้านหนึ่งหรือไม่ แต่การข้ามแม่น้ำเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่สุด !” ท้ายที่สุดถังหยินก็ยังไม่ได้ขึ้นเป็นอ๋อง และมันก็เป็นเวลานานเกินไปแล้วหลังจากที่เขาออกจากเมืองหลวง ซึ่งมันก็ทำให้เขากังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ดังนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาก็หวังว่าสงครามจะจบลงโดยเร็วเพื่อที่จะได้กลับเมืองหลวงเสียที !
หลังจากที่จีหยิงฟังคำพูดของชายหนุ่มจบ หัวใจของจีหยิงก็พลันสั่นสะท้านขณะที่เขาถามว่า “นายท่านหมายถึง ?”
“พรุ่งนี้เช้าให้ทหาร 6 พันนายข้ามแม่น้ำไปก่อน เพื่อไปตั้งค่ายที่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นกองทัพใหญ่ของข้าจะตามไปทีหลัง” ถังหยินกล่าวอย่างหนักแน่น
จีหยิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขานึกถึงคำพูดที่ถังหยินพูดกับเขาเมื่อสองสามวันก่อน มันก็ทำให้เขาตัดสินใจกลืนคำพูดกลับไป
เมื่อเห็นจีหยิงเงียบงันเช่นนี้ ถังหยินก็อดหัวเราะไม่ได้และถามว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านคิดอย่างไร ?”
“ข้าว่า… ข้าจะทำตามที่ท่านเสนอ” ใบหน้าของจีหยิงดูมีปัญหาและหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจทำตามคำพูดของถังหยิน
“ดี !” เนื่องจากจีหยิงไม่คัดค้าน ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นไปตามนั้น “ทุกคนจงกลับได้เตรียมตัวข้ามแม่น้ำพรุ่งนี้เช้า !”
“ขอรับ นายท่าน !”
จีหยิง หลีเทียนและอัยเจียกล่าวอำลาก่อนจะออกจากห้องของถังหยินไป
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หยวนยู่ทำตามคำสั่งของถังหยินที่ให้นำทหารกองทัพเทียนหยวน 6 พันนายขึ้นแพเพื่อข้ามแม่น้ำไปก่อน
แพที่กองทัพเทียนหยวนสร้างขึ้นนั้นเรียบง่ายมาก พวกเขาเพียงจัดเรียงกองไม้ยาวเจ็ดถึงแปดท่อนและมัดเข้าด้วยกันด้วยเชือกป่าน แพแต่ละแพสามารถรองรับคนได้มากที่สุด 20 คนและด้วยแพไม้ 300 แพ มันก็แทบจะไม่เพียงพอสำหรับทหาร 6 พันนาย
ก่อนที่หยวนยู่จะขึ้นไปบนแพ จีหยิงก็พลันเดินไปข้างหน้าและกล่าวเตือนเขาด้วยเสียงต่ำ “แม่ทัพหยวนยู่ ท่านต้องระมัดระวังในการข้ามแม่น้ำในครั้งนี้ ขออย่ารีบไปข้างหน้าเด็ดขาด หากพบการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ให้ถอยกลับมาในทันที !!”
หยวนยู่ไม่ได้ฟังคำเตือนของจีหยิงเลย เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ และกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” หยวนยู่มีความหยิ่งผยองมาโดยตลอด และตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองทัพ เขาก็ไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงเขาได้เลย มันก็จึงยิ่งทำให้ตัวเขายิ่งมั่นใจในตัวเองเข้าไปใหญ่
เมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น จีหยิงก็รู้ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นไร้ประโยชน์ จึงได้แต่ถอนหายใจเงียบ ๆ และไม่พูดอะไรอีก
พื้นผิวของแม่น้ำตรงหน้ามีความกว้างประมาณ 150 จั้งได้ ส่วนกระแสน้ำก็ถือว่าเร็วมาก ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะข้ามฟากไป และด้วยเหตุนี้ ทางกองทัพเทียนหยวนจึงได้เชิญคนที่คุ้นเคยกับแม่น้ำสายนี้เป็นพิเศษมาด้วย เพื่อให้เขาช่วยบังคับแพข้ามฝั่งไป
หยวนยู่ก้าวขึ้นไปบนแพ หันศีรษะมองไปยังถังหยินซึ่งนอนอยู่ในรถม้า ก่อนที่เขาจะประสานมือและตะโกน “นายท่าน ข้าขอตัวก่อนขอรับ !”
ถังหยินพยุงร่างกายขึ้นด้วยศอกจากนั้นยิ้มและโบกมือให้หยวนยู่ ส่วนฝ่ายหลังก็มองมาที่เขาและโบกแขน จากนั้นจึงร้องสั่งว่า “เตรียมออกเดินทางได้ !”
ฟุ่บ !
ภายใต้คำสั่งของหยวนยู่ แพไม้ทั้ง 300 ลำก็พลันแล่นออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน โดยมีชาวเมืองทำหน้าที่ควบคุมหางเสือจากการใช้เสาไม้ไผ่ยาวเพื่อควบคุมทิศทางของแพ ในขณะที่ทหารเฟิงบนแพก็ได้ใช้ไม้กระดานขนาดเล็กพายไปตามผิวน้ำ ทำให้แพเล็ก ๆ เหินข้ามแม่น้ำด้วยความเร็วสูงยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นานแพก็เข้าสู่ใจกลางแม่น้ำได้สำเร็จ และเมื่อเห็นชายฝั่งที่เงียบสงบต่อหน้าพวกเขา หยวนยู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดอย่างแผ่วเบา “เว้นแต่ศัตรูจะเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหรอก !”
ทหารบนแพลำเดียวกันกับเขาทุกคนหัวเราะออกมาและพูดว่า “แค่พวกมันรู้ว่าแม่ทัพหยวนยู่เป็นผู้นำทัพ พวกมันก็คงจะกลัวหัวหดกันแล้ว”
เขาหยิ่งผยองและภาคภูมิใจในตัวเองยิ่ง ทว่าจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงนกหวีดดังมาจากป่าอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่กองทัพเฟิงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นก้อนหินพุ่งออกมาจากด้านบนของป่าจนกระทั่งมันกระแทกไปที่แพของกองทัพเทียนหยวน
“บัดซบ ! มีการซุ่มโจมตี !” หยวนยู่ส่งเสียงร้องออกมาตามสัญชาตญาณ ในขณะเดียวกันก็สวมเกราะปราณของเขาทันที จากนั้นจึงชักดาบสองเล่มคู่ใจของเขาออกมา
เขาเห็นหินยักษ์มากกว่ายี่สิบก้อนกลิ้งตกลงมาจากแนวป่ากระแทกลงสู่แม่น้ำสูงพร้อมกับเสียงดังสนั่น ทำให้เกิดเสาน้ำสูงหลายจั้ง จนแพโดยรอบแกว่งไปทางซ้ายและขวา ส่งผลให้มีทหารหลายคนในนั้นตกลงไปในแม่น้ำ
…มีผู้คนที่ตกลงไปตะโกนบนผิวน้ำเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะถูกพัดพาลงไปในแม่น้ำและสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่เป็นเพียงก้อนหินที่ไม่โดนเป้าหมายจัง ๆ เท่านั้น เพราะยังมีหินบางก้อนที่ทุบลงบนแพไม้อย่างแรง ทำให้ทหารที่อยู่บนนั้นร่างแหลกละเอียดในพลัน ส่วนคนที่รอดก็จะตกลงในแม่น้ำเนื่องจากแพแตก ก่อนที่พวกเขาจะลอยหายไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก
…มีทหารกองทัพเฟิงที่น่าสงสารจำนวนมากทีเดียวที่เสียชีวิตที่ก้นแม่น้ำโดยไม่แม้แต่จะได้ตอบโต้
หยวนยู่ได้แต่ปล่อยพวกเขาไป ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เช่นเดียวกับใบหน้าดำคล้ำของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงขณะที่ร้องคำราม “อย่ามาขวางทางข้า !!” และเร่งความเร็วเข้าหาชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
ฝ่ายตรงข้ามใช้เครื่องยิงหินหรืออะไรทำนองนั้น อาวุธแบบนี้คงไปได้ไม่ไกล ถ้าผ่านระยะการยิงด้านหน้าไปได้ สถานการณ์คงจะดีขึ้น แต่ทว่าสิ่งต่าง ๆ มันไม่ง่ายอย่างนั้น !!!
แพที่หยวนยู่เป็นผู้นำพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่ออยู่ห่างจากฝั่งเพียงสิบกว่าจั้ง ในเวลานั้นเสียงนกหวีดก็พลันดังขึ้นอีกครั้งจากป่าทึบตรงข้าม ก่อนเป็นกองทัพเปิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่วิ่งออกจากป่า ในมือของพวกเขาเต็มไปด้วยลูกศรชุบน้ำมัน และหลังจากจุดไฟแล้ว พวกเขาก็พลันยิงไปยังแพบนแม่น้ำ !!!
หยวนยู่ไม่มีเวลาคิดมากนัก รีบเข้าต้านรับลูกศรติดไฟด้วยดาบปราณ และถึงเขาจะปกป้องตัวเองได้ แต่ชายเลือดร้อนกลับไม่สามารถปกป้องทุกคนบนแพได้ หลังจากฝนธนูระลอกแรกผ่านไป ทหารที่อยู่ข้างหลังหยวนยู่ก็ถูกยิงจนตาย และแม้แต่คนที่ถือหางเสือเองก็โดนลูกศรสองสามดอกจนตกลงไปในแม่น้ำเช่นกัน
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป กว่าจะได้ขึ้นฝั่ง …พวกเขาก็คงจะต้องตายเป็นแน่แท้ !! เพราะแพไม้นั้นไม่มีที่ให้หลบแม้แต่น้อย
สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือไฟเริ่มลุกลามไปทั่วทั้งแพอย่างรวดเร็ว และถึงมันจะถูกแช่ในน้ำจึงไม่สามารถเผาไหม้ได้ทั้งหมด แต่เชือกป่านที่ผูกเสาก็ไม่สามารถทนไฟได้ ทำให้ในไม่ช้ามันก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้ทหารตกน้ำกันไปมากมาย
ในทันใดนั้น น้ำในแม่น้ำพลันถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดของกองทัพเฟิง แพไม้มากกว่าครึ่งจากสามร้อยถูกทำลายลงในทันที ส่วนเหล่าทหารก็ได้แต่ไหลไปตามคลื่นอย่างไร้ทางต่อต้าน