ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 425
บทที่ 425
บทที่ 425
“อ่า… เป็นเช่นนี้นี่เอง !” ถังหยินผงกศีรษะ ด้วยในเวลานั้นแคว้นเฟิงกำลังเข้าสู่สมรภูมิ ก่อนที่จะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ย่อยยับ
…การต่อสู้ครั้งนั้นสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับแคว้นเฟิง
ชายหนุ่มถอนหายใจและพูดว่า “พี่ใหญ่ของเจ้ามีความภักดีต่อแคว้นอย่างแท้จริง เขาได้สละชีวิตเพื่อแคว้น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะตายไป …เขาก็ยังคงถือเป็นวีรบุรุษของแคว้นเฟิง !!”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังหยิน จ้าวอันพลันรู้สึกสะเทือนใจจนพูดออกมาว่า “พี่ใหญ่ของข้าคงจะดีใจที่ได้ยินเช่นนี้”
ถังหยินคุยกับจ้าวอันไปตลอดทาง จนกระทั่งจ้าวอันหยุดและหันไปยิ้มให้ชายหนุ่ม “นายท่าน เรามาถึงแล้วขอรับ !”
ทุกคนต่างตื่นตัวขึ้นมาในทันที ด้วยสถานที่แห่งนี้อาจกล่าวได้ว่ารกร้าง ด้านหน้าของพวกเขาคือแม่น้ำและด้านหลังเป็นภูเขาที่สวยงามตระหง่าน ส่วนรอบด้านก็เป็นป่าทึบที่รกไปด้วยวัชพืชกับก้อนหินมากมาย
เฉิงจินเดินไปที่ริมแม่น้ำและมองเข้าไปข้างใน จากนั้นจึงทดลองหยิบเศษหินโยนลงไปในแม่น้ำ
…ด้วยเสียงดัง ต๋อม ! เศษหินก็พลันจมลงสู่ก้นแม่น้ำในทันที ทำให้เฉิงจินไม่อาจรู้ได้เลยว่าแม่น้ำลึกแค่ไหน ทว่าเขาก็เชื่อว่ามันคงไม่ลึกเกินหัวคน ดังนั้นจึงหันหน้าไปมองจ้าวอันและถามว่า “นี่คือจุดที่เจ้าว่าอย่างนั้นเหรอ ?”
จ้าวอันหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “เฉพาะช่วงนี้เท่านั้นที่ระดับน้ำจะต่ำ ในช่วงอื่นแทบจะเดินข้ามไปไม่ได้เลย”
ถังหยินถาม “เชือกที่เชื่อมกับอีกด้านอยู่ที่ไหน”
“นี่ขอรับ !” จ้าวอันเดินไปที่ด้านหน้าก้อนหินขนาดยักษ์ ก่อนจะนั่งยอง ๆ และผลักวัชพืชบนพื้นออกไป จากนั้นจึงทำการเคลื่อนย้ายหินสองสามก้อนออกไปแล้วเอื้อมมือไปคว้าลงจับเชือกที่หนาเท่าสองนิ้วบนพื้นขึ้นดึงอย่างแรง
สิ่งที่คน ๆ นี้พูดเป็นเรื่องจริง ! ถังหยินเดินไปอย่างรวดเร็ว ลดศีรษะลงและมองไปที่เชือกเส้นหนาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหันศีรษะของเขาไปทางเฉิงจินและพูดว่า “ดึงมันขึ้นมาตรวจสอบก่อน !”
“ขอรับ นายท่าน !”
เฉิงจินก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและจับเชือก จากนั้นจึงเรียกเกราะปราณออกมาก่อนจะจับเชือกอย่างแน่นหนาเหมือนคีมเหล็กและใช้กำลังทั้งหมดดึงเข้าหาตัวเอง !
มีเสียงดังขึ้น ก่อนเชือกซึ่งเดิมซ่อนอยู่ในแม่น้ำจะทำให้ผิวน้ำเกิดการกระเพื่อมอย่างแรง
…แท้จริงแล้วเชือกที่ถูกดึงขึ้นนั้นยังคงจมอยู่ในผิวน้ำ จึงพอจะมองเห็นแค่เพียงเงาของเชือกที่ปรากฏอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างคลุมเครือเท่านั้น
เฉิงจินหายใจเข้า จากนั้นจึงทดลองดึงเชือกกลับอย่างเต็มกำลังอีกหลายครั้งติดต่อกัน ก่อนจะวางเชือกลงแล้วพยักหน้าให้ถังหยินเป็นการยืนยัน
รอยยิ้มของถังหยินกว้างขึ้นเมื่อเขาหันมองไปที่จ้าวอันและถามว่า “จ้าวอัน เจ้าใช้เชือกเส้นนี้ข้ามมาโดยตลอดเลยงั้นหรือ ?”
“ขอรับ แค่เกาะเชือกเส้นนี้ในระหว่างที่ข้ามน้ำก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องจมน้ำหรือว่าถูกคลื่นซัดแล้ว” จ้าวอันหัวเราะและกล่าว
ถังหยินพยักหน้ารับพลางงอตัวลงตรวจสอบเชือกอย่างระมัดระวังเขาพึมพำ “ไม่เลว ไม่เลว ไม่เลวเลย เจ้าทำได้ดีมาก !”
“คนต่ำต้อยคนนี้ข้ามแม่น้ำเพียงเพื่อประหยัดเงินเท่านั้น ท่านกล่าวเกินไปแล้วขอรับ” จ้าวอันถูมือหยาบ ๆ ของเขาเข้าด้วยกันขณะที่หัวเราะแห้ง ๆ
ถังหยินที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มเงียบ ๆ ดวงตาของเขาหันกลับมาขณะที่คำนวณในใจว่าจะข้ามแม่น้ำโดยใช้เชือกเส้นนี้ได้หรือไม่ …ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะว่ายน้ำอย่างไร แต่เขารู้สึกว่าถ้าตนไม่ได้บาดเจ็บ ก็ย่อมสามารถใช้เชือกเส้นนี้เป็นตัวพยุงข้ามแม่น้ำไปได้ แค่อาจจะใช้เวลามากกว่าปกตินิดหน่อย
…ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็พลันหันมองไปยังเหล่าผู้ติดตามแล้วถามว่า “พวกเจ้าคิดว่าจะข้ามไปได้หรือไม่ ?”
หลีเทียนและอัยเจียต่างมองหน้ากัน ก่อนจะตอบพร้อมกันว่า “แน่นอนขอรับ”
เฉิงจินตรงไปตรงมามากยิ่ง ขณะที่เขายักไหล่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วพูดว่า “นายท่าน ข้าขอลองก่อนขอรับ !”
สิ่งนี้ตรงกับความตั้งใจของถังหยิน เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เฉิงจิน ระวังตัวด้วย”
“ขอรับ !”
เฉิงจินถอดเสื้อผ้าและรองเท้าออกโดยมีเพียงกางเกงขาสั้น ก่อนจะคว้าจับเชือกแล้วเดินลงไปในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินออกไปมากกว่า 6 จั้ง จนในจังหวะนี้น้ำในแม่น้ำสูงถึงศีรษะแล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือของเชือก เฉิงจินจึงไม่ได้จมลงไป
ถังหยิน หลีเทียนและอัยเจียเฝ้าดูจากฝั่งอย่างไม่วางตา ขณะที่เฉิงจินเดินลึกเข้าไปในแม่น้ำ หัวใจของพวกเขาก็พลันเต้นระรัว ไม่นานนักเฉิงจินก็มาได้ไกลกว่า 30 จั้งแล้ว ทว่าเขาไม่จมลงไปแต่อย่างใด และเมื่อมองจากระยะไกล เขาก็ดูเหมือนเพียงจุดสีดำเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น
เมื่อเห็นจนถึงตรงนี้ ถังหยินก็รู้สึกโล่งใจแล้ว เนื่องจากที่เหลือจากนี้ก็คงไม่มีปัญหาใดอีก…
ในขณะที่เขากำลังตื่นเต้น ทันใดนั้นก็พลันมีการเคลื่อนไหวในอีกด้านหนึ่ง ! …เป็นหน่วยลาดตระเวนของกองทัพเปิงที่ประกอบด้วยคนสิบคนเดินมาจากทางตะวันตก
เดิมพื้นผิวแม่น้ำมีความกว้างมากกว่า 90 จั้ง ดังนั้นด้วยระยะทางขนาดนี้คนธรรมดาคงจะไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ในอีกด้านหนึ่งได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามด้วยสายตาที่น่าประหลาดใจของถังหยินและชุดเกราะสีแดงที่โดดเด่นของพวกเปิง มันก็ทำให้ชายหนุ่มค้นพบร่างของศัตรูได้ในทันที
ถังหยินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “บัดซบแล้ว ! พวกเปิงมาทางนี้ !” หลังจากพูดจบ เขาก็พลันก้มลงหยิบเศษหินจากนั้นก็ดึงจ้าวอันที่อยู่ข้าง ๆ พามาซ่อนไว้หลังก้อนหินขนาดใหญ่ และแม้ว่าหลีเทียนกับอัยเจียจะไม่เห็นว่าศัตรูอยู่ที่ใด แต่พวกเขาก็ซ่อนตัวอย่างรวดเร็วโดยอาศัยต้นไม่โดยรอบเพื่อปกปิดร่องรอย
ถังหยินเห็นหน่วยลาดตระเวนของกองทัพเปิงแล้ว แต่เฉิงจินที่อยู่กลางแม่น้ำ… ว่าแล้วชายหนุ่มก็พลันยื่นหน้าออกไป ก่อนจะเหวี่ยงส่งก้อนหินในมือของเขาให้พุ่งเข้าหาเฉิงจิน
“จ๋อม !”
หินก้อนนั้นไม่ใหญ่นัก ทำให้เมื่อมันตกลงไปในน้ำเกิดเสียงเบายิ่ง ทว่าด้วยเพราะตกลงต่อหน้าเฉิงจิน เขาจึงหันไปมองถังหยินและคนที่เหลือตามสัญชาตญาณ ทว่าในเวลานี้กลับไม่มีใครอยู่บนฝั่ง มันว่างเปล่าราวกับว่าถังหยินและอีกสองคนหายไปซะเฉย ๆ เสียอย่างนั้น
เกิดอะไรขึ้น ? คนที่เหลือทิ้งเขาเอาไว้อย่างนั้นเหรอ ?! เฉิงจินตกใจ แต่แล้วเขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วและหันกลับมาจ้องมองอย่างกังวล จากนั้นจึงยืดคอมองไปที่ชายฝั่งข้างหน้า ก่อนพบเข้ากับหน่วยลาดตระเวนของกองทัพเปิงที่เดินขบวนผ่านมา
….ถ้าเขาถูกพบ สถานการณ์คงจะเลวร้ายยิ่ง เพราะเมื่ออยู่กลางน้ำเช่นนี้ จะให้ตอบโต้หรือหนีกลับก็คงยาก และเมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็ไม่รอช้า พลันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วย่อตัวลงไปในน้ำทันที
ความเร็วของหน่วยลาดตระเวนนี้ไม่เร็วมากนัก ราวกับว่าพวกเขาทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ใบหน้าของทหารเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างหนัก และในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไป มันก็ไม่มีคนพูดแม้แต่คนเดียวจนทำให้ดูไร้ชีวิตชีวา
พวกเขาเดินช้า ๆ ไปตามชายฝั่ง บางครั้งก็เหลือบมองไปที่ฝั่งตรงข้าม แต่เมื่อไม่เห็นสิ่งใดที่ผิดปกติ พวกเขาก็จะถอนสายตาและเดินลาดตระเวนต่อไป
การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้า แต่ถังหยินกังวลมากจนแทบจะลุกเป็นไฟ เพราะขณะนี้เฉิงจินกำลังกลันหายใจหลบซ่อนอยู่ในแม่น้ำ !!!
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ด้วยกองลาดตระเวนยังคงเดินอย่างสบาย ๆ และหลังจากที่คนพวกนั้นผ่านไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่รอช้า เร่งขว้างปาหินแถวนั้นลงไปในน้ำอย่างแรง
หลังผ่านไปสักพัก เมื่อไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากเฉิงจินที่อยู่ใต้น้ำ ถังหยินก็ไม่รอช้า เขาสถบออกมาก่อนจะถอดเสื้อผ้าจนเหลือทิ้งไว้เพียงแค่กางเกงแล้วทำท่าจะกระโดดลงไปในแม่น้ำโดยพลัน
ภาพตรงหน้าทำเอาหลีเทียนและอัยเจียที่นอนอยู่บนพื้นต่างตกใจทั้งคู่กระโดดขึ้นและดึงตัวถังหยินกลับมา ก่อนจะพูดอย่างกระวนกระวาย “นายท่าน มันอันตรายนะขอรับ !!”
ตอนนี้ถังหยินได้สูญเสียเสาหลักของกลุ่มศรทมิฬไปคนหนึ่งแล้ว เขาไม่อาจสูญเสียเฉิงจินได้อีก โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขาผลักหลีเทียนและอัยเจียออกไป แต่ในขณะนั้นชายหนุ่มพลันได้ยินเสียงกระโจนจากแม่น้ำ ก่อนเป็นเฉิงจินที่โผล่หัวขึ้นมาในสภาพที่อิดโรยจากการขาดอากาศ
เมื่อเห็นว่าเฉิงจินสบายดี ร่างกายของถังหยินก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะหัวเราะราวกับว่าภาระอันหนักอึ้งถูกยกออกจากไหล่….
เนื่องจากการลาดตระเวนของศัตรูเพิ่งผ่านไป เฉิงจินจึงไม่กล้าที่จะเดินต่อไปอีกด้าน เขาจับเชือกแล้วถอยกลับอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ขึ้นฝั่ง หลีเทียนและอัยเจียก็นำเสื้อผ้าของเฉิงจินมาให้ ก่อนเป็นเจ้าตัวที่กำลังหอบหายใจอย่างหนักเดินไปตรงหน้าถังหยินและยิ้ม “นายท่าน เกือบไปแล้วไหมละขอรับ”
อัยเจียพูดจากด้านข้าง “ถ้าเจ้าโผล่ขึ้นมาจากน้ำช้ากว่านี้เพียงนิด นายท่านก็คงกระโดดลงน้ำไปแล้ว …ยังดีที่พวกข้าสองคนห้ามนายท่านเอาไว้ได้ทัน”
เฉิงจินรู้สึกตะลึง ก่อนจะคว้าจับมือถังหยินและพูดว่า “นายท่าน นี่ท่าน ?”
ถังหงยินโบกมือและขัดจังหวะอีกฝ่ายไม่ให้พูดเรื่องนี้อีก จากนั้นจึงร้องถามกลับไป “เชือกนั่นเป็นยังไงบ้าง ?”
“ไม่เลว แต่ถ้าจะข้ามไปให้อีกฝั่ง คงต้องใช้แรงมหาศาล” เฉิงจินตอบตามความเป็นจริง