ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 445
บทที่ 445
บทที่ 445
กู่เฟิงบอกว่าจะกลับไปยังที่พักของตนก็จริง แต่ว่าในใจเขายังไม่คิดยอมแพ้ ทว่าเม็ดเหงื่อก็พลันเริ่มผุดขึ้นมา เมื่อพบว่าถังหยินส่งคนออกมาเฝ้าจับตาดูเขาไว้แทบจะตลอดเวลา !!
เป็นไปไม่ได้ กู่เฟิงส่ายหัว ถ้าถังหยินมองออก ชายหนุ่มก็คงสั่งให้คนมาจับตัวตนไปประหารแล้วด้วยซ้ำ นอกจากนี้กองเสบียงก็ยังถูกเคลื่อนย้ายไปอีก นี่มันเป็นไปตามแผนของเขาทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือไร ?!
หัวใจของเขาเต้นตึกตักตอนที่เจียฉีพูดอย่างหมดความอดทน “ท่านกู่ ไปกันได้แล้ว”
เมื่อกู่เฟิงได้สติ เขาก็หัวเราะแห้ง ๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในที่พักตนพร้อมกับเจียฉี โดยที่อีกฝ่ายนั้นก็เอาแต่นั่งอยู่ตรงหน้าที่พักและไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นแบบนั้นกู่เฟิงก็พลันหน้าซีดเผือด พลางคิดว่าเหตุใดพวกผู้ใช้ศาสตร์มืดถึงมักชอบทำตัวน่ารำคาญแบบนี้กันนะ ? เจียฉีคนนี้เหมือนกับเจี๋ยนฟานไม่มีผิด แม้ว่าอีกฝ่ายจะนั่งอยู่เฉย ๆ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกถูกกดดันได้แล้ว
อีกด้านหนึ่ง ถังหยินเองก็กำลังเตรียมขั้นตอนสุดท้ายอยู่
เพราะเมืองจางหยูมีคนที่เก่งกาจและชาญฉลาดเช่นจ้านอู่ฉางอยู่ มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ ด้วยอาจโดยตลบหลังเมื่อไหร่ก็เป็นได้ทั้งนั้น ! และเพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น ถึงหยินจึงได้วางแผนเพิ่มเติมที่ค่ายกลางและเพิ่มจุดซุ่มโจมตีมากขึ้น ก่อนจะคิดลังเลว่าใครดีที่ควรนำทัพขึ้นเหนือไป ?
เพื่อล่อให้ศัตรูเข้ามาติดกับคงจำต้องทำเป็นติดกับศัตรูเสียก่อน ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงควรจะส่งกองทัพทั้งหมดเข้าปะทะไปเลย แต่ทว่า…
มูฉิงและจีหยิงมั่นใจว่าแผนนี้จะต้องได้ผลแน่ แต่เมื่อถังหยินคิดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เขาก็พบว่ามีโอกาสสูงทีเดียวที่จะเจอเข้ากับการโต้กลับ !
และเมื่อคิดได้แบบนั้น ท้ายที่สุดแล้วถังหยินก็จึงสั่งให้กองทัพของจีหยิงเข้าโจมตีในศึกคืนวันนี้ !!
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น จีหยิงก็เข้าใจสิ่งที่ถังหยินต้องการ ด้วยพวกปิงหยวนคือกองทัพที่แท้จริงและไม่เหมาะแก่การนำไปสู้รบในตอนนี้ ดังนั้นแล้วกองทัพอินทรีสวรรค์จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี !!
เมื่อได้รับคำสั่ง จีหยิงก็ไม่รอช้าแม้แต่น้อย เขารีบใช้โอกาสนี้สั่งให้ทหารของตนเข้ามารวมตัวกันในทันที !!
…ส่วนเหตุผลที่เลือกกองทัพอินทรีสวรรค์ มันก็ด้วยเพราะกองทัพของจีหยิงในเวลานี้ไม่ใช่กองทัพใหญ่ และถ้าเกิดการสูญเสียไป มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น !
อันที่จริงมันอาจจะใช้เวลานานถ้าหากอยากจะเกณฑ์กำลังพลใหม่ให้ได้หลักหมื่น แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวลในเวลานี้
…ว่าแล้วจีหยิงก็พลันสั่งให้พวกทหารสวมชุดเกราะกับนำหอกและหมวกเกราะเพิ่มเติมไปด้วย
ทำให้เมื่อมองเข้ามา จะพบว่ากองทัพของจีหยิงนั้นแปลกมาก ทั้ง ๆ ที่พวกเขาต่างก็สวมเกราะกับหมวกและถือหอกอยู่แล้ว แล้วจะให้เอาหมวกเกราะไปอีกทำไมกัน ?
ทว่าจีหยิงไม่ได้อธิบายสิ่งใด เขาเพียงหยิบหอกกับหมวกเพื่อปักมันไว้ ก่อนที่เขาจะใช้ดาบตัดตัวหอกทิ้ง
เมื่อด้ามจับของหอกถูกตัดออก จีหยิงก็หยิบหมวกอีกอันเอามาปักไว้แล้วชูมันขึ้น
ครั้งนี้จีหยิงพยักหน้าให้อย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงกลอกตาแล้วบอกให้พวกทหารทำตาม ซึ่งพวกเขาก็พลันเร่งดำเนินการโดยไม่ปริปากถามใด ๆ ก่อนที่พวกเขาจะพากันยืนห่างเว้นระยะให้มีพื้นที่กว้างพอประมาณ
เมื่อจีหยิงมองพวกทหารที่ตอนนี้เป็นเหมือนกลุ่มก้อนมวลสารสีดำ ๆ ที่กระจายตัวอยู่ตรงหน้า เขาก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้พวกเปิงจะมองยังไงก็ไม่มีทางคิดออกหรอกว่าพวกเขายืนแยกกันและใช้ลูกเล่นแบบนี้ !!!
ที่แท้นี่นี่ก็คือแผนการเพิ่มจำนวนทหารโดยที่ไม่ต้องเพิ่มทหารจริง ๆ!
ในเวลานี้พวกทหารเข้าใจแล้วจีหยิงกำลังทำอะไร พวกเขาถามทันที “ท่านแม่ทัพต้องการจะใช้แผนนี้จริง ๆ หรือขอรับ ?”
“แน่นอน” จีหยิงชูหอกขึ้นแล้วหัวเราะ “แบบนี้เราจะสามารถเพิ่มจำนวนทหารได้มากถึงแสนนายเลยทีเดียว ต่อให้พวกมันจะเตรียมพร้อมมาดีแค่ไหน …ก็ไม่มีทางมองออกแน่ !”
จีหยิงไม่สนใจว่าลูกน้องกำลังคิดอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดต่อในทันที “ให้ทุกคนทำตามที่ข้าสั่งซะ แล้วคืนนี้เราจะออกไปรบกัน !”
คืนนั้นทั้งเมืองจางหยูและเทียนหยวนต่างเงียบสงบผิดปกติ ทว่าด้านในกลับเต็มไปด้วยความคึกคักของทหาร
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่แม่ทัพทั้งสองฝั่งกลับคิดตรงกันว่าเวลามันช่างช้าเหลือเกิน
และเมื่อเวลานั้นมาถึง จีหยิงที่นอนอยู่ก็พลันลุกขึ้นมาเพราะหลีเทียนเดินมาแจ้งข่าว “นายท่านมีคำสั่งให้ท่านจีหยิงเข้าโจมตี”
“รับทราบ” เขาลุกขึ้นแล้วรับคำสั่งมา “ท่านหลีเทียนช่วยรายงานกลับไปทีว่าข้ากำลังจะไป”
หลีเทียนพยักหน้าให้แล้วเดินออกไป ก่อนจะหันกลับมา “ท่านจีหยิง ระวังตัวด้วย”
จีหยิงมองอีกฝ่ายแล้วพูด “ท่านหลีเทียนไม่ต้องกังวลไป ข้าจะออกไปรบข้างนอกนั้น ท่านต่างหากที่ต้องระวังตัวและปกป้องนายท่านให้ได้”
“เข้าใจแล้ว” หลีเทียนพยักหน้าให้แล้วเดินออกไป
จีหยิงสั่งให้ทหารของเขาไปรวมตัวกันแล้วออกไปโจมตีทันที
วินาทีที่คำสั่งถ่ายทอดลงมา ทั้งกองทัพก็เคลื่อนพลออกจากค่ายทางเหนือทันที
ตอนนี้เป็นเวลาที่มืดที่สุด ดังนั้นกองทัพของจีหยิงจึงพากันเคลื่อนพลกันอย่างเงียบเชียบในค่ำคืนนี้ ทำให้เกิดภาพเงามืดของกองทหารกว่า 7 หมื่นนายที่กำลังมุ่งหน้าไปพร้อมกับมือที่ถือหอกปักหมวกเกราะเอาไว้
ทว่าต่อให้พวกเขาจะเดินทัพกันเงียบแค่ไหน มันก็ยังคงมีเสียงอยู่ดี…
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อกองทัพเทียนหยวนเคลื่อนที่ จ้านอู่ฉางกับแม่ทัพคนอื่นก็พบเห็นมันเหมือนกัน
ถ้ามองจากด้านบนพวกเขาจะเห็นว่ากองทัพเทียนหยวนกำลังมุ่งหน้าเข้ามาที่เมืองด้วยกำลังทหารจำนวนมาก ทำให้จ้านอู่ฉางมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างก่อนจะพูด “พวกเทียนหยวนบุกมาเต็มกำลังแล้ว”
ซ่งเทียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในสภาพกึ่งหลับพลันสะดุ้งตัวโหยงแล้วชะโงกหน้าออกไปดู ก่อนที่เขาจะหน้าซีดด้วยไม่คิดว่าพวกเทียนหยวนจะบ้าบิ่นส่งทหารมามากขนาดนี้
“พวกมันมาแล้ว ท่านจ้านอู่ฉาง ! สั่งยิงธนูเลยดีหรือไม่ ?” ซ่งเทียนตื่นตระหนกยิ่งจนพูดลั่นวาจาออกมา
ทว่าจ้านอู่ฉางกลับหัวเราะ “การที่พวกมันมาเยอะเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะนั่นหมายความว่าแผนของเราสำเร็จแล้วยังไงล่ะ ฝ่าบาทไม่ต้องรีบไปหรอก ยังไงพวกเราก็ยังมีเวลาในการเตรียมธนูอยู่แล้ว แล้วก็ในระยะห่างที่มากขนาดนี้ มันก็คงทำให้ธนูแสดงศักยภาพได้ไม่เต็มที่เท่าใดนัก”
“ถ้างั้นเราต้องรอหรือ ?” ซ่งเทียนถาม
จ้านอู่ฉางพูดขึ้น “ให้พวกมันเข้ามาใกล้ ๆ กำแพงก่อน”
ซ่งเทียนแทบจะกระอักเลือดออกมา เพราะในระยะนั้นมันก็เท่ากับว่าพวกเฟิงกำลังอยู่ใต้กำแพงแล้วด้วยซ้ำไป และเมื่อคิดได้แบบนั้น มันก็ทำให้เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่ทว่าจ้านอู่ฉางกลับขัดคอไว้พร้อมกับเรียกลูกน้องออกมาเสียก่อน
“ไปบอกอีกฝั่งได้เลย ว่าให้ออกเริ่มงานได้ทันที !”