ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 483
บทที่ 483
บทที่ 483
“ท่านถัง…นี่คือ?” เสี่ยวฉิงเฟิงนั้นเป็นขุนนางระดับสูง ขณะที่ถังหยินเป็นผู้ว่าเขตตัวเล็ก ๆ ตำแหน่งของพวกเขาทั้งสองคนเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้้ำ แต่ในความเป็นจริง… ถังหยินตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้ครองแคว้นเลยด้วยซ้ำ!
เขามองกล่องตรงหน้าด้วยสีหน้างงงวยไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
ถังหยินยิ้มให้แล้วเงยหน้าขึ้น “ลองเปิดดูสิขอรับ”
เสี่ยวฉิงเฟิงมองถังหยินด้วยความสงสัย ในขณะที่เขาค่อย ๆ เปิดกล่อง ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีชั้นกระดาษอยู่ข้างใน จึงได้แกะออก ก่อนจะพบเข้ากับทองคำจำนวนหนึ่ง?!
เสี่ยวฉิงเฟิงถือได้ว่าเป็นคนที่เจนโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขายังคงตะลึงกับแสงสีทองตรงหน้า ถูกแสงพร่างพราวพวกนี้จนตาแทบบอด ความคิดในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปหมด เช่นเดียวกับเสี่ยวมิน… ด้วยนางไม่ได้คาดหวังว่าของขวัญอวยพรที่ถังหยินกล่าวถึงจะเป็นทองคำมากมายขนาดนี้!
“ท่านถัง…”
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวฉิงเฟิงก็ได้สติแล้วหันไปมองถังหยินอย่างกังวล เสียงของเขาสั่นเทา แม้จะมีเงินเก็บออมอยู่บ้าง ทว่าเงินทองตรงหน้าขณะนี้มันก็ชวนให้ตื่นตะลึงเกินไป! เพราะแม้จะทำงานเก็บเงินมาหลายสิบปี มันก็ยังไม่มากเท่าทองตรงหน้าขณะนี้ด้วยซ้ำ!
ถังหยินยิ้มและกล่าวว่า “ท่านเสี่ยว ข้าเชื่อว่าเจียงหลูได้บอกท่านเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นเฟิงแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่!” เสี่ยวฉิงเฟิงพยักหน้าและตอบ “เป็นความจริงที่ท่านเจียงมักพูดถึงเรื่องของแคว้นเฟิงให้ข้าฟัง”
ถังหยินหัวเราะและถามว่า “เนื่องจากแคว้นเฟิงไม่มีเจ้าของ และเชื้อพระวงศ์ก็สูญสิ้นหมดแล้วจากน้ำมือของผู้ทรยศ ดังนั้นในความเห็นของข้า มันเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะหาผู้ปกครองคนใหม่ของแคว้นเฟิง?”
“นั่นมัน…?” เสี่ยวฉิงเฟิงไม่ใช่คนงี่เง่า เขารู้ได้ในทันที ว่าเหตุใดถังหยินจึงยินดีที่จะเดินทางนับพันลี้มายังชางจิงเป็นการส่วนตัว และให้ของขวัญกับพวกเขา …ที่แท้เป้าหมายก็คือการวางแผนเพื่อชิงบัลลังก์ของแคว้นเฟิงมานั่นเอง!
เขากลอกตาจากนั้นก็ยิ้มให้ “มีแต่บุตรแห่งสวรรค์เท่านั้นที่สามารถตัดสินได้ว่าใครจะเป็นราชาองค์ใหม่ของแคว้นเฟิง ด้วยฐานะของเขา ข้าคงไม่อาจที่จะพูดอะไรได้มาก”
ถังหยินยิ้มเยาะในใจ แต่การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มเพียงเก็บทองพวกนั้น ส่งให้เสี่ยวฉิงเฟิง แล้วพูด “ท่านเสี่ยว นี่คือเงินอีกจำนวนสองแสน มันจะเป็นของท่านทั้งหมด”
ในขณะที่พูด เขายิ้มและดึงมือของเสี่ยวฉิงเฟิง ตบตั๋วเงินหนาในมือไปมา
เสี่ยวฉิงเฟิงก้มศีรษะลงและเหลือบมอง ตั๋วเงินเหล่านี้นับว่ามีค่าน่าเชื่อถือไม่น้อย ดังนั้นมันจึงสามารถใช้ได้ทั่วจักรวรรดิเลยทีเดียว!
เงินจำนวนสองแสนกับทองคำ! การกระทำของถังหยินอาจกล่าวได้ว่าใจกว้างอย่างยิ่ง แต่สิ่งนี้ก็เทียบเท่าได้กับการใช้เงินฟาดหัวเสี่ยวฉิงเฟิงเพื่อให้อีกฝ่ายยอมทำตามคำสั่ง!
เมื่อมองไปที่เงินในมือ แล้วมองไปที่ทองตรงหน้า เสี่ยวฉิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยทองคำและเงินจำนวนมากนี้ มันคงทำให้เขาใช้จ่ายได้ตลอดชีวิต!
หัวใจของเขาเต้นเร็วมากจนแทบจะพุ่งออกมาจากทางลำคอ แต่ด้วยอะไรบางอย่าง สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการผลักเงินในมือกลับไปให้ถังหยิน
เขาขมวดคิ้วและถามอย่างเคร่งเครียด “ท่านถัง ท่านคิดที่จะทำอะไรกันแน่ เอามันกลับไปเถอะ นอกจากนี้ท่านและเสี่ยวมินเป็นคนรู้จักเก่าแก่กันอยู่แล้ว หากมีเรื่องอะไรที่อยากจะให้ข้าช่วย ข้าย่อมยินดีที่จะทำมันอยู่แล้ว”
แต่ถังหยินไม่ยอมรับตั๋วเงินกลับไป เขาหันไปมองเสี่ยวมินที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและกล่าวว่า “ครั้งสุดท้ายที่องค์หญิงไปเยือนแคว้นเฟิง นางรับผิดชอบในการไกล่เกลี่ยสงครามระหว่างแคว้นเฟิงกับแคว้นหนิง ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ลืม?”
“แน่นอนว่าข้าจำได้ ในตอนนั้นข้านำทัพพานางไปที่แคว้นเฟิง และนั่นก็เป็นตอนที่ข้าและเจ้าได้รู้จักกัน”
“โอ้! เป็นเช่นนี้นี่เอง” ในเวลานั้น เสี่ยวฉิงเฟิงเคยได้ยินมาว่าคนที่รับผิดชอบในการพาองค์หญิงผ่านแคว้นเฟิงเป็นเพียงผู้บัญชาการกรมทหารเท่านั้น
ภายในเวลาไม่ถึงสองปี ถังหยินได้ก้าวกระโดดจากแม่ทัพตัวเล็ก ๆ มาสู่ผู้ที่รับผิดชอบในการควบคุมกองกำลังภายในแคว้นเฟิงทั้งหมด สิ่งนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง!
ถังหยินผลักเงินกลับไปและพูดเบา ๆ ว่า “ท่านเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดกับบุตรแห่งสวรรค์ ทั้งยังได้รับการไว้วางใจมากที่สุด ดังนั้น ข้าหวังว่าท่านจะสามารถพูดแทนข้าต่อหน้าโอรสแห่งสวรรค์ได้”
ตั้งแต่เขาพูดเช่นนี้ เสี่ยวฉิงเฟิงก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะปฎิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นเขาถูกล่อลวงมานานแล้ว และไม่ต้องการที่จะส่งคืน ‘ของขวัญอวยพร’ ที่มีน้ำใจนี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เขาก็มีความกังวลเช่นกัน เพราะเสี่ยวมินที่อยู่ข้าง ๆ นั่นเอง ด้วยแม้ว่าเขาจะเป็นลุงของนาง แต่ถ้าต้องรับของขวัญนี้จากถังหยินต่อหน้านาง มันคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่
ถ้าเพียงแค่รู้มาก่อนหน้านี้ เขาคงไม่พาเสี่ยวมินเข้ามาด้วย หัวใจของเสี่ยวฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความเสียใจ
ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดออกมา ถังหยินก็ถือว่าเสี่ยวฉิงเฟิงตกลงโดยปริยายไปแล้ว ดังนั้นหลังจากมองไปที่เสี่ยวมิน เขาพลันยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เดิมเสี่ยวมินมีความประทับใจที่ดีต่อถังหยิน แม้จะไม่ได้พบกันสองปี แต่รูปร่างหน้าตาของถังหยินก็ไม่เปลี่ยนไปเลย กลับกัน บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ชายตรงหน้ากลายเป็นคนมีไหวพริบทันโลก ทำทุกอย่างที่ต้องการและยังกล้าติดสินบนคนของราชสำนักจักรวรรดิ! ตอนนี้เขากลายเป็นพวกชอบยัดเงินใต้โต๊ะไปแล้ว! …เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เสี่ยวมินก็อยากจะหัวเราะ ถังหยินเป็นคนกล้าหาญไม่เปลี่ยน ในอดีตเขากล้าที่จะหยาบคายกับองค์หญิงด้วยซ้ำ นางกลั้นยิ้มและตอบกลับอย่างเย็นชา
“ก็ดี…”
“แล้วองค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?” ในที่สุดถังหยินก็ถามประเด็นหลักซึ่งเป็นสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด
เมื่อเห็นถังหยินจ้องมองมาโดยไม่กะพริบตา เสี่ยวมินก็ยิ้มเยาะและพูดช้า ๆ “เจ้าดูจะกังวลเกี่ยวกับเจ้าหญิงมากเลยนะ”
ถังหยินและหยินโหรวมีปฏิสัมพันธ์กันไม่น้อย ทำให้เสี่ยวมินรู้สึกได้ว่า ทัศนคติของถังหยินที่มีต่อองค์หญิงนั้นแตกต่าง!
“แน่นอน!” ถังหยินตอบง่าย ๆ เพราะว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เอาไว้เลย
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะต้องกังวลมากขนาดนั้นนะ” เสี่ยวมินพูด
“หมายความว่าอย่างไร?” ถังหยินกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“มันไม่จำเป็นยังไงเล่า อีกอย่าง หลังจากนี้นางก็กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสแล้ว” หลังจากพูดอย่างนั้นเสี่ยวมินก็ถอนหายใจ
เพล้ง!!
ถ้วยในมือของถังหยินส่งเสียงดัง มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนเหล้าเคล้าด้วยเลือดไหลนองลงบนโต๊ะ
“นายท่าน!?” เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้ติดตามทั้งสามก็หน้าซีดด้วยความตกใจ พวกเขาทั้งหมดลุกขึ้น และเมื่อเห็นว่ามือของถังหยินถูกกรีดด้วยเศษถ้วยที่แตก หลีเทียนพลันรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของมาพันซับเลือดเอาไว้ ทว่าถังหยินคว้ามาแค่ผ้า แล้วโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขากลับไปนั่งให้เรียบร้อย
ปฏิกิริยาของชายหนุ่มยังทำให้สองลุงหลานตกใจ แม้ว่าเสี่ยวมินจะรู้ดีว่า ความรู้สึกของถังหยินที่มีต่อองค์หญิงนั้นไม่ธรรมดา แต่นางก็ไม่ได้คาดคิดว่าปฏิกิริยาของเขาจะรุนแรงขนาดนี้!
ถังหยินยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้อย่างสุดกำลัง เมื่อได้ยินหยินโหรวกำลังจะแต่งงาน ข่าวนี้จึงส่งผลกระทบต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยจากการถูกคนรักหักหลังเข้ามาทำร้ายเขาอีกครั้ง!!
‘เจ้าทรยศต่อสัญญา! ทำให้ชีวิตของข้าถูกพรากจากความสุข แล้วตอนนี้เจ้ายังมาแต่งงานกับคนอื่น ข้าจะทนกับมันได้อย่างไร?!’
ในทันใดนั้นภาพของคริสตัลและหยินโหรวก็ซ้อนทับกันในใจของเขา รวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง ดวงตาของถังหยินพลันเปล่งประกายสีเขียวที่น่ากลัว และในเวลาเดียวกันหมอกสีดำก็เริ่มปล่อยออกมารอบกายของเขา
“น..นะ..นายท่าน นา–?” เจียงหลูกรีดร้องออกมาด้วยเสียงสั่นเครือในขณะที่พูดติดอ่าง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับถังหยิน
แต่หมอกดำรอบถังหยินก็หายไปอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวในดวงตาของเขาสลายไป เช่นเดียวกับความรู้สึกนึกคิดที่คืนกลับมา สำหรับถังหยินแล้ว หยินโหรวก็คือหยินโหรว นางหาใช่คริสตัล เป็นเพียงเจ้าหญิงบอบบางที่ดูเหมือนคริสตัล แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา!
ถังหยินเตือนตัวเองซ้ำ ๆ ให้ใจเย็นลงจนสงบ
โชคดีที่พลังใจของเขาแข็งแกร่งอย่างน่าตกตะลึง ทำให้อารมณ์ไม่ขึ้นมาอยู่เหนือความคิดได้ทัน
เขาลดศีรษะลงและหยุดนิ่งไปสองสามวินาที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีร่องรอยของเจตนาฆ่าที่หลงเหลืออยู่ในใบหน้าอีกต่อไป เขายิ้มและถามว่า “รู้ไหมว่านางแต่งงานกับใคร”
สองลุงหลานจ้องถังหยินด้วยสายตาว่างเปล่า มันยากที่จะจินตนาการว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ คนคนหนึ่งที่อารมณ์กำลังจะถึงจุดปะทุแล้วอยู่ ๆ ก็สงบลงได้อย่างน่าประหลาดใจ
หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวฉิงเฟิงก็อุทานและพูดอย่างกระวนกระวายว่า “รัชทายาทแห่งแคว้นเจิ้น หลีตาน”
“หลีตาน?” ถังหยินไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่เขาเคยได้ยินชื่อแคว้นเจิ้น หนึ่งในเก้าแคว้นที่ยิ่งใหญ่ซึ่งควบคุมดินแดนทั้งหมดของจักรวรรดิทางตะวันตกเฉียงใต้! แคว้นนี้ไม่ใช่แคว้นที่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย! ทั้งยังเป็นแคว้นที่มีความคล้ายคลึงกับแคว้นเฟิง นั่นก็คือชำนาญด้านการสงคราม!
หยินโหรวและหลีตานได้หมั้นหมายกันเมื่อนานมาแล้ว และการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นการแต่งงานทางการเมืองโดยทั่วไป ราชวงศ์ต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพของแคว้นเจิ้น แล้วก็เพื่อเพิ่มสถานะของจักรวรรดิตนเองด้วย