ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 491
บทที่ 491
บทที่ 491
ปัง!
ชายชุดดำกระเด็นออกไปตามแรงเตะราวกับลูกกระสุนปืน ร่างของมันวาดเส้นโค้งยาวในอากาศ
แต่ก่อนที่ร่างจะกระแทกกับพื้น พลันมีคลื่นพลังปราณปริศนาสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากเงามืดตรงหน้า มันกะทันหันและรวดเร็วเกินไปจนชายชุดดำคิด ว่าแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาวะที่พลังเต็มเปี่ยม ก็คงไม่อาจหลบการโจมตีนี้ได้อยู่ดี!
ฉับพลันที่คลื่นพลังปราณได้ปะทะเข้ากับหน้าอกของชายชุดดำอย่างรุนแรง ร่าง ๆ นั้นพลันถูกตัดครึ่งในทันที ส่วนบนและส่วนล่างล้มลงไถลออกไปไกล เลือดและอวัยวะภายในกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
เมื่อถังหยินมาถึงชายชุดดำก็ตายไปแล้ว เขาหันมองไปรอบ ๆ ตัว แต่กลับไม่มีใครสักคนเดียวบนถนนทางเดินแห่งนี้ มองดูแล้วคลื่นพลังปราณที่สังหารชายในชุดดำ ดูเหมือนจะปรากฏออกมาจากทางไหนซักทาง
ถังหยินเฝ้าดูอยู่สักพัก แต่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงศัตรูที่อยู่ใกล้ ๆ เลย ดังนั้นจึงก้มศีรษะลงมองศพบนพื้น หัวคิ้วขมวดด้วยความฉงนใจ พลังของชายชุดดำก็ไม่เลวเช่นกัน แต่ถึงกับถูกจัดการได้ง่าย ๆ เช่นนี้ นี่ต้องพูดว่าอีกฝ่ายถูกฆ่าปิดปากใช่หรือไม่?
ช่างเป็นวิธีที่เลวร้ายมาก! ถังหยินชำเลืองมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะย่อตัวลงและค้นศพที่เปื้อนเลือดอย่างระมัดระวัง โดยหวังว่าจะพบเบาะแสบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่พบอะไรเลย
ถังหยินหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดมืออย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะไล่ตามชายในชุดดำอีกสามคนที่กำลังหลบหนีไป แต่ในขณะที่ครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงจากท้ายตรอกราวกับว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งเข้ามา
ปฏิกิริยาของเขารวดเร็วมาก ถังหยินใช้สลับเงาในพลัน ทำการเคลื่อนกายไปที่ด้านบนของหลังคาบ้านทันที จากนั้นก็หลบเข้าไปในมุมมืดมองดูอย่างเงียบ ๆ ว่าเป็นใครที่กำลังมา
หลังจากนั้นไม่นานทหารของเมืองหลวงกว่าร้อยคนก็วิ่งเข้ามาจากท้ายตรอก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นศพอยู่บนพื้นจึงได้ร้องเสียงดังออกมา
เมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นทหารไม่ใช่มือสังหาร ถังหยินจึงไม่สนใจที่จะเฝ้าดูอีกต่อไป เขาขยับร่างกายไปด้านหลังสองสามก้าวแล้วสลับเงาหนีไป
ถังหยินไม่ได้โง่ ในทางกลับกันเขาฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ หลังจากวิเคราะห์สักหน่อยเขาก็พอจะเข้าใจ ว่าครั้งนี้คงเกี่ยวกับคนใหญ่คนโตในจักวรรดิ!
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หลีเทียนอาจเดาถูกจริง ๆ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการชุบเลี้ยงเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดเพื่อเอาไว้ใช้งาน!
หากเป็นเช่นนั้นสิ่งต่าง ๆ จะยุ่งยากมากขึ้น ถังหยินถอนหายใจออกมา เขาไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนและไม่ต้องการให้ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป แต่คนจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเชื่อหรือไม่? ถ้าเชื่อ อีกฝ่ายคงไม่รีบร้อนที่จะฆ่าถังหยินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตแบบนี้แน่! ซึ่งเมื่อนึกคิดดู เขาก็ไม่ได้กลัวมันแม้แต่น้อย! เพราะตนเองก็มีปัญหาตามมาเป็นพรวนอยู่แล้ว เพิ่มมาอีกนิดหน่อยจะเป็นไรไป… จริงไหม?
ม้าถูกมือสังหารแทงจนตายแล้ว และทหารก็อยู่แถวนั้น ดังนั้นถังหยินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมแทน
คราวนี้ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก เมื่อกลับมาที่โรงเตี๊ยมข้างนอกก็มืดแล้ว หลีเทียน เจี๋ยงฟาน และเจียงหลูรออยู่ในห้องของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อถังหยินกลับมา ดวงตาของพวกเขาทั้งสามก็ฉายวาบด้วยความยินดี และบรรยากาศที่น่าอึดอัดก็ผ่อนคลายลงในที่สุด ทุกคนมารวมตัวกันรอบตัวและถามว่า “นายท่าน เหตุใดถึงกลับมาเอาป่านนี้ขอรับ”
ถังหยินยิ้มและพูดอย่างเป็นกันเอง “ระหว่างทางเกิดเรื่องเล็กน้อย เลยล่าช้ากว่าที่คิด”
เมื่อถังหยินพูดจบ เขาก็สังเกตเห็นว่าการแสดงออกของหลีเทียน เจี๋ยงฟาน และเจียงหลูมีความผิดปกติเล็กน้อย จึงถามขึ้นว่า “มีอันใดเกิดขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่”
“เอ่อ…” เจียงหลูยิ้มและไม่ตอบทันที
หลีเทียนกัดฟันแน่น ก้าวไปข้างหน้าถังหยินสองก้าว ก่อนจะพูดออกมา “นายท่าน เราเพิ่งได้รับข่าวว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองหยาน”
“ว่าไงนะ?” นัยน์ตาถังหยินพลันเย็นชาขึ้นทันที เขาถาม “เกิดอันใดขึ้นที่เมืองหยาน”
“นี่เป็นข่าวที่ถูกส่งมาจากเมืองหยานขอรับ” ขณะที่หลีเทียนพูด อีกฝ่ายก็ส่งของชิ้นหนึ่งให้ถังหยิน มันไม่ใหญ่มาก ซึ่งที่แท้มันก็คืออุปกรณ์ที่พวกสายลับเนตรเวหาใช้กัน
ทว่าด้วยความขี้เกียจ ชายหนุ่มจึงส่งกระดาษกลับไปให้หลีเทียนและพูดอย่างไร้ความรู้สึก “อ่านให้ข้าฟัง”
“ขอรับ นายท่าน!” หลีเทียนหยิบจดหมายและอ่านมันโดยละเอียด
ถังหยินเป็นผู้บัญชาการกองทัพเทียนหยวน และเป็นผู้กุมอำนาจของแคว้นเฟิง การเดินทางของเขาไม่สามารถแอบซ่อนได้ กลับกันเลย ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเร็วมาก ซึ่งคนที่มีความสุขที่สุดในเรื่องนี้คืออู่หยู ที่ต้องการใช้โอกาสนี้ในการซักถามซ่งเทียนเพื่อหาช่องว่างกำจัด! จนทำให้ฝ่ายของเหลียงซิงและจี้หยางอ่อนแอลงในราชสำนัก
หากเป็นในตอนที่ถังหยินยังอยู่ เขาคงไม่กล้าลงมือกระทำสิ่งใด แต่เมื่อถังหยินไม่ได้อยู่ อู่หยูจึงไม่กังวลและสามารถทำทุกอย่างที่ตนเองต้องการได้
ในคืนที่เขาพบว่าถังหยินเข้าสู่การฝึกฝนเก็บตัว อู่หยูพลันไปสอบปากคำซ่งเทียนและบังคับให้เขาสารภาพ! โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเสนาบดีกรมคลัง
ทว่าตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังไม่ใช่เล็ก ๆ เลย เนื่องจากตำแหน่งนี้เกี่ยวพันถึงการเกษตรของแคว้น ภาษีสินค้าการเกษตร ฯลฯ และตำแหน่งนี้ก็เป็นรองเพียงอัครมหาเสนาบดีเท่านั้น ดังนั้นอู่หยูจึงได้ทำการย้ายคนที่ไม่ใช่พวกของตนออกไป เผื่อหวังว่าในอนาคตจะได้ดึงจางซินออกจากหลังม้าง่ายขึ้น
จางซินคนนี้ อู่หยูไม่ชอบมานานแล้วและมองว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนหนามยอกอก ทว่าตัวเขาไม่สามารถจับจุดอ่อนของจางซินได้ ทว่าตอนนี้เขาสามารถใช้ซ่งเทียนเป็นไม้เด็ดในการปลุกปั่นปัญหาได้แล้ว!
หลังจากได้รับหลักฐานจากซ่งเทียน อู่หยูก็ไปหาชิวเจิ้น ทันทีส่งคำสารภาพทั้งสองให้ อู่หยูก็ได้บอกให้ชิวเจิ้นลงมือจัดการผู้เกี่ยวข้องทันที!
เนื่องจากถังหยินไม่อยู่ในตอนนี้ ชิวเจิ้นจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาเลย ทว่าเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้! นี่ยังไม่รวมถึงของความสัมพันธ์อีก เพราะต้องอย่าลืมว่ายังมีอู่เหมย
ดังนั้นชิวเจิ้นจึงไม่มีทางเลือก ได้แต่ทำตามนั้น เพราะคิดว่าแค่จัดการตัวเบี้ยเล็ก ๆ สองคนของไม่มีปัญหาอะไร ทว่า…
คราวนี้ชิวเจิ้นประมาทและคิดง่ายเกินไป!
คืนนั้นชิวเจิ้นเรียกทหารจากกองทัพปิงหยวน และส่งมอบให้อู่หยูไปจับผู้กระทำผิด! แน่นอนว่าอู่หยูไม่รอช้า รีบแบ่งกองกำลังออกเป็นสอง มุ่งเป้าไปหาเปิงเฉิงและลั่วฮัว ทำการจับคนทั้งสองเข้าคุก!
ในความเห็นของชิวเจิ้น เปิงเฉิงและลั่วฮัวเป็นพวกที่ไม่มีนัยสำคัญ แต่เมื่อข่าวที่ทั้งสองคนถูกจับได้แพร่กระจายไป มันก็ทำให้ขุนนางมากมายหวาดกลัว เนื่องจากอู่หยูสามารถทำเช่นนี้กับคนอื่นได้ แล้วกับตัวพวกเขาเล่า?
หลังข่าวนี้แพร่ออกไปถึงหูเหลียงซิง เจ้าตัวก็โกรธมาก ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากอู่หยูมีกองทัพเทียนหยวนเป็นผู้สนับสนุน ส่วนตนเองเล่า? ดังนั้นจะเอาอะไรไปต่อกรได้กัน!!!
เมื่อเห็นเหลียงซิงไม่พูดเป็นเวลานาน จางซินที่เป็นกังวลจึงพูดด้วยเสียงสั่น “ท่านเสนาบดีเหลียง อย่าบอกข้าว่าท่านมองไม่เห็นเป้าหมายที่แท้จริงของอู่หยู? คนผู้นี้ที่แท้กำลังหมายหัวข้าจางซิน และหากแม้แต่ข้ายังโดนเล่นงาน เช่นนั้นแล้วท่านเล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหลียงซิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธได้ เขาทุบโต๊ะและยืนขึ้นตะโกน “กล้าดียังไง!”