ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 71
บทที่ 71
เที่ยงวันนั้น ราชสำนักได้มีคำสั่งจากท่านอ๋องลงไปยังถังหยินโดยตรง
ข่าวเรื่องถังหยินแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องถามเลย มีผู้คนมากมายที่พากันมารวมตัวกัน ณ ที่พักของถังหยินโดยไม่ได้นัดหมาย
ชิวเจิ้นมาถึงคนแรก เด็กหนุ่มนั้นมองตรงข้ามตระกูลอู่ เขาคิดว่าการที่ย้ายถังหยินไปยังปิงหยวนจะเป็นประโยชน์สำหรับชายหนุ่มมากกว่า
ซึ่งถังหยินก็ไม่ได้สนใจหรือชื่นชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้ยินแบบนี้มันก็ทำให้เขาต้องถามออกไปว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพูดเช่นนั้น
ชิวเจิ้นหัวเราะ “ตอนนี้ราชสำนักอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่าง 4 ตระกูลทรงอำนาจ ส่วนพวกสายลับจากแคว้นอื่น ๆ ก็จะถูกดึงตัวออกมาในเร็ววันนี้ ถึงแม้เปลือกนอกจะดูสงบสุข หากแต่ภายในนั้นกลับวุ่นวาย และเมื่อเป็นแบบนั้น มันก็คงเป็นเรื่องดีที่จะรีบหนีออกไปจากที่นี่”
เด็กหนุ่มหยุดก่อนจะพูดต่อ “ตำแหน่งผู้ว่าเขตไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้อยต่ำเลย การได้อำนาจบริหารดูแลเมืองเล็กเมืองใหญ่ต่าง ๆ เช่นนี้ถือได้ว่าทรงอำนาจมากทีเดียว นอกจากนี้เขตปิงหยวนเองก็เป็นสถานที่ที่ท่านอ๋องแต่งตั้งให้เจ้าไปเป็นแม่ทัพเจิ้นเป่ยโดยตรง ดังนั้นข้าคิดว่าชีวิตแบบนี้คงจะไม่เป็นการลำบากสำหรับสหายถังหรอก”
“ต่อให้วันนั้นแคว้นเฟิงจะตกอยู่ในความปั่นป่วนทั้งปัญหาภายในและภายนอก หากแต่สหายถังก็สามารถหลีกเลี่ยงมันได้อย่าง่ายดายด้วยเพราะอยู่ที่ริมชายแดน”
ได้ยินคำพูดนี้ดวงตาของถังหยินก็เปล่งประกาย เมื่อก่อนเขาไม่ได้เต็มใจที่จะไปปิงหยวน ทว่าในตอนนี้เขากลับเปลี่ยนใจ และเริ่มอยากที่จะไปมันมากขึ้นทุกที
เขายิ้มแล้วเงยหน้า “ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ฟังดูไม่เลวเลยนะ”
ชิวเจิ้นหัวเราะอย่างขมขื่น “แต่ถึงอย่างงั้นเขตที่เจ้าไปก็หนักหนาพอตัว เพราะต้องคอยป้องกันพวกมอร์ฟีสที่อาจจะมาได้ตลอดเวลา”
ถังหยินกล่าวอย่างเฉยเมย “อย่างน้อยก็ได้ต่อสู้ ถ้ามันสงบสุขจริง ๆ ข้าก็คงไม่ไปหรอก ! ”
มีเพียงแค่ถังหยินเท่านั้นที่จะพูดแบบนี้ ซึ่งเมื่อชิวเจิ้นได้ยิน เขาก็ได้แต่หัวเราะออกมา เพราะเด็กหนุ่มเองก็อยากจะไปยังเขตที่ยากไร้มากกว่าจะอยู่ในเมืองหลวงด้วยเช่นกัน ที่นี่มันมีแต่พวกขุนนางทรงอำนาจมากมาย ต่อให้มีตำแหน่งสูงแค่ไหนก็ถูกกดขี่อยู่ดี
เด็กหนุ่มไม่ใช่พวกที่จะพอใจง่าย ๆ กับชีวิตอันสงบสุขในปัจจุบัน ความทะเยอทะยานของเขายิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด
เมื่อทั้งสองตกลงกันได้แล้ว พวกหัวหน้ากองทั้ง 10 ก็เข้ามา
เมื่อเห็นความกังวลของฝูงชน เขาก็เดาได้ไม่ยากเลย ถังหยินยิ้มบาง ๆ และถาม ”ข้าเชื่อว่าทุกคนคงจะได้ยินข่าวกันแล้วสินะ ?”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าให้
“เมื่อข้าไปเขตปิงหยวน กองพันที่ 2 จะต้องอยู่ที่เมืองหยานต่อไป ส่วนตำแหน่งแม่ทัพก็จะถูกทดแทนด้วยผู้อื่น สหายเอ๋ย ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าจะมีใครอยากติดตามข้าไปที่เมืองนั้นด้วยหรือไม่?”
วินาทีที่เขาพูดออกมา กู่เยว่กับหลีเทียนเดินออกมาพร้อมกัน “ถ้าแม่ทัพถัง ถ้าท่านไม่ว่าอะไร ข้าน้อยทั้งสองอยากจะขอติดตามไปด้วย”
ถังหยินและชิวเจิ้นพยักหน้าให้ แน่นอนว่าพวกเขานั้นยินดีที่จะให้ทั้ง 2 คนนี้ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน
โดยไม่ต้องรีรอ หลีเหว่ย หลิวซงเจิ้น เฉินฟาง และอัยเจีย ที่ถูกเลือกโดยถังหยิน พวกเขาทั้งสี่ก็ได้เดินออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าน้อยพร้อมติดตามท่านแม่ทัพ!”
ส่วนเติงหมิงหยาง หลูปิง ซางจิว และหลีเฟ่ยเปิงก็ได้แต่มองหน้ากันโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
พวกเขารู้ดีตำแหน่งของตัวเองนั้นได้มาถึงตรงนี้ก็เพราะถังหยินช่วยเอาไว้ทั้งนั้น แต่พวกเขาเองก็มีอายุที่มากแล้ว ซึ่งนั่นก็ยังไม่นับรวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาอีก ต่อให้พวกเขานับถือถังหยิน หากแต่ก็ไม่อาจทิ้งคนที่พวกเขารักเอาไว้เบื้องหลังเช่นนี้ได้ลง
เมื่อเห็นทั้งสี่อึดอัดใจ ถังหยินก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เขาเพียงแค่หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องทำหน้าแบบนั้น ยังไงเสียพวกเจ้าก็มีครอบครัว ดังนั้นจงอยู่ในเมืองนี้ต่อเถอะ มันน่าจะดีกว่าตามข้าไปลำบากที่ชายแดนมากนัก ถึงจะไม่ได้ร่วมงานกันนานมาก แต่ข้าก็ต้องขอบคุณพวกเจ้าจริง ๆ สำหรับเรื่องที่ผ่านมา” ระหว่างที่พูดเขาก็มองหน้าคนรับใช้ในเรือน “จัดเตรียมเหล้าและอาหาร วันนี้ข้าจะกินดื่มกับเหล่าสหายของข้า!”
พวกข้ารับใช้ต่างก็รีบไปเตรียมของให้ทันที
คำพูดของถังหยินถือได้ว่าเป็นการปลดปล่อยให้พวกเติงหมิงหยางและอีก 3 คนให้เป็นอิสระ หากแต่นั่นกลับยิ่งทำให้พวกเขาอับอายมากขึ้นไปอีก
“แม่ทัพถัง…”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเพื่อไม่ให้พวกเขาพูดต่อแล้วโบกมือให้ “จะร้องกันไปทำไมเล่าสหาย ? ข้าไปอยู่ที่ปิงหยวนในฐานะแม่ทัพเจิ้นเป่ย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าก็ควรที่จะฉลองให้กับข้าอยู่ดีมิใช่หรือ ?”
ได้ยินคำพูดติดตลกแบบนี้ทุกคนเข้าใจเลยว่าเขากำลังอารมณ์ดีอยู่จริง ๆ ดังนั้นจึงไม่มากความอีกต่อไป และกล่าวแสดงความยินดีออกไปว่า “ยินดีด้วยขอรับแม่ทัพถัง !”
“แบบนั้นแหละ!” ถังหยินนั่งตรงกลางแล้วพยักหน้าให้
ไม่นานนักงานเลี้ยงก็ถูกตระเตรียมเสร็จสิ้น จากนั้นทุกคนจึงเริ่มทำการเลี้ยงฉลองกันเต็มที่
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาทำให้ถังหยินผิดหวัง ทำให้ทั้ง 4 คนที่ไม่ได้ไปด้วยถึงกับดื่มอย่างหนักที่สุดในงานนี้
เติงหมิงหยางถือจอกเหล้าของเขาเอาไว้แล้วพูดกับถังหยิน “แม่ทัพถัง ถ้าเกิดว่าข้าได้ไปที่ปิงหยวนละก็ ข้าคงหาทางเลี่ยงเพื่อที่จะไม่ต้องไปที่แห่งนั่นหรอก แต่ในเมื่อแม่ทัพถังจะต้องไปที่นั่น ข้าเองก็อยากจะไปกับท่านด้วยเหมือนกันนะ ! แม้ว่าแม่ทัพถังจะไม่แสดงออกมา แต่ข้ารู้สึกได้ว่าท่านเมตตาพวกเรามาก ครั้งล่าสุดอย่างเมื่อตอนที่มีเรื่องอัยเจีย ท่านก็ยังมาจัดการให้เลย ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้…. ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ข้ามันอ่อนแอไร้ความสามารถ แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ข้าก็จะตามแม่ทัพถังไปจนสุดชีวิต ! ครั้งนี้ข้าอยากจะไปกับแม่ทัพถังจริง ๆ นะ!”
สิ่งที่เขาพูดมาล้วนเป็นความจริง และถือได้ว่าเป็นความในใจของคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ถึงแม้เวลาจะผ่านมาได้ไม่นาน หากแต่ทุกคนก็ได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อถังหยินไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นยังไง พวกเขาก็อยากจะติดตามผู้บัญชาการของตนเองไปจนถึงขอบเหวนรก !
เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้าให้กับคำพูดของเติงหมิงหยาง หัวใจของถังหยินก็เต้นระรัว เมื่อตอนนั้นเขาทำตามใจตัวเองล้วน ๆ แต่มันกลับกลายเป็นผลดีต่อลูกน้องแทนเสียอย่างงั้น ?
ถังหยินไม่คิดจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาและพูดว่า “จริง ๆ แล้วข้าต้องการที่จะจัดการพวกมันทั้ง 5” เขาแบมือออกมา
“อะไรนะ ?” ทุกคนไม่เข้าใจในความหมาย
“ในตอนนั้นข้าคิดจะฆ่าไป 5 คน แต่กลับกลายเป็นแค่ 4 คนที่ตายเท่านั้น” เขาพูดอย่างผิดหวัง
ทุกคนหัวเราะกันออกมาทำให้บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้น
ครั้งนี้อัยเจียชูจอกเหล้าให้กับถังหยิน “ข้าต้องขอโทษแม่ทัพถังด้วย”
“เรื่องอะไรกัน ?” เขามองด้วยสายตาว่างเปล่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้า แม่ทัพถังก็คงไม่กลายเป็นศัตรูกับพวกเหลียง และคงจะไม่มีการร้องขอเรื่องแบบนี้จากเสนาบดีเหลียงซิงอย่างแน่นอน ข้าได้ยินมาว่าการโยกย้ายครั้งนี้เป็นฝีมือของเขา ! ”
ถังหยินหัวเราะออกมา แล้วชูจอกเหล้าขึ้นด้วย “ถ้าหากเป็นแบบนี้ละก็ ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากกว่า ดูเหมือนว่าข้าจะหาที่วางแจกันดี ๆ ได้แล้วละ !”
อัยเจียและคนอื่นต่างก็ตะลึงงัน ดูเหมือนว่าถังหยินจะตื่นเต้นกับการย้ายตำแหน่งมากไม่เหมือนกับคนที่กำลังสิ้นหวังอยู่เลย แถมรอยยิ้มนั่นก็ไม่เหมือนกับว่ากำลังฝืนอยู่ด้วย
และเมื่ออัยเจียได้ยินคำของอีกฝ่าย นางจึงเริ่มถามด้วยความสงสัย “อะไรคือแจกันหรือแม่ทัพถัง ?”
แน่นอนว่า ความหมายของมันคือสิ่งของที่ไร้ค่าและมีแต่คนที่ให้ความสนใจเท่านั้น หากแต่เขาก็ไม่พูดมันออกมาตรง ๆ หรอก “ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจเอง”
คำตอบแบบนั้นมันอะไรกัน ? อัยเจียขบริมฝีปากอย่างไม่พอใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากจะบอก นางก็ไม่อยากจะเซ้าซี้
บรรยากาศในห้องเริ่มผ่อนคลาย เติงหมิงหยางจึงพูดต่อ “ข้าคือลูกน้องแม่ทัพถัง และจะเป็นตลอดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีแค่แม่ทัพถังเท่านั้นที่จะออกคำสั่งกับข้าได้ และจะเป็นแบบนั้นตลอดกาล !”
ได้ยินแบบนี้ หลูปิง ซางจิว และหลีเฟ่ยเปิงก็เริ่มเลือดเดือดเหมือนกัน “พวกเราก็ด้วย !”
ชายหนุ่มมองทั้ง 3 คนราวกับคิดอะไรได้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับตนเองอย่างเชื่องช้า
ถังหยินรู้สึกการทำตัวดีกับทั้ง 4 คนนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และอีกอย่างก็คือการที่เรื่องมันออกมาเป็นอย่างที่เขาต้องการจริง ๆ ด้วย
การออกจากเมืองหลวงเพื่อไปยังเขตปิงหยวนไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจเรื่องราวในเมืองหลวง การที่มีคนอยู่ในเมืองหลวงมันทำให้ชายหนุ่มสามารถรับรู้ข่าวสารการเคลื่อนไหวรวมไปถึงพวกราชสำนักได้ทั้งหมด
ชายหนุ่มพูดอย่างเบา ๆ “พวกเจ้าเองก็เป็นทั้งสหายและลูกน้องของข้าตลอดไปเช่นกัน ! ”
พวกเติงหมิงหยางตัวสั่นและยืนขึ้นพร้อมกัน แล้วประกบมือให้กับถังหยิน “ท่านแม่ทัพถัง ! ”
“ดื่มให้กับทุกคน!” ชายหนุ่มยกจอกเหล้าดื่มให้กับทุกคน
“ข้าน้อยผู้นี้ก็ดื่มให้กับท่าน!” ทั้งสี่เองก็ดื่มร่วมกัน
ในเวลานี้ถังหยินพยายามจะสร้างทางเดินของตัวเองในอนาคต และพวกเติงหมิงหยางจะกลายเป็นกำลังสำคัญของเขาอย่างแน่นอน
ชิวเจิ้นมองภาพนี้จากระยะห่าง รอยยิ้มของเขาสะท้อนถึงความสุขของทุกคนในที่แห่งนี้เป็นอย่างดี