ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 8
บทที่ 8
หลังออกจากหุบเขา ถังหยินก็มุ่งหน้าไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว จุดหมายคืออาณาเขตแคว้นเฟิง ที่ซึ่งคริสตัลพำนักอยู่ หุบเขาแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากแคว้นเฟิง แต่ก็ไม่ใกล้เช่นกัน ถ้าหากจะเดินไปก็ใช้เวลาอย่างน้อย 3 – 5 วัน
สิ่งที่หลงเหลือจากสงครามครั้งนี้คือ เกราะพัง ๆ และอุปกรณ์ทางทหารมากมายที่เรียงรายอยู่ตลอดทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของแคว้นเฟิงที่ถูกทิ้งเอาไว้ เห็นได้เด่นชัดเลยว่าศึกครั้งนี้นั้น แคว้นเฟิงพ่ายแพ้ย่อยยับขนาดไหน
เมื่อฟ้ามืดลง ถังหยินก็รีบเดินทาง ในขณะที่เขากำลังจะหาที่พักผ่อน ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงการต่อสู้อยู่ด้านหน้าของเขา
มีการสู้กัน ! ใจของถังหยินสั่น ชายหนุ่มรีบเร่งฝีเท้า
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบว่าด้านหน้ามีเงากำลังเคลื่อนที่มา ชายหนุ่มตัดสินใจชะลอและเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ข้างทางแทน เพื่อทำการสังเกตสถานการณ์สิ่งที่กำลังใกล้เข้ามา
ด้านหน้าของชายหนุ่ม ไกลออกไป มีทหารกลุ่มใหญ่สวมเสื้อเกราะสีขาวล้อมรอบสนามรบ อย่างน้อยก็มี 100 คน และสถานการณ์ของคนที่ถูกล้อมนั้นยังไม่ชัดเจนนัก ถังหยินได้ยินเพียงแต่เสียงกรีดร้องของผู้คนดังแว่วมาเท่านั้น
ชายหนุ่มมองไปยังการต่อสู้และคำนวณอย่างรวดเร็ว หลังจากเงียบไปสักครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไป อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเบา ๆ ดังออกมาจากข้างหลังของถังหยิน “เจ้าคนเดียวจะเอาชนะพวกมันเป็นร้อยคนได้ยังไง ? ถ้าเจ้าออกไปยังไงก็ตายแน่”
ได้ยินแบบนั้นถังหยินก็รู้สึกประหลาดใจ เขาหมุนตัวมามองยังต้นเสียงด้วยท่าทางเตรียมต่อสู้ เนื่องจากความจริงที่ว่าเขาได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นปกติแล้วประสาทสัมผัสทั้ง 6 ของชายหนุ่มจึงถือได้ว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับสามารถเข้ามาใกล้โดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย นี่จึงเป็นความรู้สึกที่ถังหยินไม่เคยเจอมาก่อน
ด้านหลังของถังหยิน ไกลออกไปไม่กี่จั้ง* มีคนนั่งอยู่บนพื้นในทุ่งหญ้า ชายผู้นั้นสวมชุดเกราะสีดำของพวกเฟิง เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันอ่อนเยาว์นั่น ชายคนนี้น่าจะมีอายุราว 20 ต้น ๆ เท่านั้น ในมือของเขาถือหอกยาวไว้อยู่
“เจ้า… มาจากแคว้นเฟิงงั้นเหรอ ? ” ถังหยินจ้องที่ชายหนุ่มอย่างเยือกเย็น ถ้าหากเขาไม่รวมวิญญาณเข้ากับหยานหลี่ ถังหยินคงไม่เข้าใจภาษาของพวกเขาหรอก
“ฮ่ะ ! ” เด็กหนุ่มหัวเราะและพูด “ถ้าข้าไม่ใช่คนจากแคว้นเฟิง งั้นเจ้าก็น่าจะตายไปแล้วล่ะ”
แม้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายจะดูเย่อหยิ่ง แต่ถังหยินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง เนื่องจากอีกฝ่ายสามารถเข้ามาทางด้านหลังของเขาได้อย่างเงียบ ๆ การฆ่าเขาจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนหักคอไก่
เขาขมวดคิ้วและพูดอย่างเยือกเย็น “เจ้าก็ดูเชี่ยวชาญดีนี่ ทำไมไม่ออกไปฆ่าพวกมันซะล่ะ ? ! ”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เขาส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ออกไปจัดการพวกมันเหรอ ? ข้าคนนี้ไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้มาก่อน ถ้าออกไปก็ตายพอดี ! ”
ตาของถังหยินเต็มไปด้วยความประหลาดใจและถามกลับ “งั้นเจ้าจะเข้ามาทางด้านหลังของข้าได้ยังไง ? ”
“ข้าก็อยู่ที่นี่ตลอดนั่นแหละ ไม่ได้ขยับตัวเลย”
“…” ถังหยินพูดไม่ออก เขาคิดว่าเด็กหนุ่มเป็นผู้มีวิชา แต่กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มดันคิดมากเกินไป
เมื่อรู้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงไม่ได้ใส่ใจกับคนคนนี้อีกต่อไป เขาหันหัวของเขาไปที่สนามรบแล้วถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? ”
เด็กหนุ่มยักไหล่ ด้วยทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพูดออกไปว่า “มีสหายพวกเรากว่า 20 คนถูกพวกศัตรูจับไป หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่งก็ไม่มีพวกเราเหลือมากแล้ว”
ถังหยินทั้งโกรธและขำขันกับความไม่แยแสต่อสิ่งใดของคนคนนี้ เขาเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะ “สหายของเจ้ากำลังสู้ในสนามรบอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เจ้ากลับเลือกที่จะมานั่งซ่อนตัวอยู่งั้นเหรอ ? ”
เด็กหนุ่มยักไหล่ “ต่อให้ข้าออกไป มันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่นา”
ใบหน้าของถังหยินมืดลง เหมือนเขาจะตัดสินใจบางอย่างได้ ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปหาทหารหนุ่มคนนั้นและแย่งหอกจากมืออีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะพุ่งทะยานไปยังสนามรบ
“ เฮ้…” ถังหยินเร็วเกินไป เด็กหนุ่มที่พยายามจะห้ามเขา แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว
ร่างกายของถังหยินเป็นเหมือนเสือดำในขณะที่เขากระโดดขึ้นจากหญ้าลงสู่สนามรบ หอกในมือแทงทะลุไปข้างหน้าอย่างดุเดือด
“ฉึก ! ”
ทหารเกราะขาวมุ่งความสนใจไปที่ศัตรูซึ่งถูกล้อมไว้ ใครจะคิดว่าศัตรูจะปรากฏขึ้นในที่แบบนี้ ? ทำให้หอกที่อาบไปด้วยหยาดโลหิตพุ่งเสียบแทงหลังของนายทหารคนหนึ่งจนทะลุออกไปยังด้านหน้า
อ๊า !
โดยไม่รีรอ พวกเขาหันหลังกลับและโจมตีถังหยิน แต่ชายหนุ่มได้ใช้กำลังทั้งหมดสะบัดเหวี่ยงเอาศพที่ติดอยู่ออกไปกระแทกกับทหารบริเวณนั้นเพื่อสร้างจังหวะให้กับตัวเอง
“มีศัตรูอยู่ตรงนี้ ! ” ในที่สุดทหารเกราะสีขาวก็ตอบโต้และรีบไปเข้าไปหาถังหยิน
เมื่อถังหยินเห็นทหารพวกนี้เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น เขาก็กล้ารับประกันเลยว่า ต่อให้มีกันเป็น 100 คนก็ไม่คณามือเขาหรอก
“ฮึ!” มุมปากของถังหยินพร้อมการเยาะเย้ย ชายหนุ่มถือหอกด้วยมือข้างเดียว พร้อมกับกวาดศัตรูออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
เขากวัดแกว่งหอกด้ามยาวไปมา ส่งผลให้ใบมีดของมันกวัดแกว่งเป็นจันทร์เสี้ยวกลางอากาศ ส่งผลให้ชุดเกราะของพวกทหารแตกกระจายพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา ก่อนจะล้มลงไป
ทหารที่อยู่ด้านหลังไม่ได้คาดคิดว่าถังหยินจะทรงพลังขนาดนี้ เพราะเมื่อมองไปที่เสื้อผ้าของเขานั้นมันกลับเป็นเพียงแค่ชุดทหารธรรมดาของพวกเฟิงเท่านั้น หากแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์เลยทีเดียว
หอกที่อยู่ในมือของถังหยินพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งเหมือนอสรพิษ
ปุ่ ปุ่ ปุ่ !
หอกทั้งสามแทงเข้าที่คอของทหารทั้ง 3 นายอย่างแม่นยำ พวกเขาเสียชีวิตก่อนที่จะทันได้ส่งเสียงร้องเสียอีก
แม้ว่ามันจะดูช้า แต่จริง ๆ แล้วมันเร็วมาก การเคลื่อนไหวของถังหยินนั้นรวดเร็วและทุกการเคลื่อนไหวก็เป็นอันตรายถึงชีวิต ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ทหารทั้ง 10 นายก็ถูกกำจัด
ทหารสีขาวหุ้มเกราะเริ่มตื่นตระหนก คนที่อยู่ข้างหน้าสามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจน พวกเขาพากันหวาดกลัว และล่าถอยอย่างต่อเนื่อง ส่วนทหารที่อยู่ด้านหลังนั้นกลับไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า พวกเขายังคงเร่งรีบเบียดเสียดกันไปจนเกิดความวุ่นวายขึ้น
ถังหยินใช้โอกาสนี้ในการเปิดทางเข้าสู่ใจกลางสนามรบ
มีซากศพกระจัดกระจายอยู่บนพื้นมากกว่า 20 ศพ ปนเปไปมาระหว่างพวกศัตรูและทหารจากแคว้นเฟิง ส่วนจำนวนทหารของแคว้นเฟิงที่เหลือนั้นมีไม่ถึง 10 คน
ถังหยินเหลือบมองไปที่คนพวกนั้น เขาโบกหอกในมือไปมา ก่อนจะตะโกนออกมา “ตามข้ามาเดี๋ยวนี้ ! ” พูดจบแล้วเขาก็กลับไปจัดการพวกชุดขาวต่อ
ทหารเฟิงพวกนั้นต่างก็ทำตัวไม่ถูก พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าในเวลาอันสั้นเช่นนี้จะมีกำลังเสริมเข้ามา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคนเดียวที่มาปะทะกับทหารมากมายก็ตาม ทว่าชายผู้นั้นก็ทรงพลังมาก ถึงขนาดที่ว่าเหล่าทหารฝ่ายศัตรูที่พากันเข้าไปหาเขานั้นล้มตายราวกับใบไม้ร่วง
“ฆ่ามัน ! ” ด้วยความปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ พวกเขาตามถังหยินและวิ่งฝ่าออกจากวงล้อม
ถังหยินตั้งใจชะลอตัวลงจนกว่าคนสุดท้ายจะออกมาได้ ชายหนุ่มชี้ไปที่พุ่มไม้ที่เขาเคยซ่อนตัวอยู่แล้วตะโกน “พวกเจ้าวิ่งไปทางนั้น เดี๋ยวข้าจะไปทางนี้ ! ”
พวกเขาไม่สบายใจแน่นอนที่ต้องถูกทิ้งไว้ด้านหลัง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนักในสถานการณ์เร่งรีบแบบนี้ โดยไม่ต้องมีคำยืนยัน เหล่าพลทหารเกราะดำที่เหลือรอดก็พากันทำตามทันที
เหตุผลที่ถังหยินชี้ไปทิศทางดังกล่าว ก็เพราะเขาเพิ่งออกมาจากที่นั่น และรู้ดีว่าไม่มีศัตรูแฝงอยู่รอบ ๆ นั้น นอกจากนี้เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังอยู่ในบริเวณที่ว่า หากทหารวิ่งไปในทิศทางนั้น ชายผู้นั้นเองก็น่าจะติดตามพากันออกไปได้ด้วย
เมื่อเห็นว่าศัตรูพยายามที่จะหลบหนีไปแบบนี้ พวกทหารเกราะขาวจะทนได้อย่างไร ? พวกเขารีบตามไปทันที
ถังหยินยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเขาโดยไม่ขยับตัวไปไหน ชายหนุ่มถือหอกด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วเข้าปะทะกับศัตรูอีกครั้ง “ไม่ต้องไปตามพวกนั้นหรอก คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าอยู่ตรงนี้แล้ว ! ”
“ฆ่ามันก่อนเลย ! ”
“ใช่ ! ”
“ฆ่าไอ้เวรนี่ก่อน ! ”
พวกทหารเกราะขาวนั้นรู้ดีว่าถังหยินไม่ใช่พวกไร้ฝีมือ แต่ถ้าเน้นจำนวนเข้าว่าละก็ พวกเขาก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางรอดไปได้แน่ !?
*จั้ง หน่วยวัดระยะของจีน เท่ากับ 3.33 เมตร