ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 709
ตอนที่ 709 เก็บงำความลับ
เจี้ยนหนันหู่ได้เห็นฉินหยุนเข้ามาในลานประลองยุทธ์เช่นกัน เขาจึง
เร่งรีบเดินเข้ามากล่าวถาม “ฉินหยุน นี่เจ้าควบคุมจอมราชันดวงดาว
อสูรจริงงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกว่าควบคุมมันได้? ข้าคิดอยาก
แก้มือต่อมันมาโดยตลอด!”
“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องไปแก้มืออะไรนั่นแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
เขาเองก็เหนื่อยล้าไปไม่น้อย ดังนั้นจึงนั่งกับพื้นเพื่อทำการพักฟื้น
ผู้คนที่นี่ล้วนนับถือต่อเขาไม่มากก็น้อย เพราะเขาถึงขั้นสามารถ
แปรเปลี่ยนกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากมาได้
ทุกคนที่นี้ต่างทราบกันดี ว่าครั้งถูกพิษเล่นงาน พวกเขาเกิดความสิ้น
หวังเกาะกุมกันเพียงใด
เชี่ยวเย่ว์หลานใช้กระต่ายหยกช่วยถอนพิษให้แก่ทุกคน
ด้วยจำนวนคนมากมายที่ติดพิษ ดังนั้นจึงได้แต่ต้องอาศัยกระต่าย
หยกช่วยรักษาทีละคน กระบวนการดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
ที่ภายนอกลานประลองยุทธ์ ฉู่ปินอวี้และคณะได้ร่วมมือกันเข้า
กวาดล้างคนของตระกูลหลงที่หลงเหลือจนสิ้นซาก
ในการศึกครั้งนี้ หุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม และ
ตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างประสบพบเจอหายนะสูญเสียกันไปไม่น้อย
ครึ่งเซียน ราชันยุทธ์ และจักรพรรดิยุทธ์จำนวนมากต้องสิ้นชีวิตใน
ศึกครั้งนี้
สำหรับยอดฝีมืออสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างที่บุกจู่โจมอย่าง
กะทันหัน พวกเขาก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นเช่นกัน
แม้ไม่มีผู้ใดจากตำหนักเซียนดาบถูกสังหาร กระนั้นหายนะที่ตำหนัก
เซียนดาบแห่งนี้เผชิญ ก็ยังกล่าวได้ว่าหนักหนา
การศึกจบสิ้น เจี้ยนสือเทียนและพลพรรคต่างเหนื่อยล้ากันสุดแรง
พวกเขาแทบล้มนอนลงกับพื้น กล่าวได้ว่าเป็นพวกเขาทุ่มสุดตัวกัน
แล้วจริง ๆ
ครึ่งเซียนตระกูลเจี้ยนมาถึงในภายหลัง ทว่านี่ก็ยิ่งช่วยให้ผู้คนที่นี่
ต่างวางใจได้มากขึ้น
“ทุกคนวางใจได้ ตำหนักเซียนดาบของเรามีวิธีการพิเศษ สามารถ
รักษาพิษให้แก่ทุกคนได้ในคราวเดียว ตามข้ามา!” ผู้อาวุโสจาก
ตำหนักเซียนดาบบอกกล่าวต่อทุกคน
หลังจากที่ม่านพลังลานประลองยุทธ์ปิดตัวลง ผู้คนจึงค่อยเดินตามผู้
อาวุโสออกไป พวกเขาต้องไปยังสระแห่งการชำระล้าง
พิษในกายแม่เฒ่าหยุนเหยาสลายหายไปนานแล้ว พลังที่ถูกจำกัด
ตอนนี้ก็ไม่มีอีกต่อไป อาการบาดเจ็บของนางสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็ว
นางไม่จำเป็นต้องร่วมทางไป ดังนั้นจึงมาช่วยดูแลชี่เม่ยเหลียนแทนได้
ทุกคนที่เข้าร่วมศึก ต่างพักกันอยู่สามวันในเศษซากตำหนักเซียนดาบ
เวลานี้พวกเขาต่างฟื้นฟูกันได้ไม่น้อยแล้ว
ผู้คนของนครแห่งดาบต่างทราบว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตำหนักเซียน
ดาบ กระนั้นพวกเขาไม่ทราบเรื่องราวที่กระจ่างชัด
ในช่วงสามวันมานี้ ผู้คนของตำหนักเซียนดาบได้จงใจเปิดเผยแค่
เฉพาะบางเรื่อง
ข้อมูลโดยทั่วไปเช่น สำนักอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างได้บุก
รุกรานตำหนักเซียนดาบ กลุ่มคนร้ายได้ร่วมมือกับหุบเขาเซียนโอสถ
ขุนเขาเซียนอัคคีคราม และขั้วอำนาจอีกจำนวนหนึ่งคิดฉกชิงต้น
กำเนิดเซียน และจากนั้นจึงเป็นตำหนักเซียนดาบ นครเซียนยุทธภัณฑ์
และวิมานเซียนปีศาจที่ร่วมมือกันกวาดล้างอีกฝ่าย
เรื่องราวนี้ได้รู้กระจายทั่วทั้งแคว้นมหาดวงดาว
ผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าต่างได้ทราบข่าวคราวนี้ เพราะตระกูล
หลงและราชันแคว้นมู่ได้สิ้นชีพในการศึกครั้งนี้
ผู้คนที่รู้เรื่องราว ทั้งหมดถูกขอให้เก็บเป็นความลับโดยการสาบาน
เลือด เรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยออกไป
ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่อาจเปิดเผยเรื่องที่ฉินหยุนควบคุมจอมราชัน
ดวงดาวอสูรแก่ผู้อื่น
ครั้งนี้ฉินหยุนได้ช่วยเหลือตำหนักเซียนดาบอย่างใหญ่หลวง ด้วย
เหตุนี้ ตำหนักเซียนดาบจึงช่วยเขารักษาความลับเอาไว้
หากเรื่องราวที่เขาควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูรกระจายออกไป
ผู้คนจากแคว้นอื่นย่อมต้องมาเพื่อฉกชิงอย่างแน่นอน
ตำหนักจารึกเทวะแห่งเขตแดนลึกล้ำย่อมเป็นผู้แรกที่มาเยือน
พื้นที่ตรงกลางของตำหนักเซียนดาบ ตัวตำหนักหลักหลังใหญ่ยังไม่
ถูกทำลาย
มันคือบ้านพักของเจี้ยนสือเทียน
ในห้องโถงของตำหนักหลัก ผู้นำของขั้วอำนาจทั้งหลายต่างอยู่ที่นี่
นอกจากพวกเขาแล้ว ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงยังถูกเชิญตัวมา
เจี้ยนสือเทียนยืนที่ตรงกลางห้องโถงกล่าวคำ “พวกเราสามสำนัก
เซียนที่นี่ รวมถึงตระกูลเจี้ยนและเกาะจันทราปีศาจ พวกเรากล่าวได้
ว่าเป็นห้าขั้วอำนาจใหญ่ในเวลานี้ พวกเราต้องรวมกำลังกัน!”
“ตอนนี้หุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีคราม รวมถึงตระกูล
ใหญ่ทั้งหลายไม่ใช่ศัตรูหลักของเราอีกต่อไป!”
ขั้วอำนาจใหญ่เหล่านี้ต่างได้ทราบเรื่องราวไม่น้อย ตอนนี้พวกเขาจึง
ฉวยโอกาสจัดตั้งพันธมิตรกันขึ้นมา
ฉินหยุนทราบ ว่าการประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเท่านี้ สำหรับเขา ก็มี
แต่มารับฟังอย่างเงียบงัน
แม่เฒ่าหยุนเหยากล่าว “ข้าได้รับข่าวคราวมา สำนักเก้าตะวันที่เขต
แดนลึกล้ำคิดต้องการควบคุมแคว้นทั้งห้า นอกจากนี้แล้ว พวกเขายัง
คิดควบคุมพวกเราโดยตรง เพื่อให้พวกเรารับใช้ต่อพวกเขาโดยตรง!”
“ถูกต้องแล้ว ด้วยเหตุนี้ เขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง สำนักอสูรใหญ่
ทั้งหลายจึงไม่อาจอดกลั้น เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงบุกโจมตีอย่าง
กะทันหันทันทีที่การประลองจบสิ้นลง!” สีหน้าของเจี้ยนสือเทียน
หนักอึ้ง เขาพยักศีรษะรับพร้อมกล่าว “เขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างคิด
อยากทำลายพวกเรา และเขตแดนลึกล้ำวิญญาณอ้างว้างก็คิดอยาก
ควบคุมพวกเรา!”
ฉินหยุนเอ่ยถาม “เหตุใดเขตแดนลึกล้ำวิญญาณอ้างว้างจึงต้องการ
ควบคุมพวกเราขอรับ?”
เปาเฉิงโฉ่วกล่าวตอบ “นานมาแล้ว ห้าสำนักเซียนอันยิ่งใหญ่ ห้า
ตระกูลใหญ่ และสำนักเล็กน้อยทั้งหลายต่างมีความเชื่อมโยงถึง
สำนักเก้าตะวัน กล่าวได้ว่าพวกเราเป็นกองกำลังใต้บัญชาพวกเขา!”
“ภายหลัง พวกนั้นล้มเลิกคิดเจ้ากี้เจ้าการต่อพวกเรา ลดจำนวนทรัพยากร
ที่ส่งมอบให้แก่พวกเรา ท้ายที่สุดพวกนั้นยกสิทธ์ิให้พวกเราตัดสินใจ
ทำอันใดตามต้องการ ภายหลัง ไม่เพียงแต่ปล่อยให้พวกเราเป็นไป
พวกเราแข็งแกร่งกันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงคิดอยากเข้าควบคุม
พวกเราอีกครั้งหนึ่ง!”
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “พวกเรายอมรับ ว่าสาเหตุที่พวกเราแข็งแกร่ง
ขึ้นได้ก็เป็นเพราะการสนับสนุนแต่เดิมของสำนักเก้าตะวัน กระนั้น
พวกเราก็รับใช้พวกเขามาหลายปี บรรณาการหลายสิ่งอย่าง กล่าวได้
ว่าพวกเราชดใช้กันไปหมดสิ้นต่อกันแล้ว”
“ภายหลัง พวกเขาเลือกเย็นชาและเฉยชาต่อพวกเรา เพียงแต่จัดตั้ง
ตำหนักจารึกเทวะขึ้นให้พวกเราเข้าร่วมเพื่อคอยจับตา”
“อย่างนั้นแล้ว ในเมื่อพวกเขาส่งต้นกำเนิดเซียนออกมามากมายเพียง
นี้ พวกเขาจะไม่ต้องการได้รับกลับคืนอย่างนั้นหรือ?”
ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกร้อนใจ เพราะนครเซียนยุทธภัณฑ์ถือว่า
ได้รับต้นกำเนิดเซียนไปครองมากที่สุด
“นั่นเป็นพวกเขาส่งมอบให้แก่ราชันแคว้น! แม้ว่าราชันแคว้นเยี่ยตาย
ไปแล้ว แต่ตำหนักจารึกเทวะยังคงมีฝักฝ่ายอื่น ดังนั้นราชันแคว้น
ย่อมต้องมีการจัดตั้งกันใหม่อีกครั้ง!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว
เปาเฉิงโฉ่วขมวดคิ้วกล่าว “ที่เขตแดนลึกล้ำต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่
เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงเร่งรีบต้องการทรัพยากรจากแคว้นชั้นรอง
กระทั่งยินดีใช้ต้นกำเนิดเซียนเป็นของกำนัล!”
ครึ่งเซียนจากวิมานเซียนปีศาจเอ่ยคำ “พวกนั้นไม่กล้าปกครองพวก
เราโดยตรง และคล้ายว่าพวกเขาจะไม่มีอำนาจเพียงนั้นอีก ไม่เช่นนั้น
พวกนั้นได้พุ่งตรงเข้ามาไล่เข่นฆ่าสังหารพวกเรากันไปแล้ว!”
“พวกนั้นย่อมยังมีกำลัง แต่หากคิดจัดการพวกเรา เช่นนั้นก็ต้องจ่าย
ด้วยราคาอันสมน้ำสมเนื้อ! ภายในเขตแดนลึกล้ำต้องมีเรื่องพิพาท
ระดับขั้วอำนาจภายในเป็นแน่ ดังนั้นพวกเขาเหล่านั้นจึงยังไม่อาจ
โจมตีพวกเรา!” แม่เฒ่าหยุนเหยากล่าว
เจี้ยนสือเทียนพยักหน้ารับ “เวลานี้ พวกเราควรกังวลเรื่องผู้คนของ
เขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างก่อน! ในเมื่อพวกนั้นกล้าบุ่มบ่ามโจมตี
สำนักเซียนในแดนวิญญาณอ้างว้าง ย่อมต้องหมายความถึงพวกมัน
ทราบ ว่าเขตแดนลึกล้ำจะไม่ช่วยเหลือพวกเรา!”
“เรื่องราวเช่นนี้ภายหน้าคงได้เกิดขึ้นอีกบ่อยครั้งเป็นแน่!” เปาเฉิงโฉ่ว
กล่าว “พวกเราต้องเร่งรีบกลับไป ตระเตรียมเสริมกำลังให้แก่ม่าน
พลัง!”
ตำหนักจารึกเทวะก็มีส่วนร่วมในเรื่องการจัดตั้งม่านพลังของสำนัก
เซียนด้วยเช่นกัน
ฝ่ายของหานเฝิงหู่ในตำหนักจารึกเทวะ กล่าวได้ว่าเป็นกลางที่สุด
แล้ว ตอนนี้ราชันแคว้นเยี่ยสิ้นชีพ อีกฝ่ายย่อมรับหน้าที่จัดการดูแล
เรื่องราวของตำหนักจารึกเทวะ
เพราะฉินหยุนชนะได้อันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์ นครเซียน
ยุทธภัณฑ์จึงได้รับสิทธ์ิและเสียงในตำหนักจารึกเทวะมาไม่ใช่น้อย
ตัวตนระดับสูงของกองกำลังเหล่านี้ต่างหารือกันถึงการร่วมมือใน
ภายหน้า รวมถึงการจัดตั้งพันธมิตร พวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้
จำเป็นต้องอยู่รวมกันไว้
พวกเขานำฉินหยุนมาที่นี่ด้วย ก็เพื่อให้ทราบว่าพวกตนอยู่ฝั่งเดียวกัน
นับแต่นี้ พวกเขายังหวังว่าเมื่อใดฉินหยุนออกสู่ภายนอก หากเผชิญ
ข้อพิพาทกับผู้อื่น ก็ยังมีมิตรสหายภายในพันธมิตรให้ไว้พึ่งพาได้
หลังหารือกันอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายพวกเขาจึงค่อยแยกย้าย ผู้คน
จากหลายกองกำลังต่างไปจากตำหนักเซียนดาบกันทีละฝ่าย
ด้านนอกตำหนักเซียนดาบคือนครแห่งดาบขนาดใหญ่ ตำหนักเซียน
ดาบได้เรียกรวมผู้คนจำนวนหนึ่งจากในเมือง เพื่อให้พวกเขามารับ
หน้าที่ก่อสร้างตำหนักเซียนดาบกันเสียใหม่
หานเฝิงหู่จากตำหนักจารึกเทวะเองก็มาเยือน สอบถามหลายคำถึง
เรื่องราวที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงค่อยกลับไปรายงาน
เชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนต่างไปพร้อมแม่เฒ่าหยุนเหยา พวก
นางจะมุ่งหน้าไปยังนครเซียนยุทธภัณฑ์ก่อน เพราะเชี่ยวเย่ว์หลาน
กล่าวว่าต้องการไปเป็นแขกเยี่ยมชมนครเซียนยุทธภัณฑ์
ฉินหยุน เจี้ยนสือเทียน และเจี้ยนหนันหู่ ขณะนี้ต่างยืนกันอยู่ตรงหน้า
ประตูหอคอยเจดีย์ของเจี้ยนหลิงหลง
เจี้ยนหนันหู่กล่าวคำเบา “ฉินหยุน ก่อนหน้าเจ้าเคยเข้าไปในหอคอย
ได้ยั่วยุผู้อาวุโสเจี้ยนหลิงหลงจนมีโทสะหรือไม่?”
“ย่อมไม่!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
เจี้ยนสือเทียนหัวเราะกล่าว “หลิงหลงเป็นคนที่แยกแยะบุญคุณกับ
ความแค้นออกจากกันได้ ฉินหยุนช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางย่อมต้อง
จดจำความดีนี้ไว้!”
ประตูพลันเปิดออก เจี้ยนหลิงหลงสวมใส่ชุดผ้าป่ านเรียบง่ายสีขาว
ผมเปียของนางได้ลากยาวจนถึงหน้าอก ดวงตากลมโตคู่นั้นเผย
ความอ่อนโยน ความงดงามของนางครานี้มาพร้อมกับใบหน้าเปื้อน
ยิ้ม
ได้เห็นเช่นนี้จึงทำเจี้ยนหนันหู่หวาดเกรง เพราะเขาไม่เคยเห็นผู้
อาวุโสหลิงหลงมีด้านอ่อนโยนเช่นนี้เผยออก
“จ้าวสำนัก เพื่อตอบแทนต่อฉินหยุน ข้าจึงตัดสินใจไปเข้าร่วมนคร
เซียนยุทธภัณฑ์!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว “ข้าจะเดินทางไปพร้อม
พวกเขาเลย!”
“นี่… เรื่องนี้…”
เจี้ยนสือเทียนนิ่งอึ้ง เดิมเขานึกว่าจะมาพบเจี้ยนหลิงหลง สอบถาม
นางเรื่องโทเทมมังกร กระนั้นไม่คาดคิด ว่าเจี้ยนหลิงหลงจะคิดสละ
เรือตนเองไปยังเรือลำอื่นเช่นนี้
“อย่าได้กังวล ข้ายังเป็นคนของตระกูลเจี้ยนตลอดไป!” เจี้ยนหลิง
หลงนำแผ่นหนังสัตว์ออกมา ส่งมอบมันให้แก่เจี้ยนสือเทียนและ
กล่าว “นี่เป็นโทเทมมังกรของฉินหยุน เจ้าส่งต่อมันให้อาจารย์จารึก
เต๋าผู้อื่นก็แล้วกัน!”
เจี้ยนสือเทียนหันมองทางฉินหยุนพร้อมเผยประกายคมกล้าในดวงตา
เขาโพล่งออก “เจ้าปีศาจน้อย นี่เจ้าชิงตัวนางไปเข้าร่วมนครเซียน
ยุทธภัณฑ์หรือ?”
ฉินหยุนเกาศีรษะกล่าวออกด้วยสีหน้ายิ้มลำบากใจ “เรื่องนี้… ไม่ใช่
ผู้อาวุโสหลิงหลงบอกหรือว่าต้องการตอบแทน? นางอาสาไปเอง
หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า!”
“เป็นฉินหยุนที่ขอให้ข้าเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์! และเขายังได้
มอบอักขระเต๋าชั้นเลิศแก่ข้าถึงสอง! เช่นกัน นครเซียนยุทธภัณฑ์
เดิมมีเพียงหนึ่งต้นกำเนิดเซียน ครานี้ได้ไปอีกสาม รวมแล้วจึงเป็นสี่
พวกเขาย่อมต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าตำหนักเซียนดาบเป็นแน่!” เจี้ยน
หลิงหลงหัวเราะกล่าว
แม้เจี้ยนหนันหู่พ่ายแพ้ต่อฉินหยุนสามครั้งครา เขาก็ยังไม่คิดนับถือ
ฉินหยุนแต่อย่างใด
กระนั้นตอนนี้ ฉินหยุนได้ชิงตัวสตรีดุร้ายอันดับหนึ่งแห่งตระกูล
เจี้ยนดังเช่นเจี้ยนหลิงหลง เจี้ยนหนันหู่แทบต้องกล่าวชมด้วยความ
นับถือแล้ว
เจี้ยนสือเทียนรับโทเทมมังกรมาพร้อมต่อว่าฉินหยุนเสียงเบา “เจ้า
ปีศาจน้อย แท้จริงเจ้าถึงขั้นกล้าดึงตัวคนของเรา เจ้ามันชั่วช้านัก!”
“จ้าวสำนักดาบ เรื่องนี้กล่าวโทษเพียงแต่ข้าไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะ
ตำหนักเซียนดาบท่านดูแลนางไม่ดี ไม่เช่นนั้น นางคงไม่ถูกข้าดึงตัว
มาเข้าร่วมได้ง่ายดายเพียงนี้!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มลำบากใจ
เจี้ยนหลิงหลงเก็บหอคอยที่เบื้องหลังของนาง มันคืออุปกรณ์เต๋าที่
นางสร้างขึ้น หลังผ่านการแปรเปลี่ยนมาหลายปี ขณะนี้มันจึงเป็น
สิ่งก่อสร้างวิเศษที่ทรงพลังอำนาจ
เจี้ยนสือเทียนถอนหายใจยาว “หลิงหลง ข้าทราบว่าเจ้าคิดครอบครอง
อักขระเต๋าชั้นเลิศมานานแล้ว ตลอดมา ข้าทำเจ้าผิดหวังจริง ในภาย
หน้า ข้าจะพยายามหาอักขระเต๋าชั้นเลิศที่ดีมาให้ เมื่อถึงตอนนั้น เจ้า
สามารถกลับมาที่นี่ได้โดยไม่ต้องสนอื่นใด ประตูตำหนักเซียนดาบ
ของเราจะเปิดต้อนรับเจ้าเสมอ!”
“ข้าย่อมไม่คิดกลับมา!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว “จ้าวสำนักดูแล
ตนเองด้วย!”
กล่าวคำจบ เจี้ยนหลิงหลงจึงจากไปพร้อมฉินหยุน
เจี้ยนหนันหู่รับชมทั้งสองคนเดินจากไป จากนั้น เขาจึงค่อยมองไป
ยังตำแหน่งที่ซึ่งเคยมีหอคอยเจดีย์ตั้งตระหง่าน เขายังอดไม่ได้ที่จะ
อุทานชื่นชมกล่าวคำ “ผู้อาวุโสหลิงหลงไปแล้วจริงหรือนี่? กลาย
เป็นรู้สึกไม่คุ้นชินเอาเสียเลย! นับแต่นี้พวกเราก็ไม่ได้ยินเสียงนาง
ตะโกนใส่พวกท่านแล้วสิ!”
เจี้ยนสือเทียนพลันหัวเราะดังกล่าวคำ “นางจากไปก็ไม่ใช่เรื่องแย่
อย่างน้อยภายหน้า ก็ไม่มีผู้ใดที่กล้าตะคอกใส่ข้าที่เป็นจ้าวสำนักอีก
แล้ว! สตรีเถื่อนดุร้ายผู้นั้น เรียกหาพวกเราผู้แก่เฒ่าเป็นหน้าโง่ตลอด
มา พวกเราได้จบเส้นทางที่ตรงนี้ก็ถือว่าดี! เปาเฉิงโฉ่วและคณะ
สมควรได้รับรู้ฤทธ์ิของนางเสียบ้าง… ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ท่านปู่ เมื่อครู่นี้ท่านแสดงละครหรือ?” เจี้ยนหนันหู่กล่าวเสียงเบา
“เป็นข้านึกว่าท่านคิดอยากรั้งตัวผู้อาวุโสหลิงหลงไว้”
“ข้าคิดอยากบอกให้นางไปเสียนานแล้ว! เหอะเหอะ หากภายหน้ามี
โอกาส พวกเราสมควรต้องไปขอบคุณเจ้าปีศาจน้อยฉินหยุนนั่นเสีย
หน่อย!” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะยินดี พร้อมบินจากไปพลางฮัมเพลง
อย่างสุขสันต์