ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 713
ตอนที่ 713 ขัดเกลาโลหิต
ฉินหยุนก็ไม่ได้คิดอยู่นิ่งเฉย เขานำเอาไหออกมาสองใบ
ไหทั้งสองกล่าวได้ว่าสร้างขึ้นเป็นพิเศษ พวกมันสูงราวครึ่งตัวคน
ดังนั้นคิดให้สองคนลงไปนั่งจึงไม่ใช่ปัญหา
สิ่งนี้เดิมใช้งานเพื่อเอาไว้เก็บน้ำมันสัตว์ระดับราชัน กระนั้นตอนนี้
มันจะถูกนำมาใช้งานเพื่อเก็บโลหิตอสูรและโลหิตเซียน
ตามคำแนะนำของเซี่ยฉีโหรว เขานำใส่โลหิตอสูรและโลหิตเซียน
แยกไหจากกัน
โลหิตเหล่านั้นเดิมเขาเก็บไว้ในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ ทว่าไม่ได้ทำการ
ดูดกลืนหรือขัดเกลาพวกมัน ดังนั้นตอนนี้จึงปล่อยออกมาได้
ภายในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ มันเป็นพื้นที่ซึ่งพิเศษยิ่ง สิ่งใดที่ถูกดูดกลืน
เข้าไป จะเพียงลอยตัวอยู่ภายในนั้น รวมเข้ากับพื้นที่ของหลิงหยุนเอ๋อ
มันจึงสามารถเก็บหลายสิ่งอย่างที่พิเศษเอาไว้ได้ภายใน
หลังจากโลหิตเหล่านั้นถูกสูบเข้ามา หลิงหยุนเอ๋อได้ช่วยผนึกพวก
มันเอาไว้ให้
ไม่นานนัก ไหทั้งสองจึงอัดแน่นด้วยโลหิต
โลหิตอสูรเป็นสีดำ ขณะที่โลหิตเซียนเป็นการผสมกันระหว่างสี
ทองและสีแดง
หลังจากที่แก่นเต๋าราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ รวมถึงผลึกแก้ว
ชีวิตครึ่งเซียนถูกนำใส่ลงไป พวกมันที่อัดแน่นด้วยพลังงานมหาศาล
จึงยิ่งทำให้โลหิตเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ไหที่มีโลหิตเซียนถูกเติมเต็มด้วยแก่นเต๋าและผลึกแก้วชีวิตของผู้ฝึก
ตนอสูร
ที่ลานกว้างตำหนักเซียนดาบ มีครึ่งเซียนหลายคนจากเขตแดนลึกล้ำ
อสูรอ้างว้าง รวมถึงสำนักอสูรอันยิ่งใหญ่มารวมตัว เป็นผลให้ฉิน
หยุนสามารถรวบรวมผลึกแก้วชีวิตได้มากมายเพียงนี้
“หยุนเอ๋อ ในแดนเซียนอ้างว้างมีอสูรอยู่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“อสูรเมื่อแปรเปลี่ยนเป็นเซียน เมื่อนั้นจะถูกเรียกขานเป็นอสูรเซียน
พวกนั้นคงอยู่ในแดนเซียนอ้างว้าง ทั้งยังแข็งแกร่ง! บางส่วนก็เป็น
เซียนที่ฝึกฝนจนกลับกลายเป็นอสูรเซียน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“เมื่อใดเจ้าไปยังแดนเซียนอ้างว้าง เจ้าจะได้ทราบว่าพวกมันเหล่านี้
ยังมีอีกมากมายนัก!”
“วิธีการฝึกฝนของผู้ฝึกตนอสูรค่อนข้างสุดกู่ พวกมันสามารถฝึกฝน
จนก้าวขึ้นเป็นเซียนได้” ฉินหยุนเบ้ปากกล่าวคำ
“พวกมันหาได้ใช่เซียนไม่ แต่เป็นเพียงแต่อสูรที่มีกำลังทัดเทียมกับ
เซียน เพราะเหตุนั้นจึงเรียกหาเป็นอสูรเซียน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
โลหิตอสูรมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว มันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสี
ทอง ขณะที่โลหิตเซียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งแสง!
หลังจากไหโลหิตทั้งสองแปรเปลี่ยน พวกมันคล้ายหายไปไม่น้อย
เดิมมีเต็มไห กระนั้นตอนนี้เหลือน้อยกว่าครึ่ง
กระบวนการค่อนข้างลื่นไหล เป็นไปดังที่เซี่ยฉีโหรวชี้แนะมา!
ฉินหยุนมองไหโลหิตทั้งสองพร้อมคิ้วขมวดกล่าวคำ “ถัดไป คือใช้
เลือดของข้าทำให้โลหิตเหล่านี้ร้อนแรงขึ้น เลือดข้าทำแบบนั้นได้
ด้วยหรือ?”
“เจ้ามีสายเลือดราชสีห์สวรรค์ เลือดของเจ้าอัดแน่นไว้ด้วยพลังอัคคี
อันแข็งแกร่ง ลองจุดประกายเพลิงด้วยเลือดของเจ้าดู!” หลิงหยุนเอ๋อ
กล่าว
ฉินหยุนเทโลหิตในไหทั้งสองรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง พวกมัน
แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง นอกจากนี้แล้ว ยังคงมีประกายแสงสีทองและ
ออร่าโลหิตรุนแรงเผยออกมา
เขาเริ่มหยดเลือดตนเองลงในไห
ฉินหยุนฝึกฝนร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ ไม่เพียงแต่มีเลือดมาก เขายัง
ทดแทนที่เสียไปได้อย่างรวดเร็ว
ไหเดิมบรรจุอยู่เต็ม กระนั้นยามเมื่อฉินหยุนหยดเลือดลงไป มันก็ไม่
คล้ายว่าจะมีส่วนใดเกินออกมา
“ดูเหมือนโลหิตราชสีห์สวรรค์ จะสามารถผสานรวมเข้ากับโลหิต
อสูรและโลหิตเซียนได้!” ฉินหยุนกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“ถูกต้องแล้ว ลองจุดประกายเพลิงมันดู บางทีพวกเราอาจจุดเพลิง
สำเร็จได้!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าว
ฉินหยุนพอคิดเช่นนี้ โลหิตเซียนและอสูรภายในไหจึงเริ่มหมุนวน
เกิดขึ้นเป็นกลุ่มก้อนอัคคีเพลิงขึ้นมา
“แปลกจริง เพียงนึกว่าจะจุดประกายเพลิงในเลือด แล้วมันก็จุดติด
จริง!”
ฉินหยุนเร่งรีบหยดเลือดลงบนพื้น พยายามควบคุมจิต
อย่างรวดเร็ว เลือดบนพื้นพลันจุดประกายเพลิงเกิดขึ้นเป็นอัคคีสี
ทอง
“นี่ตัวเราจุดเพลิงของตนเองได้เลยหรือ? ไม่ใช่หมายความว่าเลือดใน
กายตอนนี้ปะทุเป็นเปลวเพลิงได้?” ฉินหยุนไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ ภายใต้จิตของเขาที่ควบคุม เขารับรู้ได้ถึงเลือดในกายที่ปะทุ
ออกเป็นสายพลัง!
เขาควบคุมให้เลือดในกายจุดประกายไฟลุกโชน นำพามาซึ่งมวล
อากาศร้อนออกจากร่างพร้อมโจมตีออกด้านหน้า!
ตู้ม!
คลื่นอากาศโจมตีพุ่งทะยานไกลออกไปพร้อมระเบิดออกเป็นอัคคี
เพลิง!
ภายใต้จิตควบคุม เลือดที่ผลาญไหม้ในร่างจึงหยุดลง!
ฉินหยุนครอบครองร่างราชสีห์สวรรค์อันเหนือล้ำ ดังนั้นแม้เลือด
ราชสีห์สวรรค์ถูกแผดเผา มันก็หาได้ส่งผลอันตรายใดต่อเขาไม่
“ดูเหมือนความเข้าใจต่อเลือดราชสีห์สวรรค์ของเรายังไม่ดีพอ!” ฉิน
หยุนกล่าวชื่นชมพลางอึ้งทึ่ง เขาหัวเราะออกเสียงดัง “เมื่อใดภายหน้า
ต่อสู้ เพียงเผาเลือดในกายก็จะได้มาซึ่งพลังงานอันแข็งแกร่ง เมื่อรวม
เข้ากับพลังเต๋า มันมีแต่จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!”
ฉินหยุนที่รู้สึกยินดีอยู่ภายใน กำลังหยดเลือดลงไปพร้อมควบคุมให้
มันเผาไหม้โลหิตเซียนและอสูรภายในไห
กระบวนการเผาเลือดนี้ค่อนข้างยากเย็น โลหิตเซียนและอสูรไม่มี
ทางเดือดโดยง่าย
“หยดเลือดไปกว่าครึ่งวันแล้ว แต่นี่ทำได้เพียงแค่เริ่มอุ่น!” ฉินหยุน
ขมวดคิ้วกล่าว “หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ต้องหาทางเติมเต็ม
เลือดโดยเร็วกว่านี้!”
“อย่าได้เร่งรีบไปแล้ว เจ้าค่อยทำมันไป!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะกล่าว
“เมื่อใดปิงชิงออกมา นางจะช่วยเจ้าเติมเต็มเลือดที่เสียไปได้อย่าง
รวดเร็วแน่!”
ฉินหยุนยังคงหยดเลือดต่อไป ทั้งวันผ่านพ้น กระนั้น ไหโลหิตเซียน
และอสูรกลับยังไม่เดือด
ทันใดนี้เอง ปิงชิงออกมาจากสระเซียน จากนั้นนางจึงลอยตัวมาใกล้
ฉินหยุน
นางสามารถใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราส่งจิตสำนึกเข้าสู่มิติกาล
อวกาศตะวันจันทราได้
หลังนอนอยู่ทั้งวัน ภายในผ่านไปหนึ่งปี นางขณะนี้เชี่ยวชาญวิชา
ร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูรขั้นต้นแล้ว เท่านี้ถือว่าเพียงพอให้ฉินหยุน
สามารถขัดเกลาร่างเซียนอสูรขึ้นมาได้
“เหตุใดเจ้าดูอ่อนแรงนัก?” ทันทีที่ปิงชิงปรากฏตัว นางย่อมได้เห็น
ฉินหยุนนั่งกับพื้น
“ข้าใช้เลือดตนเองเผาโลหิตเซียนและอสูรเหล่านี้ และเลือดข้าไม่
อาจฟื้นฟูทันอัตราที่เสีย สภาพจึงเป็นเช่นนี้!”
หลังหลั่งเลือดตลอดทั้งวัน นับว่าดีมากแล้วที่ฉินหยุนยังคงมีแรงให้
พูดคุยได้
ปิงชิงพอได้เห็นฉินหยุนสภาพอิดโรย นางจึงรู้สึกปวดภายในใจอย่าง
ยากบรรยาย
นางเดินไปนั่งลงข้างฉินหยุน จากนั้นจึงส่งมือเข้าไปในเสื้อของเขา
พร้อมเริ่มสัมผัสที่หน้าอก
ฉินหยุนตื่นตะลึง เขานึกว่าปิงชิงคิดอยากฉวยโอกาสต่อเขาที่อ่อน
แรง
ปิงชิงยังคงลูบคลึงหน้าอกฉินหยุนต่อ ไม่ทราบว่านางคิดอันใดอยู่
ขณะยังคงลูบต่อไป
ฉินหยุนที่สมองอื้ออึง เขาไม่อาจตั้งสมาธิอื่นใดได้จนต้องเผยใบหน้า
แดงก่ำ
เขาหันมองทางปิงชิงผู้งดงามซึ่งไร้สีหน้าใดขณะกล่าวถามเสียงเบา
“พี่สาวปิงชิง นี่ท่านทำอะไร? สัมผัสข้าแล้วท่านรู้สึกชอบพอหรือ?”
หน้าอกฉินหยุนยังคงได้มือขาวนวลของปิงชิงนวดคลึงจนเกิดความ
รู้สึกสบายกายขึ้นมา
คำพอกล่าวจบ ปิงชิงจึงฉีกกระชากเสื้อผ้าของเขาอย่างดุดัน
จิตใต้สำนักของฉินหยุนร้อง ‘เชี่ย!’ ดังออกมาลั่น ดวงตานั้นเบิก
กว้างพร้อมตะโกนออก “พี่สาวปิงชิง… นี่ท่านคิดทำอะไร?”
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะกล่าว “ย่อมเป็นนางอยากขึ้นขี่เจ้าแล้ว! นอนลง
และดื่มด่ำเสีย!”
ปิงชิงมองร่างท่อนบนกำยำของฉินหยุนพร้อมแค่นเสียงเบา พลังงาน
สีขาวเป็นประกายพลันปรากฏจากมือขาวนวลของนาง พร้อมกันนี้
ปลายนิ้วได้จ้วงแทงใส่หน้าอกของฉินหยุนจนทะลวงลงไป
“อย่าขยับ!” ปิงชิงคำรามเบา
ฉินหยุนนั่งกับพื้น ปากอ้าเหวอกว้าง เพราะหัวใจของเขากำลังถูกมือ
ขาวนวลนุ่มนิ่มของปิงชิงสัมผัส มันเป็นความรู้สึกพิเศษยากจะ
บรรยายออกได้
ทันใดนี้เอง เขาพลันรู้สึกถึงพลังอันอบอุ่นและอ่อนโยนเริ่มไหลหลั่ง
สู่หัวใจ
“รีบควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ใช้เลือดที่ข้าส่งให้ ถ่ายเทพวก
มันไปทั้งร่างกายเจ้า!” ปิงชิงร้องบอก เพราะอัตราหัวใจเต้นของฉิน
หยุนมันพลันหยุดลง
“โอ้!” ฉินหยุนเร่งรีบควบคุมหัวใจให้เต้นโดยทันที
เพียงไม่นาน เขาค่อยรู้สึกว่าเลือดในกายค่อยฟื้นคืน
“เผาไหม้โลหิตเซียนและอสูรเหล่านั้นต่อไป!” ปิงชิงพอได้เห็นฉิน
หยุนฟื้นคืนกลับมา นางค่อยถอนมือกลับ
ฉินหยุนไม่ได้นำเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาสวมใส่แต่อย่างใด เขาเพียง
รู้สึกสับสน ว่าเหตุใดปิงชิงไม่ให้เขาถอดเสื้อเองแต่โดยดี แต่กลับ
เลือกที่จะฉีกกระชากเสื้อผ้าของเขาเสียอย่างนั้น
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ “เสี่ยวหยุน ดูเหมือนภูติดวงดาวโฉมงามเย็น
เยือกตรงหน้าเจ้า จะรอคอยโอกาสได้ฉีกกระชากเสื้อเจ้าด้วยตนเอง
มานานไม่น้อยแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อย่าได้พูดเหลวไหล!” ฉินหยุนเริ่มทำการเผาไหม้โลหิตเซียนและ
อสูรต่อเนื่อง
ด้วยปิงชิงอยู่ข้างกาย ฉินหยุนจึงกล้าที่จะปล่อยเลือดตนเองออกมา
อย่างไม่คิดเก็บออม
ด้วยปิงชิงช่วยเหลือ ฉินหยุนจึงสามารถฟื้นคืนเลือดที่เสียไปกลับมา
ได้โดยง่าย มีแต่ผิวหนังบริเวณรอบหัวใจที่ถูกลูบคลึงอย่างต่อเนื่อง
เช่นนี้ ปิงชิงจึงได้ฉวยโอกาสต่อเขาหลายครั้งครา
“ทุกครั้งที่ข้าลูบบริเวณหัวใจของเจ้า ข้าจะปลดปล่อยพลังพิเศษที่
ช่วยคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้ข้าสามารถใช้เคล็ดวิชาพิเศษส่งมือข้า
เข้าถึงหัวใจของเจ้าได้!” ปิงชิงกล่าว
มือของนางทะลวงผ่านชั้นผิวหนังของฉินหยุน และคว้าเอาไว้ที่
หัวใจของเขา กระนั้นผิวหนังฉินหยุนกลับไม่มีอาการบาดเจ็บใด
เรียกได้ว่าเป็นวิชาปาฏิหาริย์ประการหนึ่ง
ฉินหยุนยิ้มกล่าวคำ “พี่สาวปิงชิง อย่าได้กังวลไป ข้าจะไม่พูดว่าท่าน
ฉวยโอกาสต่อข้า!”
“ฉวยโอกาสต่อเจ้าแล้วข้าได้อันใดขึ้นมา?” ปิงชิงเอ่ยถามเสียงเย็น
“เหตุใดฉวยโอกาสต่อข้าจึงไม่มีดีเลยเล่า? อย่างเช่นความรู้สึกภายใน
ของท่านที่…” ฉินหยุนกล่าวคำไม่ทันจับกลับกลายต้องถูกปิดปาก
เงียบไว้
“หากเจ้ายังกล้ามีความคิดเช่นนั้นอีก ข้าจะนำหัวใจเจ้าออกมาแล้วส่ง
มันให้แก่เย่ว์หลาน!”
มือของปิงชิงเกาะกุมไว้ที่หัวใจของฉินหยุน ฉับพลันมันเย็นเยือก
ส่งผลให้ทั้งร่างฉินหยุนเกิดอาการหนาวเย็นขึ้นมา
ฉินหยุนหัวเราะแห้ง “ข้าเพียงกล่าวไปเรื่อย…”
ทันใดนี้เอง ภายในจิตของฉินหยุน หลิงหยุนเอ๋อจึงหัวเราะร่วนดัง
ออกมา “เสี่ยวหยุน เจ้ากำลังจะโดนผู้อื่นกินแต่กลับไม่อาจทำอะไร
ได้เช่นนี้หรือ? อย่าได้บอกต่อข้า ว่าเจ้าคิดยอมแพ้ที่ตรงนี้? เจ้าเป็น
ชายชาตรี กระนั้นกลับปล่อยให้นางฉวยโอกาสต่อเจ้าเช่นนี้ ไม่ต่าง
อะไรกับเจ้าเป็นสุนัขขลาดเขลาตัวหนึ่งแล้ว!”
ถูกหลิงหยุนเอ๋อเย้ยหยัน ฉินหยุนคิดอยากยื่นมือในจิตเข้าไปคว้า
ปากนางให้หุบเสียให้ได้!
“ฉินหยุน อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อเย่ว์หลาน ไม่เช่นนั้นนางได้คิดมาก
แน่!” ปิงชิงพลันกล่าว
“นางเป็นสตรีใจเอื้อเฟื้อ เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ย่อมไม่ใส่ใจ!” ฉินหยุน
ยิ้มกล่าว
“นี่เจ้าไม่กลัวนางโกรธบ้างหรือไร?” ปิงชิงแค่นเสียง
“ก่อนหน้านี้ ข้าได้ช่วยรั่วหยานเสริมสร้างร่างกาย ครานั้นเป็นเรื่อง
น่าอับอายยิ่งกว่าครั้งนี้ ทว่าข้าล้วนบอกเย่ว์หลานอย่างหมดสิ้น!” ฉิน
หยุนส่ายศีรษะพลางยิ้ม “พี่สาวปิงชิง ท่านคล้ายไม่รู้จักเย่ว์หลานนัก!”
“เสริมสร้างร่างกาย? เกิดอะไรขึ้นกับร่างของรั่วหยาน?”
ปิงชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะในเขตแดนจินตภาพเซียน
ยุทธภัณฑ์ นางได้ช่วยดูแลและชี้แนะแก่เจี้ยนรั่วหยานไม่น้อย
ฉินหยุนอธิบายเรื่องราวโดยคร่าว ปิงชิงถึงขั้นตะลึงงันไป
“แม้เย่ว์หลานไม่ใส่ใจ ก็อย่าได้บอกต่อนางว่าในพื้นที่ต้องห้ามนั้น
เกิดอันใดขึ้น!” ปิงชิงหรี่ตาลงเล็กน้อยเอ่ยคำ “หากเจ้าบอกต่อนาง
ชะตาเจ้าคือตาย!”
ฉินหยุนรับรู้ถึงความเย็นแทรกซึมเข้าเกาะกุมหัวใจ เขาจึงเร่งรีบพยัก
หน้ารับ
เพราะเรื่องราวที่สระเซียนในพื้นที่ต้องห้าม เป็นฉินหยุนได้เห็นกาย
เปลือยเปล่าของปิงชิง
ในที่สุด ฉินหยุนที่หยดเลือดลงไปเรื่อย โลหิตเซียนและอสูรในไห
จึงค่อยเริ่มเดือดขึ้นมา
“เร่งรีบเข้าไปแช่!” ปิงชิงใช้มือของนางสัมผัสถึงโลหิตเซียนและ
อสูรสีทอง พร้อมเร่งรีบกล่าว
ฉินหยุนตื่นเต้นยินดี เพราะมีโอกาสสูงล้ำที่อีกไม่ช้าเขาจะได้ร่าง
เซียนอสูรมาครอบครอง