ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 717
ตอนที่ 717 ตะวันและจันทราทมิฬ
หลิงหยุนเอ๋อผู้ซึ่งอยู่ภายในมิติมายานิ่งอึ้งไปครู่ จากนั้นนางค่อย
ตอบรับ “คาดการณ์โดยคร่าว อีกสักพักหนึ่งกว่าเขาจะตื่น!”
“โอกาสนี้ควรรีบตักตวงเอาไว้ นี่ถือเป็นโอกาสหายากที่จะได้ล่วงเกิน
ต่อเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยตัวตนอย่างท่าน ภายหน้าก็คงไม่มีโอกาส
แล้ว!”
“หากข้าต้องการจริง ล่วงเกินต่อเขาเมื่อใดข้าย่อมทำได้!” ปิงชิงกล่าว
คำออกอย่างภาคภูมิ
“พี่สาวปิงชิง ข้าคิดอยากเป็นวิญญาณเต๋าของท่านแทนยิ่งนัก!” หลิง
หยุนเอ๋อเผยความคิดภายในออกมา นี่ก็เพราะนางบอกต่อฉินหยุนให้
ฉวยโอกาสต่อปิงชิงหลายครั้งครา กระนั้นฉินหยุนกลับดื้อรั้นปฏิเสธ
มาโดยตลอด
ทว่าปิงชิงไม่ใช่ เป็นพวกนางพูดคุยด้วยภาษาเดียวกัน!
ปิงชิงย่อมเชื่อมั่นในหลิงหยุนเอ๋อ กระนั้น นางก็ไม่ทราบว่าทุกการ
กระทำของนางจะเป็นหลิงหยุนเอ๋อบอกต่อไปยังฉินหยุน เป็นนาง
โดนหลิงหยุนเอ๋อหักหลังอย่างแสนสาหัสยิ่งนัก
“หยุนเอ๋อ ข้าตื่นได้หรือยัง?” ฉินหยุนถามหลิงหยุนเอ๋อภายในมิติมายา
คำถามพอกล่าวจบ เขาพลันรับรู้ได้ถึงจูบของปิงชิง
“หยุนเอ๋อ นี่เรื่องอะไร! เจ้ากล่าวอะไรต่อนาง? เหตุใดนางจึงยังไม่
หยุด!” ฉินหยุนสบถออกมา
“นางถามข้าว่าอีกนานหรือไม่กว่าเจ้าจะตื่นขึ้นมา ข้าจึงบอกไปว่าอีก
สักพักหนึ่ง จากนั้น… จากนั้นนางจึงทำเช่นนี้!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าวอย่างไม่ยินดี “ข้าบอกต่อเจ้าไปแล้ว ว่าพี่สาวปิงชิง
ผู้นี้คิดอยากล่วงเกินต่อเจ้าเพียงใด! หากเจ้าไม่กินนาง ก็จะเป็นนาง
กลืนกินเจ้า! เรื่องนี้อย่าได้กล่าวโทษข้า เป็นนางทำเองทั้งสิ้น!”
“พี่สาวปิงชิงคือเซียนที่เย็นเยือกดุจน้ำแข็ง ทว่านั่นก็แค่ภายนอก ภายใน
ของนางร้อนรุ่มยิ่งกว่าสิ่งใด!”
ฉินหยุนค่อยเข้าใจคำกล่าวนี้ของหลิงหยุนเอ๋อ
ปิงชิงฉวยโอกาสต่อฉินหยุน ราวกับความเกลียดชังของนางที่มีถูก
ถ่ายเทลงที่ร่างของเขาแทน นางกระทั่งจูบที่ลำคอ ดวงตาของนางเผย
ความปรารถนาถึงรักอันลึกล้ำ
ปิงชิงที่ลุกขึ้นจากเตียง นางค่อยนำเอาชุดสีขาวบริสุทธ์ิออกมา หลัง
สวมใส่เรียบร้อย นางค่อยยืนเคียงข้างและรับชม นางไม่กล้าคิดจาก
ไปตอนนี้ นางเกรงว่าฉินหยุนจะมีคำถามในภายหลัง
“เสี่ยวหยุน นางแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“แต่ข้าหาได้สวมใส่อันใดไม่ บอกให้นางช่วยข้าใส่เสื้อผ้าไม่ได้หรือ?”
ฉินหยุนถามขึ้น
“ก็ได้!” หลิงหยุนเอ๋อถอนหายใจ
หลิงหยุนเอ๋อพบว่าเรื่องราวน่าขัน เพราะตอนนี้นางกลับกลายเป็น
คนกลางระหว่างทั้งสอง
นางรับหน้าที่สื่อสารต่อทั้งสอง ทว่าปิงชิงและฉินหยุนหาได้ทราบ
เรื่องราวเบื้องหลัง ทั้งสองเพียงแต่เชื่อหลิงหยุนเอ๋อ
และหลิงหยุนเอ๋อคือผู้สร้างความผิดเพี้ยนที่สุด ถ้อยคำที่นางกล่าวได้
ชักพาไปสู่เรื่องราวอีกแบบหนึ่ง
“พี่สาวปิงชิง ช่วยเขาสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว! นี่จะได้มีโอกาสล่วงเกินเขา
อีกสักรอบ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำ
ไม่ช้า ฉินหยุนค่อยนึกเสียใจที่ปล่อยให้หลิงหยุนเอ๋อขอร้องต่อปิงชิง
ให้ช่วยเขาสวมใส่เสื้อผ้า เพราะปิงชิงได้จูบลงที่กายเขาอีกครั้ง ทั้งยัง
ล่วงเกินต่อร่างกายของเขาที่แสร้งทำเป็นหลับใหล
“เสี่ยวหยุน พี่สาวปิงชิงผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวแรกรุ่น! ชาติภพ
ก่อนนางถูกเจ้าลวงหลอกอย่างหนักหนา กระนั้นตอนนี้กลับตกหลุม
รักต่อเจ้าอีกครั้งหนึ่ง น่าเวทนานัก เป็นหญิงสาวบริสุทธ์ิที่อ่อนหวาน
อะไรเยี่ยงนี้!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะไปพลางกล่าว
“บริสุทธ์ิและอ่อนหวานที่ตรงใด! หากนางอ่อนหวานจริง เช่นนั้นจะ
ยังกล้าล่วงเกินต่อบุรุษเช่นข้าอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนสบถออก
ร่างกายของเขาถูกล่วงเกินหลายต่อหลายครั้งจนเกินไปแล้ว
ในที่สุดฉินหยุนค่อยตื่นขึ้น
เมื่อลืมตาตื่นขึ้น สายตาของเขามองไปทางปิงชิงพร้อมเผยยิ้ม “พี่สาว
ปิงชิง คล้ายว่าข้าฝึกฝนร่างเซียนอสูรได้สำเร็จแล้ว! ขอบคุณท่านที่
ช่วยข้าผ่านความเจ็บปวด ตอนนั้นเป็นข้านึกว่าจะตายเสียแล้ว มัน
เปรียบดังฝันร้ายที่สุดในชีวิตข้า!”
“อย่าได้กล่าวถึงมันแล้ว ข้าก็เพียงแต่ช่วยเหลือพี่ฉีโหรว!” ปิงชิงเผย
เสียงเย็น
ฉินหยุนไม่ยินดีอย่างยิ่ง ปิ งชิงฉวยโอกาสต่อเขาหลายครั้งครา กระนั้น
ตอนนี้กลับทำทีเสมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ทั้งยังเย็นชายิ่งกว่าเก่าก่อน
“เรื่องก่อนหน้านี้ เพียงคิดว่ามันเป็นฝันร้ายฉากหนึ่ง! อย่าได้กล่าวต่อ
เย่ว์หลาน ไม่เช่นนั้น… ไม่เช่นนั้นข้าจะปลิดชีพเจ้าซะ!” น้ำเสียงของ
ปิงชิงเผยความคุกคามอันเย็นเยือก
“คิดอยากสังหารข้าจริงหรือ? หากสังหารข้า ภายหน้าท่านจะไปจูบ
ผู้ใดกันเล่า?” ฉินหยุนคิดกล่าว ทว่าก็ได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
ปิงชิงนึกอยากติดต่อหลิงหยุนเอ๋อ กล่าวย้ำเตือนต่อนางสักหลายเรื่อง
กระนั้นฉินหยุนตื่นขึ้นมาแล้ว ทำให้นางเป็นกังวล ว่าเสียงสื่อสารของ
นางจะถูกฉินหยุนได้ยินเข้า
“ฉินหยุน เจ้ามีวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เจ้า
ฝึกฝนร่างเซียนอสูรที่เลิศล้ำได้แล้ว กระทั่งว่าไม่มีวิญญาณยุทธ์เที่ยง
ธรรม เจ้าก็ยังสามารถใช้จิตของตนเองต้านทานพลังหยินชั่วร้ายได้
ดังนั้นวางใจ จิตของเจ้าจะแปรเปลี่ยนเป็นดวงจันทราได้อย่างแน่นอน”
ปิงชิงกล่าว
ฉินหยุนรู้สึกคันไม้คันมือ คิดอยากแปรเปลี่ยนจิตของตนสู่ดวงจันทรา
เสียเดี๋ยวนี้ เพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง
เช่นนี้ เขาจะได้สามารถเปิดไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้า
ตะวัน!
“จริงด้วย ข้าคิดอยากเลื่อนระดับโดยเร็ว จะได้ไปรับตัวพี่หยาง
กลับมาเสียที!” ฉินหยุนกล่าว
“ฉินหยุน เมื่อใดเจ้าพบเย่ว์จี อย่าได้บอกต่อนางว่าระหว่างเรามีเรื่อง
อันใดเกิดขึ้น!” ปิงชิงกล่าวย้ำเตือน
“วางใจ ข้าเป็นคนปากหนัก จริงด้วย แล้วระหว่างเรามีเรื่องอันใด
เกิดขึ้นงั้นหรือ?” ฉินหยุนกล่าวคำพลางนำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณสี
ทองม่วงออกมา
“ไม่มีใดทั้งสิ้น เจ้าก็เพียงฝันไป!” ปิงชิงรับไข่มุกผนึกวิญญาณไป
พิจารณา จากนั้นจึงค่อยส่งกลับคืนแก่ฉินหยุนพร้อมกล่าว “เจ้าทำ
ให้วิญญาณยุทธ์จันทราปกคลุมรอบผลึกแก้ววิญญาณดวงดาวด้วย
ตนเองได้หรือไม่?”
“ย่อมได้!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงนำไข่มุกผนึกวิญญาณวางไว้ที่
หน้าผาก
ก่อนหน้า เขาได้ดูดกลืนแก่นเต๋าดวงดาวไปมากมาย ทั้งยังได้กินเม็ด
ยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิด ตอนนี้ อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เขาจะ
ก่อวิญญาณต้นกำเนิดขึ้นมา
และวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงที่มีตอนนี้ ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่
จะได้ใช้งาน
จิตของฉินหยุนได้แปรเปลี่ยนสู่จันทรา นั่นเทียบเท่ากับการฝึกฝน
วิญญาณต้นกำเนิด และเขาจะแตกต่างจากผู้อื่นที่ระดับพลังเดียวกัน
ไม่ช้า ฉินหยุนได้ปล่อยวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงให้เข้าสู่ภายใน
จิต มันกำลังจะเข้าผสานรวมกับผลึกแก้วดวงดาว
ทันใดนี้เอง ปิงชิงพลันกล่าวคำขึ้นมา “ฉินหยุน ข้าจะปล่อยจิตของ
ข้าเข้าสู่ผลึกแก้วดวงดาวของเจ้า นี่ก็เพื่อช่วยให้เจ้าเลื่อนระดับได้!”
“พี่สาวปิงชิง ด้วยมีคนช่วยเหลือฝึกฝนเช่นนี้ ภายหน้าจะมีผลกระทบ
ใดตามมาหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“หาได้มีไม่! ในฝักฝ่ายใหญ่ทั้งหลาย รุ่นก่อนบ่อยครั้งมักจะช่วยเหลือ
ผู้เยาว์ของตนเองฝึกฝนเช่นนี้!” ปิงชิงกล่าว “ผ่อนคลายจิต ให้ข้าชี้นำ
จิตของเจ้าเพื่อไปสู่ขั้นถัดไป!”
ฉินหยุนทำตามคำแนะนำของปิงชิง เขาเริ่มผ่อนคลายจิตของตน
เพียงไม่นาน เขาสัมผัสได้ถึงพลังจิตของปิงชิงที่ไหลเวียนเข้ามา มัน
ควบคุมวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง ให้ทำการผสานรวมเข้ากับ
ผลึกแก้วดวงดาว
ผลึกแก้วดวงดาวได้ดูดกลืนวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง พลังของ
มันเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยปิงชิงควบคุมดูแล กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นและ
รวดเร็ว
ฉินหยุนหลับตาลง เขาสัมผัสได้ถึงดวงจันทราทองม่วงสุกสว่างที่
เริ่มปรากฏภายในจิต มันเป็นความงดงามที่ทำให้เขานึกถึงหยางฉีเย่ว์
ก่อนหน้านี้ หยางฉีเย่ว์เองก็ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง
อันงดงามเช่นเดียวกันนี้
ช่วงบ่าย เก้าดวงตะวันร้อนแรงกลางฟากฟ้าที่เผยออกซึ่งรัศมีดวง
ตะวันร้อนแรง
อย่างกะทันหัน หนึ่งในดวงตะวันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
ปิงชิงคล้ายพบเห็นเรื่องราวที่ภายนอก นางออกไปพ้นจากต้นกำเนิด
เซียน พร้อมออกมารับชมที่ภายนอกของตำหนักพระราชวังเซียน
ยุทธภัณฑ์
นางเมื่อเห็นปรากฏการณ์บนฟากฟ้า นางค่อยตระหนักได้ ว่านี่เป็น
ผลของการที่จิตของฉินหยุนแปรเปลี่ยนเป็นจันทรา
ปรากฏการณ์นี้ ทุกผู้คนในแดนวิญญาณอ้างว้างล้วนสามารถพบเห็น
ฉินหยุนเดินออกมาที่ด้านหน้าตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
เช่นกัน เขายังได้เห็นดวงตะวันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ นอกจากนี้แล้ว
มันยังมีรัศมีแสงเป็นทองม่วง เขากล่าวถาม “พี่สาวปิงชิง นี่เกี่ยวข้อง
กับข้าหรือ?”
เวลาเดียวกันนี้เอง ที่ดวงตะวันค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ
“อย่าได้ใส่ใจไป รีบไปกันดีกว่า!” ปิงชิงกล่าว
ตำหนักเซียนดาบ เจี้ยนสือเทียนกำลังรับชมดวงตะวันที่ฟื้นกลับคืน
ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
เจี้ยนหนันหู่กล่าวถาม “ท่านปู่ นี่คือเรื่องอันใด? ปรากฏการณ์นี้
คล้ายยากพบเห็นยิ่งนัก!”
“ดวงตะวันและจันทรากำลังประชันต่อกัน! ผู้ฝึกตนจันทราที่ทรง
อำนาจได้ถือกำเนิดขึ้น เป็นผลให้จันทราทมิฬขึ้นมาบดบังดวงตะวัน!”
เจี้ยนสือเทียนกล่าวด้วยคิ้วขมวด “เรื่องนี้ต้องเป็นคนของสามสำนัก
จันทราเป็นแน่!”
“ท่านปู่ หนึ่งเดือนผ่านพ้น คนของเขตแดนลึกล้ำยังไม่มาที่นี่อีกหรือ?
ราชันแคว้นถึงสองคนสิ้นชีพ! ทั้งยังมีจ้าวสำนักอสูรทั้งหลายที่ตาย
ตก และยังมีพวกอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง พวกนั้นไม่มี
การตอบสนองใดเลยอย่างนั้นหรือ?” เจี้ยนหนันหู่เอ่ยถามด้วยความ
สงสัย
“บางทีอาจเป็นพวกเขาเหล่านั้นไม่มีกำลังพอให้เข้ามาแทรกแซง
เรื่องราวได้แล้ว!” เจี้ยนหนันหู่หัวเราะ “ต่อให้มา ข้าก็คาดเดาว่าคง
จะเป็นการมุ่งตรงไปยังเทือกเขานิราศจันทรา เพื่อตรงไปจับตัวหยาง
ฉีเย่ว์! แม้พวกเขาคิดอยากไปหาทางลัดต่อฉินหยุน แต่ด้วยฉินหยุน
กระทำไปมากมายเพียงนั้น พวกเขาจะยังกล้าอีกอย่างนั้นหรือ?”
เจี้ยนหนันหู่กล่าว “ฉินหยุนแข็งแกร่ง ทั้งยังมีเซียนหนุนหลัง นคร
เซียนยุทธภัณฑ์ได้รับต้นกำเนิดเซียนไปมาก ข้ายิ่งมายิ่งอยากฝึกฝน
พลังที่มากขึ้น ข้าต้องเอาชนะเขาให้ได้!”
หาได้มีผู้ใดหาญกล้ามายังนครเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อสร้างปัญหาแก่ฉิน
หยุน เพราะนั่น ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
ผู้คนล้วนทราบ ว่ามีเซียนที่ทั้งแข็งแกร่งและลึกล้ำซ่อนตัวอยู่ใน
พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ นอกจากนี้ ฉินหยุนยังเป็นที่รักใคร่ของ
เซียนดังกล่าว ผู้ใดคิดอยากสร้างปัญหาแก่ฉินหยุน เมื่ออยู่ที่นี่ ย่อมมี
สภาพไม่ต่างอะไรกับคนตาย
ฉินหยุนกลับเข้าตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์พร้อมยืดเส้น เขา
ยิ้มกล่าว “พี่สาวปิงชิง จิงเหมิงคงไม่มาสักพักหนึ่ง นางน่าจะรับการ
สอนสั่งเต๋าจารึกจากผู้อาวุโสหลิงหลงอยู่!”
“ผู้อาวุโสหลิงหลง? จากนามนั่น สตรีงั้นหรือ? เมื่อใดกันที่พระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์ของเรามีผู้อาวุโสคนนั้น?” ปิงชิงคิ้วขมวดเอ่ยถาม
“นามของนางคือเจี้ยนหลิงหลง เป็นจักรพรรดิยุทธ์จากตำหนักเซียน
ดาบ ทั้งยังเป็นอาจารย์จารึกเต๋า นางครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า
ด้วย! เป็นข้าดึงตัวนางมาจากตำหนักเซียนดาบ!” ฉินหยุนยิ้มภาคภูมิ
“นางเป็นอาจารย์จารึกเต๋าที่งดงามผู้นั้น?” น้ำเสียงปิงชิงพลันเย็นเยือก
ราวกับนี่เจือปนมาด้วยอาการริษยา
“นั่นก็ใช่ ทว่านางหาได้อ่อนโยนใดไม่!” ฉินหยุนพบว่าเมื่อครู่ตน
คล้ายเหยียบลงนรกไปครึ่งก้าว
“ให้ข้าพบนาง!” ปิงชิงกล่าวเสียงเย็นเยือก
ฉินหยุนยิ่งกังวล เขากล่าว “พี่สาวปิงชิง อย่าได้ขับไล่นางไป นางจะ
เป็นอาจารย์ที่ดีให้แก่เสี่ยวจิงเหมิง!”
ปิงชิงกล่าว “นางเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา ย่อมเป็นหนึ่ง
ในพวกเรา ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสอาจารย์จารึกเต๋า ข้าย่อมคิดอยากพบ
นางถือเป็นเรื่องปกติ!”
เพียงไม่นาน ปิงชิงจึงเรียกตัวเปาเฉิงโฉ่วและแม่เฒ่าหม่าเข้าพบ ทั้ง
สองเร่งรีบไปนำตัวเจี้ยนหลิงหลงมายังที่นี่
“ข้าควรอยู่ด้วยหรือไม่?” ฉินหยุนถามขึ้น
“อยู่!” ปิงชิงกล่าว “ข้าคิดอยากเห็นว่านางเป็นคนที่ข้ารู้จักหรือไม่!
เพราะผู้คนที่ข้องเกี่ยวกับเจ้าในชาติภพก่อน คล้ายเวลานี้จะถูกดึงดูด
เข้าหาเจ้าไม่ใช่น้อย!”
“ผู้อาวุโสหลิงหลงอายุไม่น้อยแล้ว อย่างน้อยก็สมควรสักหนึ่งพันปี
หรือบางทีอาจถึงขั้นอายุหนึ่งหมื่นปีด้วยซ้ำ!” ฉินหยุนกล่าว
“ได้เห็นเมื่อใดย่อมได้ทราบ กระทั่งว่านางไม่อาจจดจำอันใดได้ แต่
หากข้าได้เห็นหน้าของนาง ข้าก็จะทราบว่านางเป็นคนที่ข้ารู้จัก
หรือไม่!” ปิงชิงกล่าว
ไม่นานเท่าใดนัก เจี้ยนหลิงหลงจึงมาถึง
ทันทีเมื่อนางมาถึงและได้พบเห็นปิงชิง นางสัมผัสได้ถึงพลังเซียน
อันรุนแรง มันทำเอานางต้องอึ้งทึ่งจนเร่งร้อนโค้งกายให้แก่ปิงชิง
“เจี้ยนหลิงหลงคารวะผู้อาวุโสสูงสุด!”
เจี้ยนหลิงหลงนึกขึ้นได้ ฉินหยุนบอกต่อนางแล้ว ว่าเซียนผู้นั้นงดงาม
เป็นอย่างยิ่ง ครานี้นางได้เห็นกับตาตนเอง จึงค่อยได้ทราบว่าเป็น
ความจริง
“หลิงหลง ยินดีต้อนรับสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา! จิงเหมิงครอบ
ครองร่างเซียนโดยธรรมชาติ ทั้งนางยังครอบครองจารึกวิญญาณ
โทเทม หวังว่าเจ้าจะช่วยสอนสั่งแก่นางเป็นอย่างดี!”
“นี่คือเปลือกหอยสื่อสาร หากเจ้ามีส่วนใดที่ไม่เข้าใจในการฝึกฝน
จงส่งข้อความถึงข้า หากข้าสะดวก ย่อมช่วยเจ้าชี้แนะเป็นการส่วนตัว
ให้!” ปิงชิงกล่าว
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสสูงสุด!” เจี้ยนหลิงหลงรับเปลือกหอยสื่อสาร
มา ภายในยังต้องตื่นตะลึง เป็นนางไม่ทราบว่าเหลียวจิงเหมิงจะถึง
ขั้นมีจารึกวิญญาณโทเทมในครอบครอง
“ความลับเรื่องจิงเหมิงครอบครองจารึกวิญญาณ จงรักษาเอาไว้ให้ดี
เยี่ยงชีวิต!” ปิงชิงกล่าวคำเตือน