ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 723
ตอนที่ 723 คู่หู
เหรียญตราของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นของจริง เนื่องด้วยมันสามารถส่อง
แสง
บรรดาคนหนุ่มที่ชั้นแรกในห้องโถงของตำหนักจารึกเทวะ ล้วนอึ้ง
ทึ่งกันถ้วนหน้ายามได้เห็นเหรียญตราดังกล่าว
เมื่อคนของตำหนักจารึกเทวะได้เห็นเหรียญตรา พวกเขาเร่งรีบไป
บอกกล่าวต่อผู้จัดการอาวุโส
อาจารย์จารึกลึกล้ำระดับกลางด้วยอายุยังเยาว์เพียงนี้ ทั้งยังเป็นคนของ
ตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า เป็นปกติที่ผู้จัดการอาวุโส
ประจำสาขาจะต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
ไม่นานจากนั้น นายน้อยทั้งหลายแห่งตระกูลอันมั่งคั่งต่างเดินเข้ามา
ทักทายเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
ชั่วเวลานี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุน บอกต่อ
เขาให้แสร้งทำเป็นมอบของขวัญล้ำค่าแก่นาง
ฉินหยุนอึ้งไปวูบก่อนจะเร่งรีบสนองให้ เขานำเอากล่องเปล่าออกมา
ส่งมอบแก่นางพร้อมกล่าว “นายหญิงน้อยขอรับ นี่คือของขวัญจาก
ข้า เป็นโสมโลหิตอายุกว่าห้าหมื่นปี!”
“ขอบคุณนายน้อยมากแล้ว ข้าเซียงเย่ว์ยินดีรับไว้ ข้าย่อมต้องตอบแทน
ต่อนายน้อยในภายหน้าอย่างแน่นอน!” เสียงของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยทั้ง
อ่อนนุ่มและมากมารยาท ราวกับนางเป็นสตรีผู้สูงศักด์ิมาเอง
ฉินหยุนสบถต่อเด็กสาวจอมลวงโลกตรงหน้าหลายครั้งคราภายใน
กระนั้นภายนอกก็ยังให้ความร่วมมือกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นอย่างดี
“ตราบเท่าที่ทำให้นายหญิงน้อยพอใจ นี่ย่อมไม่นับเป็นอะไร โปรด
รับมันไว้ ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นการหมิ่นน้ำใจข้า!”
“ข้าเกือบลืม นามข้ามู่หรงต้าเหริน เป็นคนของตระกูลมู่หรง!”
“ขอบคุณนายน้อยมู่หรงแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรับกล่องจากฉินหยุนไว้
นางฮัมเพลงพลางกล่าวคำ “ตระกูลหลงของเราคิดซื้อหาสมุนไพร
โอสถล้ำค่าในอีกไม่ช้านี้ นายน้อยมู่หรง ตระกูลมู่หรงของท่านย่อม
ต้องมีวัตถุดิบโอสถชั้นเลิศในครอบครองเป็นแน่ ข้าจะเป็นตัวแทน
ตระกูลซื้อหาพวกมันเอาไว้เอง!”
“ยินดีแล้วขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
บรรดานายน้อยผู้อื่นยามได้เห็นเช่นนี้ พวกเขาต่างเริ่มเข้ามาส่งมอบ
ของขวัญแก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกันคนแล้วคนเล่า แต่ละคนล้วนอยากสร้าง
สัมพันธ์อันดีกับนางเอาไว้
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคำสุภาพอ่อนหวานขณะรับของขวัญไว้จนเต็มไม้
เต็มมือ กล่าวขอบคุณเรียบร้อย นางจึงให้สัญญาว่าจะจัดงานเลี้ยงใน
ค่ำคืนนี้ที่ชั้นสองตำหนักจารึกเทวะ และถึงตอนนั้น นางจะยอมหาคู่
เต้นรำด้วย
ฉินหยุนต้องลอบนับถือต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เพียงอึดใจเดียวนางสามารถ
ล่อลวงของขวัญจากผู้อื่นไปได้เพียงนี้
บรรดานายน้อยเหล่านี้ที่ต้องการสร้างบุญคุณต่ออาจารย์จารึกลึกล้ำ
เยาว์วัยจากตระกูลหลง โดยเฉพาะเมื่อผู้จัดการอาวุโสแห่งตำหนัก
จารึกเทวะได้ยืนยันแล้วว่าเหรียญตราเป็นของจริง มันยิ่งทำพวกเขา
ต้องร้องอุทานด้วยความนับถือกันออกมา
การปรากฏตัวของอาจารย์จารึกลึกล้ำที่เป็นสตรีเยาว์วัย ส่งผลให้นาย
น้อยทั้งหลายที่นี้ต่างคลุ้มคลั่ง
และด้วยฐานะที่เป็นบุคคลแรกซึ่งมอบของขวัญให้ ฉินหยุนจึงได้
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเชิญไปพูดคุย เรื่องนี้ทำเอาหลายต่อหลายคนริษยากัน
ไม่จบไม่สิ้น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคืออาจารย์จารึกลึกล้ำ นางย่อมสามารถพักอาศัยใน
ห้องชุดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ฉินหยุนเข้ามาในห้องนั่งเล่นก่อนจะถามเสียงเบา “เย่ว์เหม่ย นี่เจ้าไป
หาเหรียญตรานั่นมาได้อย่าง่ไร?”
“ข้าโกงมา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรับคำอย่างไม่ยี่หระใด
“โกงหรือ? เจ้าโกงมาได้อย่างไร? กระบวนการสร้างเหรียญตรานั้น
เข้มงวดอย่างยิ่ง หากสร้างเหรียญตราโดยการคดโกง เช่นนั้นย่อม
ต้องส่งผลเสียย้อนกลับผ่านพันธะโลหิต!”
ฉินหยุนเคยได้รับเหรียญตรามาก่อน เขาทราบดีว่ากระบวนการ
เข้มงวดเพียงใด
“ข้าโกงระหว่างการทดสอบ ดังนั้นผู้ที่สร้างเหรียญตราจึงไม่ทราบ
เรื่อง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยออกอย่างภาคภูมิ “พี่ชาย ข้าเก่งใช่หรือไม่?”
ฉินหยุนยิ้มรับ “ย่อมต้องเก่ง! เร่งรีบรับชมกันว่าได้อันใดมาบ้าง!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบนำเอาของขวัญกองใหญ่ออกมา หลังจากเปิด
พวกมันรับชมเรียบร้อย นางจึงบุ้ยปากกล่าวคำ “ขยะทั้งนั้น!”
“เหตุใดจึงเป็นขยะ? เหล่านี้ล้วนเป็นโอสถลึกล้ำ!” ฉินหยุนมองที่
โอสถลึกล้ำพลางคิด ว่าเหล่านี้ถือว่าดีไม่ใช่น้อยแล้ว
“ข้าหาได้ต้องการมันไม่! ที่ข้าต้องการคือวิญญาณยุทธ์ของพวกมัน
กระนั้นพวกมันล้วนมีแต่วิญญาณยุทธ์สวะ หาได้มีอันใดดึงดูดข้า
ไม่!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถอนหายใจ “กับสถานที่เช่นนี้ คิดพบเจอผู้ที่
ครอบครองวิญญาณยุทธ์ที่ดีหน่อยช่างยากนัก!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนั่งบนเก้าอี้พร้อมแกว่งขาไปมา นางนำเอาผลไม้ออกมา
จากกองของขวัญก่อนจะกัดกิน พร้อมโยนให้ฉินหยุนได้รับประทาน
ด้วย
ฉินหยุนคว้ารับเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้ามารับชมเพื่อหาผลไม้ให้โมโม
และกระต่ายหยกได้กิน
ตึก ตึก ตึก!
อย่างกะทันหัน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นายหญิงหลงพอจะมีเวลาหรือไม่? มีนายน้อยหลายท่านจากตระกูล
ที่ทรงอำนาจต้องการพบเจอท่าน!” บุคคลที่กล่าวนี้ คือผู้จัดการอาวุโส
แห่งตำหนักจารึกเทวะ นามผู้จัดการหลี่
“ย่อมได้ ให้พวกเขาเข้ามา!” ดวงตางดงามเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยประกาย
ขณะเร่งรีบตอบรับ
จากนั้น นางจึงกล่าวกับฉินหยุนเสียงเบา “พี่ชาย ท่านต้องให้ความ
ร่วมมือกับข้าแล้ว! ถัดจากนี้ ข้าจะมองเหยียดต่อท่าน ทำให้นายน้อย
เหล่านั้นรู้สึกว่าตนเหนือกว่า จากนั้น ท่านค่อยแสร้งทำเป็นโกรธ
บีบบังคับให้พวกมันเหล่านั้นต้องขันแข่ง เมื่อใดถึงเวลา พวกเราจะ
ได้รับผลประโยชน์ก้อนงาม!”
ฉินหยุนจำเอาไว้พร้อมพยักหน้ารับ
“พี่ชาย เรื่องนี้ชวนสนุกหรือไม่ใช่? ชาติภพก่อนหน้า ท่านมักจะนำ
ข้าไปลวงหลอกเช่นนี้ประจำ กระนั้นตอนนี้ กลับเป็นข้าพาท่านไป
ลวงหลอกผู้อื่นเสียแทน เวลานี้ถือว่าข้าเชี่ยวชาญกว่าท่านแล้ว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคัก
“เจ้านี่นะ!” ฉินหยุนยิ้มพลางส่ายหน้า
ไม่นานนัก ผู้จัดการหลี่จึงเคาะประตูอีกครั้งหนึ่ง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบไปเปิดประตู
ฉินหยุนนั่งอยู่ข้างโต๊ะกลมในห้องโถงรับรอง
หลายคนที่มา ต่างเป็นนายน้อยจากตระกูลทรงอำนาจ เสื้อผ้าพวกเขา
ประกอบด้วยสีสันหลากหลายสุกสว่าง
ผู้จัดการหลี่ที่ส่งแขกเรียบร้อยจึงเร่งรีบไปทำกิจธุระต่อ
เหตุผลว่าทำไมเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นปลาใหญ่ นั่น
ก็เพราะพวกเขาเหล่านี้สามารถทำให้ผู้จัดการอาวุโสแห่งตำหนัก
จารึกเทวะออกหน้าแทนพวกตนได้
บรรดาผู้ที่มา มีจากทั้งตระกูลเจียง ตระกูลเยี่ย ตระกูลเซีย และตระกูล
จี รวมทั้งหมดแล้วเป็นนายน้อยสี่คนที่หล่อเหลาสวมใส่ชุดหรูหรา
เหล่านี้เป็นนายน้อยจากตระกูลชั้นรอง หากใช้คำของเจี้ยนรั่วหยานก็
เห็นจะเป็น “ตระกูลชั้นสวะ!”
ตระกูลชั้นสวะเหล่านี้ คิดก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่าถือเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นนายน้อยเหล่านี้จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะทำความรู้จักกับ
ชนชั้นนำของตระกูลใหญ่
โดยเฉพาะเมื่อได้พบเจอสตรีที่งดงาม ทั้งยังมีพรสวรรค์มากล้นตั้งแต่
ยังเยาว์ พวกเขาไม่คิดอยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย
ฉินหยุนยังได้ทราบอีกเรื่อง ว่ายามเชี่ยวเย่ว์เหม่ยแอบอ้าง นางมักจะ
แอบอ้างเป็นผู้คนจากสถานที่อันห่างไกล วิธีการนี้ จะทำให้ผู้อื่นไม่
อาจจับพิรุธนางได้เร็วจนเกินไป
ตอนนี้นางอยู่ที่แคว้นมหาดวงดาว แสร้งทำเป็นคนจากแคว้นมังกร
ทะยานฟ้า กระทั่งว่าส่งคนไปตรวจสอบ กว่าจะพบเบาะแสก็ไม่มี
ทางสำเร็จในเวลาอันสั้น
เช่นกัน ด้วยนางครอบครองเหรียญตราอาจารย์จารึกลึกล้ำและเป็นผู้
งดงาม นางจึงสามารถลวงหลอกผู้อื่นได้ไปทั่ว
“นายน้อยมู่หรง แม้ท่านมอบสิ่งของล้ำค่าให้แก่ข้า กระนั้น… กระนั้น
เสื้อผ้าที่ท่านใส่คล้ายเรียบง่ายและดูทรุดโทรมไปบ้าง นี่ไม่คล้ายว่า
ท่านจะเป็นคนของตระกูลอันสูงศักด์ิแต่อย่างใด รับชมนายน้อย
เหล่านี้ พวกเขาต่างสวมใส่ชุดหรูหรา หาได้ใช่ผู้ที่ท่านสามารถเทียบ
เคียงได้แม้เพียงนิด!” ดวงตาของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีแต่ความสงสัยอัดแน่น
ขณะมองที่ฉินหยุน
บรรดานายน้อยจากตระกูลใหญ่ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
นายน้อยเยี่ยมองที่ฉินหยุนพร้อมแค่นเสียงกล่าว “ด้วยรูปลักษณ์เจ้า
ยังกล้าเรียกว่าเป็นบุตรหลานตระกูลชนชั้นสูงงั้นหรือ? ไม่แปลกใจ
ที่นายหญิงน้อยหลงจะสงสัยต่อเจ้า! เป็นเจ้าลวงหลอกฐานะตัวตน!”
นายน้อยตระกูลจีเร่งรีบกล่าวคำตามพร้อมแค่นเสียง “นายหญิงน้อย
หลง โสมที่เขามอบให้แก่ท่าน นั่นสมควรเป็นของปลอมแน่แล้ว!”
นายน้อยเจียงกล่าวคำขึ้นตามติด “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบตัวตน
มันผู้นี้ภายหลัง หากมันลวงหลอก เช่นนั้นก็มีโทษต้องตาย!”
นายน้อยเซียเผยยิ้มให้แก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพร้อมกล่าว “นายหญิงน้อย
หลงอย่าได้กังวลไป หากผู้ใดกล้าลวงหลอกต่อท่าน มันย่อมไม่มี
โอกาสได้รอดชีวิต! ด้วยข้านายน้อยแห่งตระกูลเซียอยู่ที่นี่ จะไม่มี
ผู้ใดหาญกล้าลวงหลอกต่อท่าน!”
ภายในมิติมายาของฉินหยุน หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว
ฉินหยุนสวมใส่ชุดทรุดโทรมไปบ้างจริง และตัววัสดุของชุดยังเป็น
หนังสัตว์ที่หยาบกร้าน
แม้เขาถูกมองเหยียดเพียงนี้ ฉินหยุนก็ยังสามารถสงบใจ เพราะนี่คือ
แผนการที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้วางเอาไว้แล้ว
ฉินหยุนแสร้งทำเป็นโกรธพร้อมกล่าว “อย่าได้กล่าววาจาหมิ่นผู้อื่น
ไป แม้ตระกูลมู่หรงของข้าหาได้ใหญ่โต ทว่าพวกเราไม่ใช่ผู้ที่ไม่
อาจแม้มีเสื้อผ้าที่ดีใส่! ข้าเพียงไม่ชื่นชอบใส่พวกมันก็เท่านั้น!”
“สามหาว! เจ้ากำลังจะบอกว่านายหญิงน้อยหลงมีตาหามีแววไม่
อย่างนั้นหรือ?” นายน้อยเยี่ยโพล่งออกด้วยความโกรธพร้อมเผยออร่า
รุนแรง นี่เป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง
นายน้อยเหล่านี้ดูยังเยาว์ กระนั้นกลับอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ระดับกลางกันแล้ว สำหรับที่นี่ พวกเขากล่าวได้ว่าแข็งแกร่งระดับ
หนึ่ง
ฉินหยุนย่อมไม่หวาดเกรง หากคิดสังหาร เขาตบหน้าเพียงไม่กี่ครั้ง
เหล่านี้ล้วนสามารถจบชีวิต
“นายหญิงน้อยหลงเพียงสงสัยต่อข้า พวกเจ้าต่างหากที่ยืนกรานว่าข้า
ลวงหลอก! ผู้ที่มีตาหามีแววไม่กลับเป็นพวกเจ้า!”
ฉินหยุนแสร้งทำเป็นโกรธยิ่งขึ้นพร้อมเผยออร่า ตัวเขาได้เผยออร่า
ของขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางออกมา
แน่นอนว่านี่เป็นออร่าที่ผ่านการสะกดข่มเอาไว้ เพราะเขาเกรงว่าจะ
ทำอีกฝ่ายตื่นตระหนกจนเกินไป
“ทุกท่านอย่าได้โต้เถียงแล้ว สงบใจลงกันก่อน!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโพล่งคำเบา กระนั้นภายใน นางยินดีราวดอกไม้บาน
สะพรั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางรู้สึกว่าได้ฉินหยุนมาช่วยเล่นละคร
กลับกลายเป็นเรื่องสนุกอีกอย่างหนึ่ง
ก่อนหน้า นางจะมีหงเมิ่งจูเป็นคู่หูคอยร่วมมือ
“นายหญิงน้อยหลงอย่าได้กังวล ข้าย่อมยืนยันได้ ว่าข้าหาได้ลวง
หลอกใดต่อท่าน!” ฉินหยุนเผยเสียงกราดเกรี้ยว
จากนั้น เขาจึงนำเอาบัตรผลึกแก้วสีม่วงออกมาและกล่าว “นายหญิง
น้อยหลง ข้าจะมอบให้แก่ท่านหนึ่งพันล้านเหรียญม่วงเพื่อเป็นค่า
เสื้อผ้าอันงดงามที่คู่ควรกับท่าน! แม้ว่าข้าไม่สนรูปลักษณ์ตนเอง
กระนั้นสตรีเช่นท่านต้องมีเสื้อผ้าที่ดีสวมใส่!”
การปล่อยมือจากเงินหนึ่งพันล้านเหรียญม่วงหาได้ใช่เรื่องง่ายดาย
เรื่องนี้ทำเอาบรรดานายน้อยที่นี้ต่างตื่นตะลึง
“นายน้อยมู่หรง ข้าน้อยเดินทางเพียงลำพังเสมอมา ดังนั้นจึงต้องผ่าน
ช่วงเวลายากลำบากไม่ใช่น้อย ข้าย่อมพบเจอบุคคลน่าสงสัยมากมาย
ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ข้าต้องขออภัยต่อท่านแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่ง
รีบกล่าว “ครานี้ข้าเชื่อแล้วว่าท่านเป็นคนของตระกูลมู่หรงจริงแท้
และข้าก็ไม่กล้ารับหนึ่งพันล้านเหรียญม่วงของท่านไว้ นั่นย่อมต้อง
เป็นตระกูลท่านมอบไว้ให้ท่านดำเนินธุรกิจ เป็นข้าไม่อาจรับ!”
ขณะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว นางได้ใช้มือขาวนวลงดงามนั้นกุมมือฉิน
หยุนเอาไว้พร้อมดันบัตรผลึกม่วงกลับ “นายน้อยมู่หรง ท่านจำเป็น
ต้องสงบใจลงสักนิด ธุรกิจของท่านย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ในเมื่อตระกูล
มู่หรงมอบเหรียญม่วงมากมายเพียงนี้แก่ท่าน ก็ชัดเจนแล้วว่าทางนั้น
เชื่อใจท่านเพียงใด ดังนั้นอย่าได้ให้อารมณ์ครอบงำการตัดสินใจของ
ท่าน!”
หลังเก็บบัตรผลึกม่วงไปแล้ว ฉินหยุนค่อยรู้สึกวางใจได้เปราะหนึ่ง
บรรดานายน้อยอื่นที่นี้ต่างชื่นชมนายหญิงน้อยหลงจากหัวใจ พวก
เขาต่างคิดว่านี่เป็นโอกาสหาคู่ที่ดี เพราะนางถึงขั้นกล้าปฏิเสธหนึ่ง
พันล้านเหรียญม่วงอย่างไม่มีวี่แววเสียดายใด
ต้องทราบว่ากระทั่งพบเจอสตรีงดงามเพียงใด กระนั้นแต่ละคนล้วน
คิดสูบเงินตรากันทั้งสิ้น
ฉินหยุนหันมองทางนายน้อยทั้งหลายก่อนจะแค่นเสียง “พวกเจ้าที่
อัตคัด มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบว่ามากันมือเปล่า! เสื้อผ้าพวกเจ้า
ล้วนดี มีสถานะสูงส่ง แต่กลับพยายามสร้างความประทับใจแก่ผู้อื่น
ผ่านทางรูปลักษณ์แทนที่จะเป็นความสามารถ! ผู้ที่มีพื้นเพย่อมต้อง
เก็บงำตนเองดังเช่นข้า!”
“พวกเจ้านำอันใดมาเป็นของกำนัลแก่นายหญิงน้อยหลง? อย่าได้
บอกว่าล้วนเป็นขยะทั้งสิ้น?”
เย้ยหยันเรียบร้อย นายน้อยเหล่านี้แทบไม่อาจตอบกลับใด เพราะ
พวกเขาไม่มีของดีติดมือมาจริง
“หากไม่ใช่เพราะผู้จัดการหลี่ไว้หน้า พวกเจ้าหรือจะมาที่นี่ได้? กลุ่ม
คนชวนเวทนาเช่นพวกเจ้าคิดอยากสร้างบุญคุณแก่นายหญิงน้อยหลง
แต่กลับไม่มีอันใดที่ไว้ใช้สร้างความประทับใจแม้เพียงนิด น่าขัน!”
ฉินหยุนยังคงกล่าวยั่วยุอีกฝ่ายต่อเนื่อง
นายน้อยจีกล่าวคำ “นายหญิงน้อยหลง ตระกูลจีของเรามีรากฐาน
ใหญ่โตในนครจันทราโกลาหลแห่งนี้ และได้คงอยู่มาเป็นเวลา
ยาวนานยิ่ง! รากฐานพวกเราแข็งแกร่งเลิศล้ำ เป็นข้าเร่งรีบเดินทาง
มา ดังนั้นจึงไม่ได้ตระเตรียมมาอย่างเพียงพอ ข้าขอตัวก่อนแล้ว!”
บรรดานายน้อยผู้อื่นต่างกล่าวลากันไปพร้อมสีหน้าใคร่คิดหาของขวัญ
มากลบคำกล่าวหาของอีกฝ่าย เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแสร้งทำเป็นเกลี้ยกล่อม
ให้พวกเขาอยู่ต่อ ทั้งยังบอกว่าไม่ต้องนำของขวัญล้ำค่าใดมา เพียงแต่
สงบใจและพูดคุยก่อนกันก็พอ ทว่านั่นล้วนเป็นการแสดงทั้งสิ้น
คำกล่าวเหล่านั้น ยิ่งเป็นการยั่วยุบรรดานายน้อยให้มากขึ้นไปอีก
“กลับไปแล้วก็อย่าได้เสนอหน้ามากันอีก!” ฉินหยุนหัวเราะดังกล่าวคำ
“บัดซบ เจ้าจงรอ! ข้าจะแสดงให้เห็นว่าตระกูลใหญ่แท้จริงมีดีอย่างไร!”
นายน้อยตระกูลจีเผยคำดุดันก่อนจากไป
นายน้อยผู้อื่นต่างไปกันหมดสิ้น!
ประตูพอปิดลง ฉินหยุนจึงส่ายศีรษะยิ้มกล่าว “ข้ากังวลว่าพวกมัน
คงไม่กลับมากันอีกแล้ว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะซุกซนกล่าวคำ “พี่ชาย ฝีมือท่านช่างยอดเยี่ยม
นัก! รัศมีคนโกงของท่านในชาติภพก่อนก็เป็นเช่นนี้ รอสักประเดี๋ยว
พวกมันย่อมต้องกลับมาแน่! ทั้งยังจะนำผู้อาวุโสพวกมันร่วมทางมา!”
“พี่ชาย ท่านควรสร้างยันต์ลึกล้ำที่ดีไว้จำนวนหนึ่ง หรือสิ่งของที่
ทัดเทียม ภายหลังข้าจะแสร้งทำเป็นมอบของขวัญตอบแทนกลับคืน
ข้าจะได้ไปลวงหลอกพวกมันให้หมดทั้งตระกูล!”