ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 733
ตอนที่ 733 พระราชวังจันทราใต้ดิน
ฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉินออกจากใต้ดินแล้ว
หลังจากพลังของค่ายอาคมถูกใช้หมดสิ้น แสงสว่างที่ปกคลุมภูเขา
ผลึกแก้วเอาไว้จึงเลือนหาย
กลุ่มราชันยุทธ์ซึ่งรับชมภายนอก เวลานี้พวกเขาตื่นเต้นยินดี
แต่แล้ว ความตื่นเต้นยินดีนั้นพริบตาต้องกลับกลายเป็นโทสะ
เพราะภูเขาผลึกแก้วได้เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ทั้งยังไม่อาจพบเห็นฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉิน!
“พวกเราโดนพวกมันหลอกเข้าให้แล้ว!”
“สองตัวบัดซบนั่น ต้องจับตัวพวกมันมาถลกหนัง!”
“เร่งรีบกระจายตัวค้นหา พวกมันไม่น่าจะไปได้ไกล!”
“เร็วเข้า กระจายตัวค้นหาพวกมัน!”
“รีบส่งเปลือกหอยสื่อสารพวกเรากลับคืนแล้ว ไม่อย่างนั้น พวกเรา
จะรายงานสถานการณ์ได้อย่างไร?”
“หากพวกเจ้าไม่ห้ามพวกเราเรียกจักรพรรดิยุทธ์มาที่นี่ ภูเขาผลึก
แก้วนั่นคงไม่โดนลวงหลอกเอาไป!”
“จริงด้วย!”
ราชันยุทธ์หลายคนเริ่มต่อว่า เพราะพวกเขาสูญเสียกันอย่างหนัก
หนาเกินไป
ราชันยุทธ์หลายคนจากสำนักเซียนกราดเกรี้ยวตั้งแต่แรกเริ่ม ตอนนี้
ยิ่งถูกลวงหลอกซึ่งหน้านำสิ่งของไป พวกเขายิ่งโกรธแค้น
“พวกเจ้าล้วนหุบปาก!” ชายชราชุดขาวคำรามดัง
ฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉินทั้งตื่นเต้นและยินดี ขณะนี้กำลังมุ่งหน้า
ไปยังป่ าสีดำมืด
“ป้าเซี่ยว ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” ฉินหยุนหัวเราะ
“เหอะ ชาติภพก่อนเจ้าทำเรื่องราวเช่นนี้ต่อข้าบ่อยครั้งนัก!” เซี่ยว
เสวียนฉินกล่าวอย่างนึกโกรธที่ภายใน นางไม่ทราบว่าเหตุใด ทว่า
ตอนนี้นางมีความรู้สึกตื่นเต้นร่วมอยู่ด้วย
“ข้ายังไม่ดีเพียงนั้น เป็นเย่ว์เหม่ยที่สอนให้แก่ข้า!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เย่ว์เหม่ย แม่เด็กน้อยนั่น นางถึงกับทราบวิธีการลวงโลกเพียงนี้
เป็นชาติภพก่อนของเจ้าที่นำพานางให้หลงผิด!” เซี่ยวเสวียนฉิน
ครวญคราง
ยิ่งนึกถึงเรื่องที่นางอ้างตัวเป็นภรรยาของฉินหยุนเมื่อครู่ เซี่ยวเสวียน
ฉินยิ่งรู้สึกถึงความประหลาดภายในหัวใจ
ไม่ช้า พวกเขาค่อยตามสมทบกับเซี่ยวเย่ว์เหม่ยและคณะ
“พี่ชาย ภายในภูเขาผลึกแก้วนั้นมีอันใด? เป็นต้นกำเนิดเซียนดวงดาว
จริงหรือ?” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยเมื่อพบเห็นฉินหยุน นางจึงเร่งเดินเข้ามา
เกาะแขนของเขาเอาไว้ พร้อมเอ่ยถามอย่างคาดหวัง
“นั่นเป็นวาจาไร้สาระที่ข้ากล่าวทั้งสิ้น ตัวข้ายังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า
มันคืออะไร!” ฉินหยุนยิ้มตอบคำ กล่าวได้ว่าคำเหล่านั้นไม่ใช่เขากุ
ขึ้นมา แต่เป็นสิ่งที่หลิงหยุนเอ๋อบอกต่อ
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่าตำนานต้นกำเนิดเซียนดวงดาวจะมีเค้า
ความเป็นจริงอยู่มาก
“พี่ชาย ราวกับข้าได้เห็นตัวท่านเมื่อกาลก่อน เป็นท่านฉ้อโกงโป้ปด
ได้โดยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยหยิกที่ใบหน้าฉินหยุน
พลางยิ้ม “นี่ท่านยังไม่ตื่นรู้ความทรงจำเมื่อชาติภพก่อนจริงหรือ?”
“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระแล้ว!” เซี่ยวเสวียนฉินดุเสียงเบา
ก็เหมือนดังปิงชิง นางไม่ต้องการให้ฉินหยุนตื่นรู้ความทรงจำขึ้นมา
นั่นก็เพราะพวกนางทั้งสองเกลียดชังฉินหยุนในชาติภพก่อน ที่
สำคัญต่อพวกนาง คือตัวเขาในช่วงชีวิตนี้
ไม่นานนัก สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงค่อยเดินเข้ามาลูบใบหน้าฉินหยุน
ก่อนจะเผยยิ้ม
ฉินหยุนไม่อาจเข้าใจ ว่าใบหน้าของเขาน่าสัมผัสเพียงนั้นเลยหรือ
อย่างไร
เซี่ยวเสวียนฉินเกิดปวดใจยามได้เห็น นางคิดอยากสัมผัสใบหน้า
ของฉินหยุน กระนั้นนางอับอายเกินกว่าจะกระทำ
สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อต่างมีสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนแต่แรก แม้
สวมกอดต่อกันก็ไม่มีอันใดให้เคอะเขิน
ทว่าเซี่ยวเสวียนฉินไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ นางยังเกลียดชังฉินหยุนเข้า
กระดูกดำอยู่ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้แล้ว ด้วยตำแหน่งของนางที่ไม่เหมาะสม ทำให้นางไม่
กล้าเปิดเผยความรู้สึกต่อฉินหยุน
“ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะนำภูเขาผลึกแก้วออกมาเท่าใดนัก!” เซี่ยวเสวียน
ฉินกล่าว “ไว้คุยกันหลังพวกเราออกพ้นจากเทือกเขานิราศจันทรา!”
“เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนแล้ว! พี่ชายเพียงเก็บเอาไว้ก็พอ!” เซี่ยวเย่ว์
เหม่ยหัวเราะ “แต่กับท่านป้าที่ร่วมฝ่าฟัน พี่ชายต้องมอบส่วนแบ่งให้
เมื่อกลับไปแล้ว เป็นสร้างอุปกรณ์แก่ท่านป้าสักหน่อยก็น่าจะได้!”
“ไม่มีปัญหา!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
“น้องหยุน เจ้าต้องช่วยสร้างอุปกรณ์ให้ข้าด้วย! ตัวข้าได้ตกลงเป็น
สตรีของเจ้าไว้แต่เนิ่นนานแล้ว!”
สุ่ยเทียนสื่อสวมกอดฉินหยุนไว้อย่างหยอกเหย้า ศีรษะของนางอิง
แอบที่ไหล่ของฉินหยุน หากไม่ใช่เพราะสื่อชิงเฉิงดึงนางออกมา
นางคงจูบแก้มนั้นไปหลายครั้งคราแล้ว
“ข้าทราบแล้ว ส่วนแบ่งย่อมมีให้แก่ทุกคน! และท่านต้องสัญญาด้วย
ว่าจะช่วยเป็นลูกมือข้าสร้างของพวกนั้นขึ้น!” ฉินหยุนยิ้มก่อนจะลูบ
ต้นขาสุ่ยเทียนสื่อเป็นการหยอกเย้า
“แน่นอน!” สุ่ยเทียนสื่อยิ้มกระชากวิญญาณตอบรับ
สื่อชิงเฉิงเอ่ยคำขึ้น “เสวียนฉิน เข้าสู่ส่วนลึกยิ่งอันตราย! เอาอย่างนี้
เป็นไร เจ้าเข้าไปกับฉินหยุน พวกเราสามคนจะคอยสนับสนุนจาก
ทางด้านนอก”
เซี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น! หากพวกเราเผชิญ
ปัญหาไว้ค่อยติดต่อหากัน! ก่อนอื่นพวกเจ้าไปยังนครจันทราโกลาหล
เพื่อรอพวกเรากลับไปก็แล้วกัน!”
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยเดิมคิดอยากติดตามไปด้วย กระนั้นหลังได้ตระหนักว่า
นี่คือโอกาสที่จะให้ฉินหยุนได้อยู่กับเซี่ยวเสวียนฉิน หากทั้งสองรู้จัก
ต่อกันมากขึ้น เช่นนั้นโอกาสที่ความสัมพันธ์จะก้าวต่อไป รวมถึง
ความขัดแย้งจะคลี่คลายย่อมมีมากขึ้น
แม้นางรู้สึกว่าท่าทีของเซี่ยวเสวียนฉินที่มีต่อฉินหยุนจะเปลี่ยนไป
มากและประหลาดไม่น้อย กระนั้นนางก็ยังไม่อาจทราบ ว่าแท้จริง
แล้วในใจเซี่ยวเสวียนฉินมีความรู้สึกใดต่อฉินหยุน
“ได้ อย่างนั้นพวกเราออกไปกันก่อน! พวกราชันยุทธ์กลุ่มนั้นคงไล่
ล่าท่านทั้งสองแน่ ดังนั้นระวังตัวด้วย!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวเตือน
ด้วยเหตุนี้ สื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และเซี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเดินทางกลับ
นครจันทราโกลาหล
ฉินหยุนรับชมทั้งสามคนจากไปอย่างนึกห่วงหา เพราะเขายังคิด
อยากลูบขยี้ใบหน้าซาลาเปาของสื่อชิงเฉิง
“เหอะ เจ้าก็เหมือนดังเช่นกาลก่อน เอาแต่หลอกลวงสตรีงดงามไป
ทั่วให้ทำงานแก่เจ้า รวมถึงช่วยเจ้าสร้างสิ่งของก็ด้วย!” เซี่ยวเสวียน
ฉินส่งสายตาจับจ้องฉินหยุน
“ป้าเซี่ยว ท่านกล่าวไม่ใช่หรือว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องชาติภพก่อนข้า
แล้ว? หากความทรงจำข้าตื่นรู้ขึ้นมาจะทำอย่างไร?” ฉินหยุนถามขึ้น
“ก็ได้ ข้าจะพยายามไม่เอ่ยถึงมันอีก!” เซี่ยวเสวียนฉินเองก็กังวลต่อ
เรื่องนี้เช่นกัน
หากฉินหยุนแปรเปลี่ยนเป็นตัวตนจากชาติภพก่อนจริง เช่นนั้นนาง
คงโศกเศร้าเสียใจไม่ใช่น้อย
ต้องทราบว่านางเพิ่งคลี่คลายความขัดแย้งในหัวใจตนเองได้ หากฉิน
หยุนตื่นรู้ความทรงจำชาติภพก่อนขึ้นมาจริง อย่างนั้นความขัดแย้ง
ในใจต้องปะทุอีกครั้งครา มันเป็นผลให้นางนึกโมโหต่อตนเอง
ค่ำคืนผ่านพ้น แสงแรกยามเช้าตรู่ของเก้าตะวันปรากฏ มันสาดส่อง
ต่อทั้งเทือกเขานิราศจันทราที่อันตรายยิ่งแห่งนี้
ฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉินยังคงกุมมือไว้ต่อกัน ร่างกายทั้งสอง
โปร่งแสง ขณะนี้กำลังเดินทางเข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขานิราศจันทรา
ที่นี่มีเพียงราชันยุทธ์ แต่ลึกเข้าไป ที่แห่งนั้นจะมีระดับจักรพรรดิ
ยุทธ์และครึ่งเซียน!
“ป้าเซี่ยว พวกมันเหล่านั้นพร้อมทุ่มเททุกสิ่งเพื่อจารึกวิญญาณจ้าว
ดวงดาว!” ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงร่องรอยออร่าจักรพรรดิยุทธ์ ดังนั้น
จึงส่งเสียงสื่อสารออกไป
“จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวของฉีเย่ว์ นั่นต้องเป็นนางคิดอยากมอบ
ให้เจ้า!” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว ภายในใจมีแต่ความสงสัย
นั่นก็เพราะนางทราบ ว่าหยางฉีเย่ว์ได้ตื่นรู้ความทรงจำชาติภพก่อน
ของนางขึ้นมาแล้ว
นางยังทราบดี ว่าระหว่างฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์มีความเกลียดชังต่อ
กันเพียงใด ทั้งยังเป็นความเกลียดชังอันลึกล้ำ แต่แล้ว หยางฉีเย่ว์
กลับช่วยเหลือฉินหยุนอย่างทุ่มสุดตัวเพียงนี้
นอกจากนี้แล้ว ยังมีปิงชิง เซี่ยวเย่ว์เหม่ย รวมถึงเซี่ยวเย่ว์หลาน เดิม
พวกนางเกลียดชังฉินหยุน กระนั้นเวลานี้ พวกนางต่างช่วยเหลือเขา
และเซี่ยวเย่ว์หลานยังเป็นภรรยาของฉินหยุน ความสัมพันธ์นี้กล่าว
ได้ว่าถลำลึกต่อกัน
“ป้าเซี่ยว ตัวท่านในชาติภพก่อน เคยได้ยินเซียนหญิงนามเหยาเฟิง
บ้างหรือไม่? นางคือผู้ที่ทรงพลังอำนาจยิ่ง!” อย่างกะทันหัน ฉินหยุน
เอ่ยถามขึ้นมา
เวลานี้ คนทั้งสองยืนอยู่ด้านบนยอดเขา สายตาจ้องมองกลุ่มภูเขา
ตรงหน้า ทั้งสองสัมผัสได้ถึงออร่าสัตว์อสูรดวงดาวทรงพลัง ที่ทำอยู่
ตอนนี้ ก็เพื่อยืนยันทิศทางของออร่าดังกล่าว
เซี่ยวเสวียนฉินครุ่นคิดก่อนขมวดคิ้ว ไม่นานนัก นางจึงส่ายศีรษะ
ตอบคำ “ข้าไม่เคยได้ยินบุคคลนามนั้นมาก่อน! เพียงแต่ชื่อ ข้าก็
ทราบว่าเป็นสตรี! กล่าวตามตรง เจ้ายั่วยุสตรีไว้ทั่วทุกแห่งหน
กระนั้นส่วนใหญ่ข้าก็ทราบว่าพวกนางเป็นใคร!”
ฉินหยุนจำได้ ว่าครั้งหนึ่งปิงชิงกล่าวเอาไว้ ว่าชาติภพก่อนของตัว
เขาเอง ได้รวบรวมเซียนหญิงงามทั้งหลายมาช่วยงานจิปาถะ และ
เซี่ยวเสวียนฉินสมควรเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ปิงชิงที่ทรงอำนาจเพียงนั้นยังเป็นเหยื่อคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงคิด ว่า
เซี่ยวเสวียนฉินเองก็สมควรเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ นางจึง
ทราบดีว่าสตรีใดบ้างที่มีข้อพิพาทกับเขาในชาติภพก่อน
“เหตุใดเจ้าจึงถามเรื่องเหยาเฟิงผู้นี้?” เซี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม
ฉินหยุนบอกเล่ารายละเอียดของเหยาเฟิงออกไป เขาเพียงกล่าวว่า
เหยาเฟิงปรากฏในความฝัน
“เป็นเจ้าฝันร้ายไปเอง! เจ้าเป็นราชันเซียนในชาติภพก่อน ดังนั้นเจ้า
ไม่มีทางกล้าไปยั่วยุจอมจักรพรรดิอสูรเซียน แม้เจ้าคิดอยากลอบทำ
ร้ายต่อเขา เจ้าก็ยังไม่มีความสามารถพอให้ทำได้ ไม่เช่นนั้น จิต
วิญญาณเจ้าได้แตกสลายโดยจอมจักรพรรดิอสูรเซียนจนไม่มีโอกาส
ได้กลับชาติมาเกิดแล้ว!” เซี่ยวเสวียนฉินส่ายศีรษะขณะบอกออกไป
ฉินหยุนครานี้ค่อยมั่นใจ ว่าเหยาเฟิงนี้เป็นนามปลอม
“บางทีฉีเย่ว์อาจรู้จักเหยาเฟิงผู้นี้! เพราะในช่วงเวลาภายหลัง ข้าไม่
ทราบเรื่องราวของเจ้ากระจ่างชัดเท่าใดนัก” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว
“ก่อนอื่นคือต้องหาตัวนาง!”
“ป้าเซี่ยว ท่านสามารถใช้จันทราสีครามค้นหาพี่หยางได้หรือ?” ฉิน
หยุนถามขึ้น
“ย่อมต้องทำได้! เจ้าไม่ทราบ พวกเราที่มาจากพระราชวังกวงหาน
ล้วนมีเคล็ดวิชาลับที่สามารถทำให้ติดต่อสื่อสารหากันผ่านทางดวง
จันทราได้!” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว “เคล็ดวิชาลับนี้ สามารถฝึกฝนได้
เพียงแต่สตรี!”
ฉินหยุนถามอีกเรื่องที่นึกขึ้นได้ “ข้าจำได้ว่าพี่สาวปิงชิงบอกเอาไว้
เทือกเขานิราศจันทราแห่งนี้เป็นอาณาเขตของพระราชวังกวงหาน!
หรือพี่สาวปิงชิงเองก็มาจากพระราชวังกวงหาน?”
“หลายปีมาแล้ว พระราชวังกวงหานของพวกเราได้ถูกทำลายลงโดย
ดวงดาวอันเย็นเยือก โชคยังดี นายหญิงใหญ่และกลุ่มผู้อาวุโสได้
ตอบสนองทันเวลา ทำให้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต หลายปีให้หลัง ดวงดาว
เย็นเยือกนั้นได้ปริแตกออก ปรากฏเป็นทารกหญิงที่ภายใน นั่นก็
คือปิงชิง” เซี่ยวเสวียนฉินเล่าเรื่องราวให้รับฟัง
ฉินหยุนตระหนก เพราะนี่ถือเป็นชาติกำเนิดของปิงชิง
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ว่าพี่สาวปิงชิงคือภูติวิญญาณดวงดาว! ทว่า เรื่องราว
นี้ยังคงลึกลับไม่ใช่น้อย!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ดวงจันทรา บ่อยครั้งมักต้องเผชิญหน้าดวงดาวน้อยใหญ่ พวกมัน
ถูกชักนำลงมาสู่พระราชวังกวงหานของพวกเรา สาเหตุหลักก็เพราะ
ดวงดาวเหล่านั้นมีทรัพยากรคงอยู่ ทว่าการปรากฏตัวของปิงชิง นั่น
ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด!” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว “เรื่องนี้ก็เป็น
ข้าได้ยินมาจากพวกผู้อาวุโส!”
ชัดเจนแล้ว ว่าดวงดาวที่เคลื่อนคล้อยลงมาสู่เทือกเขานิราศจันทรา
ย่อมต้องเป็นฝีมือของหยางฉีเย่ว์
“ฉีเย่ว์สมควรซ่อนตัวอยู่พระราชวังใต้ดินที่นี่! เพราะเหตุนั้นจึงทำ
ให้นางควบคุมดวงดาวเคลื่อนคล้อยลงมาได้!” เซี่ยวเสวียนฉินขมวด
คิ้ว “ข้าได้ยินว่านางบาดเจ็บ บางทีภูเขาผลึกแก้วนั่นอาจใช้เพื่อรักษา
อาการบาดเจ็บของนางได้!”
“พระราชวังใต้ดินหรือ? อย่างนั้นก็สมควรง่ายหาพบแล้ว!” ฉินหยุน
กล่าว
“เรื่องราวไม่ง่าย มันอยู่ลึกลงไปใต้ดินหลายหมื่นเมตร อาจกระทั่ง
นับแสนเมตร เจ้าคิดว่าจะหามันพบได้อย่างไร?” เซี่ยวเสวียนฉินส่าย
ศีรษะ
“กลุ่มสัตว์อสูรดวงดาวที่ตรงนั้น ไปรับชมพวกมัน! หากข้าคาดเดา
ได้ถูกต้อง สัตว์อสูรดวงดาวเหล่านั้นสมควรเป็นฉีเย่ว์ตั้งใจนำพวก
มันลงมา!” เซี่ยวเสวียนฉินเผยสีหน้าเคร่งเครียด “หรือว่านางคิดใช้
สัตว์อสูรดวงดาวพวกนี้สังเวย?”
“สังเวยอันใด?” หางตาฉินหยุนกระตุก เขาพลันเกิดกังวลขึ้น
“ข้าไม่อาจทราบ! พระราชวังใต้ดินที่นี่หาได้ใช่ธรรมดาไม่ มันเป็น
สิ่งที่คงอยู่อย่างลึกลับ! ฉีเย่ว์หาพระราชวังใต้ดินแห่งนั้นพบ นาง
สมควรคิดค้นหาความลับบางอย่างจากมันเป็นแน่!” เซี่ยวเสวียนฉิน
กล่าว
“เดิมพี่หยางและข้ามาถึงแดนวิญญาณอ้างว้างด้วยกัน แต่หลังจาก
จันทราสีแดงปรากฏ นางกลับเร่งรีบแยกทางจากข้า!” ฉินหยุนกล่าว
“คำทำนายโบราณ การปรากฏขึ้นของจันทราสีแดง มันหมายถึง
จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวถือกำเนิดขึ้น!” เซี่ยวเสวียนฉินนึกย้อนถึง
เรื่องราว “นี่คล้ายว่าฉีเย่ว์กำลังไขความลับอะไรบางอย่างอยู่!”