ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 736
ตอนที่ 736 โลงที่เปิดออก
ฉินหยุนตกใจไม่น้อยที่ทราบว่าขณะนี้สามารถติดต่อหาหยางฉีเย่ว์
เซี่ยวเสวียนฉินใช้เคล็ดวิชาลับ ใช้งานจันทราสีครามเพื่อติดต่อหยาง
ฉีเย่ว์
และตอนนี้ ฉินหยุนกับเซี่ยวเสวียนฉิน ก็อยู่ค่อนข้างห่างไกลจาก
โลงศพสีเงินขนาดยักษ์ ทั้งสองกำลังนั่งบนก้อนหินที่ยอดเขาแห่ง
หนึ่ง
เซี่ยวเสวียนฉินหลับตาลง ไม่มีผู้ใดทราบว่านางพูดคุยอันใดกับหยาง
ฉีเย่ว์
แม้ฉินหยุนอยู่ไกลห่างจากโลงศพสีเงิน กระนั้นเสียงสนั่นหวั่นไหว
จากที่ไกลออกไปก็ดังครั้งแล้วครั้งเล่า
มันเป็นเสียงของฝาโลงศพที่ร่วงหล่นลงมา
แม้อยู่ไกลเพียงนี้ ฉินหยุนยังคงรู้สึกหวาดกลัว
“หยุนเอ๋อ อสูรจันทรานี่มันอะไรกัน?” ฉินหยุนไม่ทราบ ว่าเหตุใด
เขาจึงรู้สึกว่าโลงศพสีเงินนั่นไม่ใช่ธรรมดา
“ข้าไม่ทราบโดยละเอียด โดยสรุปแล้วอสูรจันทรานั่นแข็งแกร่งยิ่ง!
นอกจากนี้แล้ว มันยังสัมผัสไวต่อวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬและจันทรา
ทมิฬ หากเจ้าเข้าไปใกล้ เช่นนั้นเจ้าต้องถูกพบแน่!” หลิงหยุนเอ๋อ
กล่าว
“อสูรจันทรานั่นโดยคร่าวแข็งแกร่งเพียงใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “จ้าว
สำนักและคณะกลุ่มคนที่นั่นสามารถรับมือไหวหรือไม่?”
“นั่นย่อมไม่มีทางใช่เซียน ไม่เช่นนั้น มันคงถูกดึงดูดเข้าสู่แดนเซียน
อ้างว้างไปแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อตอบ “พวกเราควรรอที่นี่ อย่าได้เข้า
ไปใกล้!”
ไม่นานนัก เซี่ยวเสวียนฉินค่อยลืมตาพร้อมขมวดคิ้ว “ดวงดาวนั้น
ไม่ใช่ฉีเย่ว์อัญเชิญมา!”
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉินได้คาดเดา ว่าหยางฉีเย่ว์ใช้
งานพระราชวังใต้ดินทำอะไรบางอย่าง กระนั้นเวลานี้เพิ่งได้ทราบว่า
ที่คาดเดานั้นผิดเพี้ยน
“อย่างนั้นมันเกิดอันใดขึ้น?” ฉินหยุนเร่งร้อนถาม
“มันก็ยังข้องเกี่ยวกับนาง! นางกล่าวว่ามีอสูรจันทราที่แข็งแกร่งยิ่ง
อยู่ภายในโลงศพสีเงิน และดวงดาวนั่น เป็นอสูรจันทราเรียกมันลง
มา!”
เซี่ยวเสวียนฉินขมวดคิ้วแน่น “ในความทรงจำข้า อสูรจันทราแข็งแกร่ง
ยิ่ง กระนั้นที่นี่คือแดนวิญญาณอ้างว้าง ไม่ว่าอสูรจันทราแข็งแกร่ง
เพียงใด มันจะไม่มีทางสูงล้ำ ครึ่งเซียนเหล่านั้นสมควรรับมือกับมัน
ได้!”
เรื่องนี้เป็นจริงดังที่หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ป้าเซี่ยว แล้วพี่หยางอยู่ที่ใด? พวกเราควรไปหานางเสียแต่ตอนนี้!”
ฉินหยุนร้อนใจ เขาเพียงคิดอยากหาตัวหยางฉีเย่ว์และนำนางกลับไป
ยังสถานที่ปลอดภัย
“นางอยู่ในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ!” เซี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจ
“นางเข้าไปยังเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬผ่านทางพระราชวังใต้ดิน
แห่งนั้น!”
“อา… แล้วอาการบาดเจ็บของนางเล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรแย่! นางกล่าวว่าพวกเราอย่าได้เป็นห่วงนางไป นอกจากนี้
แล้ว อย่าได้เข้าไปยังเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ!” เซี่ยวเสวียนฉิน
มองทางฉินหยุน “พวกเราควรไปเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬเพื่อ
หานางหรือไม่?”
“แน่นอน! แล้วเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนเป็น
ห่วงหยางฉีเย่ว์มากล้น
“ฉีเย่ว์บอกว่ามันอยู่ใต้โลงศพสีเงินนั่น เส้นทางถูกอสูรจันทราพิทักษ์
เอาไว้ หากเจ้าคิดอยากเข้าไป เช่นนั้นก็ต้องจัดการอสูรจันทราเสียก่อน”
เซี่ยวเสวียนฉินกล่าว “เจ้าหวาดกลัวต่ออสูรจันทรา พวกเราไม่ควร
เข้าไปข้องเกี่ยว!”
ฉินหยุนหวาดกลัวอสูรจันทราจริง ทว่าเขาเป็นห่วงหยางฉีเย่ว์มากยิ่ง
กว่า
หลิงหยุนเอ๋อเสนอความคิด “เสี่ยวหยุน ไปลองดู หากติดขัดขึ้นมา
จริง ถึงตอนนั้น ปล่อยจอมราชันดวงดาวอสูรออกมาขวางไว้
ชั่วคราวเพื่อหลบหนียังได้!”
ฉินหยุนกล่าว “ป้าเซี่ยว ข้าคิดอยากไปเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ!
ด้วยครึ่งเซียนมากมายที่นั่น อสูรจันทราย่อมไม่อาจต้านรับได้ไหว”
“คืนถัดไป ฝาโลงศพน่าจะเปิดออกโดยสมบูรณ์” เซี่ยวเสวียนฉิน
กล่าวออก “และมันยังเป็นเวลาที่จันทราสีครามเต็มดวง! สงสัยนักว่า
อสูรจันทราจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน!”
ไม่นานจากนั้น นางหลับตาลงอีกครั้ง เพื่อสนทนากับหยางฉีเย่ว์ต่อ
ครั้งนี้ นางพูดคุยกับหยางฉีเย่ว์เป็นเวลานาน สมควรราวครึ่งชั่วยาม
ได้
“ป้าเซี่ยว นี่พวกท่านพูดคุยอันใดกัน?” ฉินหยุนเร่งรีบถาม
“พวกเราพูดคุยกันถึงเรื่องที่ควรต้องพูดคุย!” ดวงตาเซี่ยวเสวียนฉิน
หลบมอง นางและหยางฉีเย่ว์มีเรื่องต้องหารือต่อกัน
ฉินหยุนย่อมพบเห็น เขาจึงไม่ซักไซ้ถึงเรื่องนี้ต่อ เพียงแต่รู้สึกคันที่
หัวใจยากจะเกา
“เสี่ยวหยุน จิตของเจ้าแปรเปลี่ยนเป็นจันทราได้สำเร็จ ทดลองดูว่า
สามารถเชื่อมต่อจันทราสีครามผ่านทางพลังจิตได้หรือไม่ ถึงตอน
นั้นจะได้ติดต่อพี่หยางได้!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่จึงหลับตาลง
เซี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม “ฉินหยุน นั่นเจ้าทำอะไร?”
“ข้าเองก็คิดอยากสื่อสารเป็นการส่วนตัวกับพี่หยาง!” ฉินหยุนยิ้ม
กล่าว
“หยุดทดลอง เจ้าไม่อาจทำโดยไร้ซึ่งเคล็ดวิชาลับ และมันก็เป็นเคล็ด
วิชาลับที่ฝึกฝนได้เพียงแต่สตรี!” เซี่ยวเสวียนฉินอดไม่ได้จนเผย
หัวเราะดัง
ย้อนกลับไปครั้งฉินหยุนก่อร่างวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ จิตสำนึก
ของเขาได้เดินทางผ่านมวลหมู่ทะเลดวงดาวกว้างใหญ่ ด้วยเหตุนี้
เขาจึงมีประสบการณ์การสัมผัสถึงร่างแห่งสวรรค์เช่นดวงจันทรา
เขาปลดปล่อยพลังจิตต้นกำเนิด ติดตามแสงจันทราสีครามย้อนกลับ
ไปสู่ดวงจันทรา
อย่างรวดเร็ว เขาสามารถผสานพลังจิตเข้ากับแสงจันทร์ได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาค่อยทำสำเร็จได้ราวครึ่งหนึ่ง เพราะผ่านจันทราสี
คราม เขาสามารถสัมผัสถึงผู้คนที่มีวิญญาณยุทธ์จันทราได้ และนั่นก็
มีเพียงบุคคลเดียว นั่นก็คือหยางฉีเย่ว์
“พี่หยาง!” ฉินหยุนร้องตะโกนผ่านทางจิตสื่อสาร
“เสี่ยวหยุน?” หยางฉีเย่ว์ตอบกลับมา น้ำเสียงของนางตระหนกตกใจ
ไม่น้อย
“ฮ่าฮ่า ข้าทำได้! ป้าเซี่ยวกล่าวว่าข้าจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีเคล็ดวิชาลับ
นั่นไม่จริงเสมอไป!” ฉินหยุนหัวเราะยินดี “พี่หยาง ท่านเป็นอย่างไร
บ้างแล้ว? อาการบาดเจ็บท่านร้ายแรงหรือไม่?”
หยางฉีเย่ว์ยินดีจนหัวเราะออก “ข้าสบายดี! ครั้งที่ข้าไปเดินสำรวจ
ในเทือกเขานิราศจันทรายังได้ยินเรื่องเจ้า! เสี่ยวหยุน เจ้าช่างเติบโต
รวดเร็วนัก!”
ฉินหยุนหัวเราะยินดีตอบคำ “พี่หยาง ข้าคิดอยากเข้าสู่เขตแดนอ้างว้าง
จันทราทมิฬไปพบท่าน!”
“เจ้าต้องไม่เข้ามาที่นี่ มันอันตรายเกินไป!” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบกล่าว
“โดยเฉพาะเจ้าที่มีวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ดีที่สุดคือไม่มายังที่แห่งนี้!”
“อันตรายเพียงนั้นเลยหรือ?” ฉินหยุนถามกลับ
“ยากพูดกล่าว โดยสรุป อสูรจันทราจะมาที่นี่เช่นกัน มันผู้นั้นชื่นชอบ
การได้กลืนกินวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬและจันทราทมิฬ ทว่ามีแต่ข้า
ที่ไม่หวาดเกรงใดต่ออสูรจันทรานั่น” หยางฉีเย่ว์กล่าว
“พี่หยาง ผู้คนภายนอกมากมายคิดอยากเข้าไปในนั้นเพื่อจับตัวท่าน!
ข้าคิดอยากไปพาท่านออกมาเพื่อกลับไปพบพี่สาวปิงชิง” ฉินหยุน
กล่าว
“ข้าได้ยินเรื่องราวของปิงชิงจากเสวียนฉินแล้ว ได้ทราบว่านางช่วย
เหลือเจ้า ข้าก็วางใจได้มาก” หยางฉีเย่ว์กล่าวคำ “เสี่ยวหยุน เชื่อฟัง
พี่หยาง อย่าได้เข้ามา เข้าใจใช่ไหม?”
“ขอรับ ข้าจะไม่เข้าไป!” ฉินหยุนถอนหายใจเบา
“ช่วงที่ผ่านมา ข้าทำเจ้าติดร่างแหไปไม่น้อยแล้ว! เพื่อหาตัวข้า พวก
มันคิดจับตัวเจ้าหลายครั้งครา เป็นผลให้เจ้าต้องเผชิญแต่ปัญหา!
เรื่องนี้ข้าต้องขออภัยต่อเจ้าแล้วเสี่ยวหยุน!” หยางฉีเย่ว์กล่าว
“ไม่เป็นไรแม้เพียงนิด!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
“เสี่ยวหยุน ผู้คนส่วนใหญ่ทราบเพียงว่าข้าได้รับจารึกวิญญาณจ้าว
ดวงดาว! กระนั้น พวกขั้วอำนาจใหญ่ทั้งหลาย ล้วนได้ทราบว่าข้ายัง
ได้รับของดีมาอีกหนึ่ง!” หยางฉีเย่ว์หัวเราะคิกคักกล่าวคำ “มันคือ
ต้นกำเนิดเซียนจันทรา! สิ่งนี้คือแกนกลางของพระราชวังกวงหาน
ของเรา อย่าได้กล่าวถึงพวกมันที่นี่ กระทั่งผู้อื่นที่แดนเซียนอ้างว้าง
ยังต้องการมัน!”
ฉินหยุนลอบตื่นตะลึง ไม่แปลกใจที่ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งหลายจะไร้
ยางอายคิดอยากจับตัวหยางฉีเย่ว์และตัวเขา เพราะไม่ใช่มีแต่จารึก
วิญญาณจ้าวดวงดาว แต่ยังมีต้นกำเนิดเซียนจันทราอันเลิศล้ำ
“เสี่ยวหยุน ไว้เมื่อใดพวกเราได้พบกัน ข้าจะมอบจารึกวิญญาณจ้าว
ดวงดาวให้ เจ้าต้องเผชิญปัญหามากมายเพราะข้า นี่ถือเป็นสิ่งตอบ
แทนแก่เจ้า!” หยางฉีเย่ว์หัวเราะกล่าว
“พี่หยาง ตอนนี้ท่านไม่ต้องการให้ข้าช่วยเหลืออันใดจริงหรือ? ข้า
เป็นห่วงท่านแทบแย่!” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ที่ภายนอก มีทั้งจักรพรรดิ
ยุทธ์และครึ่งเซียนมากมายดักรออยู่!”
“อย่าได้ห่วงไป เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬกว้างใหญ่ ข้าเติบโตขึ้น
ที่นี่ตั้งแต่ครั้งยังเด็ก! สถานที่แห่งนี้อันตรายอย่างยิ่ง พวกมันจะไม่มี
ทางจับตัวข้าได้ง่าย!” หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เสี่ยวหยุน วางใจและกลับ
ไปพร้อมเสวียนฉินได้แล้ว!”
“ขอรับ!” ฉินหยุนยอมรามือจากความคิดที่ต้องการเข้าสู่เขตแดน
อ้างว้างจันทราทมิฬ
“เสี่ยวหยุน เจ้าและเสวียนฉินคล้ายคลี่คลายข้อพิพาทต่อกันแล้ว! นี่
ไม่ใช่เรื่องง่าย ภายหน้าเจ้าต้องรักษามันไว้ให้ดี!” หยางฉีเย่ว์กล่าว
พลางหัวเราะ
“ขอรับ!” ฉินหยุนรับคำ
เซี่ยวเสวียนฉินที่อยู่ข้างกายฉินหยุน พบเห็นอีกฝ่ายไม่ขยับเคลื่อนไหว
เป็นเวลานาง นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าอีกฝ่าย
ทว่าทันใดนี้เอง ฉินหยุนกลับลืมตาขึ้น
เซี่ยวเสวียนฉินร้อนรนดึงมือตนเองกลับคืนก่อนจะกล่าวด้วยอาการ
สงบ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่อาจทำได้สำเร็จ หากเจ้ามีอันใดคิดอยาก
ถามฉีเย่ว์ ให้ข้าพูดคุยแทน!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “ป้าเซี่ยว เป็นข้าทำสำเร็จต่างหาก! ข้าได้พูดคุยกับ
พี่หยางหลายเรื่อง! พี่หยางบอกต่อข้า ว่าอย่าได้เข้าไป และข้าก็ให้
สัญญาไปแล้ว!”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าไม่มีเคล็ดวิชาลับของพระราชวังกวงหาน
เจ้าจะติดต่อหาฉีเย่ว์ผ่านทางจันทราสีครามได้อย่างไร?” เซี่ยวเสวียน
ฉินเผยสีหน้าไม่นึกเชื่อออกมา นางหลับตาลงเพื่อถามต่อหยางฉีเย่ว์
ไม่ช้า นางค่อยลืมตาพร้อมถามออกด้วยอาการตระหนก “นี่เจ้าทำได้
อย่างไร?”
“ข้าไม่ทราบ เพียงทดลองไปเรื่อยจึงสำเร็จ! นั่นต้องเป็นเพราะข้าและ
พี่หยางฝึกฝนพระสูตรหัวใจตะวันจันทราต่อกันบ่อยครั้งเป็นแน่!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “พี่หยางและข้าเคยฝึกฝนพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา
ร่วมกัน!”
“ผู้ใดอีกที่เจ้าฝึกฝนด้วย?” เซี่ยวเสวียนฉินเร่งร้อนเอ่ยถาม
“ยังมีพี่สาวปิงชิง เย่ว์เหม่ย เย่ว์หลาน พวกนางล้วนไปได้ดียิ่ง!” ฉิน
หยุนยิ้มตอบ “ป้าเซี่ยวเล่า ท่านคิดอยากลองด้วยหรือไม่?”
“ยังไม่ สถานที่แห่งนี้ยังไม่แน่นอนเท่าใดนัก!” เซี่ยวเสวียนฉินหัน
มองรอบ จากนั้นจึงมองขึ้นไปยังจันทราสีครามเบื้องบนฟากฟ้า
“ข้าจะรอจนกว่าฝาโลงศพนั่นเปิดออก ถึงตอนนั้นค่อยจากไป นี่ก็ยัง
มีเวลานับวัน! ตอนนี้ข้าคิดอยากสร้างอะไรไว้บ้าง!” ฉินหยุนกล่าว
“ได้ ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เซี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม
“รบกวนท่านแล้ว”
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงนำเอาวัสดุทั้งหลายออกมา เริ่มทำการสร้าง
ยันต์ลึกล้ำ โดยเฉพาะยันต์สะกดกาย ยันต์ปฐพีหลบลี้ รวมถึงยันต์
อัคคีคลั่ง
ถัดจากนั้น เขาจึงสร้างยันต์โปร่งแสงขึ้นจำนวนหนึ่ง พร้อมยันต์
ผนึกพลัง ยันต์ทั้งสองนี้ให้เซี่ยวเสวียนฉินไว้ใช้งาน
“ป้าเซี่ยว เวลามีอย่างจำกัด ทำให้ข้ายังไม่อาจสร้างอุปกรณ์ให้แก่
ท่านได้” ฉินหยุนกล่าว
“ไว้มีเวลาค่อยว่ากล่าวเรื่องนี้!” เซี่ยวเสวียนฉินยินดีไม่น้อยยามได้
ถือยันต์ทั้งสองไว้
หนึ่งวันผ่านพ้นรวดเร็ว ดวงจันทราขึ้นสู่ฟากฟ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว
เทือกเขานิราศจันทราถูกสาดส่องด้วยแสงสีคราม ดวงจันทราเป็นสี
ครามเต็มดวง จากที่ไกลออกไป เสียงของฝาโลงศพได้ดังครั้งแล้ว
ครั้งเล่า
“ฝาโลงศพใกล้เปิ ดออกแล้ว!” เซี่ยวเสวียนฉินหันมองไปยังทิศทาง
ต้นเสียง
หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำเบา “เสี่ยวหยุน ข้ากลัว!”
“หยุนเอ๋อ ข้าเองก็กลัวเช่นกัน” ฉินหยุนรู้สึกไม่ต่างจากนางเท่าใด
นัก
“เพราะข้ากลัวจึงทำให้เจ้ากลัวไปด้วย! เป็นข้าที่ส่งผลให้เจ้ารู้สึก
เช่นเดียวกัน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวย้ำ
“เปิดแล้ว!” เซี่ยวเสวียนฉินพลันร้องตะโกนดัง
สถานที่ซึ่งมีโลงศพสูงนับร้อยเมตรตั้งอยู่ ลำแสงสีเงินได้ระเบิด
ทะลักออกยิงขึ้นสู่จันทราสีครามเบื้องบน
แสงจันทราสีครามถูกย้อนแสงด้วยลำแสงสีเงิน
ดวงจันทราสีครามเพิ่งปรากฏได้ไม่นาน มันต้องกลับคืนสู่สภาพปกติ
แสงจันทราสีครามเหล่านั้น ล้วนถูกอสูรจันทราดูดกลืนไปจนสิ้น
ถัดจากนั้น สายลมเย็นเยือกได้พัดรุนแรงผ่านผืนป่ า ราวกับวิญญาณ
ร้ายสายลมได้ปรากฏจากปรโลก เมื่อมันพัดพาไปทั่วสารทิศ ผู้คน
ล้วนได้ยินเสียงร่ำร้อง กรีดร้อง และโหยหวนของสรรพวิญญาณ