ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 758 คฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร
ตอนที่ 758 คฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร
เย่ว์โยวและชาติภพก่อนของหยางฉีเย่ว์เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน กระทั่ง
ว่าหยางฉีเย่ว์ถือกำเนิดขึ้นใหม่ พวกนางก็ยังมีสัมพันธ์ครอบครัว
อย่างลึกล้ำ เช่นนี้จึงเป็นผลให้เย่ว์โยวไม่กล้าลงมือโหดร้ายต่อฉินหยุ
นครั้งเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ
“พี่สาวปิงชิง ท่านดีกับเย่ว์โยวหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ก็ไม่เลว!” ปิงชิงกล่าว
“แล้วเซี่ยวเสวียนฉินเล่า? ในชาติภพก่อน นางมีนามว่าเย่ว์ฉิน!” ฉิน
หยุนเอ่ยถามอีกครั้ง
“ตราบเท่าที่มาจากพระราชวังกวงหาน พวกเราย่อมมีสัมพันธ์อันดี
ต่อกัน!” ปิงชิงกล่าว “เหตุใดเจ้าถามเรื่องนี้?”
ฉินหยุนคล้ายยังไม่กระจ่างจึงถามต่อ “เหตุใดชาติภพก่อนของข้าจึง
ไปรังควานพระราชวังกวงหานของท่าน? หรือจะเป็นแค่เหตุบังเอิญ?”
ปิงชิงแค่นเสียงเย็นเยียบ “เพราะบรรดาศิษย์ของพระราชวังกวงหาน
ล้วนเลิศล้ำ พวกนางมาจากกองกำลังและตระกูลอันแข็งแกร่ง ทั้งยัง
มีสมบัตินานาชนิดไว้ในครอบครอง! ผู้คนล้วนคิดอยากยื่นมือเข้าหา
พวกเรากันทั้งนั้น!”
“นั่นก็จริง” ฉินหยุนยิ้มกล่าวคำ “นอกจากนี้แล้ว พวกท่านยังงดงาม
กันทั้งสิ้น!”
ปิงชิงส่งสายตามองฉินหยุนพร้อมถาม “เจ้ายังไม่คิดไปตำหนักเซียน
ดาบหรือ?”
“ย่อมต้องไป ทว่าข้ายังต้องไปเล่นกับเด็กน้อยจิงเหมิงผู้นั้นก่อน!”
ฉินหยุนเผยยิ้มขี้เล่นกล่าวคำ
“นางเก็บตัวอยู่! นางกำลังฝึกฝนพลังจิตที่ภายในเขตแดนจินตภาพ
เซียนยุทธภัณฑ์!” ปิงชิงกล่าว
ฉินหยุนคิดอยากได้เห็นเห็นเหลียวจิงเหมิงที่งดงามและบริสุทธ์ิผู้นั้น
ทว่าเวลานี้ เขาได้แต่ต้องยอมปล่อยไปก่อน
ปิงชิงกล่าวต่อ “ฉีเย่ว์บอก ว่านางได้มอบจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว
แก่เจ้าแล้ว ผสานมันเรียบร้อยแล้วหรือ?”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ข้าผสานมันเรียบร้อยแล้ว!”
“นางถูกจับตาจากหลายกองกำลัง เจ้าสมควรเร่งรีบแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
กว่านี้ อย่าได้ให้นางถูกรังแกได้!” ปิงชิงกล่าวเตือน
“ข้าทำแน่!” ฉินหยุนเผยสีหน้าแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
แม้ว่าหยางฉีเย่ว์อยู่อย่างปลอดภัยที่เกาะจันทราปีศาจ ทว่าก็แค่ชั่วคราว
เป็นที่ทราบกัน ว่าทุกผู้คนล้วนคิด ว่าจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวยังอยู่
ในมือของหยางฉีเย่ว์ นอกจากนี้แล้ว หยางฉีเย่ว์ยังครอบครองต้น
กำเนิดเซียนจันทรา มันคือสมบัติที่ล้ำค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ฉินหยุนเดินทางออกจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เงียบงัน มุ่งหน้า
สู่ตำหนักเซียนดาบ นครแห่งดาบ หลังตำหนักเซียนดาบถูกบุกโจมตี
โดยเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง รวมถึงสำนักอสูรทรงอำนาจ เกาะ
ลอยฟ้าแห่งดาบจึงถูกสร้างขึ้นใหม่ให้ใหญ่ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้น
เป็นสองชั้น ถัดจากนั้น ตำหนักเซียนดาบจึงรวบรวมคนตระกูลเจี้ยน
ทั้งหมดในแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก พวกเขาจะยิ่งขยับขยาย
เวลานี้ มีแต่ตระกูลเจี้ยนที่รวมตัว และตระกูลหลงจึงกล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่
และแน่นอนว่า ตระกูลหลงย่อมต้องทราบเจตนาของตระกูลเจี้ยน
ฉินหยุนก้าวเดินออกจากประตูเมืองนครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาได้เห็น
คนสวมใส่หน้ากากสีดำกำลังขี่อาชาที่แข็งแกร่ง
“ออร่าคุ้นเคยนัก!” ฉินหยุนมองตามไปไกล พบว่าออร่าอีกฝ่าย
แข็งแกร่ง ทว่าคุ้นเคย
“เป็นหลงเฉียวเฟิง!” ฉินหยุนอุทานตระหนกดังภายในใจ
ฉินหยุนมีหนวดเคราที่ใบหน้า เส้นผมยาวขึ้น ครึ่งใบหน้ายังถูกหมวก
ปิดบังเป็นเงาเอาไว้ ทั้งยังสวมใส่ชุดหยาบกร้านสีเทา และไม่ปลด
ปล่อยออร่าใดออก เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะทราบว่าเขาคือฉินหยุน เขา
ที่ผ่านหน้าหลงเฉียวเฟิง นางยังไม่ทราบว่าเป็นเขาด้วยซ้ำ
“เฉียวเฟิง!” ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารไปยังหลงเฉียวเฟิง “ข้าเอง ฉิน
หยุน!”
หลงเฉียวเฟิงที่กำลังควบขี่อาชาในชุดดำพร้อมหน้ากาก นางกล่าวคำ
เบา “ขึ้นมา!”
ฉินหยุนทะยานร่างเล็กน้อยขึ้นบนหลังอาชา นั่งที่ด้านหลังหลงเฉียว
เฟิง
“จับให้แน่น!” หลงเฉียวเฟิงกล่าวคำเบา
ฉินหยุนกอดเอวเพรียวบางของหลงเฉียวเฟิงไว้พร้อมเผยยิ้ม “แน่น
แล้ว ไปเลย!”
หลงเฉียวเฟิงควบขี่อาชาของนาง นำฉินหยุนออกไกลห่างจากนคร
เซียนยุทธภัณฑ์ ทิศทางซึ่งมุ่งไป หาได้ใช่เกาะแห่งดาบ
“เฉียวเฟิง เจ้ารอข้าอยู่ที่นอกเมืองงั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ใช่!” หลงเฉียวเฟิงกล่าว “ข้าสังหรณ์ไว้ว่าเจ้าจะกลับในช่วงเวลานี้
ดังนั้นจึงมารอที่นอกเมือง!”
“สตรีเช่นพวกเจ้าช่างมีสังหรณ์น่ากลัวนัก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
เขากอดเอวหลงเฉียวเฟิงจากทางด้านหลัง คางเกยที่ไหล่ของนาง จึง
ทำให้ได้รับกลิ่นหอมราวต้องมนต์สะกด
หลงเฉียวเฟิงกล่าว “เดิมข้าคิดว่าแค่ความหวังลมแล้ง ไม่นึกว่าเจ้าจะ
กลับมาแล้วจริง! ฉินหยุน ข้าจะพาเจ้าไปยังคฤหาสน์ขุนเขารัศมี
มังกรแห่งตระกูลหลง!”
“เหตุใดจึงไปตระกูลหลง?” ฉินหยุนขมวดคิ้วถาม
“ตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวเวลานี้แข็งแกร่งแล้ว ผู้คนต่าง
ไปเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบ!” หลงเฉียวเฟิงกล่าว “อำนาจของ
ตระกูลหลงเวลานี้มากล้น ดังนั้นพวกเขาจึงอหังการอวดดี คิดว่าไม่มี
ผู้ใดกล้าเข้าไปปล้นชิงตระกูลหลง!”
“เฉียวเฟิง เจ้ากำลังจะพาข้าไปยังตระกูลหลงเพื่อให้ยกเค้าพวกมัน
หรือ?” ฉินหยุนกลายเป็นตื่นเต้นยินดี
“อย่าได้คิดเรื่องฉกชิงทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า ไม่ใช่เจ้าหรือที่บอกว่า
ต้องการมังกร?” หลงเฉียวเฟิงกล่าว
ฉินหยุนเกิดนึกเป็นห่วงหลงเฉียวเฟิง “พวกมันไม่สงสัยเจ้าหรือ?”
หลงเฉียวเฟิงตอบกลับ “ข้าย่อมมีทางออก! ข้าตระเตรียมไปยังนคร
จันทราอัคคีแล้ว!”
นครจันทราอัคคีก็เป็นสำนักจันทรา ทั้งยังเป็นสำนักที่มีแต่สตรีล้วน
“ไปที่เกาะจันทราปีศาจ! ข้าจะแนะนำเจ้าให้เอง!” ฉินหยุนวางมือที่
หน้าท้องหลงเฉียวเฟิง เขาสัมผัสได้ถึงแก่นเต๋าลึกล้ำของนาง ตอนนี้
นางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำแล้ว
เห็นได้ชัด ว่าดวงดาวทั้งหลายที่ร่วงหล่นในเทือกเขานิราศจันทรา
พวกมันได้สร้างผลประโยชน์แก่ผู้คนมหาศาล
“ตัวข้าเดิมคิดไปยังเกาะจันทราปีศาจ ทว่าครั้งนั้นเย่ว์หลานคือผู้ที่
ออกมาพูดคุย นางกล่าวว่าจะดีกว่าหากข้าไปยังนครจันทราอัคคี
เพื่อให้ข้าช่วยติดต่อกับผู้คนของนครจันทราอัคคี! ภายนอก ความ
สัมพันธ์ระหว่างนครจันทราอัคคีและเกาะจันทราปีศาจไม่ดีเท่าใด
นัก ทว่าในทางลับ พวกเขาเป็นพันธมิตรต่อกัน!” หลงเฉียวเฟิงกล่าว
ฉินหยุนพอได้ทราบเรื่องระหว่างเซี่ยวเย่ว์หลานและหลงเฉียวเฟิง
เขาจึงไม่พบว่าแปลกที่เซี่ยวเย่ว์หลานจะจัดการให้เป็นเช่นนี้
คฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกรของตระกูลหลงไม่ใช่อยู่ในเมือง แต่เป็น
เทือกเขา พื้นที่ราบบนภูเขาขนาดใหญ่คล้ายถูกสร้างขึ้น ก่อนจะ
ก่อสร้างเป็นคฤหาสน์ขึ้นมา ภูเขาที่รายล้อมเอาไว้ พวกมันถูกใช้งาน
เป็นค่ายอาคม
ฉินหยุนและหลงเฉียวเฟิงมาถึงเทือกเขารัศมีมังกรพร้อมเข้าสู่
เส้นทางในป่า
เขามองขึ้นท้องฟ้าซึ่งห่างไกลออกไป เก้าดวงตะวันร้อนแรงยังคง
ปลดปล่อยพลังงานวิญญาณออกมาต่อเนื่อง
“ด้านบนเป็นค่ายอาคมใหญ่ยิ่งนัก!” ฉินหยุนอุทานร้อง
“ใช่ นี่คือที่มั่นของตระกูลหลง!” หลงเฉียวเฟิงพยักหน้ารับ
“เฉียวเฟิง เจ้าฝึกฝนถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำได้อย่างไร?” ฉินหยุน
เอ่ยถาม “เจ้าช่างรวดเร็วนัก! ข้ายังอยู่เพียงแค่ขอบเขตวรยุทธ์
วิญญาณระดับสูงสุดเท่านั้นเอง!”
“นี่เจ้ายังไม่เลื่อนระดับงั้นหรือ?” หลงเฉียวเฟิงพบว่าเรื่องราวน่าทึ่ง
“ข้าถูกรั้งเวลาออกไปหลายปี คิดออกจากเขตแดนอ้างว้างจันทรา
ทมิฬไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย!” ฉินหยุนถอนหายใจ
“เทือกเขานิราศจันทราเวลานี้ ต่างทราบกันว่าเป็นแดนศักด์ิสิทธ์ิมวล
ดาว ดวงดาวทั้งหลายบ่อยครั้งร่วงหล่นมาที่นั่น ข้าไม่ทราบว่ามัน
เกิดอันใดขึ้น กระนั้นทรัพยากรจำนวนมหาศาลเริ่มถูกนำออกมาจาก
เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นข้าโชคดีด้วย จึงได้รับหลายสิ่งอย่างมา พวก
มันช่วยให้ข้าเลื่อนระดับได้!” หลงเฉียวเฟิงกล่าว
“ข้านึกว่าตระกูลหลงบำรุงเลี้ยงเจ้าอย่างดีเสียอีก!” ฉินหยุนกล่าว
“เพียงแค่คิดก็ไม่มีทางแล้ว! พวกมันไม่ใช่คนเช่นนั้น! เจ้าไม่ทราบ
พวกมันตอนนี้กำลังวางแผนจัดฉากต่อข้า คิดอยากฉกชิงเอาวิญญาณ
ยุทธ์หงส์อมตะของข้าไปมอบให้แก่อัจฉริยะผู้อื่น!” หลงเฉียวเฟิง
ยามกล่าวถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของนางเผยโทสะอัดแน่นเปี่ยมล้น
ถึงตอนนี้ พวกเขาถูกม่านพลังขวางกั้นเอาไว้ ฉินหยุนทดลองผ่านไป
โดยความสามารถเทวะทะลุทะลวง จากนั้นเขาจึงค่อยนำหลงเฉียว
เฟิงเข้าม่านพลังผ่านไป ที่ตรงหน้ายังคงมีภูเขาใหญ่ขวางกั้น ตั้งแต่ที่
เข้ามาอยู่ในอาณาเขตของคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร พวกเขาเวลานี้
ต่างไม่กล้าบินขึ้นฟ้า มีแต่ต้องเดินเท้าด้วยความระแวดระวัง
“ฉินหยุน เจ้าครอบครองจอมราชันดวงดาวอสูร สมควรต้านรับ
ราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ได้ใช่หรือไม่?” หลงเฉียวเฟิงพลันเอ่ย
ถาม
“เอ่อ… จอมราชันดวงดาวอสูรของข้ายังหลับใหลอยู่!” ฉินหยุนกล่าว
หลงเฉียวเฟิงพอได้ยิน นางจึงเร่งรีบดึงฉินหยุนถอยเท้ากลับ
“เฉียวเฟิง เป็นไรไปแล้ว?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
“ด้วยเจ้าไม่มีจอมราชันดวงดาวอสูร นี่เป็นเรื่องอันตรายเกินไป!”
หลงเฉียวเฟิงคำรามเบา “เหตุใดก่อนหน้าเจ้าไม่กล่าวให้เร็วกว่านี้!
ในคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกรไม่มีครึ่งเซียนอยู่ก็ใช่ แต่มันยังมีราชัน
ยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป เพียงลักลอบเข้าไปรับชม
สถานการณ์ดูกันก่อน!”
หลงเฉียวเฟิงยืนกรานหนักแน่น นางไม่ให้ฉินหยุนเข้าไปเสี่ยง
“มาจนถึงขนาดนี้แล้ว ข้าจะกลับไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้!” ฉินหยุนร้อง
บอก
“ไม่ได้ นี่อันตรายเกินไป เจ้าเพิ่งออกมาจากเขตแดนอ้างว้างจันทรา
ทมิฬ หากถูกจับตัวได้จะเกิดอะไรขึ้น!?” หลงเฉียวเฟิงกอดแขนฉิน
หยุนเอาไว้แน่นเพื่อห้ามปราม
ฉินหยุนนิ่งคิดไปครู่จึงกล่าว “เฉียวเฟิง ข้ามียันต์ลึกล้ำอยู่จำนวนหนึ่ง
สามารถใช้เพื่อให้อุกกาบาตตกลงมา กระทั่งว่าอาจเป็นดวงดาว!
หากสถานการณ์เลวร้าย ข้าจะใช้ยันต์ลึกล้ำเหล่านั้นสร้างความ
วุ่นวายครั้งใหญ่เพื่อหลบหนี!”
“จริงหรือ?” หลงเฉียวเฟิงนึกย้อนถึงเทือกเขานิราศจันทรา นางได้
เป็นพยานกับตาถึงเหตุการณ์ดวงดาวร่วงหล่น นั่นเป็นภาพสะเทือน
ขวัญจนถึงวันนี้
“ย่อมเป็นความจริง!” ฉินหยุนหัวเราะกล่าว
“เอาอย่างนี้เป็นไร? ข้าเข้าไปสอดแนมก่อน หาว่ามีราชันยุทธ์และ
จักรพรรดิยุทธ์ที่ตระกูลหลงทิ้งไว้อยู่เท่าใด” หลงเฉียวเฟิงแม้เสนอ
ตัว กระนั้นนางก็หวาดกลัวระดับหนึ่ง
“ได้ อย่างนั้นข้าจะรอเจ้าที่นี่” ฉินหยุนรับคำพร้อมส่งสร้อยคอให้แก่
นาง “นี่เป็นสร้อยคอเสียงสื่อสาร สวมใส่ไว้ที่คอเจ้า ใช้พลังจิตใส่
เข้าไป แล้วเจ้าจะสามารถติดต่อหาข้าได้!”
สร้อยคอนี้งดงามอย่างยิ่ง เป็นฉินหยุนสร้างขึ้นครั้งอยู่ในเขตแดน
อ้างว้างจันทราทมิฬ เหยาเฟิงให้ความช่วยเหลือสร้างขึ้นมา หลง
เฉียวเฟิงเร่งรีบรับไว้พร้อมสวมใส่ มันคือสิ่งของระดับสูงล้ำ ต้อง
ทราบว่าหลายคนเพียงติดต่อสื่อสารทางเสียงผ่านเปลือกหอย ไม่
เพียงแต่ขนาดใหญ่ แต่ยังมีรูปลักษณ์ที่ไม่ดี ฉินหยุนได้แกะสลัก
อักขระดวงดาวและจันทราเอาไว้บนตัวสร้อยคอขนาดเล็ก นั่นจึง
เป็นเหตุผลที่เขาสร้างมันด้วยขนาดที่เล็กขึ้นมาได้
หลงเฉียวเฟิงนัดแนะให้ฉินหยุนรอที่นี่จนกว่านางจะกลับมา จากนั้น
จึงเร่งรีบมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร
และฉินหยุนย่อมไม่เชื่อฟังหลงเฉียวเฟิง เมื่อได้เห็นนางไปแล้ว เขา
จึงแปรเปลี่ยนร่างเป็นโปร่งแสงพร้อมเร่งรีบติดตามนาง หลังข้าม
ผ่านภูเขาหลายลูก ฉินหยุนจึงยืนอยู่ ณ ยอดเขาแห่งหนึ่ง
เบื้องล่างคือคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร มันเปรียบดังเมืองขนาดใหญ่
แห่งหนึ่ง รายล้อมคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกรประกอบด้วยภูเขาปิด
ล้อมหลายชั้น อาจารย์จารึกที่แข็งแกร่งได้ใช้ภูเขาใหญ่เหล่านี้จัดตั้ง
เป็นค่ายอาคมป้องกันขึ้นมา
“กระทั่งดวงดาวร่วงหล่นลงมาก็ไม่มั่นใจนักว่าจะทำลายอาคมใหญ่
นี้ได้หรือไม่!” ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่าคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกรมี
อำนาจป้องกันมากล้น
หลงเฉียวเฟิงเข้าสู่ด้านในคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร ฉินหยุนติดตาม
ด้านหลังระแวดระวัง หลงเฉียวเฟิงไม่พบเห็น นางถอดหน้ากากออก
เผยซึ่งใบหน้างดงามเย็นเยือก
ในตระกูลหลง นางมักรับรู้ถึงอันตรายอันยิ่งใหญ่กดดันอยู่ตลอด
ดังนั้นนางจึงเผยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก
หลงเฉียวเฟิงเดินไปตามถนนเส้นหลัก มุ่งหน้าสู่ศูนย์กลางของ
คฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร ระหว่างทางมีหลายผู้คนสัญจร กระนั้น
กลับไม่มีผู้ใดกล่าวทักทายนาง ชัดเจนว่าสถานะของนางที่นี่ต่ำต้อย
อย่างมหาศาล
ช่วงเย็น นางค่อยมาถึงด้านในสวนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“แม่นางเฉียวเฟิง นี่เจ้ายังไม่ไปตำหนักเซียนดาบหรอกหรือ?” บุคคล
ที่เอ่ยถามนี้ยังหนุ่ม สายตาของเขากวาดมองหลงเฉียวเฟิงตั้งแต่หัว
จรดเท้า
“ข้าไม่คิดอยากไป ดังนั้นจึงกลับมา ด้วยเร่งรีบเดินทางตลอดทั้งวัน
ข้าคิดไปพักผ่อนแล้ว!”
หลงเฉียวเฟิงกล่าวคำจบ หลายคนจึงเดินออกมาจากด้านในสวน
พวกเขาเหล่านี้คือคนหนุ่มและวัยกลางคนอหังการอวดดี ทั้งหมดอยู่
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณและวรยุทธ์ลึกล้ำ