ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King - ตอนที่ 780 : สองดาบเป็นหนึ่ง
ตอนที่ 780 : สองดาบเป็นหนึ่ง
สีหน้าของเจี้ยนหนันหู่หนักอึ้ง เขากระชับดาบต้นกําเนิดในมือพร้อมก้าวเดินฝีเท้าเสียงดัง จากนั้นปลายดาบจึงชี้ที่หลงเฉิ่งขวง
ตึง ตึง ตึง!
เจี้ยนหนันหู่เคลื่อนไหวเชื่องช้า ฝีเท้าของเขาประทับกับพื้น ราวกับทุกย่างก้าวหนักหนานับหมื่นจิน เป็นผลให้ทั้งเวทีประลองสั่นไหวรุนแรง
ที่ทําผู้คนตื่นตะลึงก็คือ ยามที่เจี้ยนหนันหู่พุ่งตรงออกไป เสื้อผ้าของเขากลับกลายเป็นถูกฉีกกระชากออก ผิวหนังต้องปริแตก เนื้อและเลือดเผยให้เห็นไหลหลั่ง เพียงพริบตา เขาต้องกลับกลายเป็นมนุษย์เลือด
ครึก ครึก ครึก!
กระดูกเจี้ยนหนันหู่เริ่มแตกหัก เสียงกระดูกหักดังก้องต่อเนื่องให้ได้ยิน และทันใดนี้เอง ดาบต้นกําเนิดของเขาพลันระเบิดออก!
ตู้ม!
แรงระเบิดของดาบต้นกําเนิด ส่งผลให้เกิดสายลมกระโชกรุนแรงกระจายทั่วทิศ
เจี้ยนหนันหู่หยุดเคลื่อนไหว เขาตะโกนดัง “ข้ายอมแพ้!”
“พี่หู่” เจี้ยนรั่วหยานตะโกนดัง
ฉินหยุนขมวดคิ้วแน่น สายตามองทางหยางฉีเย่ว์ที่อยู่ข้างกาย คิ้วงดงามของนางก็ขมวดแน่นเช่นเดียวกัน สีหน้าเวลานี้หนักอึ้ง
โดยทันที ผู้คนของตระกูลหลงและฝักฝ่ายพันธมิตรที่มาร่วมชม เวลานี้ล้วนโห่ร้องตะโกนยินดีเป็นล้นพ้น
“หลงเฉิ่งขวง…. หลงเฉิ่งขวง…”
“หลงเฉิ่งขวงไร้ผู้ต้าน! หลงเฉิ่งขวงไร้ผู้ต้าน!”
หลายคนเวลานี้ยังตื่นตะลึงยามได้เห็นพลังชวนสะพรึงของหลงเฉิ่งขวง เจี้ยนหนันหู่เป็นที่ทราบกัน ว่าเป็นศิษย์ในรุ่นเดียวกันของตระกูลเจี้ยนซึ่งแข็งแกร่งที่สุด กระนั้นตอนนี้ ตัวเขาต้องพ่ายแพ้ด้วยสภาพอันย่ำแย่
เจี้ยนสือเทียนเร่งรีบปิดม่านพลัง เข้าไปช่วยรักษาอาการให้แก่เจี้ยนหนันหู่ ฉินหยุนเองก็เดินขึ้นบนเวทีประลองยุทธ์ เขาลอบสํารวจและตรวจพบทราบ ว่ากระดูกทั้งร่างกายท่อนบนของเจี้ยนหนันหู่แตกป่นละเอียด ด้วยเจี้ยนหนันหู่ฝึกฝนร่างเซียน ร่างกายย่อมต้องแข็งแกร่ง กระนั้นเขากลับต้องพ่ายแพ้เช่นนี้ต่อหลงเฉิ่งขวงที่ยืนนิ่งที่เดิมไร้การเคลื่อนไหว!
“เหอะ… เป็นผู้ที่ไม่รู้จักประมานตนเอง! อย่างไรแล้วก็ได้แค่นี้ แต่ก็ถือว่าพรสวรรค์ตระกูลเจี้ยนยังมีอยู่บ้าง หากเป็นผู้อื่น มันคงร่างแหลกออกเป็นชิ้นแล้ว!” หลงเฉิ่งขวงเผยน้ำเสียงอัดแน่นด้วยความเดียดฉันท์ เขาหัวเราะดังพอที่ทุกผู้คนในพื้นที่การแข่งขันจะได้ยิน
หลงเฉิ่งขวงมองที่ฉินหยุน ความโหดเหี้ยมของเขาเผยออกทางสายตา “ฉินหยุน เจ้าเองก็จะต้องมีจุดจบเช่นนี้”
อวี้เสินเจินกล่าวจากเบื้องล่าง “พี่ใหญ่หลง ท่านได้เจี้ยนหนันหู่ไปแล้ว ฉินหยุนย่อมเป็นของข้า มันไม่มีโอกาสได้ไปสู้กับท่านอย่างแน่นอน!”
หลงเฉิ่งขวงก้าวเดินลงจากเวทีประลองยุทธ์ ตระกูลหลงและผู้อาวุโสจากเขตแดนลึกล้ำต่างมาถึงกันคนแล้วคนเล่า พร้อมทั้งกล่าวชมเขาไม่ขาดปาก
หลังกินเม็ดยาไปจํานวนหนึ่ง เจี้ยนหนันหู่ค่อยลืมตาได้ พบเห็นฉินหยุนอยู่ที่นี่ เขาจึงกล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน มันผู้นั้นแข็งแกร่ง พลังของมันอันใดไม่ทราบเข้าสู่ร่างกายขา ก่อนจะฉีกกระชากร่างกายข้าจากภายใน!”
“ข้ารู้” ฉินหยุนกล่าวตอบ
“หากเจ้าสู้กับมัน ดีที่สุดคือเตรียมยอมแพ้ทุกเมื่อ ข้าเป็นกังวล ว่ามันจะลงมือจนกว่าเจ้าจะตายตก!” เจี้ยนหนันหู่กล่าว
“ขอบคุณที่เจ้าห่วงหาแล้ว ตอนนี้ไปพักเสีย” ฉินหยุนตบไหล่เจี้ยนหนันหู่
ฉินหยุนอยู่กลุ่มที่สี่ ถัดจากนี้เป็นกลุ่มที่สาม และถึงคราวเจี้ยนรั่วหยานขึ้นสู้แล้ว!
เจี้ยนรั่วหยานคือคนของตระกูลเจี้ยน และนางก็มาจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ นอกจากนี้แล้วความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉินหยุนยังค่อนข้างดี ทั้งนางยังแข็งแกร่ง เพราะเหตุนั้นย่อมได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
และตอนนี้ ขวัญกําลังใจของตระกูลเจี้ยนกําลังลดต่ำลงเพราะการถอนตัวของเจี้ยนหนันหู่ที่แพ้พ่าย ตระกูลเจี้ยนจึงไม่มียอดฝีมือใดหลงเหลือเข้าร่วมการแข่งขัน แม้กําลังเจี้ยนรั่วหยานค่อนข้างดี ทว่าตระกูลเจี้ยนก็หาได้คาดหวังใดจากนางนัก
ยอดฝีมือทุกคนต่างคิด ว่าผู้ที่สามารถเอาชนะหลงเฉิ่งขวงได้สมควรเหลือเพียงหยางเย่ว์แล้ว และหยางฉีเย่ว์ก็เป็นคนของเกาะจันทราปีศาจ และเกาะจันทราปีศาจก็เป็นพันธมิตรกับตระกูลเจี้ยน หากหยางฉีเย่ว์เอาชนะหลงเฉิ่งขวงได้ เช่นนั้นตระกูลเจี้ยนจึงค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ตอนนี้ นอกจากฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ ผู้เข้าแข่งขันอื่นล้วนมาจากตระกูลเจี้ยนและตระกูลหลง และยังมีอัจฉริยะจากเขตแดนลึกลํ้าปะปนอีกเล็กน้อย ทางด้านศิษย์ตระกูลหลงและตระกูลเจี้ยนที่ประมือต่อกัน ถือว่าเป็นไปอย่างปกติ แม้ศิษย์ตระกูลหลงผู้นี้ดูไม่ค่อยเก่งกาจเท่าใดนัก ทว่าเขาก็เป็นร่างเซียนที่มีชื่อเสียงในแคว้นมังกรทะยานฟ้า
หลังจากที่ฉินหยุนได้แกะสลักอักขระโทเทมดาบที่เรือนร่างเจี้ยนรั่วหยาน นางจึงได้ฝึกฝนร่างดาบลึกล้ำ ถัดจากนั้น ด้วยปิงชิงและเปาเฉิงโฉ่วบํารุงเลี้ยงดู นางจึงฝึกฝนเกิดขึ้นเป็นร่างเซียนดาบ และก็มีคนเพียงน้อยนิดที่ทราบเรื่องนี้ กระทั่งเจี้ยนสือเทียนก็ยังไม่ทราบ
เจี้ยนรั่วหยาน กล่าวได้ว่าเลิศล้ำทุกสัดส่วนด้วยโทเทมดาบที่นางครอบครอง ทั้งนี้ นางยังได้เรียนรู้วิชายุทธ์โทเทมดาบอีกด้วย
“เจี้ยนรั่วหยาน นี่เจ้ายังหาญกล้าขึ้นมาหรือ? ไม่เห็นหรือไรว่าเจี้ยนหนันหู่พ่ายแพ้ไปด้วยสภาพเช่นไร?” อีกฝ่ายที่เป็นคนของตระกูลหลง เวลานี้แค่นเสียงกล่าวคําออก
คนของตระกูลหลงผู้นี้นามหลงเต๋อปิน เป็นชายร่างเตี้ยกํายํา มองไปพบว่าร่างกายเขาคล้ายก้อนหินแข็งที่อ ชุดหนังสีฟ้าครามที่เขาสวมใส่มีมังกรถูกปักประดับเอาไว้ เสื้อผ้าของศิษย์ตระกูลหลงทุกผู้คน ย่อมมีลวดลายมังกรปักประดับเอาไว้
เจี้ยนรั่วหยานเพียงสวมใส่ชุดเรียบง่ายสบาย ดาบต้นกําเนิดสีดําขาวทั้งสองของนางเผยความแน่วแน่ ฉินหยุนไม่คิด ว่าผ่านไปไม่กี่ปีที่ไม่ได้พบเจี้ยนรั่วหยาน นางจะถึงขั้นผสานดาบต้นกําเนิด และดาบเจตจิตทั้งสองรวมเป็นหนึ่งได้
เพราะเจี้ยนหนันหู่พ่ายแพ้ เจี้ยนรั่วหยานย่อมมีโทสะ หลังถูกอีกฝ่ายกระตุ้นอารมณ์ ความกราดเกรี้ยวของนางจึงพุ่งสูง เวลานี้จึงเผยออร่าดาบสะกดขมรุนแรงออกมา
หยางฉีเย่ว์พูดคุยผ่านเสียงสื่อสารกับฉินหยุน “เย่ว์หลานบอก ว่าเจ้าแกะสลักอักขระโทเทมดาบที่ร่างกายเจี้ยรั่วหยาน ทําให้นางได้ฝึกฝนร่างดาบ ภายหลังข้าได้หารือกับชิงชิง คิดว่าชิงชิงน่าจะช่วยชี้แนะแก่นาง ให้ผสานดาบทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง นี่จึงเป็นการเพิ่มพูนพลังให้แก่นางได้มากขึ้น”
หลายปีที่ผ่านมา ปิงชิงคอยชี้แนะแก่เจี้ยนรั่วหยานให้ฝึกฝนที่ภายในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ ดังนั้นแล้ว กําลังของเจี้ยนรั่วหยานย่อมไม่มีทางอ่อนด้อย!
เสียงระฆังดังขึ้นแล้ว!
จิตใจเจี้ยนสือเทียนหนักอึ้ง เจี้ยนหนั่นหู่พ่ายแพ้ไปแล้ว ตอนนี้เขาก็กําลังจะได้เห็นศิษย์ตระกูลเจี้ยนอีกหนึ่งที่ต้องพ่ายแพ้อย่างเจ็บช้ำ
แม้หลงเต๋อปินดูเหมือนก้อนหินแข็งที่อ กระนั้นเขาไม่เชื่องช้า ทว่าปราดเปรียว เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวยังแปลกประหลาด มันรวดเร็วยิ่ง! เขาสามารถเข้าถึงด้านหลังเจี้ยนรั่วหยานได้ในพริบตา และทันใดนี้ ร่างกายเจี้ยนรั่วหยานพลันต้องถูกรัดพันไว้โดยงูตัวน้อยที่คล้ายเชือกสีดํา
“โฉมงาม ให้ข้าได้สัมผัสรู้สึกหน่อยแล้ว!” หลงเต๋อปินเผยยิ้มโฉดชั่ว มือนั้นยื่นออกไปคิดจับบั้นท้ายเจี้ยนรั่วหยาน
ขณะหลงเต๋อปินคิดล่วงละเมิดต่อเจี้ยนรั่วหยาน ดาบยาวสีดําขาวจึงปรากฏที่เบื้องหลังเจี้ยนรั่วหยาน ก่อนมันจะสับฟันตัดเอามือของหลงเต๋อปินออกจากร่าง
“อ๊าก!” หลงเสื้อปินกรีดร้องเจ็บปวดเสียงดัง
ทั้งนี้ มันยังเป็นการตัดเชือกสีดําบนร่างกายของเจี้ยนรั่วหยานอย่างรวดเร็ว เรื่องราวชวนประหลาดที่สุดคือ ดาบนั้นสับฟันใส่เจี้ยนรั่วหยาน ทว่ามันไม่ตัดออกแม้ปลายผมของนาง นี่ย่อมต้องเป็นเจี้ยนรั่วหยานควบคุมดาบต้นกําเนิดได้อย่างไร้ที่ติ
ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าดาบต้นกําเนิดของเจี้ยนรั่วหยานสามารถแปลกประหลาดได้เพียงนี้ มันถึงขั้นออกจากร่างกายของนางโดยตรง ทั้งยังเคลื่อนไหวปราดเปรียวประหนึ่งแขนขาของนางเอง ทั้งยังคมอย่างยิ่ง เพียงชั่วครู่ มันถึงขั้นตัดมือหลงเต๋อปินขาดออกได้
เจี้ยนรั่วหยานที่ลงมือสําเร็จ นางเกาะกุมดาบต้นกําเนิดไว้ พร้อมเร่งรีบจ้วงแทงออก! ดาบต้นกําเนิดของนางฉับพลันหลุดจากมือซ้ายพุ่งทะยาน! หลงเต๋อปินพลาดโอกาสเก็บกู้มือตนเอง ขณะนี้ต้องเร่งร้อนหลบเลี่ยง
ตั้งแต่ที่เจี้ยนรั่วหยานผสานดาบเจตจิตและดาบต้นกําเนิดรวมเป็นหนึ่ง นางจึงสามารถควบคุมดาบต้นกําเนิดของตนเองด้วยพลังจิตอย่างพลิ้วไหว
หลงเต๋อปินขยับศีรษะหลบเลี่ยง เขาคิดว่าสมควรหลบได้พ้น ผู้ใดกันทราบ ว่าดาบนั้นจะพลันแยกออกเป็นสอง ดาบหนึ่งขาวและหนึ่งดํา กลับกลายเป็นพร้อมกันทิ่มแทงใส่ศีรษะของหลงเต๋อปินอย่างพร้อมเพรียง
ฝูงชนต่างระเบิดเสียงร้องฮือฮาดังออกมา ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าสตรีเช่นเจี้ยนรั่วหยาน จะถึงขั้นสามารถตอบโต้โจมตีออกอย่างดุดันเผ็ดร้อนเช่นนี้ได้
“ตัวบัดซบเอ๋ย เจ้าคิดแตะต้องกายข้างั้นหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานสบถออกเสียงเบา จากนั้นนางจึงควบคุมดาบให้แปรสภาพ
ดาบกลับกลายเป็นใหญ่ขึ้น มันผ่าแยกศีรษะของหลงเต๋อปินออกเกิดเป็นการระเบิดเลือดเนื้อ จากนั้นดาบทั้งสองจึงค่อยรวมกลับคืนเป็นหนึ่งอีกครั้ง!
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
เจี้ยนรั่วหยานควบคุมดาบต้นกําเนิด เข้าทิ่มแทงร่างของหลงเต๋อปินทั้งหน้าและหลัง จนร่างนั้นเกิดขึ้นเป็นบาดแผลทะลุเห็นอีกฝั่งถึงหลายรูด้วยกัน!
ศิษย์ตระกูลหลงอีกหนึ่งชีวิตต้องสิ้นชีพ และเป็นการถูกสังหารโดยสตรี! เวลานี้ ผู้คนตระกูลหลงเกลียดชังเจียนรั่วหยานแทบตายตกแล้ว!
เจี้ยนสือเทียนครานี้ค่อยถอนหายใจโล่งอกได้ ตระกูลเจี้ยนค่อยกอบกู้ขวัญกําลังใจคืนมา อย่างน้อยเจี้ยนรั่วหยานก็หาได้อ่อนแอดังเช่นที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้ไม่
เจี้ยนรั่วหยานเดินลงจากเวทีประลองยุทธ์ ปลายทางฝีเท้าของนางคือฉินหยุน ขณะนางกําลังจะเคลื่อนผ่านอวี้เสินเจิน เขาพลันยืนขาออกคิดเตะสกัดเจี้ยนรั่วหยาน เป็นผลให้นางต้องล้มลงด้านหน้า ฉินหยุนต้องเร่งร้อนเข้าไปคว้ารับร่างของนางเอาไว้
เจี้ยนรั่วหยานระเบิดโพล่งโทสะออก “อวี้เสินเจิน ไอ้ตัวบัดซบ!”
ฉินหยุนกล่าวอย่างเฉยชา “มั่นผู้นี้มีอาการป่วยทางจิต ไว้อีกไม่นานข้าจะรักษามันให้ ตราบเท่าที่มันตาย อาการป่วยของมันย่อมตายตามไปด้วย!”
อวี้เสินเจินเผยเสียงหัวเราะ “ข้าก็เพียงหยอกล้อเล่น! ว่าไป เจ้าแข็งแกร่งเพียงนั้น ทว่ากลับถูกข้าสกัดขาไว้ได้ นี่ไม่ใช่หมายความถึงกําลังเจ้าอ่อนด้อยกว่าข้าหรือไร? ตัวเจ้าเป็นยอดยุทธ์อันเลิศล้ำ กระนั้นกลับถูกผู้อื่นเตะสกัดจนเกือบล้ม!”
ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว “เพราะไม่มียอดยุทธ์ผู้ใดกระทําเรื่องต่ำทรามเช่นที่เจ้าทํา!”
อวี้เสินเจินจับจ้องหยางฉีเย่ว์ เขากล่าว “ฉินหยุน เจ้าก็ได้แต่ปากดีไปเรื่อย จงรอคอยสักประเดี๋ยว ข้าจะทําให้เจ้าไม่มีปากได้พูดกล่าวอีกเป็นครั้งที่สอง!”
“พี่หยน อย่าไปสนตัวบัดซบนี้!” เจียนรัวหยานถึงฉินหยุนถอยฉากออกมา
อขี้เงินจนคือตัวบัดซบอย่างแท้จริง เขาเตะสกัดขาผู้อื่นกลั่นแกล้งไปเรื่อย การกระทําเหล่านี้หาได้เผยความดีงามใดออกไม่ กระนั้น เขาก็กล่าวได้ว่าเป็นผู้มีฝีมือคนหนึ่ง ทว่าเป็นผู้มีฝีมือที่ไร้ยางอาย!
สุดท้ายแล้ว ถึงเวลาการแข่งขันของกลุ่มที่สี่ ฉินหยุนและอวี้เสินเจิน ในที่สุดพวกเขาก็จะได้ต่อสู้กันแล้ว
ในศึกก่อนหน้า ตระกูลหลงและตระกูลเจี้ยนต่างพ่ายแพ้กันไปด้วยจํานวนทัดเทียมกัน กําลังพวกเขากล่าวได้ว่าทัดเทียม บรรดาอัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ำต่างได้รับชัยชนะมาครอง และคู่ต่อสู้พวกเขายังบาดเจ็บหนัก อวี้เสินเจินคือศิษย์จากเขตแดนลึกล้ำคนสุดท้ายที่ต้องขึ้นประลอง
หลงเฉิ่งขวงกล่าวด้วยสีหน้าอันสงบ “หากน้องอวี้เอาจริง กระทั่งข้าก็ยังต้องหวั่นเกรงระดับหนึ่ง และครานี้เหยื่อคือฉินหยุน เป็นมันต้องตายแน่นอนแล้ว!”
อัจฉริยะผู้อื่นจากเขตแดนลึกล้ำหัวเราะเสียงดัง “แต่หากมันประกาศยอมแพ้ในพริบตา เช่นนั้นมันจึงไม่ตาย ทว่าต่อหน้าพี่ใหญ่อวี้ มันย่อมไม่มีโอกาสได้เผยเสียงใดออกมา!”
ฉินหยุนยืนที่ด้านบนเวทีประลองยุทธ์ โทสะภายในหัวใจของเขากําลังถูกผลาญไหม้เป็นเชื้อเพลิง ตัวเขากําลังสะกดข่มโทสะภายในใจเอาไว้ เขาคิดอยากใช้ศึกนี้ เป็นการผสานระหว่างพลังอันเหนือล้ำของเขาและโทสะเพื่อปลดปล่อยพวกมันออกไปพร้อมกัน
เจี้ยนรั่วหยานพลันเกิดนึกกังวลห่วงหาฉินหยุน เพราะนางยังจดจําภาพฉากที่เจี้ยนหนันหู่พ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ได้
อัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ำ พวกเขาทั้งลึกลับและแกร่งกล้า เช่นกัน ไม่มีผู้ใดทราบว่าพวกเขาใช้พลังอันใด