ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 1012
ราชันเร้นลับ 1,012 : วันแรกของเดือนกันยายน
“ถึงมิสเตอร์อะซิก…”
“ตั้งแต่ย่างเข้าเดือนกันยายน อุณหภูมิในเบ็คลันด์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เริ่มมองเห็นคนแก่สวมถุงมือออกจากบ้านกันแล้ว”
“เหมือนกับปีก่อน หมอกเริ่มปกคลุมเมืองแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดอย่างน้อยหนึ่งถึงสองวันต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น การฟื้นฟูมลพิษทางอากาศจะยังไม่เห็นผลภายในหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า อย่างเร็วที่สุดก็คงห้าปี แต่ข่าวดีก็คือ กลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศบรรเทาลงมากแล้ว ผีดูดเลือดที่เป็นเพื่อนของผมพึงพอใจกับสภาพอากาศแบบนี้มาก…”
“การเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีอีกหนึ่งเรื่องก็คือ ทั้งเด็กนักเรียน บุรุษไปรษณีย์ และแรงงานมีฝีมือเริ่มซื้อจักรยานมากขึ้น จำนวนรถม้าสาธารณะบนท้องถนนลดลงมาก ซึ่งนั่นแปลว่ามูลม้าและกลิ่นเหม็นบางส่วนจะหายไปจากกรุงเบ็คลันด์ แต่แน่นอน รถม้าเหล่านี้ยังคงบทบาทสำคัญกับวิถีชีวิต เพราะอย่างที่คุณทราบ บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีคงไม่ยินดีที่จะเปลี่ยนรสนิยมของตัวเอง แต่จากที่ผมสังเกตเห็น เด็กๆ ของตระกูลเริ่มหันมาสนใจจักรยานมากขึ้น…”
“ในช่วงหลัง ชีวิตของผมดำเนินไปอย่างราบรื่น มีโอกาสแวะไปยังวิหารนักบุญแซมมวลและกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็นหลายวันต่อสัปดาห์ เข้าร่วมกิจกรรมของพวกเขาและบริจาคเงินสดเรื่อยๆ นอกจากนั้นก็ยังแวะไปชมการแข่งม้าเป็นครั้งคราว ชมละครเวที การแสดงดนตรี แวะไปที่สโมสรเพื่อเล่นไพ่ ตีกอล์ฟ ได้เป็นทั้งเจ้าภาพและแขกในงานเลี้ยงสุดสัปดาห์ งานเต้นรำ และซาลอน”
“ลืมบอกไป ผมซื้อคฤหาสน์แล้ว เดิมทีเป็นของตระกูลดยุคนีแกน ชื่อของมันคือ ‘เพลงกุหลาบ’ มีไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์คุณภาพสูงเป็นของตัวเอง นอกจากนั้นยังกินพื้นที่ป่าและทุ่งกว้าง สามารถเพาะปลูกและล่าสัตว์ อาคารหลักเป็นบ้านหลังใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสี่ชั้น มีห้องหลายห้อง จากที่ผมลองสำรวจดู กว่าจะเดินจนทั่วก็ต้องอย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้าว โดยยังไม่ได้ออกจากตัวอาคารแม้แต่ก้าวเดียว นอกจากนั้นก็ยังมีประติมากรรม จิตรกรรม และเครื่องเรือนที่งดงามอีกจำนวนมาก งดงามราวกับพระราชวัง”
“บางที คำอธิบายของผมอาจฟังดูเกินจริง เพราะท้ายที่สุด ผมยังไม่เคยเห็นวังจริงๆ มาก่อน นี่เป็นคฤหาสน์ใหญ่หลังแรกที่มีโอกาสครอบครอง ย้อนกลับไปสมัยอยู่ทิงเก็น ผมยังไม่ลืม ตอนนั้นผมอาศัยอยู่ในห้องเช่าที่มีเพียงสองห้องย่อย ใช้ชีวิตร่วมกับพี่ชายและน้องสาว ต้องนอนหลับไปพร้อมกับกลิ่นถ่านทุกวัน”
“คฤหาสน์หลังนี้ถูกแนะนำมาโดยรองผู้อำนวยการ MI9 โจนาส·โคลเกอร์ ค่าใช้จ่ายรวมสองหมื่นปอนด์ แต่คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของผม การไปเยือนทวีปใต้ได้สร้างกำไรมหาศาล นอกจากนั้นยังมีการขายสมบัติวิเศษออกไป ปัจจุบันจึงมีเงินสดมากกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันปอนด์ ทองคำแท่งอีกหนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์ และเหรียญทองอีกมาก”
“ผมค่อนข้างพึงพอใจกับคฤหาสน์เพลงกุหลาบ อดีตบุรุษรับใช้ส่วนตัวของผม ริชาร์ดสัน ถูกส่งไปเป็นคนดูแลคฤหาสน์ที่นั่น ปัจจุบันเป็นฤดูใบไม้ร่วง ผมเฝ้ารอที่จะเชิญแขกพิเศษมาร่วมใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์อันแสนสุขที่นั่นด้วยกัน หวังว่าริชาร์ดสันจะพร้อม”
“โลกผู้วิเศษในกรุงเบ็คลันด์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ผมหวังว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปนานๆ”
“กระจกวิเศษที่ผมเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูจนดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงหลงเหลืออาการเครียดจากการถูกอามุนด์ทารุณ หากผมถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันจะเปลี่ยนสีของตัวอักษรทันที เอาแต่ตอบมั่วๆ และขอให้ผมชมเชยมัน”
“นอกจากนั้น มันยังมีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการออกจากวิหารของเทพจักรกลไอน้ำ ดูเหมือนว่ากระจกบานนั้นคิดจะอยู่ต่อไปอีกสักพัก เนื่องจากไม่มีที่ใดปลอดภัยกว่าเดิม โดยมันวางแผนที่จะยกระดับการแสดงภัยคุกคาม เพื่อให้ทางโบสถ์เลื่อนไปเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 1 และถูกเก็บรักษาด้วยความปลอดภัยที่สูงกว่าเดิม ความคิดของมันทำให้ผมประหลาดใจได้เสมอ”
“ต้องขอบใจคำตอบบางส่วนของมัน ผมพบวิธีสร้างความมืดที่บริสุทธิ์ด้วยตัวเอง นั่นคือการสร้างยันต์ในขอบเขตรัตติกาลที่มีคุณสมบัติความฝัน ต้องได้รับการตอบสนองจากเทพธิดารัตติกาลโดยตรง พลังชนิดนี้ถูกจำแนกให้เป็นความมืดบริสุทธิ์ นอกจากนั้น หลังจากเผชิญความล้มเหลวหนแล้วหนเล่า ในที่สุดผมก็เชี่ยวชาญการสลักสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเข้าฌาน สามารถสร้างวัตถุที่ต้องการสำเร็จ”
เขียนถึงตรงนี้ ไคลน์ที่กำลังนั่งบนโซฟาและใช้ต้นขารองกระดาษ ยกปากกาขึ้นและใช้มือลูบหน้าผาก
ความล้มเหลวหนแล้วหนเล่าหมายถึงการสูญเสีย ‘หนอนวิญญาณ’ จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งที่หนอนวิญญาณถูกแบ่งออกจากร่าง สำหรับมัน นั่นคือความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับร่างวิญญาณแหลกสลาย ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะฟื้นฟูกลับมา
ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทและเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ไคลน์จะไม่แบ่งหนอนวิญญาณจนร่างกายถึงขีดจำกัด เมื่อครบสามถึงสี่ตัว มันจะพักสองถึงสามวัน จากนั้นก็พยายามฝึกสลัก ทำๆ หยุดเช่นนี้จนกระทั่งเข้าใจกระบวนการอย่างถ่องแท้ ประสบความสำเร็จในการสร้างวัตถุ
ชำเลืองไปทางแผ่น ‘เพชร’ สี่เหลี่ยมผืนผ้าข้างๆ พิจารณาจากแสงหักเหที่ซ้อนทับ เมื่อมันเห็นชั้นของอักขระลึกลับที่ถูกขยายเข้าไปในความว่างเปล่า ศีรษะพลันวิงเวียน คล้ายกับกำลังจ้องมองส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
เราจะเรียกมันว่า ‘ยันต์วันวานอีกครั้ง’ … ไคลน์ถอนสายตากลับ เขียนต่อไป
“พายุเข้าฝั่งอีกแล้ว ทั้งสองสภาของอาณาจักรกำลังประชุมตามวาระเพื่อร่างพระราชบัญญัติที่สำคัญ ปีใหม่เริ่มใกล้เข้ามาทุกที ผมมีลางสังหรณ์บางอย่างและเกิดความกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก”
“ผมขอให้คุณฟื้นตัวและตื่นขึ้นมาโดยเร็ว”
“จากศิษย์ของคุณตลอดไป ไคลน์·โมเร็ตติ”
วางปากกาลง พับกระดาษจดหมาย ไคลน์เป่านกหวีดทองแดงเพื่ออัญเชิญผู้ส่งสารกระดูกที่สูงเกือบสี่เมตร
แตกต่างจากคราวก่อน ผู้ส่งสารโผล่ออกมาแค่หัวและแขน ส่วนที่เหลือจมอยู่ใต้พื้น
ฉากตรงหน้าทำให้อีกฝ่ายดูเตี้ยกว่าไคลน์มาก
นั่นสินะ ตอนนี้เราอาจถูกจำแนกให้เป็นข้ารับใช้ของมรณาแล้วก็ได้… ไคลน์ยื่นจดหมายให้ผู้ส่งสาร เฝ้ามองมันแตกตัวกลายเป็นน้ำตกกระดูกสีขาว ร่วงหล่นลงไปใต้พื้น
จนกระทั่งหมดเสร็จ ชายหนุ่มหยิบยันต์ ‘วันวานอีกครั้ง’ ขึ้นมาวางบนที่พักแขนโซฟา
นี่คือผลผลิตที่ประสบความสำเร็จชิ้นแรก ไคลน์จึงต้องการทดลองใช้ดูก่อน เพราะการสร้างใหม่หลังจากนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ส่วนคำถามที่ว่า การยืมพลังของตัวเองจากในประวัติศาสตร์จะเป็นอันตรายหรือไม่ ไคลน์ลองทำนายเบื้องต้นบนมิติเหนือสายหมอกแล้ว แต่มิได้คาดหวังมากนัก เพราะถ้าเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเดอะฟูลหรือเจ้าของประตูแห่งแสง พลังของมิติหมอกอาจคอยกีดขวางผลทำนาย
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ระบุว่า: ปลอดภัยมาก
จดจ้องแผ่นเพชรสักพัก ไคลน์สลัดความลังเล พ่นถ้อยคำเฮอร์มิสโบราณ:
“ประวัติศาสตร์!”
สาเหตุที่มันทดลองบนโลกความจริงมากกว่าบนมิติหมอก เพราะกังวลว่าพื้นที่ลึกลับแห่งนั้นจะกีดขวางการย้อนอดีต
ท่ามกลางเสียงขึงขัง ไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในยันต์วันวานอีกครั้ง
ริ้วแสงสว่างออกจากยันต์ในลักษณะคล้ายเส้นผม ก่อนจะปกคลุมโดยรอบอย่างชัดเจนและหมดจด
ฉากแล้วภาพเล่าปรากฏต่อหน้าไคลน์อย่างคลุมเครือ
ภาพของตนกำลังเต้นกับดาลีย์·ซิโมเน่ข้างศพอินซ์·แซงวิลล์
ภาพของดอน·ดันเตสเจ้าของจอนสีขาวที่มีบุคลิกสง่างาม
ภาพของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังกดหมวกทรงกึ่งสูงและร่อนลงบนเรือทิวลิปดำ
ภาพของอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้า โดยมีเชอร์ล็อก·โมเรียตี้กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ภาพของทารกที่กำลังแผดเสียงร่ำไห้ในบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ โดยมีไคลน์·โมเร็ตติกำลังใช้ยันต์เพลิงสุริยัน
ภาพของนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังใช้ปืนลูกโม่เล็งขมับตัวเอง
หลังจากฉากเหล่านี้จบลง ภาพเดียวที่เหลืออยู่คือสายหมอกสีเทา
และจนกระทั่งพลังของยันต์เหือดแห้ง ไคลน์ก็ยังไม่พบจุดสิ้นสุดของสายหมอก
เป็นอย่างที่คิด การเดินทางข้ามโลกของเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับมิติสายหมอกและประตูแห่งแสงนั่น… ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า เราเคยนอนในรังไหมที่ถูกแขวนเหนือประตูแสง แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน… เทียบกับเมื่อครั้งที่ได้เห็นประตูแห่งแสงครั้งแรก ไคลน์ในปัจจุบันค่อนข้างสงบ คล้ายกับทำใจไว้บ้างแล้ว
ฟู่ว… ถัดไป เราจะสร้างยันต์วันวานอีกครั้งให้วิลสองแผ่น… ยันต์ชนิดนี้ไม่มีประโยชน์กับเรา… ช่วงนี้คงต้องหยุดแวะไปที่บ้านหมอนั่นและป้อนไอศกรีมสัปดาห์ละครั้ง สาวใช้ในบ้านเริ่มมองเราด้วยสายตาแปลกๆ แล้ว… ตอนนี้เราเข้าใจเทคนิคการ ‘สลักด้วยการเข้าฌาน’ แล้ว สามารถพิจารณาถึงการใช้หนอนกาลเวลาเพื่อสร้างเป็นกระสุนวิเศษ… อา… เลียวนาร์ดแจ้งว่า ในอีกไม่กี่วัน เขาจะเดินทางไปที่ทิงเก็นและพยายามขโมยพลังจากตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันที่กลายพันธุ์… ไคลน์ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโซฟา
ในการชุมนุมทาโรต์ครั้งล่าสุด เลียวนาร์ดแสดงสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์และอักขระเวทมนตร์สี่ชนิดที่พาลีส·โซโรอาสเตอร์มอบให้ ทั้งหมดเป็นของเส้นทางนักจารกรรม ชนิดแรกสามารถทำให้ศัตรูเข้าใจผิด เกิดข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ ชนิดที่สองจะทำการขโมยพลังพิเศษสามอย่างล่าสุดที่เป้าหมายใช้ออกมา ชนิดที่สาม หากศัตรูไม่สามารถต้านทาน สามารถสูบอายุขัยของเป้าหมายได้ในปริมาณมหาศาล เข้าสู่ภาวะแก่ชราในชั่วพริบตา และชนิดสุดท้าย ทำการสร้าง ‘หนอนกาลเวลา’ ตัวจริงที่มีอายุขัยสั้น สามารถส่งเข้าไปในร่างกายเป้าหมายในฐานะปรสิต จากนั้นก็ควบคุมจากภายใน
หนอนกาลเวลาเจ็ดตัวที่ไคลน์เคยมี สามตัวถูกนำไปสร้างเป็นยันต์โจรปล้นดวงล่วงหน้า หนึ่งแผ่นแบ่งให้มิสจัสติสตามสัญญา อีกสองแผ่นเก็บไว้ใช้เอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไคลน์ยังเหลือหนอนกาลเวลาอีกสี่ตัวพอดี สามารถทดลองสร้างวัตถุวิเศษทั้งสี่ชนิดได้อย่างละหนึ่งครั้ง อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณได้บอกกับมันว่า อาจมีบางชิ้นที่ไม่ประสบความสำเร็จ
สำหรับหนอนกาลเวลาสองตัวที่เลียวนาร์ดได้รับ ตัวหนึ่งกลายเป็นยันต์โจรปล้นดวง – เลียวนาร์ดทำตามคำแนะนำของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ สวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลและได้รับการตอบสนอง ส่วนอีกหนึ่งแผ่น มันอาศัยความช่วยเหลือจากพาลีส·โซโรอาสเตอร์ สร้างเป็นยันต์ปรสิต
หลังจากหมกตัวเองเพื่อทำการทดลองอยู่พักใหญ่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตกเย็น ไคลน์ประสบความสำเร็จทั้งสิ้นห้าครั้ง และล้มเหลวหนึ่งครั้ง ได้รับยันต์วันวานอีกครั้งสองแผ่น ได้รับกระสุนปรสิต กระสุนหลอกลวง และกระสุนช่วงชิง
สิ่งที่ล้มเหลวคือกระสุนชราภาพ สาเหตุน่าจะเป็นเพราะว่า ปริมาณพลังของมิติเหนือสายหมอกที่ตัวมันในปัจจุบันสามารถรวบรวมได้ ยังมีระดับไม่เพียงพอสำหรับการสร้าง
นั่งจ้องกระสุนวิเศษทั้งสามนัดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โปร่งใส่ผสมโปร่งแสง ไคลน์ถอนหายใจโล่งอกพร้อมกับนำลูกโม่ลางมรณะออกมาถือ บรรจุกระสุนทั้งสามนัดลงไปทีละหนึ่ง – ในโม่มีกระสุนคุมวิญญาณถูกบรรจุอยู่ก่อนแล้วสามนัด
เก็บกวาดแท่นบูชาเสร็จ มันเดินออกจากห้องนอน ลงไปยังห้องอาหารที่ชั้นสอง กล่าวกับพ่อบ้านวอลเตอร์ที่กำลังยืนรอ:
“ตามรายชื่อที่ผมส่งให้ รบกวนเชิญบรรดาแขกพิเศษมาล่าสัตว์ที่ชานเมืองในช่วงสุดสัปดาห์ด้วย”
“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์เตรียมพร้อมแล้ว ตอบเสียงขึงขัง
…
เมืองทิงเก็น บ้านเลขที่ 36 ถนนซุตแลนด์
เลียวนาร์ดลงจากรถม้า มองไปยังอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยสีหน้าซับซ้อน ลืมที่จะเดินเข้าไป