ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 690
Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 690
ราชันเร้นลับ 690 : มาดามผู้ส่งสาร
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท่ามกลางแสงแดด ฝันทองคำกำลังส่องประกายสีทองระยิบระยับ ไม่ต่างอะไรกับสมบัติเคลื่อนที่ขนาดมหึมา
เดนิสที่อยู่ในห้องกัปตัน เดินวนเวียนอย่างกระสับกระส่าย พยายามจดจำรายละเอียดที่เกิดขึ้น ค้นหาเบาะแสเพื่อสืบสวน
สามวันก่อน กัปตันของมัน พลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า บอกว่าทุกคนบนเรือว่า เธอมีแผนจะค้นคว้าบางสิ่ง อาจไม่ปรากฏตัวนานถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ยกเลิกคาบเรียนทุกชนิดเป็นการชั่วคราว สำหรับเหตุการณ์ทำนองนี้ เดนิสและคนที่เหลือไม่แปลกใจสักเท่าไร เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ทุกคนต่างดีใจที่ไม่ต้องเข้าเรียน พากันร้องรำทำเพลงและฉลองบนเรืออย่างสนุกสนาน แม้จะเกือบเผาเรือจนวอด แต่ก็ยังเต็มไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ทุกคนรวมถึงเดนิสเริ่มเกิดความเบื่อหน่าย ลึก ๆ ในใจสัมผัสถึงความไม่ปรกติ กัปตันที่ควรจะกลับมาภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ยังคงไม่ปรากฏตัวในวันถัดมา ไม่แม้แต่จะสั่งให้ลูกเรือเข้าไปส่งอาหาร เบียร์เย็น หรือกระทั่งน้ำเปล่า
หลังจากอดทนรออย่างใจเย็น ลูกเรือของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า รวบรวมความกล้าเพื่อเคาะประตูห้อง และสิ่งที่ทุกคนกลัวก็เป็นจริงขึ้นมา ไม่มีใครตอบสนองต่อเสียงเคาะ
ภายใต้การนำของรองกัปตัน บลู·โวลส์ เหล่าโจรสลัดตัดสินใจเปิดห้องกัปตันจนพบว่าด้านในไม่มีใคร!
ทุกคนแยกย้ายกันค้นหาตามห้องเก็บของและห้องอื่นๆ แต่ก็ไม่พบพลเรือโทรธารน้ำแข็ง
พิจารณาจากเหตุการณ์ในอดีต ทุกคนเชื่อว่ากัปตันคงฉุกคิดบางสิ่งได้กะทันหัน จึงใช้พลังพิเศษหรือพลังที่เลียนแบบจากคนอื่น รีบร้อนออกไปจากฝันทองคำโดยไม่ทันได้บอกกล่าวกับใคร
วันถัดมา เดนิสและคนที่เหลือพยายามใช้พิธีกรรมวิญญาณสถิต รวมไปถึงเทคนิคอื่นๆ เพื่อติดต่อกับพลเรือโทธารน้ำแข็ง แต่ก็ไม่มีใครได้รับการตอบสนอง ทุกคนจึงทำได้เพียงค้นหาเบาะแสภายในห้องกัปตันและบริเวณใกล้เคียง อดทนรออย่างใจเย็น
ผ่านไปสามวัน เมื่อพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า ยังไม่ปรากฏตัว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดเลย ลูกเรือทุกคนเริ่มกระวนกระวาย
“แม่เย็*! พลังทำนายของนายไม่คืบหน้าเลยรึไง? ไหนบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้!” เดนิสหันไปสบถใส่ ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สัน
โจเดอร์สันเจ้าของผมสีดำแต่ย้อมทอง ลูบหน้าผากพลางตอบเสียงทุ้ม
“ทั้งหมดล้มเหลว… การทำนายเพื่อแกะรอยทุกช่องทางล้วนไม่มีสิ่งใดตอบสนองกลับมา… แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มั่นใจว่า กัปตันยังมีชีวิตอยู่ แม้จะระบุตำแหน่งไม่ได้ก็ตาม”
บลู·โวลส์ รองกัปตันผมสั้นหยักศกสีเทา ขยับแว่นตาขาเดียว
“เราต้องรีบขอความช่วยเหลือจากภายนอก… ไม่มีของสะสมชิ้นใดของกัปตันหายไป แม้แต่สมบัติวิเศษที่พกติดตัวเป็นประจำก็ยังอยู่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็คาดไม่ถึง”
“พวกเราขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง” ลูกเรืออีกคนหนึ่ง ‘ถังน้ำ’ แดเนี่ยลถามด้วยสีหน้ากังวล
บลู·โวลส์ยกมีดเงินที่มีลวดลายสลักขึ้น จ่อปลายจมูกงุ้มของตน
“คงต้องกลับไปที่ชายฝั่งตะวันตกกันก่อน”
ความนัยแฝงก็คือ ต้องเดินทางกลับไปรายงานกับโบสถ์เทพปัญญาความรู้ องค์กรซึ่งอยู่เบื้องหลังพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า
“เปล่าประโยชน์… การเดินเรือจากแดนสวรรค์ของโจรสลัดไปยังชายฝั่งตะวันตก พวกเราต้องผ่านทะเลโซเนีย ผ่านทะเลเหนือหรือไม่ก็ทะเลคลั่ง จากนั้นก็ล่องเรือบนทะเลหมอกอีกพักใหญ่ กัปตันรอนานขนาดนั้นไม่ได้แน่! อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นตอนไหนก็ได้!” หูกระต่ายบุปผา โจเดอร์สันคัดค้าน “พวกเราต้องขอความช่วยเหลือจากคนที่พร้อมลงมือทันที!”
เดนิสเตรียมสบถคำว่า ‘แม่เย็*!’ แต่ทันใดนั้น ภายในใจพลันฉุกคิดบางสิ่งได้กะทันหัน
บุคคลเดียวที่มันสามารถติดต่อได้ทันทีก็คือ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ และนักผจญภัยเสียสติคนนี้มักโอ้อวดพลังทำนายให้เห็นบ่อยครั้ง แถมยังมีองค์กรลึกลับคอยหนุนหลัง!
บางที… ชายเสียสติคนนั้นอาจหากัปตันพบ เขามักสร้างปาฏิหาริย์ได้เสมอ… เดนิสขยับมือจัดปกเสื้อ ความกังวลใจบรรเทาลงเล็กน้อย
มันยืดอกพอง มองไปรอบตัวพลางกระแอมในลำคอ
“ฉันมีอยู่หนึ่งคน… สามารถติดต่อได้ทันที เชี่ยวชาญการทำนาย…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ‘นักชิม’ บลู·โวลส์ ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สัน รวมถึง ‘กายาเหล็ก’ และ ‘ถังน้ำ’ ต่างหันมาจ้องเดนิสด้วยดวงตาแดงก่ำ ทุกคนแหกปากตะโกนโดยมิได้นัดหมาย
“ก็รีบทำเข้าสิวะ!!”
“…” เดนิสเดินออกจากห้องกัปตันอย่างเงียบงัน กลับไปยังห้องตัวเอง
มันคลี่กระดาษ หยิบปากกาและลงมือเขียนจดหมายตามที่กัปตันเคยสอน ขึ้นต้นด้วยคำทักทายตามมารยาทเล็กน้อย
ทันใดนั้น เดนิสชะงักมือชั่วคราว พบว่าบทสนทนาของตนเวิ่นเว้อเกินไป ไม่เหมาะสำหรับจดหมายขอความช่วยเหลือ
“แม่เย็*!” เดนิสสบถกับตัวเอง ฉีกกระดาษออก
จากนั้นก็เริ่มเขียนแผ่นใหม่
“ช่วยด้วย! กัปตันหายตัวไป!”
อึก… ถึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะเก่งกาจเหนือจินตนาการสักเพียงใด แต่ก็คงไม่มีทางเข้าใจจดหมายไร้เนื้อหาแบบนี้… แม่เย็*! เดนิสสบถใส่ตัวเองอีกครั้งพลางฉีกกระดาษแผ่นที่สอง
รอจนจิตใจสงบ ครุ่นคิดสองสามวินาที เดนิสจับปากกาและลงมือเขียนเป็นหนที่สาม
คราวนี้เป็นการเกริ่นสั้นๆ เล่าถึงสภาพแวดล้อมก่อนและหลังการหายตัวไปของกัปตัน ระบุตำแหน่งปัจจุบันของฝันทองคำ ปิดท้ายด้วยการซักถามอย่างไพเราะว่า มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ คุณยินดีให้ความช่วยเหลือผู้สมรู้ร่วมคิดหรือไม่
จริงสิ… พลังทำนายต้องใช้วัตถุสื่อกลาง… ขณะพับจดหมายและเก็บปากกา เดนิสฉุกคิดได้ว่าจดหมายของตนยังขาดบางสิ่ง จึงรีบกลับไปยังห้องกัปตัน ควานหาจนพบต่างหูไข่มุกคู่หนึ่งซึ่งเอ็ดวิน่าสวมใส่เป็นประจำ
จัดการทั้งหมดเสร็จ เดนิสหยิบสมุดที่ตนจดบันทึกความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับออกมาเปิดอ่าน ผนวกกับประสบการณ์เก่าที่เคยลองทำ ลงมือประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร
หลังจากวางเหรียญลงบนแท่นบูชา เดนิสถอยหลังสองก้าว ท่องคาถาเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“ตัวข้า! ขออัญเชิญในนามของข้า! วิญญาณผู้เตร็ดเตร่ในความว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรและพร้อมรับคำสั่ง ผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แต่เพียงผู้เดียว”
สายลมหวีดแหลมเริ่มส่งเสียงโหยหวน เปลวเทียนไขบนแท่นบูชาซึ่งกำลังลุกโชนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีด
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ปรากฏกายอย่างเชื่องช้า หญิงสาวยังสวมเดรสสีดำรุ่มร่ามตัวเดิม มือสองข้างหิ้วศีรษะสี่เศียรที่มีใบหน้างดงามและเหมือนกันทุกประการ
เดนิสคิดว่าผู้ส่งสารจะทำแบบคราวก่อน เพียงกัดเหรียญทองบนแท่นบูชาและคาบจดหมายที่บรรจุต่างหูกลับไป จึงคาดไม่ถึงว่า ศีรษะทั้งสี่ในมือไรเน็ตต์จะขยับเหลียวซ้ายแลขวา จากนั้นก็มองตรงไปทางห้องกัปตันโดยพร้อมเพรียง
ไม่กี่อึดใจถัดมา หนึ่งเศียรของไรเน็ตต์กัดเหรียญทอง อีกหนึ่งเศียรกัดซองจดหมาย
รอจนกระทั่งผู้ส่งสารประหลาดหายตัวไป เดนิสถอนหายใจยาว ปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางผ่อนคลายจากแรงกดดัน
…
ณ เกาะโอลาวี ภายในห้องพักของโรงแรมใหม่
ขณะไคลน์เตรียมบอกให้แอนเดอร์สัน·ฮู้ดผู้ร่ำรวยจากการพนัน ออกไปซื้อตั๋วเรือโดยสารสำหรับเดินทางไป ‘เมืองแห่งการให้’ บายัม สัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มพลันร้องเตือนถึงบางสิ่ง
ไคลน์รีบเปิดเนตรวิญญาณ มองเห็นไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ไม่ทราบว่าอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ในมือกำลังถือศีรษะอันงดงามทั้งสี่
ไม่เหมือนกับผู้ส่งสารโครงกระดูกที่เรารู้ตัวได้เร็ว… กว่าสัมผัสวิญญาณจะเตือนถึงการมาเยือนของมาดามไรเน็ตต์ เธอก็เข้าสู่โลกแห่งความจริงเต็มตัวแล้ว… ไคลน์หยิบจดหมายจากไรเน็ตต์พลางครุ่นคิด
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มพบว่าสัมผัสวิญญาณของแอนเดอร์สันก็มิได้ย่อหย่อนไปกว่าตน อีกฝ่ายเริ่มออกอาการทันที
“นี่คือ… ผู้ส่งสาร?” แอนเดอร์สันซักถามด้วยสีหน้าคลางแคลง คล้ายกับเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็น
ไคลน์พยักหน้ารับเฉยเมย เปิดซองจดหมายอย่างไม่พิถีพิถัน
หืม… ต่างหูไข่มุก? ไคลน์คลี่กระดาษจดหมายด้วยความฉงน
แอนเดอร์สันด้านข้างโน้มตัวเข้าใกล้ สีหน้าเผยความอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา ดวงตาจ้องสำรวจไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หัวจรดเท้า ก่อนที่จะส่ายหน้าเล็กน้อยและกล่าว
“งดงามจนมิอาจหาคำใดมาพรรณนา…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง แอนเดอร์สันยกมือขึ้นบีบคอตัวเอง ลิ้นแลบยาว มุมปากผุดฟองสีขาวข้น ทางด้านไรเน็ตต์ซึ่งมีเพียงลำคอ เพียงยืนนิ่งในจุดเดิมด้วยท่าทางปรกติ แทบมิได้เผยอาการใด
ไคลน์หันหน้ามามองแอนเดอร์สัน สำรวจสักพักจนแน่ใจ จึงมองไปทางผู้ส่งสารของตนพลางพึมพำ
พลังเหมือนกับมาดามชารอน… มาดามผู้ส่งสารเองก็อยู่บนเส้นทาง ‘นักโทษ’ ด้วยหรือ… ไม่สิ อย่าเพิ่งด่วนสรุป เธอเป็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณ ไม่แปลกที่จะเชี่ยวชาญพลังแบบนี้…
เมื่อเห็นแอนเดอร์สันใกล้ขาดใจตาย ไคลน์เอ่ยเสียงเรียบ
“พอก่อน เขายังต้องนำทางให้ผม”
ไรเน็ตต์ขยับมือ หันศีรษะไปทางแอนเดอร์สันด้วยดวงตาแดงก่ำ
แต่ละปากจากแต่ละหัวเริ่มกล่าวอย่างสอดประสาน
“ซอมบี้…” “ก็สามารถ…” “นำทาง…” “ได้เหมือนกัน…”
จบประโยค แอนเดอร์สันปล่อยมือจากลำคอตัวเอง เผยให้เห็นรอยนิ้วที่กดเข้าไปลึกมาก
แค่ก… แค่ก… นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดอ้าปากหายใจหอบ งอตัวเป็นกุ้ง
ไคลน์รีบกวาดตาอ่านจดหมาย พบว่าผู้ส่งคือ ‘โจรสลัดคนดัง’ เดนิส เนื้อความกล่าวว่า พลเรือโทธารน้ำแข็งหายตัวไปอย่างลึกลับ ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เบือนสายตาออกจากกระดาษจดหมาย ไคลน์ตกใจเมื่อพบว่าไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ยังยืนอยู่ที่เดิม
ตามหลักศาสตร์เร้นลับ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… ผู้ส่งสารควรจะหายตัวไปหลังจากส่งจดหมายเสร็จไม่ใช่หรือ… โดยจะปรากฏตัวอีกครั้งก็ต่อเมื่อถูกอัญเชิญ… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ตัดสินใจถามเถรตรง
“คุณรออะไร”
“รอ…” “เจ้า…” “ตอบ…” “จดหมาย…” ศีรษะทั้งสี่ของไรเน็ตต์เปล่งเสียงเป็นจังหวะต่อเนื่อง
“รู้ได้ยังไงว่าเป็นจดหมายที่ต้องตอบ?” ไคลน์ชำเลืองไปทางแอนเดอร์สันที่ยังนอนหมดสติ พบว่านักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่น่าจะได้ยินคำพูดซึ่งไม่สอดคล้องกับบุคลิกภาพของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
ศีรษะด้านหน้าไรเน็ตต์กล่าวอีกครั้ง
“การหายตัว…” “ของเธอ…” “ไม่ชอบมา…” “พากล…”
“คุณรู้ได้ยังไง?” มีแวบหนึ่งที่ไคลน์คิดว่า มาดามผู้ส่งสารแอบอ่านจดหมายของเดนิส
ศีรษะซึ่งมีผมสีทองยาวสลวย บรรจงพูดเรียงต่อกันเป็นประโยค
“ข้า…” “ตรวจสอบ…” “สถานการณ์…” “บนเรือ…”
หืม… ผู้ส่งสารของเรามีงานพาร์ตไทม์เป็นสายลับหรือไง… ถ้าอย่างนั้น มาดามไรเน็ตต์จะรับงานกระทืบคนด้วยไหม… ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไร? ไคลน์รำพันเงียบ
“เอาไว้ก่อน ผมยังไม่ตอบตอนนี้”
ชายหนุ่มเตรียมส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก ตรวจสอบต่างหูไข่มุกของพลเรือโทเอ็ดวิน่าให้เรียบร้อยเสียก่อน
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไม่กล่าวสิ่งใด หายตัวไปอย่างไร้สุ้มเสียง
“แฮ่ม…” ในที่สุดแอนเดอร์สันก็พยุงร่างยืน สายตาชำเลืองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าตกตะลึง “ผู้ส่งสารของนาย… เป็นครึ่งเทพ?”
…………………………………………………….