ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 752
ราชันเร้นลับ 752 : คำเตือน
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ในห้องอ่านหนังสือที่ค่อนข้างสว่าง
ชั้นไม้วางเรียงราย อัดแน่นไปด้วยหนังสือสะสม มองผิวเผินดูเหมือนห้องสมุดส่วนตัว
ไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูง มองไปยังมุมหนังสือพิมพ์ประจำวัน พบทั้งหนังสือพิมพ์ทัสซอคและเบ็คลันด์รายวัน โฆษณาหนึ่งถูกแสดงในตำแหน่งที่โดดเด่น – ต้องการโอนหุ้น 10% ของบริษัทเบ็คลันด์จักรยาน
มิสเตอร์สแตนธอนยังทำงานได้ค่อนข้างไวเหมือนเดิม การตรวจสอบและประเมินมูลค่าเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วัน… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณพลันถูกกระตุ้น
ชายหนุ่มรีบเปิดเนตรวิญญาณ มองเห็นผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ โผล่ออกจากความว่างเปล่าตรงหน้า มือทั้งสองข้างยังคงถือศีรษะผมทองดวงตาแดงทั้งสี่เศียรไว้เช่นเคย หนึ่งในนั้นกำลังคาบซองจดหมาย
น่าจะเป็นคำตอบจากชารอน… ไคลน์ครุ่นคิด เหยียดแขนไปรับและพยักหน้า
“ขอบคุณ”
ขณะกล่าว ชายหนุ่มมองไปทางประตูห้องอ่านหนังสือตามจิตใต้สำนึก เพราะคนที่ยืนอยู่ด้านนอกคือบุรุษรับใช้ ริชาร์ดสัน
นำจดหมายออก คลี่กระดาษ ไคลน์กวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว เจ้าของจดหมายไม่ใช่ใครนอกจากชารอน เธอบอกว่าตนไม่มีความคิดที่จะซื้อขวดพิษชีวภาพในตอนนี้ เว้นเสียแต่จะขายไม่ออกเป็นเวลานาน เธอจะลองพิจารณาดูใหม่
สถานการณ์ทางการเงินไม่ค่อยดี? หรือเก็บเงินไว้ใช้ในเรื่องที่สำคัญกว่า? ไคลน์ครุ่นคิด เชื่อโดยสัญชาตญาณว่าเป็นอย่างหลัง เนื่องจากครึ่งเทพที่ชื่อว่า ‘ซัตทเวน’ ไม่สามารถอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ได้ตลอดเวลา ชารอนและมาริคจึงค่อนข้างเป็นอิสระจากการตามล่าของโรงเรียนกุหลาบ สามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำด้วยพลังพิเศษในเส้นทาง นอกจากนั้น คล้ายกับพวกเขากำลังคุมตลาดอาวุธเถื่อนในผับวีรบุรุษ ทำหน้าที่สนับสนุนเอียนอยู่เบื้องหลัง ลำพังตรงนี้ก็ทำเงินได้มากโขแล้ว
ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์เงยหน้า พบว่ามิสผู้ส่งสารยังคงจ้องตนด้วยดวงตาสีแดงสี่คู่แปดข้างโดยไม่หันไปทางอื่น
ชายหนุ่มตกใจมาก คิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะทวงหนี้ จึงกระแอมในลำคอและกล่าว
“ผมไม่ตอบจดหมาย… และภายในสัปดาห์นี้ หนี้ก้อนแรกจะถูกผ่อนชำระ”
ศีรษะทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พูดเรียงกัน
“ไม่จำเป็น…” “ต้องรีบ…” “ไม่มี…” “ดอกเบี้ย…”
มิสผู้ส่งสารใจดีผิดคาด… ไคลน์ถอนหายใจ ร่างของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หายไปจากจุดที่เคยยืน กลับไปยังส่วนลึกของโลกวิญญาณ
เผากระดาษจดหมายเสร็จ มันพักผ่อนครึ่งชั่วโมง ก่อนจะตื่นและเดินไปที่ประตู บอกให้ริชาร์ดสันเตรียมรถม้า
ชายหนุ่มมีแผนจะแวะไปวิหารก่อนคาบเรียนปรัชญาในช่วงบ่าย
ตลอดการเดินทางอันราบรื่น ไคลน์ที่ดื่มชาดำเพียงไม่กี่จิบได้มาถึงจัตุรัสด้านนอกวิหารนักบุญแซมมวล
หลังจากสงบจิตใจด้วยการยืนมองนกพิราบขาว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในประตูวิหาร เข้าไปในโถงสวดมนต์หลัก เลือกที่นั่งตามใจชอบ ริชาร์ดสันทำเหมือนกับครั้งก่อน ถือหมวกและไม้ค้ำของนายจ้าง นั่งเฉียงไปทางด้านหลัง
ระหว่างสวดมนต์ด้วยความคิดว่างเปล่า สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้นอีกครั้ง จึงลืมตาขึ้นและมองไปทางซ้าย
มันพบเลียวนาร์ด·มิเชล เจ้าของเส้นผมสีดำและดวงตาสีเขียว
เหยี่ยวราตรีรายนี้มิได้สวมเสื้อกันลม แต่เป็นเชิ้ตสีขาวที่ปล่อยชายออกนอกกางเกงขายาว สวมเสื้อกั๊กสีดำทับ ท่าทางสบายๆ
เมื่อเห็นว่าสุภาพบุรุษวัยกลางคนที่มีจอนสีเงินกำลังมองมาทางตน เลียวนาร์ดยิ้มรับและพยักหน้า ถอนสายตากลับ หลับตาลงและทำทีเป็นสวดมนต์
มันไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะสงสัยในเรื่องที่ตนหันไปมอง เพราะเมื่อครู่เป็นเพียงการชำเลือง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น สาวกหลายคนก็มีพฤติกรรมแบบเดียวกัน
สุภาพบุรุษหน้าตาดีและสง่างามแทบทุกคน มักได้รับความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เลียวนาร์ด·มิเชลก็เคยถูกมองอยู่บ่อยๆ จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นในใจ
“เป็นเขา”
หึหึ… การลงทุนแวะมาที่โบสถ์ทั้งเมื่อวานและวันนี้ไม่ใช่เรื่องสูญเปล่า… เลียวนาร์ดครุ่นคิด ภายนอกยังสุขุม
ขณะเดียวกัน ไคลน์ที่แสร้งทำเป็นสวดมนต์ เริ่มผุดความฉงนขึ้นในใจ
สหายเลียวนาร์ดกลายเป็นคนเคร่งศาสนาตั้งแต่เมื่อไร?
จริงอยู่ เนื่องด้วยหน้าที่การงาน เขาจำเป็นต้องเคร่งศาสนามากกว่าเรา แต่ไม่ใช่ประเภทที่ต้องเข้าวิหารทุกวันแน่นอน อย่างมากก็สองสัปดาห์ต่อครั้ง หรือไม่ก็สัปดาห์ละครั้ง…
มีจุดประสงค์แอบแฝง? ไม่ผิดแน่… เมื่อครู่หมอนั่นมองมาที่เรา…
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พลันตระหนัก
ชายชราในตัวเลียวนาร์ดคือเทวทูตจากตระกูลโซโรอาสเตอร์ อีกนัยหนึ่งก็คือ เทวทูตของเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ …
‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์เองก็เป็นราชาเทวทูตบนเส้นทางเดียวกัน มันสามารถมองเห็นหมอกสีเทา ถึงขั้นพยายามบุกรุก…
ดังนั้น คุณปู่ในร่างเลียวนาร์ดย่อมมีสิทธิ์สังเกตเห็นร่องรอยของหมอกสีเทาบนตัวเราเช่นกัน!
คิดได้เช่นนี้ หัวใจไคลน์พลันเต้นแรง กังวลว่ารอบตัวจะเต็มไปด้วยกับดักแสนอันตรายจากถุงมือแดง
ชายหนุ่มยังคงสวดวิงวอนในท่าเดิมไม่แปรเปลี่ยน ดวงตาใต้เปลือกตานิ่งสนิท มิได้กลอกซ้ายขวา นั่งสำรวมอย่างสงบและอดกลั้น กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้างภายในวิหารทุกประการ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปยังแท่นบูชาและหยุดอยู่หน้ากล่องบริจาค หย่อนธนบัตรรวมห้าสิบปอนด์
จากนั้น ไคลน์ทำแบบที่เคยทำ ยิ้มและพยักหน้าให้เหล่าบิชอปกับนักบวชที่เข้าเวร อีกฝ่ายจึงตอบสนองกลับมาอย่างอ่อนโยน
เมื่อเดินออกจากวิหารนักบุญแซมมวล ไคลน์รับหมวกจากริชาร์ดสัน ยืนให้อาหารนกพิราบขาวกลางจัตุรัสราวสิบนาที
ด้านหลังของมัน สาวกที่สวดวิงวอนเสร็จเริ่มทยอยเดินออกมาทีละคนสองคน หนึ่งในนั้นคือเลียวนาร์ด·มิเชล
ไคลน์ไม่ได้มองไปทางประตูวิหาร เพียงวางมือลงบนไม้ค้ำเลี่ยมทองแผ่วเบา เดินไปทางรถม้าสี่ล้อซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล
เลียวนาร์ดยังคงป้อนอาหารนกพิราบในจัตุรัส เฝ้ามองเป้าหมายขึ้นรถและจากไป แต่ก็ไม่คิดจะไล่ตาม
เนื่องจากอีกฝ่ายมีกลิ่นอายโบราณ ถึงขั้นได้รับความสนใจจากปรสิตในร่าง เป็นเหตุให้เลียวนาร์ดไม่กล้าประมาท ไม่กล้าลงมือซึ่งหน้า เพราะนั่นจะเต็มไปด้วยอันตราย
มันวางแผนจะสืบข้อมูลให้แน่ใจเสียก่อน รวบรวมเบาะแสที่จำเป็น
ถึงตอนนั้น ไว้ค่อยมาดูกันว่าตาแก่จะมีท่าทีอย่างไร… อีกทั้ง ไม่ใช่ว่าตอนนี้จะไม่มีหนทางสืบสวนสักหน่อย รถม้าคุณภาพสูงระดับนี้ ทั่วทั้งเบ็คลันด์มีจำนวนไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของเองหรือเช่ามา แต่การระบุแหล่งที่มาคงไม่ใช่เรื่องยาก จากนั้นก็คงได้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อสกุลของสุภาพบุรุษลึกลับคนดังกล่าว… เลียวนาร์ดมองนกพิราบสีขาว ครุ่นคิดอย่างผ่อนคลาย
มันคือเหยี่ยวราตรีที่มีประสบการณ์สูง แถมยังสังกัดหน่วยถุงมือแดงซึ่งถือเป็นหัวกะทิของเหยี่ยวราตรี!
ทันใดนั้น นกพิราบสีขาวตัวหนึ่งกระพือปีกพร้อมกับบินเข้ามาใกล้ ในปากกำลังคาบบางสิ่ง
เลียวนาร์ดขมวดคิ้วพลางเหยียดมือซ้ายออกไปรับ เฝ้ามองนกพิราบลดระดับความสูงลง คายกระดาษ จากนั้นก็กระพือปีก บินขึ้นไปอีกครั้ง
หยิบแผ่นกระดาษขึ้น เลียวนาร์ดรีบคลี่ออกด้วยความสงสัย มองเห็นคำสองคำถูกเขียนไว้ด้านบน
“โซโรอาสเตอร์… ปรสิต”
นี่มัน… รูม่านตาเลียวนาร์ดพลันหดลีบ ตระหนักว่าเส้นขนทั่วร่างกำลังลุกตั้งชัน อารมณ์อันหลากหลายกำลังพรั่งพรู
สุภาพบุรุษคนนั้นมองเห็นความลับของเรา?
สมแล้วที่เป็นตัวตนจากยุคสมัยโบราณ!
อาจเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่ยังเหลือรอดมาจากยุคสมัยที่สี่!
เขากำลังเตือนเรา? บอกให้เราอย่าเข้าไปยุ่ง… ไม่สิ อย่าเข้าไปใกล้?
ทันใดนั้น เมื่อลองนึกย้อนพฤติกรรมของสุภาพบุรุษจอนสีขาวและดวงตาสีน้ำเงินเข้ม เลียวนาร์ดพบว่าทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจะแผ่อำนาจกดดันออกมาอย่างเจือจางเสมอ ส่งผลคนกลัวที่จะมองเข้าไปตรงๆ กลัวที่จะเข้าใกล้
มันล้มเลิกความคิดที่จะสอบสวนอีกฝ่ายทันที หลังจากเฝ้ามองนกสีขาวร่อนลงจอดเป็นกลุ่มใหญ่ เลียวนาร์ดลดเสียงลงและพูดกับตัวเอง
“ตาแก่… นั่นอาจจะเป็นสหายเก่าของคุณ… ถ้าต้องการตรวจสอบจริงๆ คงต้องรอจนกว่าพลังของคุณจะฟื้นฟูกลับมา”
เสียงค่อนข้างชราพึมพำคำว่า ‘สหายเก่า’ ซ้ำไปมา คล้ายกับเริ่มฉุกคิดบางสิ่งได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
เลียวนาร์ดข่มอารมณ์ หัวเราะแห้ง
“ที่แท้ คุณก็เป็นคนของตระกูลโซโรอาสเตอร์นี่เอง”
ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร ตรงจุดตัดของถนนเฟลป์และถนนเส้นใกล้เคียง
ดอน·ดันเตสเจ้าของเส้นผมสีดำซึ่งมีสีเงินแซมเล็กน้อย กำลังเอนหลังพิงพนักห้องโดยสาร ค่อยๆ หลับตาลง ซ่อนใบหน้าไว้ใต้เงาของรถม้า
ที่ด้านหลังริชาร์ดสัน ร่างมายาของชายวัยกลางคนซึ่งสวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม หมวกสามมุมใบเก่า ทำท่าคารวะผู้เป็นนายก่อนจะหายตัวไปในความว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดมองเห็นร่างมายานี้
รถม้าเลี้ยวเปลี่ยนเส้นถนนอย่างไม่รีบร้อน พร้อมนกพิราบสีขาวกลุ่มใหญ่ที่บินขึ้นจากใจกลางจัตุรัส
…
กลับถึงบ้าน เดินเข้าไปในโถงที่มีระเบียงใหญ่ใจกลาง ไคลน์ผู้ปิดปากเงียบตลอดทาง ถอนหายใจเป็นครั้งแรก
ถ้าเลียวนาร์ดถูกคุณปู่คนนั้นควบคุมร่างโดยสมบูรณ์และไม่เชื่อฟังคำเตือน ชายหนุ่มคิดจะเขียนใส่กระดาษไปอีกหนึ่งประโยค เนื้อหาก็คือ ‘ฉันรู้ว่าผู้เย้ยเทพอามุนด์อยู่ที่ไหน’
ความนัยแฝงก็คือ หากขัดขวางธุระของทางนี้อีกเพียงครั้งเดียว ฉันจะบอกกับ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ว่า ที่นี่มีเทวทูตจากตระกูลโซโรอาสเตอร์แฝงตัวอยู่
การข่มขู่เช่นนี้จะไม่ทำให้ชายชรารู้สึกว่าดอน·ดันเตสอ่อนแอ ต้องยืมมือบุคคลอื่นมาช่วย กลับกัน อีกฝ่ายจะมองว่าเป็นคำเตือนที่แฝงไว้ด้วยไมตรีจิต ทำไปเพราะให้ความยำเกรงต่อเทวทูต
แต่ถ้าเตือนสองครั้งแล้วยังไม่ฟัง ไคลน์ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากนำข่าวไปบอกกับ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์
อา… หวังว่าคำเตือนสองครั้งคงเพียงพอที่จะยับยั้งพฤติกรรมของอีกฝ่าย… คุณคนนี้ปู่คงมีแผนการอันล้ำลึก หรือไม่ก็กำลังประสบปัญหาบางอย่าง ถึงเลือกมาเป็นปรสิตในร่างสิ่งมีชีวิตอ่อนแออย่างเลียวนาร์ด เขาคงไม่อยากให้เรานำพาปัญหาเข้าไปเพิ่ม… หึหึ ต้องขอบคุณ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสสำหรับข้อมูลอันมีค่านี้ หากไม่ทราบล่วงหน้าว่าเลียวนาร์ดมีปรสิตเป็นเทวทูตเส้นทางนักจารกรรม ก็คงไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าหมาย อย่าว่าแต่จะเตือนพวกเขาอย่างเป็นมิตรเลย… ไคลน์วิเคราะห์อย่างใจเย็น ความเครียดและตื่นตระหนกในตอนต้นเริ่มจางหาย
ขณะชายหนุ่มเตรียมผ่อนคลาย ประตูห้องถูกเคาะโดยริชาร์ดสัน บุรุษรับใช้ส่วนตัว
“นายท่าน พ่อบ้านอยากพบคุณ”
“เชิญเข้ามา” ไคลน์หันหลังและเดินออกจากระเบียงใหญ่ กลับไปยังห้องกึ่งเปิดโล่ง
วอลเตอร์ในถุงมือสีขาว เปิดประตูและกล่าว
“นายท่าน ครูสอนวิชาปรัชญา มิสเตอร์ฮามิด มาถึงแล้วครับ”
คาบเรียนวิชาปรัชญา… ไคลน์ลูบหน้าผากอย่างปวดหัว
มันเคยได้ยินวอลเตอร์เกริ่นให้ฟังแล้ว มิสเตอร์ฮามิดคือสาวกของเทพวายุสลาตัน เช่นเดียวกันกับลัวมี่ นักปรัชญาคนดัง รวมไปถึงนักปรัชญาอีกจำนวนมากในอาณาจักรโลเอ็น
สิ่งนี้ทำให้ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ เพราะตนเชื่อมาตลอดว่าสาวกเทพวายุสลาตันต้องเป็นพวกบ้ากล้าม
เราคงต้องเลิกตัดสินคนจากความเชื่อ… หึหึ… แต่ชักสงสัยว่า ข้อกำหนดเบื้องต้นในการเป็นนักปรัชญา คือต้องหาเมียไม่ได้ หรือไม่ก็แตกแยกกับครอบครัว? ขณะพึมพำ ไคลน์จัดระเบียบเสื้อผ้า เดินไปที่ประตู กล่าวกับพ่อบ้านวอลเตอร์
“ตกลง ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”