ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 769
ราชันเร้นลับ 769 : สังเวยตัวเอง
สี่ทุ่มตรง ฝนตกท่วมกรุงเบ็คลันด์อีกครั้ง หมอกที่ปกคลุมรอบโคมไฟถนน ช่วยเปลี่ยนให้บรรยากาศดูงดงามอย่างพร่ามัว
โบเวน ผู้ช่วยของไอเซนการ์ด·สแตนธอน เดินลงมาสำรวจชั้นล่าง ตรวจสอบมุขหน้าต่าง เตรียมปิดหน้าต่างบานสุดท้าย
แต่ทันใดนั้น เงาดำหนึ่งพุ่งเข้าใส่ ร่อนลงอย่างนุ่มนวลบนกำแพงที่ยืนออก
แมวจรจัดพันธุ์บลูช็อตแฮร์
เมื่อโบเวนเห็นว่าดวงตากลมโตสีเหลืองของอีกฝ่ายจ้องมาทางตน มันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
“ที่นี่ไม่มีอาหารหรอกนะ”
เนื่องจากงานนักสืบมักก่อให้เกิดความเคียดแค้น นอกจากนั้นยังมีความลับหายสิ่งต้องปกปิด พ่อครัวและคนรับใช้ในบ้านไอเซนการ์ด·สแตนธอนจึงถูกจ้างในฐานะพนักงานนอกเวลา มาทำงานเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมง จะไม่มีการเตรียมอาหารมากเกินความจำเป็น ส่งผลให้ไม่มีอาหารเหลืออยู่เลยหลังจากจบมื้อค่ำ
แมวบลูช็อตแฮร์อ้าปาก แต่มิได้ส่งเสียงร้อง ‘เมี้ยว’ เหมือนแมวปรกติ มันกล่าวเป็นภาษามนุษย์
“ผมคือเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ต้องการพบมิสเตอร์ไอเซนการ์ด·สแตนธอน”
“…” แม้ว่าโบเวนจะเป็นผู้วิเศษสังกัดโบสถ์ปัญญาความรู้ แต่ลำดับยังไม่สูงนัก ความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับจึงไม่มาก นี่คือครั้งแรกที่มันเคยเห็นแมวพูดได้ จึงเป็นธรรมดาที่จะอึ้งไปพักใหญ่
หลายวินาทีผ่านไป โบเวนได้สติกลับมา นึกทบทวนคำพูดของแมวบลูช็อตแฮร์
มันพูดว่า… เชอร์ล็อก·โมเรียตี้?
นักสืบชื่อดังคนนี้ไม่ธรรมดา!
เขากลายร่างเป็นแมว ไม่สิ… ควบคุมแมว!
เป็นพลังที่พิสดารและน่ากลัวมาก!
โบเวนรีบรวบรวมสติ ไม่ตอบคำถามของแมวบลูช็อตแฮร์โดยตรง เพียงเอื้อมมือไปปิดกระจกหน้าต่าง
จัดการเสร็จ มันลดเสียงลงและกล่าว
“ตามผมมา”
แมวบลูช็อตแฮร์กระโดดลงจากแท่นบนกรอบมุขหน้าต่าง เดินตามหลังโบเวนในลักษณะหางชี้ขึ้น จนกระทั่งถึงชั้นสอง มันยืนดูอีกฝ่ายเคาะประตูห้องนอนของไอเซนการ์ด
“มีอะไรหรือ?” ไอเซนการ์ดที่สวมชุดนอนลายขวาง เปิดประตูออกมาถาม
มันกำลังเพลิดเพลินอยู่กับยาสูบก่อนเข้านอน
โบเวนชี้ไปยังแมวบลูช็อตแฮร์ที่กำลังก้มหมอบอยู่ด้านข้าง
“มิสเตอร์เชอร์ล็อก·โมเรียตี้อยากพบคุณ”
คิ้วของไอเซนการ์ด – เจ้าของจอนสีขาวตรงขมับ เลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้ามอง ถอยหลังสองก้าว อนุญาตให้แมวบลูช็อตแฮร์เดินเข้ามาในห้องนอนอย่างสบายใจ
“คุณรีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นให้ตรงเวลา พวกเรายังมีคดีที่รอการสืบสวน” ไอเซนการ์ดออกคำสั่งกับโบเวนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รอจนกระทั่งผู้ช่วยออกไป มันปิดประตู หันไปมองแมวบลูช็อตแฮร์ที่กำลังนั่งข้างเก้าอี้เอนหลัง หัวเราะในลำคอแผ่วเบา
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีพลังพิเศษประเภทนี้ ผมเคยกังวลว่าคุณจะแวะมาหาตรงๆ”
“ผมสังเกตเห็นเครื่องหมายตกใจ” แมวบลูช็อตแฮร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ว่ากันตามตรง สีหน้าแววตาที่แมวกำลังแสดง ผิดไปจากธรรมชาติจนดูน่าตกตะลึง หากใครมาเห็นเข้าคงเกิดความรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง เส้นขนทั่วร่างลุกตั้งชัน
แต่ไอเซนการ์ดมิได้ตอบสนองเหมือนคนปรกติ เพียงหยิบกล้องยาสูบ นั่งบนลงเก้าอี้เอนหลัง หายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้าเพลิดเพลิน กล่าวพลางยิ้ม
“ผมเชื่อในความหลักแหลมของคุณ”
“ขอบคุณที่ชม” แมวบลูช็อตแฮร์เหยียดอุ้งเท้าขึ้น ทาบอกและทักทายอย่างสุภาพ
ไอเซนการ์ดจ้องมองสักพัก ลูบคลำกล้องยาสูบ ยิ้มและกล่าวต่อ
“คุณคงเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว… อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่กล้าตรวจสอบผมอย่างเข้มงวด กังวลว่าจะถูกผมพบตัวและแจ้งโบสถ์รัตติกาลกับจักรกลไอน้ำ หึหึ… หากถูกผมสืบจนรู้ตัวจริง คงไม่เป็นผลดีกับพวกมันสักเท่าไร ทางนั้นคงมีครึ่งเทพแฝงตัวอยู่… นี่ไม่ใช่การคาดเดาเลื่อนลอย แต่เกิดจากการวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล ตัวผมเองก็อาศัยอยู่บนถนนเส้นนี้มานานหลายปี… ดังนั้น มนุษย์และสัตว์จึงไม่ถูกขัดขวางหากพยายามเข้ามาหาผม… เล่าถึงตรงนี้ คุณคงพอจะเดาได้แล้ว… เมื่อใดที่คุณออกจากบ้านผม พวกมันจะลงมือสะกดรอย… ได้คิดวิธีแก้ปัญหาเตรียมไว้หรือยัง? เฮ่อ… ด้วยเงินจำนวนมากขนาดนี้ การขนออกไปโดยให้ไม่เตะตาไม่ใช่เรื่องง่าย… ผมขอเดานะ แผนของคุณก็คือ ให้ผมฝากเงินเข้าบัญชีใบบัญชีหนึ่ง จากนั้นก็จะให้คนจำนวนมาก ทยอยถอนออกไปตามธนาคารสาขาต่างๆ นอกเบ็คลันด์?”
กล่าวถึงตรงนี้ ไอเซนการ์ดยิ้มแห้งๆ
“นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะคิดได้ แต่คงปฏิบัติจริงได้ลำบาก”
บลูช็อตแฮร์ไม่ตอบตรงๆ เพียงเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“ผมอยากได้ห้องว่างและเทียนไขสามเล่ม”
“ไม่มีปัญหา” ไอเซนการ์ด·สแตนธอนไม่ถามซักไซ้ เล่าต่อไปว่า “หุ้นถูกขายออกไปในราคาหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์ ผู้ซื้อคือออเดรย์·ฮอลล์ บุตรสาวของเอิร์ลฮอลล์ อา… หักค่าจ้างทนายความและทีมบัญชี หักค่าโฆษณาอีกหกร้อยปอนด์ หักค่าชำระอากรแสตมป์ 0.5% และภาษีเงินได้ประเภท D อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์… ยอดเงินสุดท้ายคือ 8,940 ปอนด์”
ภาษีเงินได้ประเภท D หมายถึงภาษีจากรายได้ในเชิงการค้าและอุตสาหกรรมบางชนิด
ภาษี… เงินกว่าสองพันปอนด์อันตรธานหายในพริบตา… แมวบลูช็อตแฮร์ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด
ไคลน์เคยเป็นเหยี่ยวราตรี ตอนนั้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในภายหลังกลายเป็นนักสืบเอกชน รายได้ค่อนข้างยากที่จะตรวจสอบ จึงไม่คิดยื่นภาษี ถัดมาคือช่วงชีวิตของนักผจญภัย และเนื่องจากค่าหัวของโจรสลัดถูกยกเว้นภาษี ไคลน์จึงไม่เคยกังวลเกี่ยวกับภาษีมาก่อน ดังนั้น แม้ว่าไอเซนการ์ด·สแตนธอนจะเอ่ยถึงภาษีในการพบกันคราวก่อน แต่ชายหนุ่มก็มิได้เก็บมาใส่ใจ ไม่คิดว่าจะมีผลมากนัก แต่กลับกลายเป็นว่า โลกแห่งความจริงช่างโหดร้ายเหลือเกิน
ส่วนคำถามที่ว่า เหตุใดไคลน์ถึงไม่ต้องเสียภาษีจากการขายหุ้นบริษัทจักรยานให้ฟามี่·เคจในตอนแรก นั่นเป็นเพราะรัฐบาลโลเอ็นสนับสนุนการลงทุนครั้งแรกในกลุ่มสิ่งประประดิษฐ์ประเภทความคิดสร้างสรรค์ ผู้ขายจึงไม่ต้องเสียภาษี
หลังจากเงียบงันสักพัก หนวดแมวบลูช็อตแฮร์กระตุกเล็กน้อย
“อา… ส่งเงินสดมาให้ผม… ไม่สิ ย้ายไปที่ห้องว่าง… ธนบัตรเหล่านั้นไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“ผมตรวจสอบแล้ว พวกเขาคงไม่กล้าเล่นตุกติก เพราะนั่นจะถือเป็นการดูถูกสติปัญญาของผมอย่างมาก” ไอเซนการ์ดลุกขึ้นพร้อมกับกล้องยาสูบ “หลังจากนี้อย่าลืมเขียนจดหมายยืนยันว่าคุณได้รับเงินแล้ว ส่งมาถึงผมที่บ้านหลังนี้”
“จดหมายกำลังเดินทาง” แมวบลูช็อตแฮร์ตอบทันทีราวกับเตรียมไว้แล้ว
ไอเซนการ์ดเดินไปยังตู้นิรภัยในห้องนอนใหญ่ เปิดด้วยรหัสผ่านและกุญแจ จากนั้นก็หยิบปึกธนบัตรออกมาจำนวนหนึ่ง เก็บไว้ในกระเป๋าเอกสารหลายใบ
จากนั้น มันถือกระเป๋าเอกสารเดินออกจากห้องนอนใหญ่ เข้าไปในห้องนอนแขกที่อยู่เยื้องกันฝั่งตรงข้าม
“อย่าลืมตรวจสอบ” ไอเซนการ์ดวางกระเป๋าเอกสารที่เต็มไปด้วยปึกธนบัตร กล่าวกับแมวบลูช็อตแฮร์ที่เดินตามหลังมา
“ผมเชื่อใจคุณ” แมวบลูช็อตแฮร์ชำเลืองเล็กน้อย
ไอเซนการ์ดพยักหน้า ชี้ไปที่ตู้
“ในนั้นมีเทียนไข”
กล่าวจบ มันเดินกลับไปที่ประตู จับลูกบิด หันมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมอยากเห็นจริงๆ ว่าคุณจะนำมันออกไปด้วยวิธีไหน… ขอให้เป็น ‘มายากล’ ที่ยอดเยี่ยมนะ”
กริ๊ก! ไอเซนการ์ด·สแตนธอนปิดประตู ปล่อยให้ห้องนอนแขกกลับสู่บรรยากาศเงียบสงัด
ทันใดนั้น ด้านข้างแมวบลูช็อตแฮร์ ร่างที่สวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกสามมุมปรากฏขึ้น ไม่ใช่ใครนอกจากหุ่นเชิดของไคลน์ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล
มันนำเทียนมาวาง รีบสร้างแท่นบูชาอย่างหยาบ ข้ามขั้นตอนที่ไม่จำเป็นทั้งหมด สวดวิงวอนเป็นภาษาเอลฟ์
“ข้ารับใช้แห่งท้องทะเลและโลกวิญญาณ ผู้พิทักษ์แห่งหมู่เกาะรอสต์ ผู้ปกครองมวลหมู่สัตว์ทะเล เจ้าแห่งสึนามิและลมพายุ คาเวทูว่าผู้ยิ่งใหญ่”
“ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน ขอวิงวอนให้ท่านหันมาสนใจ”
“ข้าขอวิงวอนให้ท่านรับเครื่องสักการบูชา”
“ข้อขอวิงวอนให้ท่านเปิดประตูสู่อาณาจักร”
สายลมภายในกำแพงวิญญาณพลันกระโชกรุนแรง เซนอลกรีดหลังมือตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยเล็บ โปรยเลือดออกไปจำนวนหนึ่ง
ในฐานะลำดับ 5 ‘วิญญาณอาฆาต’ ทุกสิ่งในตัวมันมีค่าเทียบเท่าวัตถุวิญญาณ!
สายลมกลืนกินเลือดเซนอลเข้าไป หลอมรวมกับเทียนไขที่เป็นสัญลักษณ์ของ ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า จนกระทั่งเปลวไฟเริ่มขยายตัว กลายเป็นประตูมายาที่เต็มไปด้วยอักขระและสัญลักษณ์เวทมนตร์
ผ่านไปสิบวินาที ประตูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ค่อยๆ เปิดออกทีละนิด
เซนอลโยนกระเป๋าเอกสารที่บรรจุปึกธนบัตรเข้าไปในบานประตูมายาทีละใบ
รอจนกระทั่งใกล้ครบ เหรียญทองในร่างกายเซนอลลอยออกมา ตกลงบนแท่นบูชา
ทันใดนั้น ร่างของ ‘วิญญาณอาฆาต’ พลันอันตรธานหาย ฉายลงบนผิวด้านเรียบของเหรียญทองแทน
เหรียญทองขยับซ้ายขวาด้วยตัวเอง ก่อนจะดีดตัวขึ้นไปบนกระเป๋าเอกสารใบหลังสุด ลอยเข้าสู่บานประตูมายาแห่งการสังเวย
ประตูลึกลับปิดลงอย่างเงียบเชียบ เทียนทั้งสามเล่มกลับสู่ภาวะปรกติ
ขณะเดียวกัน คล้ายกับแมวบลูช็อตแฮร์เพิ่งได้สติกลับมา มันเหลียวซ้ายแลขวาด้วยสายตาประหลาดใจ ส่งเสียง ‘เมี้ยว’
ถัดมาไม่นาน ไอเซนการ์ดเปิดประตูห้อง พบว่ากระเป๋าเอกสารบรรจุปึกธนบัตรอันตรธานหายไปทั้งหมด เหลืองเพียงเทียนไขสามเล่มที่กำลังเผาตัวเองอย่างเงียบงัน เหลือเพียงแมวบลูช็อตแฮร์ที่กำลังโก่งตัวหันกลับมามองด้วยสายตาหวาดระแวง
ขณะที่มันกำลังพิจารณาฉากตรงหน้า ในเวลาเดียวกัน บนทางแยกอีกฟากฝั่งของถนน รถม้าเช่ากำลังแล่นผ่านบ้านไอเซนการ์ดไปด้วยความเร็วปานกลาง
…
คืนเดียวกัน ภายในบ้านเขตเชอร์วู้ด
ซิลที่กลับถึงบ้านในสภาพตัวเปียก กำลังเช็ดผมด้วยผ้าขนหนู กล่าวกับฟอร์ส
“ส่งจดหมายให้เธอเรียบร้อยแล้ว”
ฟอร์ส ‘อืม’ ในลำคอ ภายในใจครุ่นคิดว่าอาจารย์จะมีท่าทีเช่นไร
จากนั้น ซิลวางผ้าขนหนูลง พูดเสียงแผ่ว
“มีข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุมนุมลับของมิสเตอร์ X ครั้งถัดไปจะถูกจัดขึ้นที่เดิม วันศุกร์กลางคืน”
เยี่ยม! มีข้อมูลไปบอกมิสเตอร์เวิร์ลสักที! เขาจะคิดค่าจ้างเท่าไร… ดวงตาของฟอร์สเป็นประกายเล็กน้อย
ยังไม่ทันที่ฟอร์สจะได้ถามรายละเอียด ซิลเสริม
“นอกจากนั้น มิสเตอร์ X ยังมอบงานที่ค่อนข้างจ่ายหนัก เอ่อ… เขากำลังมองหาคนที่โชคร้ายอย่างผิดวิสัย”
“โชคร้ายอย่างผิดวิสัย?” ฟอร์สพึมพำด้วยความสับสน “หมอนั่นเสียสติไปแล้วรึไง? ใครจะกล้าให้ข้อมูลเรื่องส่วนตัว? แบบนั้นจะไม่เท่ากับเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงหรอกหรือ”
“อาจจะเสียสติจริงๆ ก็ได้…” ซิลไม่รู้จักคนที่กำลังโชคดีอย่างผิดวิสัย จึงตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบ
ฟอร์สครุ่นคิดสักพัก แต่ก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของภารกิจจากมิสเตอร์ X อยู่ดี ทำได้แค่สลัดความคิดทิ้งไป รอให้ซิลไปอาบน้ำ จึงค่อยสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล ส่งผ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์