ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 829
ราชันเร้นลับ 829 : มิถุนายนใกล้เข้ามา
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดในป่าเถาวัลย์เขียวเข้ม ไคลน์หลับตาลง ฟังการเคลื่อนไหวบนฟากฟ้า
ชายหนุ่มสงบนิ่งทั้งกายและใจ แต่ลึกๆ กำลังเกิดความหดหู่เจือความเศร้าเบาบาง
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ในที่สุดท่วงทำนองอันไพเราะก็เลือนหาย เถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากฟ้ากำลังโยกคลอนอย่างอ่อนโยน
ไคลน์ถอนหายใจเงียบ เงยหน้าขึ้น พบแบร์นาแดตกำลังยื่นกะโหลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยรูโหว่ให้ ‘คนรับใช้’ ครึ่งมนุษย์ครึ่งลม
“เสร็จแล้ว” เสียงอันนุ่มนวลและราบเรียบของแบร์นาแดตดังตามมา
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ” ไคลน์ขอบคุณซ้ำ บังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลลอยกลับมาอยู่ข้างกาย
ทันใดนั้น เถาวัลย์จำนวนมากหดตัวขึ้นไปบนฟ้า ผืนป่าสีเขียวเลือนหายอย่างรวดเร็ว
ไคลน์และเซนอลร่อนลงมายังตีนสะพานพร้อมกัน รอบข้างเงียบสงัดปราศจากผู้คน ห่างออกไปไม่ไกลมีกลุ่มทหารที่เฝ้าสะพานยืนอยู่ในสภาพหันหลัง เหมือนกับในตอนแรกทุกประการ
ฉากที่เป็นราวกับเทพนิยาย ช่างดูคล้ายภาพลวงตา
ไคลน์เพิ่งมีโอกาสได้ตรวจสอบหุ่นเชิด พบว่าอีกฝ่ายเหมือนคนตายยิ่งกว่าเก่า ใบหน้าขาวซีด ลมหายใจเย็นเยียบ บรรยากาศรอบตัวมืดหม่น
น่าจะเป็นผลมาจากการกัดกร่อนที่รุนแรงหนึ่งครั้ง… ถ้าเป็นการเฝ้าประตูยานิสราวหนึ่งถึงสองหนต่อสัปดาห์ การกัดกร่อนไม่ควรรุนแรงเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางใช้ชีวิตได้เดือนสองเดือน… ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ต่อให้เป็นโบสถ์ใหญ่ก็คงหาคนมาหมุนเวียนไม่ทันใช้งาน… ผู้คุมทั่วไปน่าจะมีอายุขัยหลายปี อาจมากถึงสิบปี แต่ก็มีโอกาสกลายพันธุ์และคลุ้มคลั่งกลางคันเช่นกัน… อา ในตอนที่อาสามาเป็นผู้คุม พวกเขาคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว… ไคลน์ถอนหายใจ บังคับให้วิญญาณอาฆาตเก็บตัวเองเข้าไปในเหรียญทองในกล่องบุหรี่โลหะ
ถัดมา ชายหนุ่มใช้พลังนักท่องเที่ยวย้ายตัวเองไปในทะเล เลือกอาหารสำหรับยุบพอหิวโหย จากนั้นก็กลับมายังห้องน้ำของบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน
…
5 มิถุนายน วันอาทิตย์ ภายในปราสาทตระกูลฮอลล์
ออเดรย์นั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เชยชมของวิเศษที่เพิ่งได้รับ
รูปลักษณ์ของมันคือถุงมือตาข่ายสีดำยาวถึงศอก ประหนึ่งเครื่องแต่งกายของสตรีสูงศักดิ์ชาวราชวงศ์ งดงามและเลอค่า
นี่คือสมบัติวิเศษจากตะกอนพลัง ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ ซึ่งเดอะเวิร์ลเป็นผู้ขาย สร้างจากช่างฝีมือ
ในตอนแรก ออเดรย์นำเรื่องนี้ไปปรึกษาบิดา เอิร์ลฮอลล์ และได้รับคำตอบว่า ‘ลูกควรซื้อไว้ใช้งานเอง พ่อขอรับความกตัญญูนั้นไว้’ เธอจึงระบุให้มิสเตอร์แฮงแมนสั่งช่างฝีมือ ผลิตสมบัติวิเศษที่เหมาะแก่การพกพาของสตรี
เรื่องนี้ยังทำให้ออเดรย์อดสงสัยไม่ได้ว่า บิดาของตนอาจมีสมบัติวิเศษที่ดีกว่านี้ หรือไม่ก็ได้รับความคุ้มครองจากโบสถ์รัตติกาลในระดับที่สูงมาก
อ้างอิงจากมิสเตอร์แฮงแมน ถุงมือตาข่ายข้างนี้ช่วยให้ผู้สวมใส่ได้รับพลังหลากหลาย
ประการแรก เสริมสร้างสง่าราศีและสมรรถภาพร่างกาย ทำให้สิ่งมีชีวิตรอบข้างรู้สึกต่ำต้อยโดยไม่รู้ตัว มีแนวโน้มที่จะเชื่อฟังคำสั่งแต่โดยดี
ประการที่สอง ความสามารถในการ ‘บิดเบือน’ คำพูด การกระทำ และเจตนาของเป้าหมาย ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
ประการที่สาม ความสามารถในการ ‘ติดสินบน’ ประเภทเสน่หา ทำให้เป้าหมายเกิดความหลงใหล ไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับผู้ใช้พลัง ไม่เต็มใจจะต่อสู้ และถ้าเข้าเงื่อนไข ผู้รับสินบนมีโอกาสต่ำที่จะโจมตีพวกเดียวกันเอง ออเดรย์ได้ยินมิสเตอร์เวิร์ลอธิบายว่า พลังพิเศษชนิดนี้มีชื่อว่า ‘ติดสินบน – เสน่หา’
ประการที่สี่ ความสามารถในการสร้าง ‘ความสับสน’ ในพื้นที่เฉพาะ ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายโจมตีพลาดเป้าได้ง่าย และมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจผิดพลาด
ออเดรย์พึงพอใจกับพลังเหล่านี้มาก แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจของเธอก็คือ เนื่องจากช่างฝีมือเก่งกาจไม่พอ สมบัติวิเศษจากตะกอนพลังลำดับ 5 จึงมาพร้อมผลข้างเคียงรุนแรง
ประการแรก ถุงมือตาข่ายจะทำให้จิตใจผู้สวมค่อยๆ ดำมืด คิดแต่จะใช้ทางลัด แหกกฎ และทำเรื่องต่ำทรามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ประการที่สอง หากสวมใส่นานกว่าสามนาที ผู้สวมจะตกอยู่ในความสับสนเช่นเดียวกัน ออเดรย์เคยทดลองแล้ว พบว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดในระหว่างอาบน้ำ
เดิมที เธอต้องให้สาวใช้เตรียมน้ำอุ่น ปรับอุณหภูมิ จากนั้นค่อยถอดเสื้อผ้าและลงไปแช่ อาบจนเสร็จ แต่สิ่งที่ออเดรย์ทำก็คือ ลงไปแช่ในอ่างก่อน เปิดน้ำเย็น รอให้เสื้อผ้าเปียก จึงค่อยได้สติกลับมาและรีบถอดออก
ความโชคดีก็คือ ออเดรย์ตัดสินใจทดลองเอง ไม่ได้เรียกให้สาวใช้เข้ามาเตรียมน้ำอุ่น จึงไม่มีพยานความน่าอับอายในครั้งนี้
มันทำให้เรากลายเป็นลิงบาบูนขนหยิก! ออเดรย์ครุ่นคิดอย่างหัวเสีย
สำหรับผลข้างเคียงแรก เธอรู้สึกรับได้ เพราะตัวเองคือนักจิตบำบัด สามารถตรวจสอบสภาพจิตใจตัวเองได้ทุกเมื่อ คอยลบความคิดด้านร้ายออกไป นอกจากนั้นยังมีซูซี่ที่ไร้เดียงสาคอยช่วยเหลือ แต่ผลข้างเคียงที่สองนั้นรุนแรงเกินไปมาก
ผลข้างเคียงที่สองแย่มาก… เราทำได้แค่พกติดตัว ค่อยนำมาสวมในเวลาสำคัญ… นอกจากนั้น เรายังมี ‘คำลวง’ ที่จะขยายอารมณ์ให้สุดโต่ง เมื่อจับคู่กับถุงมือ ความดำมืดในใจจะทวีความรุนแรงชนิดที่เรารับมือไม่ไหว… ออเดรย์ถอนสายตากลับ ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีรับมือ
ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงเคาะประตู
แอนนี่ สาวใช้ส่วนตัวกล่าว
“คุณหนู ท่านเอิร์ลต้องการคุยกับคุณ”
ออเดรย์ทิ้งถุงมือตาข่ายไว้บนโต๊ะ เดินมายังประตูและเปิด
เอิร์ลฮอลล์ผู้ไม่ได้สวมโค้ท ใส่เพียงเสื้อกั๊กและทับเชิ้ต ยืนลูบคลำหนวดที่สง่างามและหัวเราะในลำคอ
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง? พวกเรากำลังจะกลับเบ็คลันด์ในอีกไม่ช้า… คืนพรุ่งนี้เป็นงานนี้วันเกิดครบอายุสิบแปดของลูก”
กล่าวจบ เอิร์ลฮอลล์ชำเลืองสาวใช้แอนนี่และคนที่เหลือ ส่งสัญญาณให้พวกหล่อนถอยออกไป
“เฮ่อ… ถึงช่วงเวลาวุ่นวายประจำปีอีกแล้ว” ออเดรย์พยักหน้า วางมาดของผู้ใหญ่
“ลูกมีวิธีใช้วัตถุชิ้นนั้นหรือยัง?”
ออเดรย์ยิ้มและกล่าว
“มีแล้วค่ะ พับเก็บไว้ในถุงใบเล็กๆ และให้ซูซี่พกไว้”
ด้วยประการฉะนี้ เธอไม่ต้องสวมใส่หรือพกพาเอง และซูซี่ก็จะเกิดภาวะสับสน ส่วนความดำมืดในจิตใจจะได้ออเดรย์คอยรักษาอยู่ข้างๆ และนอกจากนั้น เมื่อไม่มี ‘คำลวง’ คอยกระตุ้นอารมณ์ ซูซี่เองที่เป็นนักจิตบำบัด ก็สามารถตรวจสอบอารมณ์ตัวเองและรักษาได้เอง
เอิร์ลฮอลล์ทึ่งเล็กน้อย กล่าวยกย่อง
“ฉลาดมาก”
ได้ยินเช่นนั้น ออเดรย์ภูมิใจในตัวเองทันที แต่ภายนอกยังคงสงวนกิริยา
“หนูจะตั้งชื่อมันว่า ‘หัตถ์แห่งความหวาดกลัว’ … ท่านเอิร์ลที่รัก ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ~”
รออีกสองสามวัน เราจะปรุงโอสถและพร้อมเลื่อนลำดับ! ออเดรย์กำลังยินดีปรีดา
…
คืนวันอาทิตย์ บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน
ไคลน์ยืนอยู่ที่ระเบียง มองลอดผ่านช่องว่างผ้าม่าน เห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอก ในใจเกิดความกังวลเล็กๆ
หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปรกติ มันพร้อมสำหรับแผนขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสแล้ว
หลังจากได้ความช่วยเหลือจาก ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต เปลี่ยนให้หุ่นเชิดอยู่ในสภาพถูกกัดกร่อน ผนวกกับการแวะไปบริจาคและฟังเทศน์ที่โบสถ์อย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มเริ่มทราบเวรยามของผู้คุม สำหรับตอนนี้ แผนการของไคลน์เหลือปัจจัยอีกเพียงข้อเดียวก่อนจะเริ่มลงมือ
นั่นคือการหาวิธีแอบสลับตัวกับเป้าหมายโดยที่ไม่มีใครไม่รู้!
จากข้อมูลที่ไคลน์รวบรวมได้ ผู้คุมหลังประตูยานิสจะลงใต้ดินทันทีที่ฟ้าสว่าง เป็นเวลาเดียวกับที่วิหารยังไม่เปิดทำการ การลอบเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจถูกพบตัวโดยครึ่งเทพ เช่นอาร์ชบิชอปแห่งมุขมณฑลเบ็คลันด์ จากสามัญสำนึก โอกาสประสบความสำเร็จต่ำมาก
ดังนั้น แผนของไคลน์ก็คือ ลอบเข้าไปในวิหารล่วงหน้าหนึ่งวัน อดทนรอโอกาส
แน่นอน ต้องมีการปลอมตัวที่แนบเนียนพอ และไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ‘ผู้ไร้หน้า’
หลังจากสังเกตมาสักระยะ ไคลน์พบว่าทางศาสนจักรจะมีพิธีมหามิสซาในคืนวันอาทิตย์ เพราะวันอาทิตย์และกลางคืนล้วนเป็นสัญลักษณ์ของเทพธิดา
หลังจากจบพิธี คนงานจะยุ่งอยู่พักใหญ่ คอยทำความสะอาดถังขยะและเศษขยะ
แผนของไคลน์คือฉวยโอกาสดังกล่าว แอบสลับตัวกับคนงานและลอบเข้าไปในวิหาร นอนอยู่ในเขตห้องพักคนงาน
ด้วยเหตุผลข้างต้น ชายหนุ่มตัดสินใจซื้อยานอนหลับจากเอ็มลินในปริมาณที่เหมาะสม รุนแรงพอจะทำให้มนุษย์หลับนานสิบชั่วโมงโดยไม่ส่งผลเสียกับร่างกาย โดยต้องจ่ายในราคาห้าปอนด์ถ้วน
ฟู่ว… ไม่กี่นาทีถัดมา ไคลน์ถอนหายใจออกผ่อนคลาย ปิดม่านมิดชิด เดินกลับเข้ามาในห้อง เดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอก
นั่งบนเก้าอี้ประจำของเดอะฟูล ชายหนุ่มครุ่นคิดกับตัวเองนานเกือบนาที ก่อนจะเสกปากกาและกระดาษ เขียนประโยคทำนาย
“การขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสครั้งนี้จะเต็มไปด้วยอันตราย”
วางปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มลง ไคลน์ลูกตุ้มวิญญาณออกจากข้อมือซ้าย ถือโซ่เงินด้วยมือข้างเดียวกัน ปล่อยให้ปลายจี้บุษราคัมจ่อกับแผ่นกระดาษ
หลังจากเข้าฌานและหลับตาลง ไคลน์ท่องประโยคทำนายเงียบงันเจ็ดครั้ง ลืมตาขึ้นและเห็นลูกตุ้มวิญญาณหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วปรกติ วงกว้างปานกลาง
อันตราย แต่อยู่ในขอบเขตพอรับได้… ชายหนุ่มแปลความหมายอย่างรวดเร็ว
มันกังวลเล็กน้อยว่าอาจถูก ‘รบกวน’ โดยใครบางคนอีก เหมือนกับเมื่อครั้งมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีวิธียืนยันความถูกต้อง
ดังนั้น ในเมื่อผลการทำนายออกมาในเชิงบวก และองค์ประกอบด้านอื่นถูกจัดเตรียมครบถ้วนแล้ว ไคลน์จึงตัดสินใจแน่วแน่
ชายหนุ่มจ้องจี้บุษราคัมที่ค่อยๆ หยุดหมุน กล่าวเสียงต่ำในภาษาจีนกลาง
“คันศรถูกง้างแล้ว มีแต่ต้องยิงเท่านั้น”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ไคลน์แผ่พลังวิญญาณห่อหุ้มร่างกายตัวเอง เกิดเป็นความรู้สึกดำดิ่งจากมุมสูง กลับมายังโลกความเป็นจริง
สำหรับตอนนี้ มันคิดจะพกสมบัติตัดตัวสามชิ้น ประกอบด้วยยุบพองหิวโหย เหรียญทองเซนอล และนกหวีดทองแดงอะซิก คุณสมบัติที่ทั้งสามมีเหมือนกันก็คือ สามารถพกพาในกล่องบุหรี่โลหะ นอกจากนั้นยังจะใช้เทวทูตกระดาษและกำแพงวิญญาณเพื่อทำการผนึกสองชั้น
สำหรับสมบัติวิเศษอื่น คงไม่มีชิ้นใดผ่านประตูยานิสเข้าไปได้ มีโอกาสสูงที่จะแก่นผนึกจะตรวจพบความผิดปรกติ ไคลน์จึงโยนพวกมันเข้าไปในมิติหมอกพร้อมกับเงินสด พร้อมสำหรับการเผ่นหนีในกรณีที่เกิดปัญหา
ตอนนี้ก็เหลือแค่หุ้นสามเปอร์เซ็นต์ในบริษัทโคอิมของดอน·ดันเตส… แต่นั่นมีมูลค่าสูงถึง 12,800 ปอนด์… ไคลน์สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง นำกระจกเงามาวางบนหมอน
จากนั้น ชายหนุ่มวาดสัญลักษณ์ลึกลับเพื่ออัญเชิญ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส