ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 871
ราชันเร้นลับ 871 : คณะกรรมการ
เกิดอะไรขึ้น? เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเฮเซลที่อ่อนต่อโลกทำตัวไม่ถูก ยืนอึ้งไปสักพักก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป
เมื่อเดินมาใกล้หนูสีดำไหม้เกรียม สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าครึ่งเทพพลิกตัวลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างใจเย็น
“เจ้าลืมปิดประตู”
“อะ…” เฮเซลชะงักเล็กน้อย เพิ่งตระหนักว่าเธอรีบร้อนเข้ามาดูอาการจนลืมปิดประตูตามความเคยชิน นั่นก็เพื่อไม่ให้สาวใช้แอบมองเข้ามา
เมื่อเห็นอาการของหนูสีเทาไม่น่าเป็นห่วง เธอเม้มปากเล็กน้อย หันหลังกลับและเดินไปปิดประตู
ระหว่างทาง เธอไม่ลืมที่จะมองเข้าไปในกระจกเงา พบว่ากระจกบานนี้ยังคงสะท้อนทุกสิ่งในห้องตามปรกติ ไม่มีสิ่งใดแปลกไป
เมื่อประตูปิดสนิท เฮเซลส่งเสียงถาม
“อาจารย์ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”
หนูสีเทาที่ไหม้เกรียมหันศีรษะไปด้านข้าง มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ในโลกแห่งศาสตร์เร้นลับ ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพลังเหนือธรรมชาติล้วนแล้วแต่อันตราย ห้ามประมาทเด็ดขาด… ข้าแค่ลองทำนายด้วยกระจกวิเศษ แต่กลับลงเอยด้วยการติดต่อกับตัวตนลึกลับภายนอก ส่งผลให้พวกเราปะทะกันสักพัก สุดท้ายข้าสามารถช่วยให้ถนนบล็อกนี้ปลอดภัย”
หนูสีเทาเล่าอย่างคล่องแคล่ว ปราศจากอาการติดขัดหรือไม่ต่อเนื่อง คล้ายกับสายฟ้าเมื่อครู่เป็นเรื่องเล็ก
แบบนี้นี่เอง… แล้วทำไมคุณถึงไม่เคยเตือนมาก่อน… เฮเซลขมวดคิ้ว จมูกเริ่มได้กลิ่นไม้ที่ผสมผสานระหว่างเส้นขนและไขมัน
โดยไม่รอให้หญิงสาวตอบกลับ หนูสีเทาหันหน้าไปทางระเบียง กล่าวโดยไม่มอง
“ด้วยเหตุนี้ ร่างกายข้าจึงเสื่อมถอยลงหลายระดับ ไม่เหมาะแก่การอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นอาจถูกคนของโบสถ์รัตติกาลพบตัว… อา เจ้าช่วยหาโอกาสส่งข้าไปยังคฤหาสน์ที่ชานเมืองหน่อยสิ”
มองไปยังหนูขนสีดำที่กำลังส่งกลิ่นคล้ายบาร์บีคิว เฮเซลเงียบงันสักพักก่อนจะขจัดความสงสัยและพยักหน้า
“ตกลง”
…
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน
ไคลน์ที่กำลังนอนบนเก้าอี้เอนหลัง มองเห็นคลื่นน้ำกระเพื่อมบนผิวกระจกเงาเต็มบ้าน ตามด้วยส่องแสงสีเงินสว่าง
ตัวอักษรเรียงกันเป็นประโยคทีละคำ
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อาโรเดส ข้ารับใช้ที่ถ่อมตนของท่านปฏิบัติตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมรายนั้นถูกตักเตือนเบื้องต้น และข้าได้ลงโทษหล่อนไปเล็กน้อย”
หล่อน? ขณะไคลน์พึมพำสรรพนามที่อาโรเดสใช้เรียกอีกฝ่าย กระจกเงาส่องแสงพร้อมกับเปลี่ยนฉาก
สายฟ้าสีเงินปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ผ่าใส่หนูสีเทาจนร่างกายชักกระตุกและล้มลง
นี่มัน… ไม่อ่อนแอไปหน่อยหรือ? ไคลน์เริ่มตระหนักว่าสถานการณ์ของครึ่งเทพรายนี้อาจเลวร้ายกว่าที่ตนคิด
“นายท่านพอใจกับผลลัพธ์ไหม?” เส้นสีเงินสว่างแปรเปลี่ยนเป็นคำถามอย่างรวดเร็ว
“ไม่เลว” ไคลน์พยักหน้า
พิจารณาสภาพของครึ่งเทพสักพัก ชายหนุ่มเว้นวรรคก่อนจะถามด้วยความลังเล
“ทำไมเจ้าไม่ฆ่าหล่อนเสีย?”
อาโรเดสร่างข้อความสีเงินทีละตัว
“หากไม่มั่นใจว่าจะปลิดชีพครึ่งเทพได้ในคราวเดียว ก็ไม่ควรบีบให้จนตรอกเกินไปนัก… หากพวกเขาเหล่านี้หยุดยับยั้งชั่งใจ ปลดปล่อยจิตใจตัวเองโดยสมบูรณ์ ร่างกายจะแปรเปลี่ยนสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์และขาดสติ… โดยส่วนมาก ครึ่งเทพที่ดูเหมือนจะอ่อนแอผิดปรกติ ความจริงเป็นเพราะกำลังข่มจิตใจมิให้คลุ้มคลั่ง… ข… ข้าไม่ได้ไปที่นั่นด้วยร่างจริง จึงทำได้เพียงมอบบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ”
ขณะที่บรรทัดสุดท้ายถูกเขียน ผิวกระจกมีการกระเพื่อมสองครั้ง ไคลน์สัมผัสได้ว่า สิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังมองตนด้วยความเสียใจและสำนึกผิด
ชายหนุ่มไม่ตอบสนอง เพียงพยักหน้าและกล่าว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ถ้าติดขัดตรงไหน ข้าจะอัญเชิญเจ้ามาอีกครั้ง”
“ขอรับนายท่าน~” ผิวกระจกถูกวาดด้วยสัญลักษณ์โบกไม้โบกมือ
หลังจากเก็บกวาดเสร็จ ไคลน์งีบช่วงบ่าย ก่อนจะเปิดประตูและเดินออกจากห้องนอนใหญ่
ถัดมาไม่นาน พ่อบ้านวอลเตอร์ที่สวมถุงมือสีขาว เดินเข้ามาในห้องกึ่งเปิดโล่งและกล่าวกับนายจ้าง
“นายท่าน มีจดหมายจากทางศาสนจักรถูกส่งมาถึง เชิญชวนให้นายท่านรับตำแหน่งคณะกรรมการ ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น’ นายท่านสามารถเลือกทำงานเต็มเวลา ได้รับเงินเดินที่สมน้ำสมเนื้อ หรือจะดำรงตำแหน่งในฐานะคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ ไม่ได้รับเงินเดือน แต่สามารถเข้าร่วมอภิปรายหรือลงมติในประเด็นสำคัญ”
ศาสนจักรทำงานเร็วมาก… วางผังองค์กรถึงขั้นนี้แล้ว… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก พบว่าตนที่บริจาคเงินไปมากกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์ ไม่ควรรับเงินเดือนหรือสิ่งตอบแทนใดๆ จากกองทุนนี้ จึงครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“เป็นคณะกรรมการกิตติมศักดิ์… แต่ผมหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายบางเรื่องของกองทุน เพื่อให้การช่วยเหลือส่วนรวมมีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น”
“ผมจะนำไปถ่ายทอดให้ศาสนจักรทราบ” วอลเตอร์ตอบขึงขัง “หากนายท่านไม่มีคำถามอื่นและไม่ติดขัดตรงไหน เช้าวันพุธจะมีการก่อตั้งกองทุนอย่างเป็นทางการ ผมขอแนะนำให้นายท่านเข้าร่วม”
ไคลน์หยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบ จิบชาดำหนึ่งคำ
“ตกลง”
…
บนฝันทองคำ เดนิสยืนอยู่บนดาดฟ้าหัวเรือ มองไปยังท้องทะเลสีครามด้วยสีหน้าหม่นหมอง
หลังจากถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์กระตุ้นเป็นหนที่สอง มันพบว่าตนไม่ควรประวิงเวลาอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นอาจกลายเป็นเงินค่าหัวโดยไม่รู้ตัว
เราไม่อยากกลายเป็นกองธนบัตรตอนนอน… ถึงถูกจะสงสัยก็ต้องยอม! เดนิสยิ้มขื่นขมกับตัวเอง รวบรวมความกล้าหาญเดินไปยังห้องกัปตัน
เนื่องจากไม่มีเบาะแสของแอนเดอร์สัน·ฮู้ดในเร็ววัน มันไม่มีทางเลือกนอกจากเผชิญหน้ากับพลเรือโทธารน้ำแข็งโดยตรง
เมื่อเดินมาถึงจุดหมาย เดนิสสูดลมหายใจเข้าลึกสามครั้ง เตรียมใช้นิ้วเคาะประตู
ทันใดนั้น เสียงของพลเรือโทธารน้ำแข็งดังมาจากด้านใน
“เข้ามาได้”
“…” มือขวาเดนิสชะงักกลางอากาศ ฝืนยิ้มแห้ง เปิดประตูและเดินเข้าไป
มันเห็นกัปตันกำลังนั่งหลังโต๊ะอ่านหนังสือ ถือปากกาหมึกซึมสีแดงเข้ม ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังเขียนสิ่งใด
“กัปตัน ผมมีบางสิ่งอยากปรึกษา” เดนิสขยับเข้าไปใกล้ โน้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
เอ็ดวิน่าวางปากกาลง จับชายเสื้อลายลูกไม้ มองหน้าเดนิสและถาม
“คุณอยากทราบเกี่ยวกับไบลัมตะวันตกใช่ไหม?”
“เอ๋…?” เดนิสเผยสีหน้าตกตะลึง
กัปตันรู้อยู่แล้ว?
ต้องเป็นไอ้พวกแม่เย็*อย่าง ‘ถังไม้’ กับ ‘กายาเหล็ก’ แน่! พวกมันเอาไปบอกกัปตัน!
เข้าใจแล้ว… บนเรือลำนี้ไม่มีความลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกัปตัน!
หลังจากสบถในใจ เดนิสเผยรอยยิ้ม
“ใช่ ก็อยากที่คุณทราบ ผมสนใจประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์มาก…”
ดวงตาที่ใสราวกับน้ำพุของเอ็ดวิน่าขยับเล็กน้อย มองออกไปนอกหน้าต่าง
“สำหรับการเมืองภายในของที่นั่น…”
ไม่รอให้เดนิสหาข้ออ้างเพิ่มเติม เธอพึมพำโดยไม่มองหน้า
“ในไบลัมตะวันตกมีทั้งเมืองที่บริหารโดยชาวโลเอ็น หุบเขาที่ปกครองโดยอินทิส มีนายพลของชนพื้นเมืองที่ได้รับการหนุนหลังโดยโลเอ็น มีบางชนเผ่ารับคำสั่งจากกองทัพอินทิส นอกจากนั้นยังมีบางแคว้นที่รักษาสมดุลระหว่างสองขั้วอำนาจ รวมถึงแคว้นอิสระที่แอบติดต่อกับนิกายวิญญาณ กลุ่มนี้จะเป็นศัตรูโดยตรงกับกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นทายาทมรณา นอกจากนั้น โรงเรียนกุหลาบและจักรวรรดิฟุซัคยังมีอิทธิพลในไบลัมตะวันตกอย่างลับๆ ฉากหน้าอาจไม่ได้สนับสนุนฝ่ายใดจริงจัง แต่มีนายพลและผู้นำหลายคนยอมจำนวนต่อพวกมัน… จากบรรดาทั้งหมด…”
เดนิสถึงกับผงะ ก่อนจะยิ้มและรีบยกมือ
“กัปตัน ผ…ผมต้องการจด”
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางจำได้หมด!
เอ็ดวิน่าที่ถูกขัดจังหวะมิได้เผยความโกรธ เพียงชี้ไปยังปากกาหมึกซึมบนโต๊ะ
“นี่เป็นนิสัยที่ดี… และฉันคิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คงไม่อยากได้ข้อมูลผิดๆ กลับไป”
อะ…? เป็นอีกครั้งที่เดนิสเผยสีหน้าตกตะลึง
…
ไบลัมตะวันตกช่างวุ่นวาย… กระทั่งผู้นำกลุ่มเล็กๆ ก็ยากจะคาดเดาว่าทำงานให้ใคร มีใครคอยหนุนหลัง… โรงเรียนกุหลาบมีอิทธิพลอย่างมากที่นั่น? หมายความว่าภารกิจของเราจะยิ่งยากขึ้นไปอีก… หลังจากอ่านจดหมายที่มิสผู้ส่งสารมาส่ง ไคลน์จับประเด็นสำคัญและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
นั่นทำให้มันรู้สึกว่า ตนไม่ควรไปเยือนไบลัมตะวันตกตามลำพัง เว้นเสียแต่มิสเตอร์อะซิกจะพาไป